1 00:00:02,000 --> 00:00:07,000 Downloaded from YTS.MX 2 00:00:08,000 --> 00:00:13,000 Official YIFY movies site: YTS.MX 3 00:01:01,186 --> 00:01:04,438 (เมืองเมริด้า ประเทศเม็กซิโกวันแห่งผู้ล่วงลับ) 4 00:01:10,070 --> 00:01:13,031 เมืองเมริด้าในคาบสมุทรยูกาตัน 5 00:01:13,115 --> 00:01:18,704 เป็นศูนย์กลางของความหายนะที่ใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดกับโลกของเรา 6 00:01:19,162 --> 00:01:22,416 ดาวเคราะห์น้อยทั้งดวงตกมาที่นี่ 7 00:01:23,125 --> 00:01:27,379 มันเกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีที่แล้วก่อนที่มนุษย์จะเกิด 8 00:01:27,462 --> 00:01:32,217 แต่พิธีบูชาลูกไฟก็คล้ายกับการจำลองเหตุการณ์ 9 00:01:33,135 --> 00:01:37,222 แน่นอนว่าชาวมายาโบราณไม่อาจรู้ได้ 10 00:01:42,394 --> 00:01:44,897 เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต... 11 00:01:44,980 --> 00:01:45,981 (เมืองเชเลียบินสค์ ประเทศไซบีเรีย) 12 00:01:46,064 --> 00:01:47,983 ว่าอะไรจะมาทำลายล้างเรา 13 00:01:48,483 --> 00:01:52,154 แต่มันจะเหมือนกับลูกไฟลูกนี้ที่อยู่เหนือไซบีเรีย 14 00:01:52,237 --> 00:01:54,239 แต่ใหญ่กว่ามาก 15 00:01:56,658 --> 00:01:59,411 ภาพที่กล้องติดรถยนต์บันทึกไว้ 16 00:01:59,494 --> 00:02:01,788 เหมือนกับนิยายวิทยาศาสตร์ 17 00:02:32,694 --> 00:02:34,905 ผู้มาเยือนจากต่างดาว 18 00:02:34,988 --> 00:02:38,408 จากความลึกลับของจักรวาลได้มาถึงแล้ว 19 00:02:38,492 --> 00:02:41,370 และไม่รู้อีกเท่าไรที่กำลังเดินทางมา 20 00:02:45,207 --> 00:02:46,834 (หลุมอุกกาบาตวูล์ฟครีกรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย) 21 00:02:46,917 --> 00:02:49,461 ถ้าจะมีอะไรยิ่งใหญ่เกิดขึ้น 22 00:02:49,545 --> 00:02:53,215 ก็จะมีแสงจ้าบนท้องฟ้าแม้แต่ในเวลากลางวัน 23 00:02:53,757 --> 00:02:56,844 แต่นั่นก็อาจจะยังอีกหลายล้านปี 24 00:03:00,806 --> 00:03:04,309 อุกกาบาตชนโลกของเราตลอดเวลา 25 00:03:04,393 --> 00:03:08,063 และลูกใหญ่ๆก็เปลี่ยนแปลงภูมิประเทศไปหมด 26 00:03:08,939 --> 00:03:12,734 และมีผลกระทบอย่างมากต่อวัฒนธรรม 27 00:03:14,069 --> 00:03:16,655 ตัวอย่างหนึ่งก็คือวัฒนธรรมอิสลาม 28 00:03:17,155 --> 00:03:19,491 ตามประเพณีโบราณ 29 00:03:19,575 --> 00:03:23,120 พระเจ้าส่งหินก้อนหนี่งลงมาจากสวรรค์ 30 00:03:23,203 --> 00:03:27,374 เพื่อนำทางอดัมกับอีฟไปสู่จุดที่จะสร้างแท่นบูชา 31 00:03:29,209 --> 00:03:31,128 อุกกาบาตตกลงมา 32 00:03:31,211 --> 00:03:34,590 ตรงที่นครมักกะฮ์อันศักดิ์สิทธิ์ถูกสร้างขึ้นในภายหลัง 33 00:03:38,468 --> 00:03:41,597 (นครมักกะฮ์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย) 34 00:03:41,680 --> 00:03:45,559 เราอยู่ที่จุดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในโลกมุสลิม 35 00:03:46,185 --> 00:03:48,187 มีกะอ์บะห์ตั้งอยู่ตรงกลาง 36 00:03:48,687 --> 00:03:52,065 มีหินสีดำฝังอยู่ที่หัวมุมด้านตะวันออก 37 00:03:52,649 --> 00:03:56,278 หินนี้เป็นที่เคารพบูชามาก่อนยุคอิสลาม 38 00:03:56,361 --> 00:04:01,825 อย่างน้อยพันปีก่อนที่พระโมฮัมหมัดจะก่อตั้งศาสนาอิสลาม 39 00:04:04,369 --> 00:04:08,207 หินสีดำนี้ล้อมกรอบด้วยเงิน 40 00:04:08,290 --> 00:04:11,251 และไม่มีใครได้รับอนุญาตให้วิเคราะห์มันได้ 41 00:04:11,335 --> 00:04:14,463 แต่เกือบแน่ใจได้ว่ามันคืออุกกาบาต 42 00:04:18,759 --> 00:04:23,013 มีคน 1.9 พันล้านคนนับถือศาสนาอิสลาม 43 00:04:23,430 --> 00:04:24,681 สำหรับผู้แสวงบุญ 44 00:04:24,765 --> 00:04:28,602 หินสีดำเป็นหนึ่งในพระธาตุที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุด 45 00:04:29,102 --> 00:04:33,774 ดึงดูดผู้คนนับไม่ถ้วนเพื่อไปสัมผัสและจูบ 46 00:04:35,692 --> 00:04:41,114 เพราะพวกเราไม่ใช่มุสลิม จึงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเมืองศักดิ์สิทธิ์ 47 00:04:41,823 --> 00:04:46,870 เราจึงต้องพึ่งภาพวิดีโอจากมือถือของผู้นับถือคนหนึ่ง 48 00:05:13,689 --> 00:05:18,277 กลับมาที่ความกว้างใหญ่ที่เงียบงันแห่งทะเลทรายออสเตรเลีย 49 00:05:21,238 --> 00:05:24,533 ไคล์ฟ ออพเพนไฮเมอร์จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ 50 00:05:24,616 --> 00:05:29,121 ผู้เริ่มต้นหนังเรื่องนี้อธิบายให้ผมฟังว่า... 51 00:05:30,622 --> 00:05:35,294 นักวิทยาศาสตร์เพิ่งจะรู้เรื่องหลุมขนาดใหญ่บนพื้นดินในปี 1947 52 00:05:35,377 --> 00:05:37,379 เมื่อเห็นมันจากอากาศ 53 00:05:37,921 --> 00:05:41,133 หลุมอุกกาบาตกว้างราวหนึ่งกิโลเมตร 54 00:05:41,216 --> 00:05:42,217 (ไคล์ฟ ออพเพนไฮเมอร์) 55 00:05:42,301 --> 00:05:46,388 และเกิดขึ้นเมื่อสะเก็ดของดาวเคราะห์น้อยที่เป็นเหล็ก 56 00:05:47,097 --> 00:05:51,518 ขนาดเท่าเรือรบ และเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อวินาที 57 00:05:51,602 --> 00:05:53,812 ตกลงมากระแทกพื้นดิน 58 00:05:54,313 --> 00:05:58,275 และผนังของหลุมอุกกาบาตบริเวณนี้ 59 00:05:58,358 --> 00:06:00,194 เกิดจากหินโบราณ 60 00:06:00,277 --> 00:06:03,447 ที่แตกเป็นชิ้นๆ จากการถูกพุ่งชนและกระจายไปทั่ว 61 00:06:04,281 --> 00:06:10,329 อุกกาบาตเองก็กลายเป็นผุยผงเกือบหมด 62 00:06:10,871 --> 00:06:12,998 มีเพียงสะเก็ดไม่กี่ชิ้น 63 00:06:13,081 --> 00:06:17,169 ที่ถูกพบบริเวณทะเลทรายรอบๆ 64 00:06:19,755 --> 00:06:21,840 รูปแบบของการกระจายตัว 65 00:06:21,924 --> 00:06:26,094 แสดงให้เห็นว่าอุกกาบาตระเบิดมาจากทางด้านนั้น 66 00:06:26,929 --> 00:06:29,223 เรื่องอุณหภูมิก็น่ามหัศจรรย์มาก 67 00:06:29,306 --> 00:06:32,059 เกิดมวลอากาศร้อนขนาดใหญ่ 68 00:06:32,142 --> 00:06:34,937 ทะลุชั้นบรรยากาศไปถึงชั้นที่สอง 69 00:06:35,020 --> 00:06:40,025 และส่งเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยโปรยปรายลงมาเป็นบริเวณกว้าง 70 00:06:40,108 --> 00:06:43,278 และแน่นอนว่าเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง 71 00:06:43,820 --> 00:06:46,448 จากการถูกพุ่งชนนั่นเอง 72 00:06:46,532 --> 00:06:47,699 ก็เลยมีแผ่นดินไหวรุนแรง 73 00:06:47,783 --> 00:06:50,452 ตอนนี้เราอยู่กลางทะเลทราย 74 00:06:50,536 --> 00:06:56,750 แต่ลองคิดดูว่าถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในเขตเมืองในวันนี้ 75 00:06:56,834 --> 00:06:59,086 มันจะทำให้เสียหายสักเพียงไหน 76 00:06:59,169 --> 00:07:02,881 แทบจะไม่มีใครเคยโดนชนด้วยอุกกาบาตเลยใช่ไหม 77 00:07:02,965 --> 00:07:08,387 มีผู้หญิงคนหนึ่งถูกชนด้วยอุกกาบาต 78 00:07:08,470 --> 00:07:11,348 ที่ทะลุหลังคาบ้านของเธอ 79 00:07:11,431 --> 00:07:15,269 และตกใส่เธอในขณะที่เธอนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟา 80 00:07:15,352 --> 00:07:16,603 อุกกาบาตซิลาคอก้า 81 00:07:16,687 --> 00:07:18,021 (วันที่ 30 พฤศจิกายน 1954เวลา 12.46 น.) 82 00:07:18,897 --> 00:07:21,441 เธอรอดชีวิตมาได้แต่ก็มีรอยฟกช้ำที่น่ากลัว 83 00:07:21,525 --> 00:07:24,236 (แอนน์ ฮอดจ์สเมืองซิลาคอก้า รัฐแอละแบมา) 84 00:07:27,990 --> 00:07:32,411 ถึงแม้รอบๆ หลุมอุกกาบาตจะน่ากลัวและไม่น่าอยู่ 85 00:07:32,494 --> 00:07:35,956 แต่ก็มีคนพื้นเมืองอาศัยอยู่แถวนี้ 86 00:07:37,165 --> 00:07:39,376 หลายคนหาเลี้ยงตัวเองในฐานะศิลปิน 87 00:07:39,459 --> 00:07:40,460 (ศูนย์ศิลปะบิลลิลูน่า) 88 00:07:40,544 --> 00:07:43,881 เช่นเดียวกับคนในชุมชนบิลลิลูน่าที่ใกล้ที่สุด 89 00:07:45,174 --> 00:07:49,887 พวกเขาไม่ได้เห็นการพุ่งชนมากว่าแสนปีแล้ว 90 00:07:49,970 --> 00:07:52,139 แต่มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ 91 00:07:52,222 --> 00:07:54,850 ที่กระตุ้นเตือนความทรงจำเชิงวัฒนธรรม 92 00:07:55,559 --> 00:08:00,314 ในภาพวาดของพวกเขามักจะมีลวดลายหลุมอุกกาบาต 93 00:08:00,397 --> 00:08:02,482 แต่มันฝังลึกลงไปกว่านั้น 94 00:08:04,776 --> 00:08:06,653 เราได้พบกับเคที่ ดาร์กกี้ 95 00:08:06,737 --> 00:08:09,781 จิตรกรที่เก่งที่สุดคนหนึ่งในชุมชน 96 00:08:09,865 --> 00:08:12,242 นี่ภาพวาดของคุณเองใช่ไหมครับ 97 00:08:12,326 --> 00:08:13,744 ไหนขอดูภาพนี้หน่อย 98 00:08:17,456 --> 00:08:19,875 ช่วยบอกได้ไหมว่าเรากำลังดูรูปอะไรอยู่ 99 00:08:19,958 --> 00:08:21,126 เป็นภาพวาดที่สวยมาก 100 00:08:21,210 --> 00:08:22,586 นี่คือเนินทราย... 101 00:08:23,754 --> 00:08:25,506 นี่คือต้นหญ้า 102 00:08:25,589 --> 00:08:28,342 ไม่มีมันฝรั่งหรือที่เราเรียกว่าคาร์นที 103 00:08:28,425 --> 00:08:29,426 (เคที่ ดาร์กกี้จิตรกร) 104 00:08:29,510 --> 00:08:32,429 นานมาแล้ว คนเฒ่าคนแก่เล่าว่า... 105 00:08:34,847 --> 00:08:38,769 มีชายคนหนึ่งออกไปล่านกที่หลุมอุกกาบาต 106 00:08:38,852 --> 00:08:43,857 แต่เขาเดินทะลุอุโมงค์ใต้แม่น้ำ 107 00:08:44,608 --> 00:08:46,151 ที่เราเรียกว่าลำห้วย 108 00:08:46,235 --> 00:08:48,946 และโผล่ออกมาอีกด้านหนึ่งของหลุม 109 00:08:49,446 --> 00:08:54,618 และเมื่อเดินกลับไปทางที่มา 110 00:08:55,244 --> 00:08:56,495 จากที่ที่เขาล่าสัตว์ 111 00:08:57,955 --> 00:09:01,917 แล้วในเรื่องนี้หลุมเกิดขึ้นได้อย่างไร 112 00:09:02,000 --> 00:09:03,168 ต้นกำเนิดคืออะไร 113 00:09:03,794 --> 00:09:07,381 คนที่ไม่ใช่ชาวพื้นเมืองจะบอกว่ามีอุกกาบาตตกลงมาที่นั่น 114 00:09:07,464 --> 00:09:10,926 - นั่นคือเรื่องที่คนขาวเล่ากัน- เรื่องที่คนขาวเล่ากัน 115 00:09:11,009 --> 00:09:13,929 บางคนว่าดาวตกลงมา 116 00:09:15,222 --> 00:09:17,891 แต่บรรพบุรุษและคนเฒ่าคนแก่บอกเราว่า 117 00:09:18,642 --> 00:09:21,353 มีงูสีรุ้งตกลงไปในหลุม 118 00:09:22,062 --> 00:09:25,774 เราถึงมีเรื่องเกี่ยวกับหลุมนี้สามเรื่องด้วยกัน 119 00:09:25,858 --> 00:09:27,359 แต่ก็เชื่อมโยงกันเป็นเรื่องเดียว 120 00:09:28,902 --> 00:09:30,487 พวกเราจะพาเด็กๆ ไปด้วยเสมอ 121 00:09:31,405 --> 00:09:34,116 ทุกเสาร์-อาทิตย์เราจะออกไปตั้งแคมป์ที่นั่น 122 00:09:34,199 --> 00:09:39,830 มันเป็นที่ที่เรารู้สึกถึงบรรพบุรุษและครอบครัวของเราได้ 123 00:09:40,330 --> 00:09:44,710 ว่าพวกเขาคุ้มครองเราเวลาที่เราไปที่หลุม 124 00:09:45,961 --> 00:09:47,963 เป็นสถานที่พิเศษสำหรับพวกเรา 125 00:09:48,463 --> 00:09:51,216 และสำหรับครอบครัวของเราด้วย 126 00:10:30,047 --> 00:10:32,883 อุกกาบาตตกมาอย่างส่งเดช 127 00:10:32,966 --> 00:10:36,845 มีลูกหนึ่งซึ่งสำคัญมากตกมาที่แคว้นอัลซาส ประเทศฝรั่งเศส 128 00:10:39,014 --> 00:10:44,394 แต่ที่นี่มันเปลี่ยนเรื่องราวของคนมันมีอิทธิพลต่อประวัติศาสตร์ 129 00:11:09,086 --> 00:11:12,130 ที่เห็นอยู่ไกลๆ คือเมืองเอนซิสไฮล์ม 130 00:11:12,548 --> 00:11:13,715 (เมืองเอนซิสไฮล์มแคว้นอัลซาส ประเทศฝรั่งเศส) 131 00:11:13,799 --> 00:11:17,636 ในศตวรรษที่ 15ประวัติศาสตร์ของโลกเริ่มต้นที่นี่ 132 00:11:17,719 --> 00:11:21,431 เพราะอาณาจักรฮาพส์เบิร์กกลายเป็นที่ยอมรับ 133 00:11:21,515 --> 00:11:23,767 เพราะหินที่ตกลงมา 134 00:11:24,935 --> 00:11:27,771 มีป้ายบอกจุดที่มันตกลงมา 135 00:11:31,817 --> 00:11:34,778 ไคล์ฟพาศาสตราจารย์ไซม่อน ชาฟเฟอร์ 136 00:11:34,862 --> 00:11:36,864 เพื่อนร่วมงานจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ 137 00:11:36,947 --> 00:11:38,365 (ไซม่อน ชาฟเฟอร์มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์) 138 00:11:38,448 --> 00:11:43,662 เขาเป็นนักประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์หนึ่งในพหูสูตไม่กี่คนที่เหลืออยู่ 139 00:11:44,621 --> 00:11:49,376 เกิดอะไรขึ้นใน...วันที่ 7 พฤศจิกายน 1492 140 00:11:49,960 --> 00:11:53,839 ในวันพิเศษวันนี้ 141 00:11:53,922 --> 00:11:58,468 มีลูกไฟปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ 142 00:11:58,552 --> 00:12:03,223 มันเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วและส่งเสียงหวีดหวิวไปด้วย 143 00:12:03,307 --> 00:12:08,729 แล้วมันก็ตกลงมาที่ทุ่งหญ้าแห่งนี้เมื่อเวลา 11.30 ตอนเช้า 144 00:12:09,188 --> 00:12:11,940 จากรายงานส่วนมาก 145 00:12:12,024 --> 00:12:14,651 มีคนยืนอยู่ที่ทุ่งหญ้าเพียงคนเดียว 146 00:12:14,735 --> 00:12:16,069 เด็กเลี้ยงแกะ 147 00:12:16,153 --> 00:12:18,488 และเขาก็คงได้เห็นสิ่งที่วิเศษที่สุด 148 00:12:18,572 --> 00:12:24,244 คงได้เห็นหินขนาด 300 ปอนด์พุ่งลงมาชนทุ่งหญ้า 149 00:12:24,328 --> 00:12:26,872 จนกลายเป็นหลุม 150 00:12:27,497 --> 00:12:30,792 วันที่ 7 พฤศจิกายน 1492 151 00:12:30,876 --> 00:12:33,962 วันที่ก้อนหินตกลงมานั้น 152 00:12:34,046 --> 00:12:40,093 เป็นเพียงไม่กี่วันหลังจากการมาถึงของสิ่งที่ยิ่งใหญ่อีกสิ่งหนึ่ง 153 00:12:40,177 --> 00:12:43,722 นั่นก็คือการมาถึงของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสและลูกเรือ 154 00:12:43,805 --> 00:12:47,017 ที่โลกใหม่ในทะเลแคริบเบียน 155 00:12:48,101 --> 00:12:50,729 และเพราะโคลัมบัสนี่เอง 156 00:12:50,812 --> 00:12:53,899 ที่ทำให้มีการปลูกข้าวโพดที่นี่ 157 00:12:53,982 --> 00:12:59,279 นี่เป็นผลของการแตกตัวของการเกษตรในยุโรป 158 00:12:59,363 --> 00:13:02,866 และของพืชผลที่ก่อนหน้านั้นปลูกในทวีปอเมริกาเท่านั้น 159 00:13:03,367 --> 00:13:07,287 การที่หินตกลงมานั้นสำคัญมาก 160 00:13:07,371 --> 00:13:11,834 ถึงกับมีพงศาวดารที่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในปี 1492 161 00:13:11,917 --> 00:13:14,920 ที่เล่าแต่เรื่องก้อนหินแห่งเมืองเอนซิสไฮล์ม 162 00:13:15,003 --> 00:13:17,089 โดยที่ไม่พูดถึงโคลัมบัสเลย 163 00:13:18,590 --> 00:13:23,595 อาจเป็นอย่างที่พวกเขาคิดก็ได้ว่าหินนั้นอาจจะตกลงมาจากพระเจ้า 164 00:13:23,679 --> 00:13:27,641 ลงมาใกล้เมืองที่สำคัญมาก 165 00:13:27,724 --> 00:13:30,102 เมืองเอนซิสไฮล์มในแคว้นอัลซาส 166 00:13:30,185 --> 00:13:32,104 เมืองเอนซิสไฮล์มในขณะนั้น 167 00:13:32,187 --> 00:13:36,483 เป็นกองบัญชาการของกองทัพออสเตรีย 168 00:13:36,567 --> 00:13:38,318 ในภูมิภาคนี้ 169 00:13:38,402 --> 00:13:42,489 ภายในสองอาทิตย์หลังจากที่ก้อนหินตกลงมา 170 00:13:42,990 --> 00:13:46,076 ผู้บัญชาการทหารออสเตรีย 171 00:13:46,159 --> 00:13:50,581 แม่ทัพใหญ่แม็กซิมิเลียนก็มาถึง 172 00:13:51,957 --> 00:13:56,295 เห็นแก่สวรรค์เถอะทำไมหินถึงตกมาในตอนนั้น 173 00:13:56,378 --> 00:14:02,885 หินตกลงมาที่ทุ่งหญ้านี้เพื่อเห็นแก่สวรรค์จริงๆ 174 00:14:03,510 --> 00:14:04,887 สำหรับคนเหล่านั้น 175 00:14:05,387 --> 00:14:09,349 สัญญาณเหนือธรรมชาติจากสวรรค์ถือเป็นข้อความ 176 00:14:09,433 --> 00:14:12,936 เหมือนกับได้รับอีเมลจากพระเจ้า 177 00:14:13,020 --> 00:14:15,647 ถึงชาวประชาของแม็กซิมิเลียน 178 00:14:15,731 --> 00:14:18,066 ว่าการปกครองของเขาถูกต้องแล้ว 179 00:14:18,150 --> 00:14:19,943 ว่าเขาจะเอาชนะศัตรู 180 00:14:20,027 --> 00:14:22,321 ว่าควรจะเชื่อฟังคำสั่งของเขา 181 00:14:22,404 --> 00:14:24,489 คุณมาสนใจเรื่องนี้ได้อย่างไร 182 00:14:24,948 --> 00:14:29,828 ผมคิดว่าสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับอุกกาบาต 183 00:14:29,912 --> 00:14:35,042 คือการที่มันมีความรู้สึกและมีความหมาย 184 00:14:35,125 --> 00:14:40,005 คนเคยคิดว่ามันตกลงมาพร้อมกับสิ่งอื่น 185 00:14:40,088 --> 00:14:45,802 บ้างว่าชิ้นส่วนของร่ายกายคนกบหรือไม่ก็ฝนเลือด 186 00:14:45,886 --> 00:14:48,472 พร้อมกับโรคระบาดหรือภัยพิบัติอื่นๆ 187 00:14:48,555 --> 00:14:53,185 อุกกาบาตเป็นสิ่งมีชีวิต 188 00:14:53,268 --> 00:14:56,480 เกือบเหมือนสัตว์ที่มีความหมายกับเรา 189 00:14:56,563 --> 00:15:00,192 ผมคิดว่ามันเป็นแนวคิดที่ทรงพลังและแยบยล 190 00:15:00,275 --> 00:15:06,281 ความคิดที่ว่าอุกกาบาตมีความหมาย 191 00:15:07,157 --> 00:15:11,995 และเป็นหน้าที่ของมนุษยชาติที่จะต้องตีความหมายของมัน 192 00:15:13,038 --> 00:15:15,624 ไซม่อน ชาฟเฟอร์คงจะเล่าต่อ 193 00:15:15,707 --> 00:15:20,045 โดยไม่น่าเบื่อและไม่หยุดเลยเป็นเวลาแปดชั่วโมง 194 00:15:20,128 --> 00:15:25,050 แต่เราอยากเห็นซากของหินที่พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น 195 00:15:26,093 --> 00:15:29,680 มันดูเหลือเชื่อ ชวนให้จินตนาการ 196 00:15:31,682 --> 00:15:35,102 นายกเทศมนตรีของเมืองอยากจะทักทายเรา 197 00:15:35,185 --> 00:15:38,856 ขนาบข้างมาด้วยเพื่อนๆที่สนใจอุกกาบาต 198 00:15:40,065 --> 00:15:43,986 ตราสัญลักษณ์นี้มาจากไม้แกะสลักในยุคกลาง 199 00:15:44,570 --> 00:15:46,321 คุณจะพบได้ทั่วไป 200 00:15:47,781 --> 00:15:53,537 แต่วันนี้มันหมายถึงการคิดย้อนหลังและคิดล่วงหน้าไปหลายศตวรรษ 201 00:15:54,872 --> 00:15:58,417 สมาชิกของชมรมก้อนหินนี้ 202 00:15:58,500 --> 00:16:01,420 เคยคิดถึงอนาคตไกลแสนไกลหรือไม่ 203 00:16:02,129 --> 00:16:03,964 พวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ 204 00:16:04,548 --> 00:16:07,718 พวกเขามีแผนการไกลอะไร 205 00:16:09,678 --> 00:16:12,806 จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเผ่าพันธุ์มนุษย์สูญพันธุ์ 206 00:16:14,016 --> 00:16:19,313 เราจะทิ้งอะไรไว้ให้นักบินอวกาศแห่งอนาคตจากโลกอื่น 207 00:16:19,396 --> 00:16:24,276 เพื่อแสดงว่าเราจะไม่ทิ้งสหายไว้เบื้องหลัง 208 00:16:25,861 --> 00:16:30,616 เราเห็นรูปปั้นนี้อยู่ข้างหิน 209 00:16:36,330 --> 00:16:38,248 "สวัสดี ฉันชื่อฌอง" 210 00:16:38,332 --> 00:16:42,503 รูปปั้นพูด หวังว่ามนุษย์ต่างดาวจะพูดภาษาฝรั่งเศสได้นะ 211 00:16:42,586 --> 00:16:44,379 "ฉันเป็นคนงานเหมือง 212 00:16:44,463 --> 00:16:47,508 และโลกของเราก็สวยงามแบบนี้" 213 00:16:49,510 --> 00:16:53,805 เมื่อเรามองเห็นอันตรายในท้องฟ้ายามค่ำคืน 214 00:16:54,223 --> 00:16:55,807 เราจึงเตรียมการป้องกันไว้ก่อน 215 00:16:56,225 --> 00:17:00,103 เราขุดอุโมงค์และสร้างหลุมหลบภัยใต้ดิน 216 00:17:00,562 --> 00:17:04,441 เราคิดว่าเราจะอยู่รอดได้เป็นสิบปี 217 00:17:05,192 --> 00:17:07,528 และถ้าพายุไฟมา 218 00:17:07,611 --> 00:17:11,156 ฉันก็แน่ใจว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะอยู่รอด 219 00:17:11,823 --> 00:17:15,035 แต่ฉันก็ไม่ใช่ศาสดาฉันเป็นเพียงคนงานเหมือง" 220 00:17:18,372 --> 00:17:20,958 "ขอให้สนุกกับการเยี่ยมชมช่วงสุดท้าย" 221 00:17:34,471 --> 00:17:36,223 (สนามวาลฮอลล์) 222 00:17:36,306 --> 00:17:37,307 (เมืองออสโล ประเทศนอร์เวย์) 223 00:17:37,391 --> 00:17:42,062 ที่หมายต่อไปคือสนามกีฬาใหญ่ที่เมืองออสโล ประเทศนอร์เวย์ 224 00:17:43,856 --> 00:17:48,485 ใหญ่ขนาดเอาสนามฟุตบอลมาใส่ได้ทั้งสนาม 225 00:17:49,945 --> 00:17:52,823 แต่เราสนใจที่หลังคาของมันมากกว่า 226 00:17:52,906 --> 00:17:56,785 และสนใจผู้ชายคนนี้ ยอน ลาร์เซน 227 00:17:56,869 --> 00:17:59,079 นักดนตรีแจ๊สที่ดังที่สุดในนอร์เวย์ 228 00:17:59,162 --> 00:18:00,163 (ยอน ลาร์เซน) 229 00:18:01,206 --> 00:18:03,792 แต่ความเป็นนักวิทยาศาสตร์สมัครเล่น 230 00:18:03,876 --> 00:18:07,462 ทำให้เขาขึ้นมาอยู่บนหลังคานี้ 231 00:18:26,732 --> 00:18:29,610 มันเริ่มอย่างไรครับคุณมาเจอที่นี่ได้อย่างไร 232 00:18:30,319 --> 00:18:33,780 ผมหาในกูเกิลเอิร์ธ 233 00:18:33,864 --> 00:18:37,451 และเจอหลังคาที่ใหญ่ที่สุด 234 00:18:37,534 --> 00:18:42,539 สนามกีฬานี้น่าจะใหญ่ที่สุดในออสโลในขณะนั้น 235 00:18:42,956 --> 00:18:45,542 และผมก็เห็นว่า... 236 00:18:46,502 --> 00:18:50,714 วัตถุขนาดเล็กจะไหลลงมาตามด้านข้างและมากองรวมกันแถวนี้ 237 00:18:50,797 --> 00:18:52,716 และสุดท้ายก็มาอยู่ใกล้ท่อระบายน้ำ 238 00:18:52,799 --> 00:18:56,428 ก็อย่างที่เราเห็นว่ามีฝุ่นเยอะ 239 00:18:56,512 --> 00:18:59,806 แต่ในนั้นจะมีผงฝุ่นคอสมิกปนอยู่ด้วย 240 00:19:00,516 --> 00:19:01,975 คุณเริ่มจากที่ไหน 241 00:19:02,059 --> 00:19:06,522 คุณเป็นนักดนตรีที่ประสบความสำเร็จมา 40 ปี 242 00:19:07,105 --> 00:19:10,817 คุณมาอยู่บนหลังคานี่ได้ยังไงหนีแฟนเพลงมาหรือครับ 243 00:19:10,901 --> 00:19:14,780 ไม่เลย ผมสะสมหินมานานแล้วและสนใจเรื่องธรณีวิทยามาตลอด 244 00:19:14,863 --> 00:19:17,950 เป็นงานอดิเรกของผมมาทั้งชีวิตเลย 245 00:19:18,033 --> 00:19:23,789 เมื่อสิบปีก่อน ตอนที่ผมกำลังทานอาหารเช้าอยู่นอกบ้าน 246 00:19:23,872 --> 00:19:28,627 ผมเจอจุดเล็กๆ สีดำแวววาวอยู่บนโต๊ะ 247 00:19:28,710 --> 00:19:31,505 ซึ่งเมื่อสองวินาทีก่อนหน้านี้ไม่มี 248 00:19:31,588 --> 00:19:33,423 ผมก็เลยหยิบมันขึ้นมาด้วยนิ้วของผม 249 00:19:33,507 --> 00:19:36,927 และเนื่องจากผมมีความรู้ทางแร่วิทยาอยู่บ้าง 250 00:19:37,010 --> 00:19:39,680 ผมก็เลยรู้ว่า"ว้าว มันเป็นหินขนาดจิ๋ว" 251 00:19:40,264 --> 00:19:41,598 และเราก็สงสัยกันว่า 252 00:19:41,682 --> 00:19:45,602 "มันมาจากไหน มาจากอวกาศหรือเปล่านะผมไม่รู้จริงๆ" 253 00:19:45,686 --> 00:19:49,815 ผมก็เลยหาข้อมูลด้วยกูเกิลและพบว่า 254 00:19:49,898 --> 00:19:54,987 มีผงฝุ่นคอสมิกแปลกๆ 255 00:19:55,070 --> 00:19:56,405 ที่เรียกว่าละอองดาว 256 00:19:56,488 --> 00:19:57,614 และมันก็เริ่มจากตรงนี้เอง 257 00:19:57,698 --> 00:19:59,074 คุณคิดว่ามีละอองดาวตรงนี้ 258 00:19:59,157 --> 00:20:02,494 คุณใช้เครื่องมืออะไรเก็บเศษของพวกนี้ 259 00:20:03,203 --> 00:20:05,289 อาวุธสำคัญของผมคือแม่เหล็ก 260 00:20:05,372 --> 00:20:08,208 ผมใช้แม่เหล็กเพราะว่า... 261 00:20:08,792 --> 00:20:10,961 ละอองดาวคือแม่เหล็ก 262 00:20:11,044 --> 00:20:14,173 ผมเริ่มจากการเอาแม่เหล็กใส่ไว้ใน 263 00:20:14,256 --> 00:20:17,593 ในถุงพลาสติกเล็กๆ มีซิปแบบนี้ 264 00:20:18,635 --> 00:20:20,929 และก็ตะขอก็ช่วยได้เยอะ... 265 00:20:21,013 --> 00:20:25,934 น่าแปลกจริงๆที่ยอน ลาร์เซนและอุปกรณ์คร่ำครึ 266 00:20:26,018 --> 00:20:29,646 ได้เริ่มวิทยาศาสตร์แขนงใหม่ขึ้น 267 00:20:30,022 --> 00:20:33,275 บริเวณนี้จะเป็นพื้นที่สุ่มตัวอย่าง 268 00:20:33,358 --> 00:20:35,694 ผมจะเลื่อนมันไปบนพื้นแบบนี้ 269 00:20:37,070 --> 00:20:42,201 ผงหนักๆ จะกลิ้งลงไปอยู่ตรงที่หนักที่สุด 270 00:20:42,993 --> 00:20:46,830 นี่อาจจะเป็นอณูแม่เหล็กขนาดจิ๋ว 271 00:20:47,372 --> 00:20:49,791 ผมจะเอามาดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ทีหลัง 272 00:20:49,875 --> 00:20:53,754 แต่ละวันมีผงฝุ่นจากอวกาศตกลงมาที่โลกสักเท่าไรครับ 273 00:20:53,837 --> 00:20:55,297 เรารู้ตัวเลขนี้ไหม 274 00:20:55,380 --> 00:20:57,799 ประมาณหนึ่งร้อยตันครับ 275 00:20:57,883 --> 00:21:04,181 ลองนึกภาพรถบรรทุกทรายคันใหญ่สองคันเทฝุ่นคอสมิกลงที่โลกทุกวัน 276 00:21:04,264 --> 00:21:08,101 แต่นั่นก็เท่ากับหนึ่งอณู 277 00:21:08,185 --> 00:21:11,855 ต่อปี ต่อหนึ่งตารางเมตร 278 00:21:12,314 --> 00:21:14,942 อณูเหล่านี้คือข้อความใช่ไหม 279 00:21:15,025 --> 00:21:17,861 เหมือนเป็นข้อความพิเศษสำหรับคุณ 280 00:21:17,945 --> 00:21:19,029 สำหรับผมมันใช่ 281 00:21:19,112 --> 00:21:22,824 มันคือสสารที่เก่าแก่ที่สุด 282 00:21:23,408 --> 00:21:25,202 ไม่มีอะไรที่เดินทางไกลกว่านี้ 283 00:21:25,285 --> 00:21:29,331 และเมื่อผมหยิบละอองดาวขึ้นมาผมรู้สึกได้ว่า 284 00:21:30,082 --> 00:21:34,127 ไม่มีมนุษย์คนไหนได้แตะต้องอะไรที่เก่าแก่กว่านี้ 285 00:21:34,211 --> 00:21:38,465 เหมือนได้จ้องตากับกัลปาวสาน 286 00:21:38,549 --> 00:21:42,302 มันคือเศษซากของยุคสมัยอื่น 287 00:21:42,386 --> 00:21:44,513 ของดาวที่กำลังจะตายจากยุคอื่น 288 00:21:45,055 --> 00:21:49,268 มีเรื่องราวที่ย้อนไปถึงบิกแบง 289 00:21:52,187 --> 00:21:53,897 นี่คือยาน เบรลี่ คีห์เลอ 290 00:21:53,981 --> 00:21:57,901 นักธรณีวิทยาที่จะวิเคราะห์ตัวอย่างของยอนด้วยกล้องจุลทรรศน์ 291 00:21:57,985 --> 00:21:59,611 (ยาน เบรลี่ คีห์เลอ) 292 00:21:59,695 --> 00:22:02,072 เราชอบการแต่งตัวแบบไวอัท เอิร์ปของเขา 293 00:22:02,614 --> 00:22:04,199 เขาเกิดที่เทกซัส 294 00:22:05,158 --> 00:22:06,660 แต่เขามีอะไรมากกว่านั้น 295 00:22:07,286 --> 00:22:09,913 เขารอดจากมะเร็งสี่ครั้ง 296 00:22:09,997 --> 00:22:14,793 มีสองครั้งที่เป็นระยะสุดท้าย 297 00:22:15,711 --> 00:22:19,089 เขาอยากสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง 298 00:22:19,173 --> 00:22:24,052 ตอนนี้เขามีส่วนร่วมในการรักษามะเร็งแบบใหม่ 299 00:22:24,553 --> 00:22:25,971 นี่เป็นรังลับ 300 00:22:26,054 --> 00:22:29,808 เราพยายามทำเอกสารการถ่ายภาพที่นี่ 301 00:22:30,601 --> 00:22:32,936 - นี่เพื่อนของผม ยาน คีห์เลอ- สวัสดีครับ 302 00:22:33,020 --> 00:22:34,479 เราทำงานด้วยกันมาหลายปี 303 00:22:34,563 --> 00:22:39,610 เพื่อถ่ายรูปสีที่มีความละเอียดสูงของละอองดาว 304 00:22:40,110 --> 00:22:44,948 ไม่มีที่ไหนในโลกที่ทำการขยายได้มากเท่านี้ 305 00:22:45,866 --> 00:22:47,659 คุณขยายแค่ไหน 306 00:22:47,743 --> 00:22:49,995 คุณเห็นไหมว่าอณูพวกนี้เล็กแค่ไหน 307 00:22:50,078 --> 00:22:52,289 แทบจะมองไม่เห็นเลยด้วยซ้ำ 308 00:22:52,372 --> 00:22:57,127 เราต้องขยายสองสามพันเท่า 309 00:22:57,544 --> 00:23:00,964 เพื่อให้ได้รูปขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งเมตร 310 00:23:01,048 --> 00:23:02,132 เราต้องการแบบนั้น 311 00:23:02,549 --> 00:23:04,718 ตอนที่ทุกคนบอกว่าเป็นไปไม่ได้ 312 00:23:04,801 --> 00:23:07,596 ตอนนี้คุณได้สร้างวิทยาศาสตร์แขนงใหม่ขึ้นมาแล้ว 313 00:23:07,679 --> 00:23:12,309 คุณจำผลตอบรับจากเพื่อนร่วมงานได้ไหม 314 00:23:12,392 --> 00:23:14,645 - พวกเขาหัวเราะกันใหญ่- ใช่แล้ว 315 00:23:14,728 --> 00:23:17,689 ตอนที่ถามเราว่า "คุณจะทำอะไรนะ 316 00:23:18,148 --> 00:23:20,192 ใครๆ ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ 317 00:23:20,275 --> 00:23:24,488 อัตราส่วนสัญญาณต่อเสียงรบกวนมากกว่าหนึ่งต่อพันล้านเสียอีก 318 00:23:24,571 --> 00:23:25,739 รู้สึกดีขึ้นมาเลย" 319 00:23:27,241 --> 00:23:29,868 คุณเสียใจไหมตอนนั้น 320 00:23:29,952 --> 00:23:31,078 ไม่เลยครับ 321 00:23:31,703 --> 00:23:33,330 นี่เป็นงานวิทยาศาสตร์ 322 00:23:33,413 --> 00:23:37,042 มันไม่เกี่ยวอะไรกับความรู้สึกมันก็แค่ความอยากรู้อยากเห็น 323 00:23:37,668 --> 00:23:39,962 อันนี้มาจากเมื่อเช้านี้ 324 00:23:40,754 --> 00:23:43,799 พอเห็นลักษณะพื้นผิวที่พิเศษแบบนี้ เราก็รู้เลย 325 00:23:43,882 --> 00:23:48,136 "นี่แหละละอองดาวและไม่ใช่ผงฝุ่นอุตสาหกรรม" 326 00:23:48,220 --> 00:23:50,264 ตอนนี้ภาพยังไม่ชัด 327 00:23:50,347 --> 00:23:52,432 เรา... เราถ่ายรูปได้ไหม 328 00:23:53,267 --> 00:23:54,643 - ไม่ได้- ไม่ได้ครับ 329 00:23:54,726 --> 00:23:55,811 ถ้าเรา... 330 00:23:55,894 --> 00:24:00,148 ถ้าเราตื่นเต้นเกินไปการเต้นของหัวใจของเราจะไปรบกวนได้ 331 00:24:00,232 --> 00:24:01,275 ดังนั้นจึงถ่ายไม่ได้ 332 00:24:01,358 --> 00:24:04,069 ต้องออกไปถ่ายข้างนอกถึงจะถ่ายรูปได้ 333 00:24:04,778 --> 00:24:07,406 อณูเหล่านี้มาจากไหน 334 00:24:07,489 --> 00:24:10,617 เป็นคำถามที่ดีมากเพราะเราก็ไม่มีคำตอบ 335 00:24:11,118 --> 00:24:13,203 มันมาจากอวกาศแน่นอน 336 00:24:13,287 --> 00:24:15,706 บางอันมาจากแถบดาวเคราะห์น้อย 337 00:24:15,789 --> 00:24:17,916 บางอันก็อาจจะมาจากดาวหาง 338 00:24:18,417 --> 00:24:23,839 แต่ก็อาจจะมาจากกาแล็กซีอื่นหรือระบบสุริยะอื่นๆ ก็เป็นได้ 339 00:24:24,673 --> 00:24:27,759 เราไม่รู้ว่าแต่ละสะเก็ดมาจากไหน 340 00:24:28,343 --> 00:24:29,803 มันน่าอัศจรรย์มาก 341 00:24:29,887 --> 00:24:33,724 ทุกคืนวันอังคารพอยอนเอาละอองใหม่มาให้ 342 00:24:34,224 --> 00:24:35,726 เราก็ตะลึงไป 343 00:24:35,809 --> 00:24:37,895 เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง 344 00:24:37,978 --> 00:24:41,857 อณูเหล่านี้เล็กและโดดเดี่ยวอยู่ในอวกาศ 345 00:24:41,940 --> 00:24:46,820 บางอันไม่เคยใหญ่กว่านี้เลย 346 00:24:46,904 --> 00:24:49,031 เช่น การสร้าง... 347 00:24:49,114 --> 00:24:52,284 การสร้างดาวเคราะห์เล็กๆที่แถบดาวเคราะห์น้อย 348 00:24:52,743 --> 00:24:56,788 จริงๆ มันคือฝุ่นคอสมิกฝุ่นมีอยู่ทั่วไปในจักรวาล 349 00:24:57,289 --> 00:25:01,293 ด้านบนนี้คือโลหะผสมเหล็ก-นิกเกิล 350 00:25:02,920 --> 00:25:07,633 และเริ่มมีการตกผลึก 351 00:25:07,716 --> 00:25:09,593 เริ่มจากแก้ว 352 00:25:10,552 --> 00:25:13,013 และเริ่มตกผลึกเป็นแร่โอลิวีน 353 00:25:13,722 --> 00:25:18,227 และรอบนอกเป็นขอบเหล็กซัลไฟด์ที่บางมาก 354 00:25:18,310 --> 00:25:21,355 มันเกือบเหมือนดาวเคราะห์นอกระบบที่เป็นน้ำแข็ง 355 00:25:21,438 --> 00:25:22,898 ดูหนาแน่นมาก ใช่แล้ว 356 00:25:22,981 --> 00:25:25,651 มีภูเขาน้ำแข็งที่กำลังแตกด้วย 357 00:25:25,734 --> 00:25:28,153 ผมว่าอันนี้น่าสนใจมากเป็นพิเศษ 358 00:25:28,237 --> 00:25:34,117 เมื่อตอนเข้ามาในชั้นบรรยากาศมันมีอุณหภูมิสูงมาก 359 00:25:34,201 --> 00:25:36,453 ด้านหน้าซึ่งก็คือส่วนบนนี้ 360 00:25:36,537 --> 00:25:40,082 คือทิศทางที่มันเข้ามาในชั้นบรรยากาศของโลก 361 00:25:40,165 --> 00:25:45,337 จากนั้นเมื่อมันเริ่มช้าลงแกนโลหะหนักจะถูกผลักไปข้างหน้า 362 00:25:45,420 --> 00:25:49,049 โดย... ความเฉื่อย 363 00:25:49,508 --> 00:25:53,929 และท้ายสุดก็จะมีเหล็กนูนๆ ขึ้นมาด้านหน้าของอณู 364 00:25:54,763 --> 00:25:58,475 คือเหล็ก-นิกเกิลอยู่ด้านหน้าตามเคย 365 00:25:58,559 --> 00:26:04,147 ถึงเราจะเก็บตัวอย่างได้กว่า 2,500 ชิ้น 366 00:26:04,231 --> 00:26:05,858 ก็ไม่มีชิ้นไหนที่เหมือนกันเลย 367 00:26:06,817 --> 00:26:08,861 เมื่อคุณเริ่ม... 368 00:26:08,944 --> 00:26:11,989 ทำความกับรู้จักละอองดาวและฝุ่นคอสมิก 369 00:26:12,072 --> 00:26:16,702 คุณจะเห็นว่ามันแตกต่างจากธรณีวิทยาภาคพื้นดินมาก 370 00:26:16,785 --> 00:26:21,164 มันผ่านกระบวนการด้วยความเร็วสูง 371 00:26:21,248 --> 00:26:23,959 เร็วกว่ากระสุนปืนไรเฟิล 50 เท่า 372 00:26:24,418 --> 00:26:26,503 และอุณหภูมิที่สูงอย่างกับนรก 373 00:26:26,587 --> 00:26:29,506 และกลายเป็นของล้ำค่าจากอวกาศ 374 00:27:08,253 --> 00:27:13,509 ความสวยงามและประหลาดที่เราเห็นยังแปลกมากขึ้นได้อีก 375 00:27:13,592 --> 00:27:15,219 นี่เป็นตัวอย่างของรูปแบบ 376 00:27:16,094 --> 00:27:19,556 คุณถือไว้นะ ผมจะเดินไปที่กระดานข้างหน้าและ... 377 00:27:19,640 --> 00:27:22,476 ตัวอย่างที่ไคล์ฟกำลังฉายอยู่นี้ 378 00:27:22,559 --> 00:27:26,480 เป็นเครื่องพิสูจน์ของสิ่งที่เคยคิดกันว่าเป็นไปไม่ได้ 379 00:27:26,563 --> 00:27:30,108 มันเกี่ยวกับโครงสร้างของผลึก 380 00:27:30,192 --> 00:27:32,945 ที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ 381 00:27:33,028 --> 00:27:35,489 ที่เรียกกันว่าการตกผลึกแบบกึ่งเป็นรอบ 382 00:27:36,281 --> 00:27:37,449 (พอล สไตน์ฮาร์ดมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน) 383 00:27:37,533 --> 00:27:40,369 เขาคือคนที่ไม่ยอมรับความเป็นไปไม่ได้ 384 00:27:40,827 --> 00:27:46,750 นี่คือนักจักรวาลวิทยาที่มีชื่อเสียงพอล สไตน์ฮาร์ด จาก ม.พรินซ์ตัน 385 00:27:46,834 --> 00:27:52,881 คุณพบหลักฐานของการตกผลึกแบบกึ่งเป็นรอบตามธรรมชาติ 386 00:27:52,965 --> 00:27:55,259 ในจักรวาลที่พบในอุกกาบาต 387 00:27:55,342 --> 00:27:57,261 การตกผลึกแบบกึ่งเป็นรอบคืออะไร 388 00:27:58,387 --> 00:28:02,891 คือการรวมตัวของสสารแบบที่เราคิดว่าเป็นไปไม่ได้ 389 00:28:03,392 --> 00:28:07,145 เราเข้าใจว่าเป็นไปไม่ได้มาเป็นร้อยๆ ปี 390 00:28:08,230 --> 00:28:12,067 แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่าไม่เพียงแต่มันเป็นไปได้ 391 00:28:12,150 --> 00:28:14,611 มันเกิดขึ้นในจักรวาลมานานมากแล้ว 392 00:28:14,695 --> 00:28:16,280 นานกว่าเราที่เราจินตนาการไว้ 393 00:28:16,363 --> 00:28:17,990 เรามาเริ่มกันด้วยอะไรง่ายๆ 394 00:28:18,824 --> 00:28:21,660 คริสตัลเป็นการเรียงตัว 395 00:28:21,743 --> 00:28:24,413 เหมือนการปูกระเบื้องพื้นห้องน้ำ 396 00:28:24,496 --> 00:28:27,374 - โอเค- สี่เหลี่ยมง่ายๆ 397 00:28:27,457 --> 00:28:30,169 กระเบื้องสี่เหลียมเข้ากันได้พอดี 398 00:28:30,252 --> 00:28:33,839 แต่กับห้าเหลี่ยมหรือสมมาตรห้าชั้น 399 00:28:33,922 --> 00:28:35,465 คุณจะเจอปัญหาทันที 400 00:28:35,924 --> 00:28:38,177 ไหนลองขยับมาตรงนี้หน่อย 401 00:28:38,677 --> 00:28:40,095 และ... 402 00:28:40,512 --> 00:28:42,264 เริ่มเห็นแล้วว่าจะมีปัญหาที่ไหน 403 00:28:42,347 --> 00:28:44,183 เห็นไหมว่าเกิดอะไรขึ้น 404 00:28:44,266 --> 00:28:47,436 เราเปิดช่องว่างขึ้นมาและตอนนี้ก็ต้องเลือกแล้ว 405 00:28:47,519 --> 00:28:49,313 เราไม่สามารถจะเติมช่องว่างนั้นได้ 406 00:28:49,396 --> 00:28:51,023 ผมเอาใส่ตรงนั้นหรือตรงนั้นได้ 407 00:28:51,106 --> 00:28:53,192 - แต่ไม่มีทาง...- ใช่ 408 00:28:54,401 --> 00:28:55,986 อะตอมไม่ชอบมีช่องว่าง 409 00:28:56,069 --> 00:28:58,280 ดังนั้นเมื่อคุณสร้างช่องว่างระหว่างอะตอม 410 00:28:58,363 --> 00:29:00,490 มันก็จะเคลื่อนตัวไปรอบๆเพื่อกำจัดช่องว่างนั้น 411 00:29:00,574 --> 00:29:04,077 สมมาตรห้าชั้นเป็นสิ่งต้องห้ามของสสาร 412 00:29:04,536 --> 00:29:09,208 การตกผลึกแบบกึ่งเป็นรอบยิ่งซับซ้อนและลึกลับว่านี้อีก 413 00:29:10,083 --> 00:29:13,545 มาดูต้นแบบการตกผลึกแบบกึ่งเป็นรอบกันก่อน 414 00:29:13,629 --> 00:29:16,298 จะได้เห็นว่ามันเป็นอย่างไร 415 00:29:16,381 --> 00:29:20,677 การปูกระเบื้องที่คุณเห็นบนโต๊ะเป็นตัวอย่างที่ดีเลย 416 00:29:20,761 --> 00:29:25,098 ถ้าคุณศึกษามันให้ดีจะเห็นได้ว่ามีแค่สองชิ้น สองแบบ 417 00:29:25,641 --> 00:29:26,808 นั่นไก่นี่ 418 00:29:27,684 --> 00:29:30,145 คล้ายกับตัวต่อของเด็กๆ 419 00:29:30,229 --> 00:29:33,315 แต่มีความเป็นคณิตศาสตร์ที่แยบยลแฝงอยู่ 420 00:29:34,316 --> 00:29:38,487 รูปแบบนี้ค้นพบโดยเซอร์โรเจอร์ เพ็นโรสในช่วงปี 1970 421 00:29:39,363 --> 00:29:40,489 (เซอร์โรเจอร์ เพ็นโรส) 422 00:29:40,572 --> 00:29:43,367 นักคณิตศาสตร์และบางครั้งก็นักจักรวาลวิทยาด้วย 423 00:29:44,201 --> 00:29:47,412 มันน่าตื่นเต้นมากที่รูปแบบการตกผลึกแบบกึ่งเป็นรอบ... 424 00:29:47,496 --> 00:29:48,997 (เทวสถานดาร์บไบอิหม่ามเมืองเอสแฟฮอน ประเทศอิหร่าน) 425 00:29:49,081 --> 00:29:51,708 สามารถพบได้ที่เทวสถานในเมืองเอสแฟฮอนในอิหร่าน 426 00:29:52,167 --> 00:29:56,964 โดยปราศจากหลักการทางคณิตศาสตร์พื้นฐาน 427 00:29:57,047 --> 00:30:00,092 ช่างฝีมือเมื่อห้าร้อยกว่าปี 428 00:30:00,175 --> 00:30:04,596 แก้เรขาคณิตของสมมาตรห้าชั้นที่เป็นไปไม่ได้ได้สำเร็จ 429 00:30:05,597 --> 00:30:06,807 นี่ไง 430 00:30:09,226 --> 00:30:10,352 ขอเตือนไว้ก่อนเลย... 431 00:30:10,435 --> 00:30:12,563 สมควรแก่การเตือนแล้ว 432 00:30:13,021 --> 00:30:16,733 เพราะมันซับซ้อนมากจริงๆ 433 00:30:16,817 --> 00:30:20,279 จนเราจะไม่ทรมานคุณด้วยรายละเอียดปลีกย่อย 434 00:30:20,737 --> 00:30:22,239 เอาสักตัวอย่างหนึ่งแล้วกัน 435 00:30:22,948 --> 00:30:27,911 แทนที่จะเป็นทรงยี่สิบหน้าก็เป็นทรงยี่สิบหน้าของทรงยี่สิบหน้า 436 00:30:28,495 --> 00:30:31,790 เราเลยคิดว่า "นั่นอาจจะเป็นการสร้างอะไรจากด้านนอก 437 00:30:31,874 --> 00:30:33,375 เพื่อคงโครงสร้างนี้ไว้" 438 00:30:34,042 --> 00:30:35,252 แต่เราก็เจอปัญหา 439 00:30:35,961 --> 00:30:38,964 แต่โมเดลอันนี้ก็แก้ปัญหานั้นไปได้ 440 00:30:39,047 --> 00:30:41,967 มันแสดงให้เห็นถึงการตกผลึกแบบกึ่งเป็นรอบที่แท้จริง 441 00:30:42,050 --> 00:30:44,052 และถ้าคุณสามารถสร้างแนวระนาบนี้ได้... 442 00:30:44,136 --> 00:30:47,848 ตอนนี้สไตน์ฮาร์ดอยากเจอการตกผลึกแบบกึ่งเป็นรอบตามธรรมชาติ 443 00:30:50,225 --> 00:30:53,353 คุณก็เลยไปออกภาคสนามที่คัมชัตคา 444 00:30:53,437 --> 00:30:55,606 คงได้แรงบัลดาลใจจากทฤษฎี... 445 00:30:55,689 --> 00:30:57,524 จากโมเดลอันนี้เลย 446 00:30:57,608 --> 00:30:58,901 เพราะมันหมายถึงว่า 447 00:30:58,984 --> 00:31:02,779 "ถ้าอะตอมมีพลังงานเหมือนลูกโซ่นี้ 448 00:31:02,863 --> 00:31:05,324 พวกมันก็จะต้องรวมตัวมาเป็นลักษณะนี้" 449 00:31:05,407 --> 00:31:06,950 ทำให้ผมคิดทันทีว่า 450 00:31:07,034 --> 00:31:11,413 "เป็นไปได้ไหมที่ธรรมชาติจะสร้างการตกผลึกแบบกึ่งเป็นรอบก่อนมนุษย์" 451 00:31:11,496 --> 00:31:16,627 นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาการตกผลึกแบบกึ่งเป็นรอบนับสิบปี 452 00:31:17,169 --> 00:31:20,297 ต่อมาเราได้พบกับนักแร่วิทยาในเมืองฟลอเรนซ์ ชื่อลูก้า บินดี้... 453 00:31:20,380 --> 00:31:21,882 (ลูก้า บินดี้มหาวิทยาลัยฟลอเรนซ์) 454 00:31:21,965 --> 00:31:25,802 ในพิพิธภัณฑ์ของเขามีตัวอย่าง... 455 00:31:26,303 --> 00:31:28,889 ของหินที่ซับซ้อน 456 00:31:28,972 --> 00:31:32,226 ที่มีการตกผลึกแบบกึ่งเป็นรอบเป็นเม็ดเล็กๆ อยู่ข้างใน 457 00:31:32,976 --> 00:31:35,229 จากการศึกษาตัวอย่างนี้ 458 00:31:35,312 --> 00:31:39,274 เราจะเห็นเป็นนัยว่าในมือของเราคือชิ้นส่วนอุกกาบาต 459 00:31:39,358 --> 00:31:44,655 แต่เพื่อพิสูจน์เราต้องรู้ว่าหินก้อนนั้นมาจากไหน 460 00:31:44,738 --> 00:31:47,616 และดูว่าเราจะหาตัวอย่างเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ได้หรือไม่ 461 00:31:48,158 --> 00:31:51,203 พอล สไตน์ฮาร์ดและลูก้า บินดี้ 462 00:31:51,286 --> 00:31:54,915 จึงออกสำรวจแถวตะวันออกของรัสเซีย 463 00:31:54,998 --> 00:31:56,959 ใกล้กับช่องแคบเบริง 464 00:31:59,878 --> 00:32:04,091 จุดสีแดงแสดงถึงแหล่งที่มีชิ้นส่วนอุกกาบาต 465 00:32:05,008 --> 00:32:09,763 ที่พบบริเวณลำห้วยที่มีชื่อว่าลิซท์เวอนิโทเวีย 466 00:32:10,180 --> 00:32:12,099 ที่ไม่มีใครรู้จัก 467 00:32:13,141 --> 00:32:18,438 การออกสำรวจครั้งนี้ทำร่วมกับทีมนักธรณีวิทยาของรัสเซีย 468 00:32:18,522 --> 00:32:22,317 ที่พบตัวอย่างแรกเมื่อหลายสิบปีก่อน 469 00:32:36,874 --> 00:32:39,918 พวกเขาต้องเผชิญกับภูมิประเทศที่ยากลำบาก 470 00:32:40,002 --> 00:32:42,921 ซึ่งเป็นเรื่องใหม่สำหรับพอล สไตน์ฮาร์ด 471 00:32:43,005 --> 00:32:49,636 ประสบการณ์นอกสถานที่ของเขานั้นไม่เกินไปกว่าสนามหญ้าของพรินซ์ตัน 472 00:33:00,397 --> 00:33:03,817 ยุงนับไม่ถ้วนรุมทรมานเขา 473 00:33:04,318 --> 00:33:07,696 ภาพที่เห็นคือพอลใส่มุ้งครอบหน้าไว้ 474 00:33:08,280 --> 00:33:10,365 นอนหลับก็ไม่สนิท 475 00:33:10,782 --> 00:33:15,370 หมีไม่ได้อยู่แค่ในฝันร้ายแต่อยู่ในความเป็นจริงด้วย 476 00:33:16,622 --> 00:33:20,584 การทำงานที่แสนยากลำบากของพวกเขาได้ผล 477 00:33:21,710 --> 00:33:25,172 การตรวจสอบเบื้องต้นของสิ่งที่เจอดูน่าจะมีหวัง 478 00:33:26,215 --> 00:33:30,344 คราวนี้บินดี้และสไตน์ฮาร์ดก็ฉลองได้ 479 00:33:30,427 --> 00:33:35,307 ถึงแม้พวกเขายังไม่รู้ว่ามีการตกผลึกแบบกึ่งเป็นรอบหรือไม่ 480 00:33:37,351 --> 00:33:41,647 รูปแบบการเลี้ยวของรังสีเอกซ์ของตัวอย่างที่พบใหม่ 481 00:33:41,730 --> 00:33:44,900 ก็แสดงถึงสมมาตรห้าชั้นที่เป็นสิ่งต้องห้าม 482 00:33:44,983 --> 00:33:49,363 อันเป็นข้อพิสูจน์ว่ามีการตกผลึกแบบกึ่งเป็นรอบในอุกกาบาต 483 00:33:49,446 --> 00:33:52,199 เล่าความรู้สึกตอนที่เห็นให้ฟังหน่อย 484 00:33:52,950 --> 00:33:56,662 เหมือนกับว่าทุกอย่าง...เวลาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ 485 00:33:58,247 --> 00:33:59,248 เหมือน... 486 00:34:00,832 --> 00:34:04,336 รูปนี้บอกผมได้ทันทีว่า 487 00:34:04,419 --> 00:34:07,464 ทุกอย่างที่เราพยายามทำมาสิบๆ ปี 488 00:34:07,548 --> 00:34:09,424 ได้สำเร็จลงแล้ว 489 00:34:09,507 --> 00:34:13,762 และเราพิสูจน์ได้แล้วว่าการตกผลึกแบบกึ่งเป็นรอบ 490 00:34:13,846 --> 00:34:17,516 ไม่เพียงแต่เกิดขึ้นในธรรมชาติแต่ในอวกาศด้วย 491 00:34:17,599 --> 00:34:19,016 (ศูนย์วิจัยอุกกาบาต) 492 00:34:19,101 --> 00:34:22,312 เราจะพักเรื่องลึกลับของสสารไว้ก่อน 493 00:34:22,771 --> 00:34:27,525 และหันไปหาหินธรรมดาๆที่ตกลงมาใส่เรา 494 00:34:27,609 --> 00:34:30,070 เรามีพรมเหนียวๆ ตรงนี้ 495 00:34:31,905 --> 00:34:36,534 มหาวิทยาลัยรัฐแอริโซนามีคอลเล็กชันขนาดใหญ่ 496 00:34:36,618 --> 00:34:39,329 สิ่งสกปรกจากข้างนอกจะเข้าไปในตู้ทำความสะอาด 497 00:34:39,413 --> 00:34:40,539 (ลอเรนซ์ การ์วีมหาวิทยาลัยรัฐแอริโซนา) 498 00:34:40,621 --> 00:34:42,666 เรื่องน่าตื่นเต้นกำลังรอเราอยู่ 499 00:34:42,748 --> 00:34:43,583 เมื่อเราเข้าไป 500 00:34:43,667 --> 00:34:45,752 คุณต้องเหยียบพรมนี้เพื่อเอาสิ่งสกปรกออกจากเท้าคุณ 501 00:34:45,835 --> 00:34:46,670 ได้ครับ 502 00:34:46,753 --> 00:34:49,464 ลอเรนซ์ การ์วีผู้ดูแลที่นี่พาเราเข้าชม 503 00:34:49,547 --> 00:34:53,927 มีแรงดันในนี้เพื่อให้อากาศสะอาดเข้ามา 504 00:34:54,011 --> 00:34:55,637 - เอาสิ่งสกปรกออกหมดหรือยัง- ครับผม 505 00:34:55,721 --> 00:34:59,308 เรามีกล้องที่ทำงานตลอดเวลาในห้องนี้ยิ้มให้กล้องหน่อย โบกมือด้วย 506 00:34:59,933 --> 00:35:02,519 ที่สำคัญก็คือ 507 00:35:02,603 --> 00:35:05,355 เมื่อเราเข้ามาในที่เก็บอุกกาบาตอย่างนี้ 508 00:35:05,439 --> 00:35:08,734 เราต้องรักษาความสะอาดของอุกกาบาตอย่างดีที่สุด 509 00:35:08,817 --> 00:35:10,694 ตามปรกติเราจะรักษาความสะอาดของเราเอง 510 00:35:10,777 --> 00:35:13,822 แต่ที่นี่เราจะพยายามไม่ให้ความมันจากนิ้วของเราไปโดนตัวอย่าง 511 00:35:13,906 --> 00:35:16,700 รวบกวนใส่ถุงมือด้วยครับผมก็จะใส่เหมือนกัน 512 00:35:16,783 --> 00:35:18,660 เราทำแบบนี้เพราะผมจะให้คุณดู 513 00:35:18,744 --> 00:35:23,123 อุกกาบาตที่น่าดูที่สุดลูกหนึ่งที่เพิ่งตกลงมาเมื่อไม่กี่อาทิตย์ 514 00:35:23,207 --> 00:35:24,875 มันตกลงมาที่ประเทศคอสตาริกา 515 00:35:24,958 --> 00:35:28,962 เป็นอุกกาบาตที่มีสารประกอบอินทรีย์อยู่มากมาย 516 00:35:29,046 --> 00:35:30,464 มันสำคัญมาก 517 00:35:30,547 --> 00:35:32,257 เพราะมันบอกเราถึงระบบสุริยะจักรวาลก่อนหน้านี้ 518 00:35:32,341 --> 00:35:35,636 และอาจบอกถึงการก่อตัวของชีวิตในระบบสุริยะของเราด้วยก็ได้ 519 00:35:35,719 --> 00:35:39,223 ผมมีตัวอย่างอยู่ในตู้พิเศษพวกนี้ 520 00:35:39,306 --> 00:35:40,849 มันคือตู้ก๊าซไนโตรเจน 521 00:35:40,933 --> 00:35:43,018 มีไนโตรเจน... ไนโตรเจนแห้ง 522 00:35:43,101 --> 00:35:46,605 ที่สำคัญคือเราต้องส่งไนโตรเจนแห้งเข้าไปในตู้พวกนี้ 523 00:35:46,688 --> 00:35:51,401 พอผมเปิดตู้ คุณจะได้ยินเสียงไนโตรเจนแห้งที่ถูกพ่นเข้าไป 524 00:35:51,485 --> 00:35:53,612 เป็นการเก็บรักษาอุกกาบาต 525 00:35:53,695 --> 00:35:56,740 ไม่ใส่น้ำ ไม่ใส่ออกซิเจนเข้าไป 526 00:35:56,823 --> 00:35:59,660 เป็นการเก็บรักษาที่ดีที่สุดในขณะนี้ 527 00:35:59,743 --> 00:36:00,994 เสียงฟู่ๆ นั่นใช่ไหม 528 00:36:01,078 --> 00:36:02,329 เสียงฟู่ๆ นั่นแหละ 529 00:36:03,372 --> 00:36:06,458 ดูตัวอย่างนี่ อันนี้คือ... 530 00:36:08,502 --> 00:36:11,380 อุกกาบาตที่มหัศจรรย์ที่สุดอันหนึ่ง 531 00:36:12,089 --> 00:36:13,674 เห็นไหมว่ามันชื่อว่าอะไร 532 00:36:14,216 --> 00:36:15,551 "บ้านหมา" 533 00:36:16,802 --> 00:36:17,803 เรามาลอง... 534 00:36:21,807 --> 00:36:23,100 งั้น... 535 00:36:23,183 --> 00:36:24,977 บอกก่อนเลย อย่าทำตกนะ 536 00:36:25,060 --> 00:36:27,646 - จะพยายาม- อย่าทำตกเด็ดขาด 537 00:36:30,858 --> 00:36:35,988 หินนี้ตกลงมาที่คอสตาริกาเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนนี้เอง 538 00:36:36,071 --> 00:36:37,781 ตกลงมาทะลุบ้านหมา 539 00:36:37,865 --> 00:36:39,908 ตอนหมากำลังหลับอยู่ในนั้นด้วย 540 00:36:39,992 --> 00:36:43,287 - ไม่โดนหมานะ ผมหวังว่า- เฉียดไปนิดเดียวเอง 541 00:36:43,370 --> 00:36:46,373 แล้วลงมาฝังอยู่บนพื้นใกล้ๆ กับหมา 542 00:36:46,999 --> 00:36:49,168 สิ่งที่ทำให้หินก้อนนี้พิเศษมาก 543 00:36:49,251 --> 00:36:51,170 ก็คือมันมีขนหมาติดมาด้วย 544 00:36:51,253 --> 00:36:52,379 ไม่มีทาง 545 00:36:52,462 --> 00:36:55,174 และที่ทำให้น่ามหัศจรรย์ 546 00:36:55,257 --> 00:36:57,759 ก็คือ ถ้าคุณลองดมดู... 547 00:36:59,094 --> 00:37:02,890 คุณจะได้กลิ่นสารประกอบอินทรีย์ที่อยู่ในนั้น 548 00:37:02,973 --> 00:37:06,476 มันเป็นสารประกอบอินทรีย์อายุ 4.5 พันล้านปี 549 00:37:06,560 --> 00:37:09,313 ที่เกิดขึ้นบนดาวเคราะห์สมัยก่อน... 550 00:37:09,396 --> 00:37:11,440 ที่ตอนนี้ไม่มีแล้ว... 551 00:37:11,523 --> 00:37:13,275 และติดอยู่ในหินก้อนนี้ 552 00:37:13,358 --> 00:37:17,446 และอยู่ที่แถบดาวเคราะห์น้อยมาสี่พันล้านปี 553 00:37:17,529 --> 00:37:19,865 ก่อนที่จะออกจากแถบดาวเคราะห์น้อย 554 00:37:19,948 --> 00:37:21,325 และตกลงมาที่คอสตาริกา 555 00:37:21,408 --> 00:37:23,952 และมาอยู่ในตู้อุกกาบาตของเราที่นี่ 556 00:37:24,036 --> 00:37:26,163 นั่นกลิ่นอะไรครับ มันคือ... 557 00:37:26,246 --> 00:37:28,624 เราไม่รู้ แค่คิดว่า... 558 00:37:28,707 --> 00:37:31,126 คล้ายกับลูกเหม็น หรืออะไรทำนองนั้น 559 00:37:31,210 --> 00:37:33,045 คงมีสารประกอบคล้ายๆ กัน 560 00:37:33,128 --> 00:37:34,880 เหมือนตัวทำละลายอะไรสักอย่างหรือครับ 561 00:37:34,963 --> 00:37:36,632 ก็ทำนองนั้น 562 00:37:36,715 --> 00:37:38,800 ผมจะเอามันกลับเข้าตู้ถ้าคุณไม่อยากจับมันอีก 563 00:37:38,884 --> 00:37:40,177 - ไม่แล้ว ผม...- อีกอย่างหนึ่ง 564 00:37:40,260 --> 00:37:42,387 สีแดงนี่มาจากหลังคาบ้านหมา 565 00:37:43,430 --> 00:37:46,892 และสีขาวมาจากพื้นบ้านหมา 566 00:37:46,975 --> 00:37:49,019 แล้วหมามันรู้ตัวทันทีเลยหรือเปล่า 567 00:37:49,102 --> 00:37:51,688 ว่ามีแขกจากสวรรค์มาเยี่ยม 568 00:37:51,772 --> 00:37:54,399 ไม่เลย แต่ที่น่าตลกก็คือ 569 00:37:54,483 --> 00:37:58,946 เคยมีคนใช้หมาตามหาอุกกาบาตด้วยนะเพราะมันมีกลิ่น 570 00:37:59,029 --> 00:38:01,114 เราสอนให้หมาตามกลิ่นนั้นได้ 571 00:38:02,074 --> 00:38:03,242 งั้นเก็บก่อนนะครับ 572 00:38:09,665 --> 00:38:12,501 นี่คือเหล็กโทลูก้าจากแถวจิควิพิลโก 573 00:38:12,584 --> 00:38:13,585 ลองยกอันนี้ดู 574 00:38:13,669 --> 00:38:15,629 อย่าทำตกใส่เท้าตัวเองนะมันจะแตก 575 00:38:15,712 --> 00:38:16,713 ตายจริง 576 00:38:16,797 --> 00:38:18,882 นี่คงหนักประมาณ 577 00:38:18,966 --> 00:38:22,219 ก้อนนึงคงประมาณ30-40 กิโลได้มั้ง 578 00:38:22,302 --> 00:38:23,595 นั่นแร่เหล็กบริสุทธิ์ใช่ไหม 579 00:38:23,679 --> 00:38:25,556 มันเป็นเหล็กบริสุทธิ์แต่อุดมไปด้วยนิกเกิล 580 00:38:25,639 --> 00:38:28,225 - งั้นอย่าทำตกเลยนะ พร้อมแล้ว- ส่งคืนให้คุณเลย 581 00:38:29,643 --> 00:38:33,313 หนึ่งในการพุ่งชนของอุกกาบาตที่มหัศจรรย์ที่สุดที่ไม่เคยเห็นทางทีวี 582 00:38:33,397 --> 00:38:35,691 คือสะเก็ดดาวนี้เอง 583 00:38:35,774 --> 00:38:40,445 เรามี...มีการพุ่งชนของอุกกาบาตบนโลก 584 00:38:40,529 --> 00:38:44,449 ที่ทำให้ผิวโลกละลายเป็นบริเวณใหญ่ 585 00:38:44,533 --> 00:38:47,786 ในกรณีนี้คงกินพื้นที่หลายพันตารางกิโลเมตร 586 00:38:47,870 --> 00:38:50,455 และมันก็หลอมละลายทันที 587 00:38:50,539 --> 00:38:52,291 และแรงสั่นสะเทือนจากการพุ่งชนนั้น 588 00:38:52,374 --> 00:38:55,669 ทำให้วัตถุนี้กระจายไปกว่าหนึ่งส่วนสามของโลก 589 00:38:55,752 --> 00:38:56,753 นี่มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ครับ 590 00:38:56,837 --> 00:38:59,590 เราคิดว่า...ประมาณ 750,000 ปีมาแล้ว 591 00:38:59,673 --> 00:39:01,675 ฟังดูเหมือนนาน 592 00:39:01,758 --> 00:39:04,511 แต่ในทางธรณีวิทยามันเหมือนกับเมื่อวาน 593 00:39:04,595 --> 00:39:06,680 - เป็นปรากฏการณ์เร็วๆ นี้- นี่แก้วหรือครับ 594 00:39:06,763 --> 00:39:09,266 สิ่งนี้คือ... ถ้าลองฟังดู... 595 00:39:10,434 --> 00:39:13,562 แก้ว แต่ไม่ใช่แก้วที่มาจากนอกโลกนะ 596 00:39:13,645 --> 00:39:18,317 นี่มาจากโลกเป็นการหลอมละลายของวัตถุ 597 00:39:18,400 --> 00:39:22,613 มันละลายและกระจายไปทั่วโลก 598 00:39:22,696 --> 00:39:26,450 พบได้ที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ฟิลิปปินส์ 599 00:39:26,533 --> 00:39:29,244 ทั่วอินโดนีเซีย ไปจนถึงออสเตรเลีย 600 00:39:29,328 --> 00:39:31,496 และยาวไปถึงทวีปแอนตาร์กติกา 601 00:39:31,580 --> 00:39:34,333 เป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่มาก 602 00:39:34,416 --> 00:39:37,211 ดูรูปร่างของมันสิคุณว่ามันบอกอะไรเรา 603 00:39:37,294 --> 00:39:41,965 บอกว่าของพวกนี้กระเซ็นขี้นและแข็งตัวกลางอากาศ 604 00:39:43,133 --> 00:39:45,260 ถ้าเราอยู่ที่นั่นตอนที่มันตกลงมา 605 00:39:45,344 --> 00:39:46,887 มันจะเป็นจุดจบของเราไหม 606 00:39:46,970 --> 00:39:48,180 จุดจบทุกอย่างเลย 607 00:39:48,263 --> 00:39:50,974 ลองคิดดูนะ...หลายพันตารางกิโลเมตรเลย... 608 00:39:51,058 --> 00:39:54,937 ที่ทุกอย่างในบริเวณนั้นจะกลายเป็นแก้วแทบจะทันที 609 00:39:55,312 --> 00:39:57,689 ดังนั้นถ้าคุณกำลังนั่งจิบชาอยู่แถวนั้น 610 00:39:57,773 --> 00:39:59,942 คุณจะกลายเป็นแก้วไปด้วยทุกอย่างเลย 611 00:40:04,863 --> 00:40:08,742 หินทุกก้อนที่มาจากโลกลึกลับ 612 00:40:08,825 --> 00:40:10,327 มีเรื่องราวของมันเอง 613 00:40:21,672 --> 00:40:26,635 ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาอุกกาบาตดึงดูดจินตนาการของมนุษย์ 614 00:40:27,427 --> 00:40:30,639 เครื่องมือง่ายๆอย่างแสงจากโทรศัพท์มือถือ 615 00:40:30,722 --> 00:40:35,602 ช่วยให้เห็นความงามที่น่าลึกลับของนักเดินทางจากแดนไกลพวกนี้ 616 00:41:04,381 --> 00:41:05,799 นี่คือ... 617 00:41:05,883 --> 00:41:10,596 ที่ศูนย์วิจัยที่เดียวกันในเมืองเทมเป รัฐแอริโซนา 618 00:41:10,679 --> 00:41:13,307 เราได้พบกับ ดร.มีนาคชิ วัดห์วา 619 00:41:13,390 --> 00:41:16,852 นักวิทยาศาสตร์แถวหน้าทางด้านอุกกาบาต 620 00:41:16,935 --> 00:41:19,062 อุกกาบาต 40,000 ชิ้น 621 00:41:19,146 --> 00:41:20,480 (มีนาคชิ วัดห์วานักวิทยาศาสตร์ด้านดาวเคราะห์) 622 00:41:20,564 --> 00:41:23,567 - มีจากงานของบาร์บารา เฮปเวิร์ธด้วย- แน่นอน 623 00:41:24,943 --> 00:41:28,363 นี่คืออุปกรณ์ชั้นยอดที่ใช้ในงานของเราที่นี่ 624 00:41:28,447 --> 00:41:29,698 (ผู้ส่งสาส์นจากนอกโลก) 625 00:41:29,781 --> 00:41:31,783 เราดูอะไรหรือครับ 626 00:41:31,867 --> 00:41:34,953 วัตถุกลมๆ ที่คุณเห็น 627 00:41:35,037 --> 00:41:37,664 นั่นคือ... 628 00:41:37,748 --> 00:41:40,334 จินตนาการว่ามันคือละอองน้ำเล็กๆ 629 00:41:40,417 --> 00:41:43,420 ที่เกิดขึ้นในตอนแรกสุดของระบบสุริยะจักรวาล 630 00:41:43,504 --> 00:41:46,381 ประมาณ 4.5 พันล้านปีมาแล้ว 631 00:41:46,465 --> 00:41:48,258 ก่อนที่ดาวเคราะห์จะเกิดขึ้นหรือครับ 632 00:41:48,342 --> 00:41:51,929 ใช่ค่ะ ตอนที่ยังมีแต่ก๊าซและฝุ่น 633 00:41:52,012 --> 00:41:54,890 ไม่มีอย่างอื่น ไม่มีดาวเคราะห์ไม่มีโลก ไม่มีอะไรเลย 634 00:41:55,474 --> 00:41:57,059 และมี... 635 00:41:57,142 --> 00:42:00,896 ที่เรียกกันว่าละอองฝนไฟ 636 00:42:00,979 --> 00:42:04,233 ที่... กลั่นตัวมาจากเนบิวลา 637 00:42:04,316 --> 00:42:06,443 จากเมฆก๊าซและฝุ่น 638 00:42:06,527 --> 00:42:09,530 คงเป็นเพราะกระบวนการกระแทก 639 00:42:09,613 --> 00:42:12,491 ที่เกิดขึ้นในช่วงแรกของระบบสุริยะด้วย 640 00:42:12,574 --> 00:42:15,702 เราไม่แน่ใจว่าแรงกระแทกนี้มาจากไหน 641 00:42:15,786 --> 00:42:18,205 แต่เราคิดว่ามันคือกระบวนการที่เกิดขึ้น 642 00:42:18,288 --> 00:42:20,958 ในระบบสุริยะอื่นๆที่กำลังก่อตัวในขณะนี้ 643 00:42:21,583 --> 00:42:23,460 จะเจอธาตุอะไรได้บ้างในนี้ 644 00:42:23,544 --> 00:42:25,963 ที่เห็นอยู่นี้ 645 00:42:26,046 --> 00:42:29,591 ที่เป็นเหมือนกระจกสีที่คุณเห็นนี้ 646 00:42:29,675 --> 00:42:32,052 คือแร่โอลิวีน 647 00:42:32,636 --> 00:42:36,932 และนี่...ถ้าฉันหมุนมันแบบนี้... 648 00:42:37,015 --> 00:42:40,561 เมื่อคุณส่องแสงผ่านเข้าไปในแร่ธาตุพวกนี้ 649 00:42:40,644 --> 00:42:43,397 แสงก็จะ...ถูกบังคับให้ไปทางเดียวกัน 650 00:42:43,480 --> 00:42:45,148 และตัวแร่ธาตุเอง 651 00:42:45,232 --> 00:42:48,235 ก็จะดับแสงในบางทิศ 652 00:42:48,318 --> 00:42:53,115 คุณก็เลยจะเห็นสว่างบ้างมืดบ้าง 653 00:42:53,740 --> 00:42:56,994 มัน... มันสวยมากเหมือนกับหน้าต่างที่มีกระจกสีเลย 654 00:42:57,077 --> 00:43:00,247 - ฉันว่ามัน... ใช่- สวยมาก 655 00:43:00,330 --> 00:43:02,833 นี่คือตัวอย่าง 656 00:43:02,916 --> 00:43:08,547 แผ่นบางๆ ของชิ้นตัวอย่างจากดาวอังคารที่ฉันได้ดูครั้งแรก 657 00:43:08,630 --> 00:43:11,967 เมื่อเริ่มงานวิจัยอุกกาบาตใหม่ๆ 658 00:43:12,050 --> 00:43:15,679 ฉันติดใจมาก 659 00:43:15,762 --> 00:43:18,682 เพราะมันดูคุ้นเคยแต่จริงๆ แล้วมาจากโลกอื่น 660 00:43:19,474 --> 00:43:23,687 เรารู้ว่าหินนี้มาจากดาวอังคารเพราะก๊าซที่ติดอยู่ข้างใน 661 00:43:23,770 --> 00:43:27,399 ที่มีองค์ประกอบเดียวกับชั้นบรรยากาศของดาวอังคาร 662 00:43:27,482 --> 00:43:30,277 ถ้าเอาหินก้อนนี้มาทำให้ร้อน 663 00:43:30,360 --> 00:43:34,448 ก๊าซจะระเหยออกมาแล้วคุณก็จะวัดองค์ประกอบของก๊าซได้ 664 00:43:34,531 --> 00:43:36,992 และมันจะเป็นองค์ประกอบเดียวกัน 665 00:43:37,534 --> 00:43:40,621 กับที่เราวัดได้จากยานอวกาศที่ดาวอังคาร 666 00:43:40,704 --> 00:43:43,081 - เหลือเชื่อจริงๆ- ใช่ เหลือเชื่อมากค่ะ 667 00:44:06,688 --> 00:44:10,108 คาร์ล เซแกนใช่ไหมที่ว่ามนุษย์ประกอบขึ้นมาจากละอองดาว 668 00:44:10,192 --> 00:44:11,860 เราทุกคนคือละอองดาวแน่นอน 669 00:44:11,944 --> 00:44:16,031 ทุกส่วนของร่างกายของเรา 670 00:44:16,114 --> 00:44:20,744 ถูกสังเคราะห์ที่ดาวดวงอื่นก่อนที่จะมาที่นี่ 671 00:44:20,827 --> 00:44:22,704 ใช่แล้ว เราทุกคนคือละอองดาว 672 00:44:23,872 --> 00:44:26,124 - ในตอนท้าย- ความคิดที่ยอดเยี่ยมมาก 673 00:44:26,208 --> 00:44:27,042 จริงค่ะ 674 00:44:27,125 --> 00:44:31,088 นี่เป็นเพียงครั้งเดียวตลอดการถ่ายทำหนังเรื่องนี้ 675 00:44:31,171 --> 00:44:33,423 ที่ผมอดใจไม่ได้ 676 00:44:33,507 --> 00:44:36,468 ผมต้องพูดแทรกขึ้นมาจากหลังกล้อง 677 00:44:37,010 --> 00:44:40,222 ผมไม่ใช่ละอองดาว ผมเป็นคนบาวาเรีย 678 00:44:44,685 --> 00:44:47,187 ทำด้วยของวิเศษเลย 679 00:44:47,813 --> 00:44:49,857 ใช่แล้วค่ะ 680 00:44:58,782 --> 00:45:00,367 การเดินทางของเรา 681 00:45:00,450 --> 00:45:03,161 พาเราไปทุกที่ที่มีลูกไฟใหญ่ตกลงมาบนโลก 682 00:45:03,245 --> 00:45:04,580 (หลุมอุกกาบาตแรมการ์รัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย) 683 00:45:05,372 --> 00:45:09,293 เราอยากรู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกมาที่นี่ไหม 684 00:45:10,252 --> 00:45:16,425 หลุมอุกกาบาตแรมการ์ขนาดสี่ กม.ที่ราชสถานทางตอนเหนือของอินเดีย 685 00:45:17,259 --> 00:45:20,262 มองเห็นได้ทันทีจากอวกาศ 686 00:45:20,345 --> 00:45:24,850 แต่ถ้าอยู่ที่พื้นจะแทบจะไม่รู้เลยว่าอยู่ในหลุมอุกกาบาต 687 00:45:25,392 --> 00:45:30,230 แต่ก็มีวัดฮินดูมาสร้างอยู่บริเวณนี้ตั้งแต่ศตวรรษที่สิบ 688 00:45:32,482 --> 00:45:36,403 เราอยากรู้ว่าอินทรีย์วัตถุในอุกกาบาต 689 00:45:36,486 --> 00:45:41,033 สามารถเป็นส่วนผสมของสิ่งมีชีวิตบนโลกของเราได้หรือไม่ 690 00:45:42,367 --> 00:45:46,788 เรามาถามผู้เชี่ยวชาญศาสตราจารย์นิต้า ซาไฮ 691 00:45:46,872 --> 00:45:51,001 ผู้ศึกษาการเปลี่ยนแปลงจากเคมีสู่ชีววิทยา 692 00:45:52,127 --> 00:45:56,173 เราอยู่ใน...ในหลุมอุกกาบาตที่ใหญ่มาก 693 00:45:56,256 --> 00:45:58,175 ที่เกิดจากการพุ่งชนของอุกกาบาต 694 00:45:58,258 --> 00:46:00,802 เราไม่รู้ว่ามันเป็นอุกกาบาตที่มีคาร์บอเนตหรือเปล่า 695 00:46:00,886 --> 00:46:03,722 แต่เรารู้ว่อุกกาบาตที่มีคาร์บอเนต 696 00:46:03,805 --> 00:46:06,308 มีโมเลกุลอินทรีย์หลายอย่าง 697 00:46:06,391 --> 00:46:10,562 มีอุกกาบาตแบบไหนบ้างที่อาจมีสิ่งมีชีวิต 698 00:46:10,646 --> 00:46:13,941 อันที่จริงเราพบสิ่งมีชีวิตบนอุกกาบาตทุกลูก 699 00:46:14,024 --> 00:46:15,442 (นิต้า ซาไฮนักธรณีเคมีศาสตร์) 700 00:46:15,526 --> 00:46:17,069 กรดอะมิโนที่ประกอบเป็นโปรตีน 701 00:46:17,152 --> 00:46:20,072 โมเลกุลของไขมันที่ประกอบเป็นเยื่อหุ้มเซลล์ 702 00:46:20,155 --> 00:46:23,075 แม้กระทั่งไรโบสซึ่งก็คือน้ำตาล 703 00:46:23,158 --> 00:46:25,577 ผมว่ามันน่าทึ่งจริงๆ 704 00:46:25,661 --> 00:46:30,332 ที่คุณเจอน้ำตาลที่ประกอบเป็นโปรตีนอยู่ในอุกกาบาต 705 00:46:30,415 --> 00:46:31,250 ใช่ค่ะ 706 00:46:31,333 --> 00:46:35,170 มันเกิดจากทางธรณีวิทยาเช่นเดียวกับแร่ธาตุหรือ... 707 00:46:35,754 --> 00:46:39,341 มันไม่เหมือนแร่ธาตุเพราะมันคือโมเลกุลอินทรีย์ 708 00:46:39,424 --> 00:46:40,759 และแร่ธาตุเป็นอนินทรีย์ 709 00:46:40,843 --> 00:46:42,970 แต่เราคาดว่ามันเกิดขึ้น 710 00:46:43,053 --> 00:46:46,974 จากปฏิสัมพันธ์ของโมเลกุลอินทรีย์และพื้นผิวแร่ 711 00:46:47,057 --> 00:46:50,727 อย่างเช่นบนเม็ดฝุ่นระหว่างดวงดาว 712 00:46:50,811 --> 00:46:53,772 และบนพื้นผิวของอุกกาบาตเอง 713 00:46:54,356 --> 00:46:56,650 ผมว่ามันยังอีกไกล 714 00:46:56,733 --> 00:47:00,445 กว่าที่เราจะใช้ส่วนประกอบเหล่านี้มาสร้างชีวิต 715 00:47:00,529 --> 00:47:02,322 - ใช่ค่ะ- เราต้องใช้อะไรบ้างครับ 716 00:47:02,406 --> 00:47:04,992 ผมว่าคงต้องใช้เบ้าหลอมบางอย่างเพื่อใส่พวกนี้ลงไป 717 00:47:05,075 --> 00:47:06,785 และความร้อนใช่ไหมครับ 718 00:47:06,869 --> 00:47:10,205 ใช่ค่ะ คุณต้องเอาส่วนประกอบพื้นฐานพวกนี้ 719 00:47:10,289 --> 00:47:12,541 มาต่อให้เป็นลูกโซ่ที่ยาวขึ้น 720 00:47:12,624 --> 00:47:17,546 เพราะโซ่ที่ยาวขึ้นจะพับได้และสามารถใช้การได้ 721 00:47:17,629 --> 00:47:19,631 คุณคิดอย่างไรกับทฤษฎีแพนสเปอร์เมีย 722 00:47:19,715 --> 00:47:23,302 ที่ว่าสิ่งมีชีวิตกระจัดกระจายอยู่รอบจักรวาล 723 00:47:23,385 --> 00:47:26,054 มันเป็นไปได้ไหมที่สิ่งมีชีวิต 724 00:47:26,138 --> 00:47:29,975 จะอยู่รอดในอุณหภูมิที่รุนแรงและการแผ่รังสีนอกโลก 725 00:47:30,517 --> 00:47:33,353 เราพบว่าดีเอ็นเอค่อนข้างแข็งแกร่ง 726 00:47:33,437 --> 00:47:37,524 และสามารถอยู่รอดในอวกาศ 727 00:47:37,983 --> 00:47:42,696 แม้แต่สิ่งมีชีวิตก็จะอยู่รอดในแบบสปอร์ 728 00:47:42,779 --> 00:47:46,450 เพราะตอนที่เราขุดลึกลงไปในพื้นผิวโลก 729 00:47:46,533 --> 00:47:50,120 หลายกิโลเมตร 730 00:47:50,204 --> 00:47:54,791 เราเจอแบคทีเรียที่คาดว่าน่าจะมีชีวิตอยู่มาหลายล้านปีแล้ว 731 00:47:54,875 --> 00:47:59,505 และอยู่รอดมาได้โดยการระงับการเคลื่อนไหว 732 00:47:59,588 --> 00:48:02,841 คุณทราบไหมครับว่าทำไมนักบวชถึงมาสร้างวัดที่นี่ 733 00:48:02,925 --> 00:48:05,302 วัดนี้บูชาพระอิศวรเสียด้วย 734 00:48:05,385 --> 00:48:09,765 บังเอิญมากไปไหมที่มาสร้างอยู่บนพื้นหลุมอุกกาบาต 735 00:48:09,848 --> 00:48:14,394 มันน่าสนใจมากที่วัดนี้บูชาพระอิศวรและพระแม่ปารวตี 736 00:48:14,478 --> 00:48:19,900 นี่เป็นวัดแบบทันทริกซึ่งแสดงถึงการสร้าง 737 00:48:19,983 --> 00:48:22,110 และพระอิศวรก็เป็นเทพผู้ทรงทำลายด้วย 738 00:48:22,569 --> 00:48:25,072 ในตำนานเทพเจ้าฮินดูมีความเชื่อเกี่ยวกับ 739 00:48:25,155 --> 00:48:28,784 วัฏจักรของการสร้างและการทำลายล้างจักรวาล 740 00:48:28,867 --> 00:48:32,704 และในหลุมที่เกิดจากการพุ่งชนของอุกกาบาตนี้ 741 00:48:32,788 --> 00:48:36,124 ที่แรงกระแทกสามารถกวาดล้างชีวิตได้ 742 00:48:36,208 --> 00:48:38,794 กลับส่งโมเลกุลอินทรีย์ 743 00:48:38,877 --> 00:48:41,129 ที่สามารถสร้างชีวิตมาด้วยตั้งแต่แรก 744 00:48:45,592 --> 00:48:50,180 ฤษีที่อยู่แถวๆ นี้ก็บอกอย่างเดียวกัน 745 00:48:51,014 --> 00:48:56,645 หากมนุษยชาติและทุกชีวิตสูญพันธุ์เพราะสงครามหรืออุกกาบาต 746 00:48:56,728 --> 00:49:01,108 ชีวิตจะเริ่มใหม่ ณ ที่แห่งนี้ที่ทะเลสาบหลุมอุกกาบาตแห่งนี้ 747 00:49:10,450 --> 00:49:14,663 เราต้องไปที่ที่ลูกไฟยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดตกลงมา 748 00:49:15,622 --> 00:49:19,084 เป็นที่ที่ไม่มีใครอ่านชื่อออก 749 00:49:19,168 --> 00:49:21,795 ที่ชายฝั่งของคาบสมุทรยูกาตันในประเทศเม็กซิโก 750 00:49:21,879 --> 00:49:24,798 (ท่าเรือชิคชูลูป ประเทศเม็กซิโก) 751 00:49:24,882 --> 00:49:30,804 นี่คือที่ที่โลกประสบกับความเสียหายจนไม่อาจจินตนาการได้ 752 00:49:31,597 --> 00:49:34,850 สิ่งที่ตกลงจากนอกโลกมาที่นี่ 753 00:49:34,933 --> 00:49:40,105 มีความรุนแรงหลายร้อยล้าน...หรือหลายพันล้านเท่า... 754 00:49:40,189 --> 00:49:43,066 ของระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมา 755 00:49:44,610 --> 00:49:47,571 ไม่มีอะไรที่นี่ที่ทำให้เรานึกถึงมัน 756 00:49:48,113 --> 00:49:51,992 ทุกอย่างมีแต่ความน่าเบื่อ 757 00:49:54,203 --> 00:50:00,292 ชิคชูลูปเป็นรีสอร์ตริมชายหาดที่จะทำให้คุณอยากร้องไห้ 758 00:51:12,489 --> 00:51:15,826 สุนัขที่นี่ก็เหมือนสุนัขที่อื่นๆ 759 00:51:15,909 --> 00:51:19,121 พวกมันโง่เกินกว่าจะเข้าใจ 760 00:51:19,204 --> 00:51:22,708 ว่าสามในสี่ของสายพันธุ์ทั้งหมดถูกทำลาย 761 00:51:22,791 --> 00:51:25,627 จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ 762 00:51:31,550 --> 00:51:35,304 ไดโนเสาร์มีชีวิตรอดอยู่ในพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นเท่านั้น 763 00:51:38,265 --> 00:51:42,477 ตาของมันสร้างโดยมนุษย์ไม่รับรู้เรื่องใดๆ 764 00:51:44,062 --> 00:51:46,690 รอยเท้าเท่านั้นที่เป็นของจริง 765 00:51:46,773 --> 00:51:50,527 แต่มันแสดงให้เห็นว่าพวกมันซุ่มเดินช้าๆ ไม่ได้วิ่งหนี 766 00:51:51,612 --> 00:51:54,781 พวกมันไม่รู้ถึงความตายอย่างกะทันหันของทุกสรรพสิ่งเลย 767 00:52:13,550 --> 00:52:15,928 ที่ที่ปราศจากพระผู้เป็นเจ้าแห่งนี้เป็นศูนย์กลาง 768 00:52:16,011 --> 00:52:19,681 ของความหายนะทางธรณีวิทยาที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก 769 00:52:20,182 --> 00:52:24,436 มันเปลี่ยนวิถีชีวิตบนโลกใบนี้อย่างไม่อาจย้อนกลับได้ 770 00:52:24,520 --> 00:52:26,605 เมื่อประมาณ 66 ล้านปีก่อน 771 00:52:26,688 --> 00:52:29,066 ดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่งเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณสิบ กม. 772 00:52:29,149 --> 00:52:34,029 พุ่งเข้าหาโลกด้วยความเร็ว 20 กม.ต่อวินาที 773 00:52:34,905 --> 00:52:37,574 ความรุนแรงอย่างมหาศาลของการพุ่งชน 774 00:52:37,658 --> 00:52:41,495 ทำให้เกิดหลุมลึก 30 กิโลเมตร 775 00:52:42,246 --> 00:52:44,373 หลุมอุกกาบาตที่เกิดขึ้น... 776 00:52:44,456 --> 00:52:49,670 ยื่นลงไปในทะเล 100 กม.และเข้าไปบนบก 100 กม. 777 00:52:50,212 --> 00:52:54,508 และอุณหภูมิที่ก่อตัวขึ้นที่พื้นผิวสืบเนื่องมาจากการพุ่งชน 778 00:52:54,591 --> 00:52:59,805 ทำให้พื้นผิวละลายและระเหยเป็นไอและตัวอุกกาบาตเองก็สูญไป 779 00:53:00,597 --> 00:53:03,308 เกิดแผ่นดินไหวระดับ 11 780 00:53:03,392 --> 00:53:07,938 มันแรงกว่าแผ่นดินไหวใดๆในประวัติศาสตร์เป็นร้อยเท่า 781 00:53:08,021 --> 00:53:10,691 เมกะสึนามิ คลื่นสูงร้อยเมตร 782 00:53:10,774 --> 00:53:14,152 ทำลายชายฝั่งทะเลอันห่างไกล 783 00:53:14,236 --> 00:53:19,658 และละอองฝุ่นที่ละลายเป็นหยดและก๊าซจำนวนมาก 784 00:53:19,741 --> 00:53:21,285 ทะยานสู่ชั้นบรรยากาศ 785 00:53:21,368 --> 00:53:25,998 บางอย่างถึงความเร็วหลุดพ้นและหลุดออกไปในอวกาศ 786 00:53:26,665 --> 00:53:31,044 หยดหลอมเหลวพวกนี้โปรยปรายลงมาในพื้นที่ร่วม 3,000 กิโลเมตร 787 00:53:31,128 --> 00:53:34,214 ทำให้เกิดทะเลเพลิงไปทั่วพื้นดิน 788 00:53:34,298 --> 00:53:36,717 ผมชอบที่หนังพรรณนาให้เห็นภาพ 789 00:53:36,800 --> 00:53:37,926 (มหาวิบัติ วันสิ้นพิภพล้านปี) 790 00:53:38,010 --> 00:53:40,012 800 กม.จากจุดที่ถูกพุ่งชน 791 00:53:40,095 --> 00:53:41,805 แสงจ้ามาก 792 00:53:41,889 --> 00:53:45,142 จนดูเหมือนจะมองทะลุเนื้อหนังของอลาโมซอรัสได้... 793 00:53:47,811 --> 00:53:50,981 และฝังภาพเงาของพวกมันลงบนพื้น 794 00:53:54,568 --> 00:53:57,154 แสงที่แผดจ้าทำให้พวกมันแสบตา 795 00:53:57,237 --> 00:53:59,740 และมองไม่เห็นว่าอะไรกำลังพุ่งเข้าใส่พวกมัน 796 00:54:00,741 --> 00:54:02,117 แต่พวกมันก็รู้สึกได้ 797 00:54:04,703 --> 00:54:06,622 พวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมรอดมาได้ 798 00:54:06,705 --> 00:54:10,125 และพวกมันใช้ระบบนิเวศวิทยาใหม่ให้เป็นประโยชน์ 799 00:54:11,376 --> 00:54:14,796 มนุษย์พันธุ์โฮโมเซเปียนส์อย่างเราคงไม่ได้มาอยู่ที่นี่ 800 00:54:14,880 --> 00:54:17,382 ถ้าการพุ่งชนครั้งมโหฬารนี้ไม่ได้เกิดขึ้น 801 00:54:18,967 --> 00:54:23,889 ไม่มีใครรู้เรื่องหลุมอุกกาบาตนี้จนเมื่อปี 1970 802 00:54:24,431 --> 00:54:30,896 แรงโน้มถ่วงและข้อมูลหลุมเจาะแสดงให้เห็นโครงสร้างและขนาดของมัน 803 00:54:30,979 --> 00:54:31,980 (ท่าเรือชิคชูลูปเมืองเมริด้า) 804 00:54:32,064 --> 00:54:33,941 สิ่งที่มองเห็นได้บนพื้นผิวเพียงอย่างเดียว 805 00:54:34,024 --> 00:54:38,654 ก็คือบ่อน้ำที่เรียกว่าเซโนเต้ที่เรียงตัวกันป็นวงอย่างน่าประหลาด 806 00:54:39,363 --> 00:54:42,449 มันเป็นผลกระทบทางธรณีวิทยาจากการพุ่งชน 807 00:54:43,617 --> 00:54:47,454 เพราะไม่มีแม่น้ำและทะเลสาบในคาบสมุทรยูกาตัน 808 00:54:47,955 --> 00:54:51,208 บ่อน้ำเหล่านี้จึงเป็นที่สนใจของชาวมายาโบราณ 809 00:54:52,543 --> 00:54:55,170 หากไม่มีบ่อเซโนเต้นี้แล้ว 810 00:54:55,254 --> 00:54:58,924 ศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของชิเชนอิตซาคงไม่ได้เกิดขึ้น 811 00:54:59,007 --> 00:55:00,425 (พีระมิดของเทพคูคุลคานชิเชนอิตซา) 812 00:55:02,010 --> 00:55:05,639 พวกเขาพัฒนาวัฒนธรรมชั้นสูงด้วยระบบการเขียน 813 00:55:05,722 --> 00:55:10,686 ดาราศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ของพีระมิดและวิหาร 814 00:55:20,404 --> 00:55:24,783 พวกเขายังสร้างหอดูดาวก่อนที่จะมีกล้องโทรทรรศน์ด้วย 815 00:55:25,284 --> 00:55:28,287 พวกเขาติดตามตำแหน่งของวัตถุบนท้องฟ้า 816 00:55:29,746 --> 00:55:35,419 ปฏิทินของพวกเขาแม่นยำกว่าอื่นใดในประวัติศาสตร์ช่วงเวลานี้ 817 00:55:37,588 --> 00:55:42,176 ชาวมายาสนใจในเรื่องความตายและชีวิตหลังความตายมาก 818 00:55:43,093 --> 00:55:48,140 พวกเขาเชื่อว่ามีโลกบาดาลเก้าแห่งและสวรรค์ 13 แห่ง 819 00:55:53,854 --> 00:55:56,648 เพราะต้องการที่จะเห็นโลกบาดาล 820 00:55:56,732 --> 00:56:00,110 พวกเขาจึงลงไปในบ่อเซโนเต้แถวนี้ 821 00:56:06,366 --> 00:56:07,951 (ฟาติมา เท็ค โพลนักโบราณคดีทางด้านถ้ำ) 822 00:56:08,035 --> 00:56:11,038 ฟาติมา เท็ค โพลผู้เชี่ยวชาญเรื่องถ้ำและนักโบราณคดี 823 00:56:11,121 --> 00:56:14,374 พาเราไปหนึ่งในที่พำนักของเทพเจ้าแห่งฝน 824 00:56:17,503 --> 00:56:21,089 บ่อเซโนเต้นี้แทบไม่มีใครรู้จักจนเมื่อไม่นานมานี้ 825 00:56:21,173 --> 00:56:24,801 ฟาติมา คุณช่วยบอกทีว่ามีความเกี่ยวพันอะไรระหว่างบ่อเซโนเต้ 826 00:56:24,885 --> 00:56:28,472 ถ้ำนี้และพิธีกรรมและความเชื่อของชาวมายา 827 00:56:29,556 --> 00:56:32,309 ที่นี่น่าสนใจเพราะเราจะเห็นได้ว่า 828 00:56:32,392 --> 00:56:36,021 ทั้งน้ำและถ้ำรวมกันอย่างไร 829 00:56:36,605 --> 00:56:39,024 และชาวมายาใช้สถานที่พวกนี้ทำพิธีกรรมอย่างไร 830 00:56:39,566 --> 00:56:45,656 คุณจะเห็นกำแพงที่ชวนให้คิดว่าชาวมายาเคยมาแสวงบุญที่นี่ 831 00:56:45,739 --> 00:56:47,783 และเคยเดินผ่านกำแพงพวกนี้ 832 00:56:47,866 --> 00:56:50,077 - เราเข้าไปได้ไหมครับ- ได้ค่ะ ไปกันเลย 833 00:56:58,585 --> 00:57:01,004 เพราะถ้ำพวกนี้เหมือนปากทางโลกบาดาล 834 00:57:01,588 --> 00:57:06,510 เราจะได้เห็นว่าพวกเขาเอารูปแบบธรรมชาติของถ้ำมาใช้ 835 00:57:06,593 --> 00:57:09,596 เพื่อทำพิธีกรรมฝากซากศพมนุษย์ 836 00:57:09,680 --> 00:57:13,809 ที่อาจเป็นบรรพบุรุษของครอบครัวชาวมายาครอบครัวหนึ่งอย่างไร 837 00:57:13,892 --> 00:57:17,396 - พวกเขามาจากยุคไหน- น่าจะยุคก่อนคลาสสิกค่ะ 838 00:57:19,648 --> 00:57:22,734 เราจะเห็นประตูใหญ่นี้ด้วย 839 00:57:22,818 --> 00:57:24,987 มันจะพาเราลึกลงไปในโลกบาดาล 840 00:57:26,113 --> 00:57:29,283 ตรงนี้มีอะไรที่น่าสนใจ... 841 00:57:35,205 --> 00:57:37,040 กระดูกนิ้วมือคน 842 00:57:38,083 --> 00:57:42,087 วางไว้ที่กำแพงส่วนนี้ 843 00:57:42,171 --> 00:57:47,050 ถ้าดูใกล้ๆ จะเห็นขี้เถ้าที่น่าจะเป็นการรักษาศพอย่างหนึ่ง 844 00:57:47,676 --> 00:57:50,679 ก่อนที่จะเอามาใส่ไว้ในกำแพง 845 00:57:50,762 --> 00:57:53,682 ปลอดภัยหรือเปล่าที่มนุษย์จะเข้าไปในโลกบาดาล 846 00:57:53,765 --> 00:57:55,058 ในพื้นที่ของพระเจ้า 847 00:57:55,142 --> 00:57:56,894 แน่นอนอยู่แล้ว 848 00:58:14,203 --> 00:58:18,040 เรากำหนดการเดินทางให้ตรงกับวันแห่งผู้ล่วงลับของเม็กซิโก 849 00:58:18,790 --> 00:58:21,502 สำหรับชาวมายาแล้วความตายเป็นความหมกมุ่น 850 00:58:22,461 --> 00:58:26,507 มีลายสลักที่ยาวไม่มีที่สิ้นสุดเป็นรูปกะโหลกเพียงอย่างเดียว 851 00:58:39,853 --> 00:58:42,481 เมืองเมริด้า ใจกลางสุสาน 852 00:58:43,023 --> 00:58:46,652 ทุกอย่างนี้อยู่ในเขตของหลุมอุกกาบาตชิคชูลูป 853 00:58:49,404 --> 00:58:52,950 คนตายลุกขึ้นจากหลุมไปร่วมวงกับคนเป็น 854 01:01:08,836 --> 01:01:14,883 (สวนในปราสาทกันดอลโฟที่พักฤดูร้อนของพระสันตะปาปา) 855 01:01:23,934 --> 01:01:25,811 เราอยู่ในสวนที่เงียบสงบ 856 01:01:25,894 --> 01:01:29,731 ในที่พักฤดูร้อนของพระสันตะปาปาปราสาทกันดอลโฟ 857 01:01:30,148 --> 01:01:33,861 แต่งานวิทยาศาสตร์ที่จริงจังก็กำลังทำกันอยู่ที่นี่ 858 01:01:35,112 --> 01:01:41,368 ที่นี่มีหอดูดาวที่มีชื่อเสียงเรื่องแผนที่ภาพถ่ายท้องฟ้า 859 01:01:42,786 --> 01:01:48,292 ใกล้ๆ กันมีทะเลสาบอัลบาโนมีปากปล่องภูเขาไฟที่น่าเกรงขาม 860 01:01:51,128 --> 01:01:55,424 ผู้อำนวยการเป็นนักบวชนิกายเยสุอิตคือบาทหลวงกาย คอนโซลมัญโญ่ 861 01:01:55,507 --> 01:01:57,676 (บาทหลวงกาย คอนโซลมัญโญ่นักวิทยาศาสตร์ด้านดาวเคราะห์) 862 01:01:57,759 --> 01:02:00,971 เขาเป็นหนึ่งในนักวิชาการชั้นแนวหน้าในเรื่องอุกกาบาต 863 01:02:01,972 --> 01:02:05,267 บาทหลวงกายครับที่ใจกลางของหอดูดาววาติกัน 864 01:02:05,350 --> 01:02:07,352 มีคอลเล็กชันชั้นยอดของอุกกาบาต 865 01:02:07,436 --> 01:02:09,188 คอลเล็กชันที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เสียด้วย 866 01:02:09,271 --> 01:02:10,439 ผมก็คิดเช่นนั้น 867 01:02:10,522 --> 01:02:13,567 ผมทำงานกับพวกมันมาเกือบ 30 ปี 868 01:02:13,650 --> 01:02:15,569 นี่เป็นเหตุผลที่คุณมาที่นี่หรือครับ 869 01:02:15,652 --> 01:02:17,613 ผมไม่ได้เลือกมาที่นี่นะ 870 01:02:17,696 --> 01:02:20,282 ผมมาตามศีลบนแห่งความนบนอบ 871 01:02:20,365 --> 01:02:23,202 ผมเคยเป็นนักวิทยาศาสตร์จากนั้นก็เข้าสู่คณะเยสุอิต 872 01:02:23,285 --> 01:02:26,955 ตอนแรกคิดว่าจะได้สอนเช่นในมหาวิทยาลัยอย่างจอร์จทาวน์ 873 01:02:27,039 --> 01:02:30,751 แต่ผู้ปกครองคณะก็ส่งผมมาที่กรุงโรม 874 01:02:30,834 --> 01:02:34,087 มากินอาหารไม่อร่อยและดูวิวแย่ๆ 875 01:02:34,171 --> 01:02:37,424 และก็มีคอลเล็กชันของอุกกาบาตนับพัน 876 01:02:37,508 --> 01:02:39,968 พวกเขาไม่รู้มาก่อนว่ามีอุกกาบาตที่นี่ 877 01:02:40,052 --> 01:02:43,138 พวกเขาไม่รู้ว่าผมเชี่ยวชาญเรื่องอุกกาบาต 878 01:02:43,222 --> 01:02:46,099 มันเป็นความบังเอิญของพระเจ้า 879 01:02:46,183 --> 01:02:48,644 มันน่าทึ่งมากที่เรามีอุกกาบาต 880 01:02:48,727 --> 01:02:53,023 ที่เรามีชิ้นส่วนของอะไรจากนอกโลกที่มาเยี่ยมเยียนเราที่โลก 881 01:02:53,106 --> 01:02:55,400 และเราก็บอกได้ว่ามันไม่ได้มาจากโลกนี้ 882 01:02:55,484 --> 01:02:58,403 ว่ามันเกิดจากอะไรบางอย่างที่ต่างกันทางเคมีโดยสิ้นเชิง 883 01:02:58,487 --> 01:03:01,073 และมันเกิดขึ้นเมื่อ 4.5 พันล้านปีที่แล้ว 884 01:03:01,156 --> 01:03:04,243 ว่าการที่เราสามารถเข้าใจมันได้ 885 01:03:04,326 --> 01:03:05,994 ก็เป็นปาฏิหาริย์แล้ว 886 01:03:06,703 --> 01:03:11,166 คุณคิดว่ามันเป็นไปได้ไหมที่จะมีสิ่งมีชีวิตที่อื่นในจักรวาล 887 01:03:11,250 --> 01:03:14,253 และชีวิตบนโลกใบนี้อาจจะเริ่มมาจากที่อื่น 888 01:03:14,336 --> 01:03:17,381 มันเป็นไปได้ครับ แต่ผมก็ไม่รู้ผมไม่มีข้อมูล 889 01:03:17,464 --> 01:03:19,675 บางทีมีคนถามผม 890 01:03:19,758 --> 01:03:22,219 ว่าผมเชื่อไหมว่ามีสิ่งมีชีวิตที่อื่นในจักรวาล 891 01:03:22,302 --> 01:03:24,429 ผมว่าเป็นการถามที่ถูกต้อง 892 01:03:24,513 --> 01:03:27,850 มันเป็นเรื่องของความเชื่อผมไม่มีข้อมูล 893 01:03:28,559 --> 01:03:30,644 แต่ถ้าคุณมาหาผมอย่างนักวิทยาศาสตร์ 894 01:03:30,727 --> 01:03:32,771 มาบอกผมว่าคุณอยากจะค้นหาชีวิต 895 01:03:32,855 --> 01:03:35,148 และบอกว่าคุณมีโครงการที่ดีผมจะบอกว่า "เอาเลย" 896 01:03:35,232 --> 01:03:37,150 ในทางกลับกันถ้าคุณบอกว่าคุณอยากศึกษา 897 01:03:37,234 --> 01:03:39,820 มนุษย์ต่างดาวตัวเขียวที่ออกมาจากยูเอฟโอ 898 01:03:39,903 --> 01:03:42,322 ผมไม่แน่ใจว่าผมจะสนับสนุนคุณ 899 01:03:42,406 --> 01:03:47,035 ถ้ามนุษย์ต่างดาวตัวเขียวมาที่โลกคุณจะรับเขาเข้าเป็นชาวคริสต์ไหม 900 01:03:47,452 --> 01:03:48,745 ถ้าเขาขอนะครับ 901 01:03:50,831 --> 01:03:54,835 บาทหลวงกายเชิญเราไปดูกล้องโทรทรรศน์ในประวัติศาสตร์ 902 01:03:54,918 --> 01:03:57,588 ได้รับหน้าที่ถ่ายภาพท้องฟ้าทั้งหมด 903 01:03:57,671 --> 01:03:59,298 และทำแผนที่ภาพถ่าย 904 01:03:59,798 --> 01:04:02,801 ทำไมในตลอดประวัติศาสตร์และทั่วทุกมุมโลก 905 01:04:02,885 --> 01:04:06,597 คนถึงคิดว่าสวรรค์อยู่ข้างบน 906 01:04:07,973 --> 01:04:09,641 ผมก็ไม่รู้ แต่มันเป็นความจริง 907 01:04:09,725 --> 01:04:11,518 มีหลายภาษาเลย 908 01:04:11,602 --> 01:04:14,605 ที่คำว่า "ท้องฟ้า" กับ "สวรรค์"เป็นคำๆ เดียวกัน 909 01:04:15,939 --> 01:04:17,149 ผมคิดออกแค่นี้... 910 01:04:17,232 --> 01:04:20,611 บางทีผู้เชี่ยวชาญสักคนอาจจะมีคำตอบที่ดีกว่านี้... 911 01:04:20,694 --> 01:04:24,364 ที่ผมคิดออกก็คือ การมองดวงดาว 912 01:04:24,448 --> 01:04:29,745 ทำให้คุณรู้สึกเหมือนออกมานอกตัวเอง 913 01:04:29,828 --> 01:04:32,623 ทำให้พร้อมที่จะพบพระเจ้า 914 01:04:33,790 --> 01:04:35,918 เวลาคุณเห็นดาวตก 915 01:04:36,001 --> 01:04:40,088 คุณว่ามันน่าสนในใจเชิงวิทยาศาสตร์หรือคุณอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ 916 01:04:40,172 --> 01:04:42,299 ทั้งสองอย่างครับ 917 01:04:43,634 --> 01:04:48,055 เอาเข้าจริงเพราะผมรู้จักวิทยาศาสตร์ผมก็เลยยิ่งทึ่ง 918 01:04:48,805 --> 01:04:51,558 การที่จะพูดว่า "แสงนั่นสวยจัง" 919 01:04:51,642 --> 01:04:52,935 มันไม่เหมือนกับการพูดว่า 920 01:04:53,018 --> 01:04:55,562 "ผมรู้ว่าแสงนั้นประกอบด้วยอะไรบ้าง 921 01:04:55,646 --> 01:04:57,773 ผมรู้ว่าทำไมมันถึงสีนั้น 922 01:04:57,856 --> 01:05:00,817 ผมรู้ว่าผมจะเรียนรู้จากมันได้ 923 01:05:00,901 --> 01:05:03,612 ผมหวังว่าจะมีกล้องถ่ายรูปมันไว้ได้เพื่อที่ผมจะได้ตรวจวัดมัน 924 01:05:03,695 --> 01:05:06,073 ไม่ใช่แค่พูดว่า 'สวยจังเลย' 925 01:05:06,156 --> 01:05:10,285 แต่พูดว่า 'มันกำลังบอกผมเรื่องฝุ่นจากดาวหาง' 926 01:05:10,369 --> 01:05:15,040 กลุ่มฝุ่นที่หลงเหลืออยู่หลังดาวหางที่โลกกำลังพุ่งเข้าหา 927 01:05:15,123 --> 01:05:17,709 ราวกับหิมะที่พุ่งลงมาใส่กระจกหน้ารถยนต์ของคุณ 928 01:05:17,793 --> 01:05:21,880 มันคือแสงที่มากระทบชั้นบรรยากาศของเรา" 929 01:05:22,840 --> 01:05:27,344 และสิ่งเหล่านั้นเพิ่มความสุขไม่ได้ทำให้ลดน้อยลงไป 930 01:05:27,427 --> 01:05:31,223 มันทำให้นึกถึงการไม่หยุดนิ่งของลำดับความรู้ต่างๆ 931 01:05:31,306 --> 01:05:35,352 เหตุผลและบทกวีจินตนาการและปัญญา 932 01:05:35,435 --> 01:05:39,523 สำหรับผมคุณต้องเรียบเรียงกระบวนการคิด 933 01:05:39,606 --> 01:05:43,902 เพื่อรับมือกับเรื่องใหญ่ๆอย่างเรื่องจักรวาล 934 01:05:43,986 --> 01:05:46,530 เช่นเดียวกับเพื่อเรื่องใกล้ตัวอย่างเรื่องจิตวิญญาณ 935 01:05:47,406 --> 01:05:50,742 คุณไม่สามารถทำอย่างหนึ่งและไม่ทำอีกอย่างหนึ่งได้ 936 01:05:51,159 --> 01:05:52,911 คุณจะทำงานวิทยาศาสตร์ไม่ได้... 937 01:05:52,995 --> 01:05:55,080 คุณไม่อยากทำงานวิทยาศาสตร์ 938 01:05:55,163 --> 01:06:00,002 ถ้าคุณไม่ทึ่งและไม่รู้สึกอัศจรรย์ใจ 939 01:06:00,752 --> 01:06:04,506 คุณไม่สามารถเชื่อในพระเจ้าผู้สร้าง 940 01:06:04,590 --> 01:06:07,301 ถ้าคุณไม่เคยสัมผัสกับการสร้าง 941 01:06:07,759 --> 01:06:09,970 ไม่อย่างนั้นเราจะเชื่อไปทำไม 942 01:06:11,138 --> 01:06:14,516 ผมทราบว่าคุณพูดไว้ในช่วงยุค 70ตอนเป็นนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา 943 01:06:14,600 --> 01:06:16,268 ตอนที่เห็นดาวหางเวสต 944 01:06:16,351 --> 01:06:20,647 คุณว่า "น่าประทับใจมั้ยไม่เลย น่ากลัวมากกว่า" 945 01:06:20,731 --> 01:06:23,442 คุณบอกว่ามันทำให้คุณสั่นไปทั้งตัวทำไมครับ 946 01:06:24,651 --> 01:06:26,695 มีดาวหางอยู่บนฟ้า 947 01:06:26,778 --> 01:06:30,282 เหมือนกับรูปถ่ายดาวหางทุกรูปที่คุณเคยเห็น 948 01:06:30,365 --> 01:06:33,619 อะไรที่คุณเคยคิดว่ามีแต่ในรูป 949 01:06:33,702 --> 01:06:35,245 และไม่สมควรมีอยู่จริง 950 01:06:35,329 --> 01:06:37,289 มันใหญ่และน่ากลัว 951 01:06:37,372 --> 01:06:40,042 และมันไม่อยู่ที่นั่นเมื่อวานนี้คุณถามตัวเองว่า "มันเกิดอะไรขึ้นนะ" 952 01:06:41,001 --> 01:06:44,755 แล้วคุณก็เข้าใจว่าทำไมคนโบราณถึงเห็นดาวหาง 953 01:06:44,838 --> 01:06:50,135 เป็นลางบอกอะไรที่น่ากลัวและแตกต่างออกไปมากๆ 954 01:06:50,802 --> 01:06:55,349 คริสตจักรจะมีปฏิกิริยาอย่างไรหากกล้องโทรทรรศน์ขององค์การนาซา 955 01:06:55,432 --> 01:06:59,311 ตรวจพบวัตถุที่น่ากลัวกำลังพุ่งตรงมาที่โลก 956 01:06:59,937 --> 01:07:03,815 เอาจริงๆ เลยนะ เราก็จะสวดมนต์จะทำอะไรได้อีก 957 01:07:05,609 --> 01:07:08,028 (วันสิ้นโลก ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย) 958 01:07:08,111 --> 01:07:10,781 ผมอยากให้คุณดูหนังฉากนี้ 959 01:07:10,864 --> 01:07:13,742 ที่ความกลัวทางกายและอัตถิภาวนิยม 960 01:07:13,825 --> 01:07:16,912 เป็นสิ่งที่ผู้ชมที่กำลังตัวสั่นคิดว่าน่าสนุก 961 01:07:17,371 --> 01:07:19,164 มันทำออกมาได้ดีมาก 962 01:07:54,116 --> 01:07:56,785 นอกจากบทสวดของบาทหลวงกายแล้ว 963 01:07:56,869 --> 01:07:59,913 ยังมีมาตรการเชิงปฏิบัติอยู่แล้ว 964 01:08:00,497 --> 01:08:02,457 เราอยู่ที่แพนสตาร์ส... 965 01:08:02,541 --> 01:08:04,418 (หอดูดาวแพนสตาร์สภูเขาไฟฮาเลอาคาลา รัฐฮาวาย) 966 01:08:04,501 --> 01:08:07,963 ย่อมาจาก Panoramic Survey Telescopeand Rapid Response System 967 01:08:08,046 --> 01:08:11,633 ตั้งอยู่ที่เกาะเมาอีในฮาวาย 968 01:08:11,717 --> 01:08:13,886 โอเค ปล่อยเบรกแล้วนะ 969 01:08:13,969 --> 01:08:15,554 (ดอนน่า โรห์เรอร์ช่างประจำกล้องโทรทรรศน์แพนสตาร์ส) 970 01:08:15,637 --> 01:08:17,639 ทุกคนยืนห่างเอาไว้นะฉันจะเอามันลงมา 971 01:08:17,723 --> 01:08:21,602 นี่คือกล้องโทรทรรศน์ในระหว่างการบำรุงรักษา 972 01:08:44,582 --> 01:08:46,417 งั้นก็เอาตามนั้น 973 01:08:46,502 --> 01:08:48,962 - ฉันจะลองดู- โอเค 974 01:08:49,046 --> 01:08:50,339 (ศูนย์ปฏิบัติการแพนสตาร์ส) 975 01:08:52,424 --> 01:08:54,676 ดร.โจแอนนา บัลเจอร์ได้รับความไว้วางใจ... 976 01:08:54,760 --> 01:08:56,470 (โจแอนนา บัลเจอร์สถาบันดาราศาสตร์ รัฐฮาวาย) 977 01:08:56,553 --> 01:08:58,596 ให้ดูแลความปลอดภัยของมนุษยชาติ 978 01:09:01,850 --> 01:09:04,895 และเพื่อนร่วมงานของเธอดร.มาร์ค วิลล์แมน 979 01:09:05,812 --> 01:09:09,066 แค่เห็นหน้าก็รู้สีกมั่นใจขึ้นมาก 980 01:09:09,149 --> 01:09:10,901 (มาร์ค วิลล์แมนสถาบันดาราศาสตร์ รัฐฮาวาย) 981 01:09:14,071 --> 01:09:17,448 พวกเขาอนุญาตให้เรารบกวนการอยู่ยามกลางคืนของพวกเขา 982 01:09:17,533 --> 01:09:19,868 - สวัสดีครับ- อ้อ สวัสดีไคล์ฟ 983 01:09:19,952 --> 01:09:22,371 - เจอตัวแล้ว การอยู่ยามกลางคืน- เป็นไงบ้างคะ 984 01:09:22,453 --> 01:09:24,997 - มาทางนี้ นั่งนี่เลยค่ะ- เชิญนั่งครับ 985 01:09:25,624 --> 01:09:30,546 นี่กำลังป้องกันเราจากหินจากอวกาศที่อาจมีเจตนาร้ายสินะ 986 01:09:30,629 --> 01:09:32,840 เรากำลังดูอยู่แต่ต้องปิดไป 987 01:09:32,923 --> 01:09:34,800 เพราะความชื้นสูงขึ้นมาก 988 01:09:34,883 --> 01:09:37,051 ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 90% 989 01:09:37,135 --> 01:09:39,680 และเราต้องปิดที่ 85เพิ่งป้องกันกระจก 990 01:09:39,763 --> 01:09:42,057 เราไม่ต้องการความชื้นบนกระจก 991 01:09:42,140 --> 01:09:45,560 คุณสื่อสารกับผู้ควบคุมที่กล้องดูดาวอย่างไร 992 01:09:45,644 --> 01:09:49,398 คือว่า... เรานี่แหละผู้ควบคุม 993 01:09:49,481 --> 01:09:52,317 ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่ยอดนี่เป็นการสังเกตการณ์ระยะไกล 994 01:09:52,401 --> 01:09:54,945 มันล้าสมัยแล้วที่จะต้องไปที่ยอด 995 01:09:55,028 --> 01:09:56,488 มันตั้ง 10,000 ฟุต 996 01:09:56,572 --> 01:09:59,157 อยู่ที่นี่ที่ 2,000 ฟุตสบายกว่าเยอะ 997 01:10:00,659 --> 01:10:01,952 แล้วนี่อะไรบ้างครับ 998 01:10:02,035 --> 01:10:04,371 ที่จอนี่คงเป็นท้องฟ้าเวลากลางคืน 999 01:10:04,454 --> 01:10:06,039 ใช่ครับ นี่แผนที่ท้องฟ้า 1000 01:10:06,123 --> 01:10:08,166 คุณจะเห็นว่ามีจุดสูงสุด 1001 01:10:08,250 --> 01:10:10,752 อยู่ตรงเหนือศีรษะและนี่คือกล้องโทรทรรศน์ 1002 01:10:11,879 --> 01:10:15,007 และนี่คือเป้าหมายเราจะจับตาดู 1003 01:10:15,090 --> 01:10:16,842 เราถ่ายรูปประมาณ 60 รูป 1004 01:10:16,925 --> 01:10:21,805 และเราถ่ายจุดเดิมบนท้องฟ้าสี่รูป 1005 01:10:21,889 --> 01:10:24,808 เพื่อที่จะได้หนังสั้นขนาดสี่รูป 1006 01:10:24,892 --> 01:10:27,019 เพื่อที่จะสามารถแยกเป้าหมายเคลื่อนที่ด้วยวิธีนั้น 1007 01:10:27,102 --> 01:10:29,146 คุณมีกล้องที่ใหญ่ที่สุดในโลก 1008 01:10:29,229 --> 01:10:30,480 - ใช่ไหมครับ- ใช่ครับ 1009 01:10:30,564 --> 01:10:31,982 ผมมีกล้อง 12 ล้านพิกเซล 1010 01:10:32,065 --> 01:10:34,151 - 12 ล้านพิกเซลเหรอ- กล้องคุณเท่าไหร่ 1011 01:10:34,234 --> 01:10:37,321 กล้องเรามากกว่าพันล้านพิกเซล 1012 01:10:37,404 --> 01:10:40,282 มัน... ใหญ่กว่ามากๆ 1013 01:10:40,365 --> 01:10:44,328 ใหญ่กว่า...กล้องของผู้บริโภคทั่วไปมาก 1014 01:10:46,496 --> 01:10:48,957 มีอะไรในรูปนี้หรือครับ 1015 01:10:49,041 --> 01:10:51,043 - ใช่การเรียงตัวของพิกเซลหรือเปล่า- ใช่ค่ะ 1016 01:10:51,126 --> 01:10:53,337 นี่คือภาพที่เราถ่าย 1017 01:10:53,420 --> 01:10:56,215 เปิดรับแสง 45 วินาที 1018 01:10:56,298 --> 01:11:01,053 คุณจะเห็นขนาดของกล้องด้วย 1019 01:11:02,346 --> 01:11:05,724 มัน... เราจะ...เราได้มุมมองสามองศา 1020 01:11:05,807 --> 01:11:08,352 หรือประมาณเจ็ดตารางองศาบนท้องฟ้า 1021 01:11:08,936 --> 01:11:11,355 ตัวกล้องนั้นถูกต่อเข้าด้วยกัน 1022 01:11:11,438 --> 01:11:16,026 ด้วยการเรียงแบบแปดคูณแปดของอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำที่สื่อสารได้ 1023 01:11:16,527 --> 01:11:19,404 ดังนั้นถ้าคุณ...เราก็จะเลือกรูปใดก็ได้ 1024 01:11:19,488 --> 01:11:21,198 - รูปนี้แล้วกัน- นั่นอะไรครับ 1025 01:11:21,281 --> 01:11:23,325 - ดาวตกใช่ไหมครับนั่น- ที่นี่หรือคะ 1026 01:11:23,408 --> 01:11:27,287 ไม่ใช่ นั่นคือดาวเทียมสองดวงที่พบในมุมมองของเรา 1027 01:11:27,704 --> 01:11:29,873 มันเป็นงานที่น่าพอใจ เพราะว่า... 1028 01:11:32,417 --> 01:11:36,004 เราไม่อยากสูญพันธุ์เหมือนไดโนเสาร์และ... 1029 01:11:36,088 --> 01:11:38,173 มันจึงคุ้มที่คอยระวังอะไรพวกนี้ 1030 01:11:38,257 --> 01:11:43,345 แม้ว่ามันเป็นได้น้อยมากที่จะมีอะไรใหญ่ๆ มาชนเราในเร็วๆ นี้ 1031 01:11:44,096 --> 01:11:47,140 แต่ไม่ช้าก็เร็วก็จะมีตัวใหญ่มา 1032 01:11:47,224 --> 01:11:49,309 เราก็เลยต้องมาเฝ้าอยู่นี่ 1033 01:11:50,769 --> 01:11:53,272 ผมรู้สึกว่าผมคงหลับสบายขึ้น 1034 01:11:53,355 --> 01:11:56,650 เมื่อรู้ว่ามีคนอยู่ยามกะกลางคืนอยู่เสมอ 1035 01:11:56,733 --> 01:12:00,112 คอยมองหาอุกกาบาตที่กำลังพุ่งเข้ามามันวิเศษมาก 1036 01:12:00,195 --> 01:12:02,322 ปีละ 365 วัน ทุกคืนเลยค่ะ 1037 01:12:02,406 --> 01:12:04,658 ขอบคุณมากจริงๆ ครับที่คอยคุ้มครองพวกเรา 1038 01:12:05,284 --> 01:12:07,369 - ยินดีครับ เป็นเกียรติมาก- ใช่ค่ะ 1039 01:12:07,953 --> 01:12:12,040 รูปถ่ายท้องฟ้าตอนกลางคืนจะถูกวิเคราะห์โดย ดร.ร็อบ เวริค 1040 01:12:12,124 --> 01:12:13,917 (ร็อบ เวริคสถาบันดาราศาสตร์ รัฐฮาวาย) 1041 01:12:14,001 --> 01:12:16,211 นักวิจัยด้านการปกป้องโลกจากแคนาดา 1042 01:12:17,462 --> 01:12:20,299 ผมไม่อยากเชื่อเลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่คุณขึ้นมาที่กล้องโทรทรรศน์ 1043 01:12:20,382 --> 01:12:23,677 ปรกติผมดูเรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลและตรวจสอบวัตถุอันตรายที่กล้องเจอ 1044 01:12:23,760 --> 01:12:25,679 ผมดีใจที่มีโอกาสขึ้นมาดูกล้องโทรทรรศน์ 1045 01:12:25,762 --> 01:12:29,057 เหมือนกับการเจอน้องชายที่ไม่เคยเจอมาก่อนไหม 1046 01:12:29,141 --> 01:12:30,517 คงจริงครับ 1047 01:12:30,601 --> 01:12:33,979 ผลสุดท้ายพวกเขาก็เปิดกล้องได้ตอนเกือบเช้าประมาณชั่วโมงครึ่ง 1048 01:12:34,062 --> 01:12:36,398 เราได้วิเคราะห์ข้อมูลเมื่อเช้านี้ 1049 01:12:36,481 --> 01:12:38,901 และผมเจอวัตถุอันตรายหกชิ้น 1050 01:12:38,984 --> 01:12:40,277 "เรา" ก็คือ "คุณ" คุณเจอมัน 1051 01:12:40,360 --> 01:12:42,070 เป็นความดีความชอบของทีมครับ 1052 01:12:42,154 --> 01:12:43,822 แต่ผมเป็นคนวิเคราะห์ ก็เลย... 1053 01:12:43,906 --> 01:12:46,283 วัตถุอันตรายที่น่าตื่นเต้นที่สุดที่คุณเคยเจอคืออะไรครับ 1054 01:12:46,366 --> 01:12:49,369 วัตถุที่น่าตื่นเต้นที่สุดที่เราเจอกลายเป็นที่รู้จักในนามโอมูอามูอา 1055 01:12:49,453 --> 01:12:51,330 มันคือดาวหางระหว่างดวงดาวดวงแรก 1056 01:12:51,413 --> 01:12:53,707 เป็นดาวหางที่มาจากระบบสุริยะอื่น 1057 01:12:53,790 --> 01:12:56,335 เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นอะไรแบบนั้น 1058 01:12:56,418 --> 01:12:57,586 โอมูอามูอาหรือครับ 1059 01:12:57,669 --> 01:12:59,880 โอมูอามูอา เป็นคำในภาษาฮาวายครับ 1060 01:12:59,963 --> 01:13:01,965 แปลว่า "ผู้ส่งสาส์นคนแรกจากแดนไกล" 1061 01:13:02,049 --> 01:13:03,050 โอเค 1062 01:13:03,759 --> 01:13:05,844 มันเป็นกระบวนการสองขั้นตอน 1063 01:13:05,928 --> 01:13:09,306 โปรแกรมคอมพิวเตอร์ไม่สมบูรณ์แบบจึงต้องมีการตรวจสอบด้วยตนเอง 1064 01:13:09,389 --> 01:13:10,849 และนี่ก็คือหน้าที่ของผม 1065 01:13:10,933 --> 01:13:14,478 ความรับผิดชอบหลักของผมคือวิเคราะห์สิ่งที่เจอในตอนกลางคืน 1066 01:13:14,561 --> 01:13:16,313 สิ่งที่มีอยู่จริง 1067 01:13:16,396 --> 01:13:20,400 จะขึ้นมาเป็นจุดๆ หรือมีรอยเป็นทาง 1068 01:13:20,484 --> 01:13:22,653 คุณเป็นคนแรกที่เห็นมันหรือเปล่า 1069 01:13:22,736 --> 01:13:25,322 ใช่ครับ ขณะที่นักสังเกตการณ์คอยเก็บข้อมูล 1070 01:13:25,405 --> 01:13:28,492 ผมเป็นคนแรกของโลกที่ได้เห็นและวิเคราะห์มัน 1071 01:13:28,575 --> 01:13:30,452 และผมจะส่งสัญญาณเตือนภัย 1072 01:13:30,536 --> 01:13:32,871 ถ้ามีอะไรที่เป็นอันตรายต่อโลก 1073 01:13:34,498 --> 01:13:37,543 สัญญาณเตือนภัยจะส่งถูกไปที่ 1074 01:13:37,626 --> 01:13:41,255 หน่วยงานปกป้องโลกขององค์การนาซา 1075 01:13:42,089 --> 01:13:44,132 มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าหน่วยงานนี้มีอยู่จริง 1076 01:13:44,216 --> 01:13:45,801 (หน่วยงานปกป้องโลก) 1077 01:13:45,884 --> 01:13:48,887 ผู้ดูแลที่นี่คือดร.เคลลี่ ฟาสท์ นักดาราศาสตร์ 1078 01:13:48,971 --> 01:13:49,972 (เคลลี่ ฟาสท์นักดาราศาสตร์) 1079 01:13:50,347 --> 01:13:52,516 ผมเคยได้ยินว่าคุณเรียกดาวเคราะห์น้อย 1080 01:13:52,599 --> 01:13:54,101 ว่าสิ่งที่น่ารังเกียจในระบบสุริยะจักรวาล 1081 01:13:54,184 --> 01:13:55,769 ทำไมเรียกแบบนั้นครับ 1082 01:13:56,478 --> 01:14:01,108 นักดาราศาสตร์ที่มองไปที่อื่นที่ไม่ใช่ที่ดาวเคราะห์น้อย 1083 01:14:02,192 --> 01:14:03,652 อาจกำลังมองไปที่เป้าหมายของเขาอยู่ 1084 01:14:03,735 --> 01:14:08,031 แล้วดาวเคราะห์น้อยก็มักจะเข้ามาบังอะไรที่ดูอยู่ 1085 01:14:08,115 --> 01:14:11,118 คือถ้าคุณกำลังมองอย่างอื่นอยู่ 1086 01:14:11,201 --> 01:14:13,412 มันก็จะกลายเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจในระบบสุริยะจักรวาล 1087 01:14:14,121 --> 01:14:15,873 จากมุมมองขององค์การนาซา 1088 01:14:15,956 --> 01:14:20,586 มันเยี่ยมมากในทางวิทยาศาสตร์และเป็นเป้าหมายที่ดีของยานอวกาศ 1089 01:14:20,669 --> 01:14:22,421 แต่เราก็ต้องคอยระวังมันอยู่เสมอ 1090 01:14:22,504 --> 01:14:27,009 เพราะมันไม่ใช่เรื่องดีที่มีสองอย่างอยู่ในที่เดียวกัน เวลาเดียวกัน 1091 01:14:27,092 --> 01:14:30,804 เราจึงต้องรู้ว่ามันจะเข้ามาขวางวงโคจรของโลก 1092 01:14:30,888 --> 01:14:33,307 ในตอนที่โลกจะอยู่ที่นั่นหรือเปล่า 1093 01:14:33,390 --> 01:14:35,976 มีฝุ่นตกลงมาในชั้นบรรยากาศของโลกตลอดเวลา 1094 01:14:36,059 --> 01:14:37,936 เราเห็นดาวตก 1095 01:14:38,020 --> 01:14:39,980 ซึ่งก็คือฝุ่นที่เผาไหม้ในชั้นบรรยากาศ 1096 01:14:40,063 --> 01:14:43,025 แต่เมื่อมันมีขนาดใหญ่ขึ้น 1097 01:14:43,108 --> 01:14:45,903 ถึงขนาดดาวเคราะห์น้อย... 1098 01:14:47,070 --> 01:14:49,865 ชั้นบรรยากาศโลกทำหน้าที่เผาไหม้ได้ดีมาก 1099 01:14:49,948 --> 01:14:52,159 แต่ถ้ามันใหญ่เกินไปมันก็จะเผาไหม้ได้ไม่หมด 1100 01:14:52,242 --> 01:14:55,454 อย่างที่เมืองเชเลียบินสค์ขนาด 20 เมตร นั่นคือการทำลายล้าง 1101 01:14:56,246 --> 01:14:58,707 เมืองตุงกุสคา ประเทศไซบีเรียปี 1908 1102 01:14:58,790 --> 01:15:02,002 น่าจะเป็นดาวเคราะห์น้อยขนาด 40 เมตร 1103 01:15:02,085 --> 01:15:04,296 (เมืองตุงกุสคา ประเทศไซบีเรียปี 1908) 1104 01:15:04,379 --> 01:15:08,342 ต้นไม้ 80 ล้านต้นพังราบจากการระเบิด 1105 01:15:08,425 --> 01:15:13,096 แต่เราหาชิ้นส่วนของดาวเคราะห์น้อยไม่เจอแม้แต่ชิ้นเดียว 1106 01:15:16,225 --> 01:15:19,937 การป้องกันล่ะครับ เราจะทำอย่างไรถ้ามีอะไรใหญ่ๆ พุ่งเข้ามาหาเรา 1107 01:15:20,020 --> 01:15:21,980 เราทำอะไรได้บ้างครับ 1108 01:15:22,064 --> 01:15:24,691 การป้องกันที่ดีที่สุดคือการเตรียมพร้อม 1109 01:15:24,775 --> 01:15:26,652 ต้องเริ่มการหามันให้เจอก่อน... 1110 01:15:26,735 --> 01:15:29,363 คุณไม่รู้ว่าจะต้องป้องกันอย่างไรจนกว่าคุณจะเจอมัน 1111 01:15:29,446 --> 01:15:31,490 นั่นคือขั้นแรกเลย 1112 01:15:31,573 --> 01:15:34,076 เราทำการสำรวจพื้นผิวตลอดเวลา 1113 01:15:34,535 --> 01:15:36,203 ลองคิดดูนะคะ 1114 01:15:36,286 --> 01:15:37,120 มีดวงอาทิตย์ 1115 01:15:37,204 --> 01:15:39,957 มีโลกและดาวเคราะห์ดวงอื่นๆที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ 1116 01:15:40,040 --> 01:15:41,208 เหมือนกับสนามแข่งรถ 1117 01:15:41,291 --> 01:15:44,169 แล้วก็มีดาวเคราะห์น้อยเยอะแยะที่โคจรรอบดวงอาทิตย์อยู่ในสนามด้วย 1118 01:15:44,253 --> 01:15:47,005 มีหลายครั้งที่มันเข้ามาใกล้กัน 1119 01:15:47,089 --> 01:15:49,925 จริงๆ แล้วมันบ่อยเลยทีเดียวที่เราเรียกว่า "เฉียด" 1120 01:15:50,008 --> 01:15:53,011 เวลาที่ดาวเคราะห์น้อยเข้ามาใกล้โลก ซึ่ง... 1121 01:15:53,095 --> 01:15:56,390 ที่ว่าใกล้ก็ยังไกลกว่าระยะห่างของดวงจันทร์หลายเท่า 1122 01:15:56,849 --> 01:15:58,517 แต่สมมติว่ามันใหญ่มาก 1123 01:15:58,600 --> 01:16:02,062 ว่ามันเป็นดาวเคราะห์น้อยดวงใหญ่และเรามีเวลาไม่มาก 1124 01:16:02,688 --> 01:16:05,148 มีหนังหลายเรื่องที่บอกว่าให้ระเบิดมัน 1125 01:16:05,232 --> 01:16:06,233 (วันสิ้นโลก ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย) 1126 01:16:06,316 --> 01:16:09,361 จริงๆ แล้วไม่ต้องทำแบบนั้นแต่เราก็ต้องผลักมันออกไป 1127 01:16:09,444 --> 01:16:12,823 อาจจะใช้อุปกรณ์ระเบิดนิวเคลียร์ 1128 01:16:12,906 --> 01:16:14,283 อย่างที่ใช้ในหนังบางเรื่อง 1129 01:16:14,366 --> 01:16:18,245 แต่แค่ระเบิดใกล้ๆ กับดาวเคราะห์น้อยนั้น 1130 01:16:18,328 --> 01:16:23,375 และพลังงานจากระเบิดก็จะฉาบพื้นผิว 1131 01:16:23,458 --> 01:16:26,211 และสิ่งที่กระเด็นออกจากพื้นผิวของดาวเคราะห์น้อย 1132 01:16:26,295 --> 01:16:28,297 ก็จะผลักมันไปทางอื่น 1133 01:16:30,340 --> 01:16:32,593 วิธีที่อ่อนโยนกว่าและไม่รุนแรงวิธีหนึ่ง... 1134 01:16:32,676 --> 01:16:34,052 (ดาวเคราะห์น้อยรีวงูขนาดหนึ่งกิโลเมตร) 1135 01:16:34,136 --> 01:16:38,307 ถูกนำมาใช้กับดาวเคราะห์น้อยรีวงูโดยยานสำรวจอวกาศไร้คนขับ 1136 01:16:39,391 --> 01:16:41,602 ไม่ว่าดาวเคราะห์น้อยจะเล็กแค่ไหน 1137 01:16:41,685 --> 01:16:46,815 เราก็จะบอกได้จากขนาดของเงาที่ยานสำรวจฉายลงไปที่พื้นผิวของมัน 1138 01:16:49,651 --> 01:16:53,906 มีแรงโน้มถ่วงน้อยมากแม้แต่การลงจอดที่นิ่มนวลที่สุด 1139 01:16:53,989 --> 01:16:58,702 ก็ยังทำให้ชิ้นส่วนจำนวนมากกระเด็นออกไปในอวกาศ 1140 01:17:00,621 --> 01:17:03,749 ที่นี่เองที่เราเห็นว่าอุกกาบาตเกิดขึ้นได้อย่างไร 1141 01:17:05,042 --> 01:17:08,962 ยานสำรวจกำลังเดินทางกลับโลก 1142 01:17:09,046 --> 01:17:12,799 และตักเศษดาวเคราะห์น้อยมาด้วยหนึ่งกรัม 1143 01:17:13,842 --> 01:17:18,138 แต่สำหรับตัวอย่างที่ใหญ่กว่านั้นทวีปแอนตาร์กติกาคือสวรรค์ 1144 01:17:21,767 --> 01:17:25,062 ไม่ใช่ว่ามีหินตกลงมาที่นี่มากกว่าที่อื่นหรอกนะ 1145 01:17:25,812 --> 01:17:31,401 แต่เราเห็นมันได้ง่ายบนน้ำแข็งที่ครอบคลุมเกือบทั้งทวีป 1146 01:17:31,485 --> 01:17:34,571 ที่ใหญ่กว่าประเทศสหรัฐอเมริกาอีก 1147 01:17:35,989 --> 01:17:41,078 เราได้รับเชิญให้ไปร่วมการค้นหาจากคณะนักวิทยาศาสตร์เกาหลี 1148 01:17:41,745 --> 01:17:44,498 สถานีของพวกเขาที่ชื่อจังโบโก... 1149 01:17:44,581 --> 01:17:45,832 (สถานีจังโบโกทวีปแอนตาร์กติกา) 1150 01:17:45,916 --> 01:17:49,837 ที่ชายฝั่งแอนตาร์กติกาตะวันออกมีคนอยู่ประมาณ 50 คน 1151 01:17:53,048 --> 01:17:57,052 ฤดูร้อนของซีกโลกใต้ยาวนานกว่าห้าเดือน 1152 01:17:57,469 --> 01:18:00,013 ซึ่งในช่วงเวลานี้พระอาทิตย์จะไม่ตกดินเลย 1153 01:18:03,183 --> 01:18:06,895 ข้างในกว้างกว่าที่เราคิด 1154 01:18:08,522 --> 01:18:13,610 ห่างออกไปไม่กี่ไมล์ ชายหกคนจากการเดินทางครั้งสุดท้ายของสก็อตต์ 1155 01:18:13,694 --> 01:18:19,825 ต้องทนกับฤดูหนาวอยู่ในถ้ำหิมะขนาดเพียงเก้าฟุต 1156 01:18:20,659 --> 01:18:23,620 พวกเขาอดอยากและหนาวเหน็บอยู่ในความสกปรก 1157 01:18:23,704 --> 01:18:28,417 มีชีวิตรอดอยู่ได้จากเนื้อแมวน้ำและขนมปังกรอบวันละหนึ่งชิ้น 1158 01:18:29,418 --> 01:18:31,837 จากสมุดบันทึกของลูกน้องของสก็อตต์ 1159 01:18:31,920 --> 01:18:37,634 เรารู้ว่าพวกเขาฝันถึงงานเลี้ยงที่ถูกพรากไปจากส้อมที่เตรียมไว้ 1160 01:18:37,718 --> 01:18:42,014 มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้กินในความฝัน 1161 01:18:42,097 --> 01:18:45,767 จึงสมแล้วที่เพื่อนทุกคนจะเกลียดเขา 1162 01:18:50,147 --> 01:18:53,317 แต่เราไม่ได้มากินล็อบสเตอร์และกิมจิ 1163 01:18:53,817 --> 01:18:57,988 เราอยากจะบินไปที่ราบสูงขั้วโลกที่อยู่ด้านในให้เร็วที่สุด 1164 01:18:58,822 --> 01:19:02,910 เรารู้ว่ามีการสำรวจทางบกด้วยรถบรรทุก 1165 01:19:02,993 --> 01:19:05,954 ที่ออกจากสถานีไปเมื่อสามอาทิตย์ก่อน 1166 01:19:06,038 --> 01:19:10,626 อยู่ใกล้ๆ บริเวณที่มีการค้นหาอุกกาบาตบนน้ำแข็ง 1167 01:19:20,928 --> 01:19:25,766 ก่อนอื่นเฮลิคอปเตอร์ต้องบินขึ้นไปประมาณ 2,000 เมตร 1168 01:19:26,266 --> 01:19:30,729 จากสถานีชายฝั่งไปยังที่ราบสูงน้ำแข็งของทวีป 1169 01:19:30,812 --> 01:19:34,691 เรากำลังบินอยู่เหนือธารน้ำแข็งที่ลดหลั่นกันลงมา 1170 01:19:35,400 --> 01:19:37,569 ลองนึกภาพการเดินเท้า 1171 01:19:38,237 --> 01:19:41,281 หินแต่ละก้อนที่กระจัดกระจายอยู่ทั่ว 1172 01:19:41,365 --> 01:19:43,992 มีขนาดใหญ่กว่าอาคารบ้านเรือน 1173 01:19:44,076 --> 01:19:47,621 และไหลลงสู่ทะเลอย่างต่อเนื่อง 1174 01:19:51,416 --> 01:19:53,794 ในที่สุดเราก็มาถึงที่ราบ 1175 01:19:54,628 --> 01:19:59,842 เหลือภูเขาเพียงไม่กี่ลูกที่โผล่พ้นน้ำแข็งออกมาเหมือนเกาะ 1176 01:20:01,677 --> 01:20:06,390 มันเหมือนกับการเข้าไปในโลกที่ไม่ใช่โลกของเรา 1177 01:20:11,645 --> 01:20:14,523 จากจุดนี้ไป ความเหงาสุดขั้ว 1178 01:20:14,606 --> 01:20:20,737 ของทวีปอันกว้างใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งหนาสองถึงสี่ กม.ก็เริ่มขึ้น 1179 01:20:26,285 --> 01:20:30,539 จากข้อมูลจีพีเอสเรารู้ว่าขบวนรถอยู่ที่ไหน 1180 01:20:31,999 --> 01:20:33,959 พวกเขากำลังรอเราอยู่ 1181 01:20:52,978 --> 01:20:56,315 เราอยากเจอจองอิคลีมาก 1182 01:20:56,398 --> 01:20:58,692 เขาเป็นหัวหน้าคณะสำรวจนี้ 1183 01:20:59,526 --> 01:21:03,280 เขาเป็นคนเชิญเรามาที่แอนตาร์กติกา 1184 01:21:03,363 --> 01:21:05,574 เหมือนกับว่าได้เจอเพื่อนเก่า 1185 01:21:05,657 --> 01:21:07,492 (จองอิคลีสถาบันวิจัยขั้วโลกแห่งเกาหลี) 1186 01:21:07,576 --> 01:21:09,328 - ผมไม่นึกว่าคุณจะมาได้จริงๆ- นั่นสิ 1187 01:21:09,411 --> 01:21:11,330 ผมก็ไม่นึกว่าเราจะมาได้จริงๆ 1188 01:21:11,413 --> 01:21:13,290 ความฝันของผม... 1189 01:21:13,373 --> 01:21:17,878 เราได้เห็นวิดีโอที่เขาถ่ายแถวๆ นี้เมื่อสองสามปีก่อน 1190 01:21:18,962 --> 01:21:21,548 เขาเจออุกกาบาตขนาดใหญ่ 1191 01:21:21,632 --> 01:21:26,220 เราตกหลุมรักเขาทันทีที่ได้เห็นอาการดีใจของเขา 1192 01:21:27,012 --> 01:21:29,681 นี่คือวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุด 1193 01:21:32,893 --> 01:21:37,814 (ด้วยความอนุเคราะห์จากสถาบันวิจัยขั้วโลกแห่งเกาหลี 2014) 1194 01:22:10,180 --> 01:22:12,474 วางลง วางลง 1195 01:22:21,024 --> 01:22:25,445 อีกอย่างหนึ่งที่ผมชอบเมื่อเวลาที่อารมณ์ขึ้นสูงแบบนี้ 1196 01:22:25,529 --> 01:22:30,075 อะไรที่หลักสูตรโง่ๆของโรงเรียนภาพยนตร์จะไม่ยอมให้มี 1197 01:22:31,702 --> 01:22:34,454 ดูภาพด้านหลังสิ มีคนเดินเข้ามา 1198 01:22:34,538 --> 01:22:38,458 ไม่รู้ว่าทำอะไร ไม่ถูกจังหวะ 1199 01:22:38,542 --> 01:22:40,544 เอาก้นเข้ามาก่อน 1200 01:22:59,062 --> 01:23:00,856 กลับมาที่ตอนนี้ 1201 01:23:01,690 --> 01:23:06,195 มิจังภรรยาของจองอิคมาถึงพร้อมเรา 1202 01:23:06,278 --> 01:23:09,448 เธอเองก็เป็นนักธรณีวิทยาขั้วโลกที่มีชื่อเสียง 1203 01:23:21,251 --> 01:23:23,128 สามีภรรยากลับมาเจอกัน 1204 01:23:24,588 --> 01:23:29,009 หลังจากมาถึงไม่กี่นาทีเราก็เจออุกกาบาตชิ้นแรก 1205 01:23:30,260 --> 01:23:34,097 น้ำแข็งที่ว่างเปล่าไม่มีหิมะปกคลุม 1206 01:23:34,181 --> 01:23:36,767 เป็นที่ที่เหมาะมากในการหามัน 1207 01:23:37,684 --> 01:23:42,940 น้ำแข็งก้อนยักษ์เคลื่อนที่อย่างช้าๆราวกับสายพานลำเลียง 1208 01:23:43,023 --> 01:23:48,612 และเผยให้เห็นก้อนหินที่อาจตกลงมาเมื่อหลายแสนปีก่อน 1209 01:23:51,782 --> 01:23:55,369 อุกกาบาตส่วนใหญ่จะถูกพัดไปยังมหาสมุทร 1210 01:23:55,911 --> 01:24:02,000 แต่เมื่อธารน้ำแข็งถูกเบี่ยงขึ้นไปโดยเทือกเขาที่อยู่ข้างใต้ 1211 01:24:02,084 --> 01:24:06,255 น้ำแข็งก็จะระเหยออกไปและทิ้งมันไว้ที่พื้นผิว 1212 01:24:08,090 --> 01:24:11,593 หินทุกก้อนที่นี่คืออุกกาบาต 1213 01:24:55,345 --> 01:24:58,473 ดูผู้ชายทางขวา เขาเจออะไรแล้ว 1214 01:25:12,154 --> 01:25:14,948 ผู้โชคดีก็คือไคล์ฟ 1215 01:25:15,574 --> 01:25:18,619 อาจจะดูเหมือนการจัดฉากแต่เป็นเขาจริงๆ 1216 01:25:23,415 --> 01:25:29,296 นี่ไง!นี่ไงล่ะ ตัวอย่างของคุณ! 1217 01:25:29,379 --> 01:25:31,548 ยินดีด้วยครับ 1218 01:25:31,632 --> 01:25:34,218 วันนี้เป็นวันสำคัญ สำคัญที่สุดเลย 1219 01:25:34,301 --> 01:25:38,013 ผมเจออีกอันตรงนู้น อันเล็ก 1220 01:25:38,096 --> 01:25:39,431 แล้วพอผม... 1221 01:25:39,515 --> 01:25:41,141 กลายเป็นว่า 1222 01:25:41,225 --> 01:25:45,020 นี่เป็นอุกกาบาตที่ใหญ่ที่สุดที่เจอในฤดูกาลนี้ 1223 01:25:45,103 --> 01:25:50,442 การประเมินเบื้องแรกชี้ให้เห็นว่านี่เป็นตัวอย่างที่หายากมาก 1224 01:26:03,872 --> 01:26:08,252 เราหาต่อไปแต่ความคิดหนึ่งก็แว่บเข้ามา 1225 01:26:09,086 --> 01:26:13,048 ยังอีกห้าเดือนกว่าจะมืด 1226 01:26:13,799 --> 01:26:19,471 แล้วเราก็จะเดินไป 5,000 กิโลโดยที่จะไม่เจอใครเลย 1227 01:26:42,786 --> 01:26:47,666 นี่คือประสบการณ์อวกาศสุดยอดของคนเดินดิน 1228 01:26:49,168 --> 01:26:55,174 แต่เรารู้จักที่ที่ใช้จิตวิญญาณเดินทางแทนเท้า 1229 01:26:55,924 --> 01:27:00,137 ที่ที่เราอยู่เหนือการดำรงอยู่ของมนุษย์ 1230 01:27:05,267 --> 01:27:09,605 การเดินทางครั้งสุดท้ายของเราพาเราไปยังเกาะที่ไกลที่สุดแห่งหนึ่ง 1231 01:27:09,688 --> 01:27:12,774 ของหมู่เกาะในช่องแคบทอร์เรส 1232 01:27:13,859 --> 01:27:18,238 เกาะพวกนี้อยู่ระหว่างออสเตรเลียกับนิวกินี 1233 01:27:20,032 --> 01:27:25,412 เกาะเล็กๆ เกาะนี้มีชื่อว่าเมอร์มีประชากรประมาณ 400 คน 1234 01:27:26,747 --> 01:27:30,959 เราเคยได้ยินความเชื่อของชนเผ่าเกี่ยวกับดาวตก 1235 01:27:31,043 --> 01:27:35,506 ที่นำพาวิญญาณของคนตายไปสู่ชีวิตใหม่ที่อื่น 1236 01:27:38,175 --> 01:27:40,469 ดั๊ก พาสซี่หนึ่งในผู้อาวุโสในเผ่า... 1237 01:27:40,552 --> 01:27:41,553 (ฟาเลน 'ดั๊ก' พาสซี่) 1238 01:27:41,637 --> 01:27:47,142 รู้เรื่องเกี่ยวกับวิญญาณที่จากไปพร้อมกับดาวตกไปยังโลกใต้พิภพ 1239 01:27:49,436 --> 01:27:55,400 คนในครอบครัวของฉันคนหนึ่งถูกผีส่งมากับมาเออร์ 1240 01:27:55,484 --> 01:27:58,237 - อุกกาบาตใช่ไหม- ใช่แล้ว คือดาวตก 1241 01:27:58,320 --> 01:28:03,075 เธออยู่บนมาเออร์เลยนะ 1242 01:28:03,158 --> 01:28:04,284 ไหม้ไปด้วยเลย 1243 01:28:06,912 --> 01:28:07,913 ได้ยินมาอย่างนั้นนะ 1244 01:28:08,872 --> 01:28:11,458 เขาว่ากันว่าเป็นเรื่องจริง 1245 01:28:12,167 --> 01:28:16,380 และ... แม่เฒ่าคนนั้น...ชื่อกิซู ซิมโบโล 1246 01:28:16,463 --> 01:28:18,090 ตอนนั้นเธอยังไม่ตายหรือว่าเป็นวิญญาณของเธอ 1247 01:28:18,173 --> 01:28:19,925 ยังไม่ตาย ยังมีชีวิตอยู่ 1248 01:28:20,551 --> 01:28:23,345 เมื่อครอบครัวพร้อมที่จะตาย... 1249 01:28:24,721 --> 01:28:27,307 มาเออร์ก็จะเล่าให้เราฟังว่า 1250 01:28:27,391 --> 01:28:31,645 "อีกไม่กี่วันใครคนหนึ่งจะหายไป"หรือ... 1251 01:28:32,396 --> 01:28:34,022 หรือไม่ก็... 1252 01:28:34,857 --> 01:28:38,026 "เขากำลังจะไปที่อื่น" 1253 01:28:39,444 --> 01:28:44,199 ดาวตกหรือมาเออร์บางทีก็สีแดง บางทีก็สีฟ้าอ่อน 1254 01:28:46,159 --> 01:28:47,995 ฟังดูเหมือนกับว่าความตายคือ... 1255 01:28:48,078 --> 01:28:51,957 มันไม่ใช่เหตุการณ์สักเท่าไรแต่เป็นการเริ่มต้นของการเดินทาง 1256 01:28:53,208 --> 01:28:57,129 เป็นการเริ่มต้นของการเดินทางไปสู่ชีวิตใหม่ 1257 01:29:02,342 --> 01:29:04,052 มันมาในหลายรูปแบบ 1258 01:29:04,761 --> 01:29:09,099 เป็นนก เป็นหมา เป็นคน 1259 01:29:11,143 --> 01:29:14,313 เป็นเงาที่เห็นบนกำแพง 1260 01:29:14,980 --> 01:29:16,857 หรือบางทีก็เป็นขอนไม้ลอยน้ำ 1261 01:29:17,941 --> 01:29:20,360 ขอนไม้ลอยในทะเล 1262 01:29:27,826 --> 01:29:29,995 เพราะเราเอากล้องมาด้วย 1263 01:29:30,078 --> 01:29:33,749 ชาวเกาะจึงรื้อฟื้นการเต้นที่เกือบถูกลืมไปแล้ว 1264 01:29:33,832 --> 01:29:36,877 ที่ไม่ได้นำออกมาแสดงมาเป็นครึ่งศตวรรษ 1265 01:29:44,092 --> 01:29:49,556 อาโล ทาพิม ผู้อาวุโสคนหนึ่งสอนท่าเต้นให้หนุ่มๆ 1266 01:29:59,566 --> 01:30:03,612 (อาโล ทาพิม) 1267 01:30:48,240 --> 01:30:54,288 การเต้นรำนี้เกี่ยวกับมาเออร์อย่างที่คุณบอกไว้ 1268 01:30:55,747 --> 01:30:59,918 มาเออร์คือดาว คือดาวหาง 1269 01:31:00,794 --> 01:31:02,713 เป็นดาวที่พิเศษ 1270 01:31:06,967 --> 01:31:11,221 ดาวนี้จะปรากฏให้ชาวเมอเรียมเห็นในโอกาสสำคัญๆ เท่านั้น 1271 01:31:11,305 --> 01:31:14,099 ชาวเมอเรียมคอยดูดาวดวงนี้ 1272 01:31:14,766 --> 01:31:18,937 เมื่อคนที่พวกเขารักจากชีวิตนี้ไปสู่ภพหน้า 1273 01:31:20,647 --> 01:31:23,734 การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นผ่านดาวดวงนี้ 1274 01:31:26,195 --> 01:31:31,408 นักเต้นถือแนร์หรือคบเพลิง 1275 01:31:32,618 --> 01:31:34,578 เราเรียกมันว่าแนร์ 1276 01:31:35,412 --> 01:31:36,538 พวกเขาถือมัน 1277 01:31:38,248 --> 01:31:43,420 และพวกมันจะชี้บอกเวลาที่ดาว... 1278 01:31:43,504 --> 01:31:48,425 ที่ดาวตกปล่อยถ่านที่ยังไม่มอดออกมา 1279 01:31:50,010 --> 01:31:52,721 จะบอกโดยคบเพลิงที่พวกเขาถือ 1280 01:31:54,181 --> 01:31:57,142 และเมื่อคบเพลิงสองอันมากระทบกัน... 1281 01:31:58,769 --> 01:32:00,771 เวลาที่พวกเขาเอามาชนกัน 1282 01:32:01,605 --> 01:32:04,942 เอามาตบเข้าหากันคบเพลิงสองอันกับถ่านที่ยังไม่มอด... 1283 01:32:06,902 --> 01:32:08,987 มันก็จะบอกเรื่องราว 1284 01:32:12,824 --> 01:32:17,621 มันเล่าเรื่อง... ของดาวดวงนั้น 1285 01:32:19,831 --> 01:32:21,750 และนี่ก็คือเรื่องราวของพวกเรา 1286 01:37:36,857 --> 01:37:38,859 Translated by Panupong Erawan