1 00:00:09,884 --> 00:00:13,104 ‎ผมจำได้แค่ว่าเพลงนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำหรับเรา 2 00:00:13,722 --> 00:00:16,642 ‎เราแต่งเรื่องเกี่ยวกับการฆาตกรรม 3 00:00:16,725 --> 00:00:19,435 ‎ไนท์คลับและแฟนสาวที่ดูเหมือนแฟนหนุ่ม 4 00:00:20,020 --> 00:00:23,400 ‎แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกลึกซึ้งไปกับมัน 5 00:00:23,481 --> 00:00:24,731 ‎แล้วก็แบบว่า… โอ้ 6 00:00:27,694 --> 00:00:30,284 ‎ในขณะที่เรามั่นใจที่จะทำมันอย่างจริงจัง 7 00:00:30,363 --> 00:00:34,123 ‎คุณก็ยังรู้ว่ามีโอกาสที่อัลบั้มแรก ‎เป็นเพียงความโชคดี 8 00:00:35,076 --> 00:00:39,156 ‎และนี่เป็นจุดที่ผมรู้ว่าเราจะผ่านมันไปได้ 9 00:00:42,459 --> 00:00:46,129 ‎เดอะคิลเลอส์ เป็นวงดนตรีรางวัลมัลติแพลทินัม ‎และแกรมมี่จากลาสเวกัส 10 00:00:46,212 --> 00:00:48,762 ‎พวกเขาเริ่มทำอัลบั้มที่สอง แซมส์ ทาว์น 11 00:00:48,840 --> 00:00:51,470 ‎หลังจากที่อัลบั้มแรก ‎ทำให้พวกเขาโด่งดังเป็นพลุแตก 12 00:00:52,052 --> 00:00:56,472 ‎ด้วยความสำเร็จที่ไม่ธรรมดานี้ ‎จึงมีแรงกดดันที่ไม่ธรรมดาเพื่อที่จะทำมันได้อีก 13 00:00:56,556 --> 00:01:00,516 ‎ในปี 2006 อัลบั้มแซมส์ ทาวน์ได้เปิดตัว ‎ด้วยเพลง "เวน ยู เวอร์ ยัง" 14 00:01:00,602 --> 00:01:01,732 ‎เป็นซิงเกิลแรก 15 00:01:04,481 --> 00:01:06,981 ‎(แซมส์ ทาวน์) 16 00:01:07,609 --> 00:01:08,989 ‎(ลาสเวกัส) 17 00:01:14,741 --> 00:01:17,331 ‎ทั้งเพลงและอัลบั้ม ‎ต่างก็ลงเอยด้วยรางวัลแพลทินัม 18 00:01:21,331 --> 00:01:25,041 ‎ผมริชชิเกช เฮียร์เวย์ ‎นี่คือ ซอง เอ็กซโพลเดอร์ 19 00:01:38,223 --> 00:01:40,563 ‎ขอฟังเสียงอันไพเราะหน่อย 20 00:01:41,810 --> 00:01:45,270 ‎ฮอท ฟัส อัลบั้มแรกของเรา ‎มันประสบความสำเร็จอย่างมาก 21 00:01:45,355 --> 00:01:47,515 ‎เราแต่งเพลงพวกนี้และมันดัง 22 00:01:48,108 --> 00:01:50,818 ‎แต่มันแปลกเพราะมันให้ความรู้สึก ‎เป็นธรรมชาติสำหรับเรา 23 00:01:50,902 --> 00:01:54,322 ‎ขอบคุณทุกคนมากที่ฟังและต้อนรับเรา 24 00:01:54,405 --> 00:01:56,485 ‎เราภูมิใจมากที่ได้มาเล่นที่นี่ในคืนนี้ 25 00:02:04,833 --> 00:02:05,963 ‎มันน่าตื่นเต้นมาก 26 00:02:06,459 --> 00:02:09,089 ‎เป็นครั้งแรกที่พวกเรามีพาสปอร์ต 27 00:02:11,589 --> 00:02:12,879 ‎เราไปมาทุกที่ 28 00:02:14,425 --> 00:02:16,925 ‎เราเล่นดนตรีมากว่า 400-500 เวที 29 00:02:17,637 --> 00:02:19,637 ‎มันเป็นทัวร์ที่ทรหด แต่เราก็ตื่นเต้น 30 00:02:19,722 --> 00:02:24,102 ‎เพราะทุกสิ่งล้วนแปลกใหม่และเราต่างมีความสุข ‎ที่ทำมันเป็นอาชีพได้ 31 00:02:25,103 --> 00:02:26,903 ‎เรารู้ว่าเราได้รับโอกาส 32 00:02:26,980 --> 00:02:29,270 ‎เรามาจากครอบครัวชนชั้นแรงงาน 33 00:02:29,357 --> 00:02:31,067 ‎เรารู้ว่าโอกาสนี้หายากแค่ไหน 34 00:02:31,734 --> 00:02:34,904 ‎แต่เรามั่นใจมากพอที่จะลองสิ่งใหม่ๆ 35 00:02:38,032 --> 00:02:41,242 ‎มันเป็นหนึ่งในทัวร์สุดท้ายของอัลบั้มฮอท ฟัส 36 00:02:41,327 --> 00:02:43,497 ‎เราเขียนเพลงกันในระหว่างการตรวจสอบเสียง 37 00:02:46,249 --> 00:02:50,169 ‎เราต้องการที่จะทำอัลบั้มต่อไปอย่างมาก 38 00:02:53,423 --> 00:02:56,633 ‎มันมีคอร์ดดนตรีที่วนเวียนมาจากเดือนก่อน 39 00:02:57,385 --> 00:03:00,045 ‎ความคิดมากมายผุดขึ้นมาจากชุดลำดับคอร์ด 40 00:03:00,138 --> 00:03:03,768 ‎ลองทำอะไรสักอย่างกับมัน ‎และค่อยๆ พัฒนาจากจุดนั้น 41 00:03:04,350 --> 00:03:07,060 ‎นั่นมันเกือบจะเป็นเรื่องบังเอิญ 42 00:03:07,145 --> 00:03:10,895 ‎ในช่วงท้ายของการซ้อม ในช่วงท้ายของคืน 43 00:03:10,982 --> 00:03:14,152 ‎มาร์กลองเล่นกับเบสไลน์ 44 00:03:17,447 --> 00:03:19,697 ‎เดฟแนะนำให้ทำเสียงสูงขึ้น เขาเพิ่มโน้ต 45 00:03:19,782 --> 00:03:23,792 ‎ชุดโน้ตสามตัวกลายเป็นชุดโน้ตสี่ตัว ‎เพราะสิ่งที่เขาแนะนำ 46 00:03:23,870 --> 00:03:25,620 ‎เขาวนเวียนอยู่กับสามคอร์ดนี้ 47 00:03:25,705 --> 00:03:28,915 ‎ผมก็แบบว่า ‎"เจ๋ง เพิ่มสองตัวนี้แล้วกลับไปเริ่มใหม่" 48 00:03:32,170 --> 00:03:36,630 ‎มันเป็นสามคอร์ดแรกที่ปลุกเร้าเรา 49 00:03:47,393 --> 00:03:51,403 ‎การทำให้คนสี่คนเคลิ้มไปกับท่วงทำนอง 50 00:03:52,023 --> 00:03:55,823 ‎และสามารถเป็นหนึ่งเดียวกันได้ในชั่ววินาที 51 00:03:55,902 --> 00:03:58,702 ‎มันวิเศษ และผมคิดว่าเราโชคดีมาก 52 00:03:58,780 --> 00:04:00,820 ‎ที่เรื่องนั้นมันเกิดขึ้นกับเรา 53 00:04:00,907 --> 00:04:01,737 ‎ครับ 54 00:04:01,824 --> 00:04:04,794 ‎เป็นเรื่องดีที่ได้รู้ว่าคุณมีอะไรดีๆ ‎ที่อาจมีความล่าช้า 55 00:04:04,869 --> 00:04:05,749 ‎แต่มีความพยายาม 56 00:04:10,959 --> 00:04:14,249 ‎ในตอนนั้นบางคนคิดว่าเราเป็นวงดนตรีอังกฤษ 57 00:04:14,337 --> 00:04:18,587 ‎ผมคิดว่าตอนที่เราออกทัวร์ ‎เราได้เข้าใจว่าเราต่างมาจากคนละที่ 58 00:04:19,217 --> 00:04:22,097 ‎และผมคิดว่าทุกคนต่างกังวลที่จะกลับไปยังจุดนั้น 59 00:04:24,472 --> 00:04:27,142 ‎หลายคนคิดว่าเวกัสนั้นบ้าคลั่ง 60 00:04:28,226 --> 00:04:31,806 ‎เพราะพวกเขาดู เดอะ แฮงค์โอเวอร์ ‎และคิดว่าเวกัสเป็นแบบนั้น 61 00:04:32,689 --> 00:04:36,109 ‎แต่การตีความเวกัสของเรา ‎ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง 62 00:04:37,860 --> 00:04:39,820 ‎การได้รู้ว่าอาหารจีนที่ถูกที่สุดอยู่ที่ไหน 63 00:04:40,863 --> 00:04:42,493 ‎มันเหมือนเรื่องของคนท้องถิ่น 64 00:04:43,992 --> 00:04:46,702 ‎ผมว่ามันง่ายขึ้นเมื่อเขียนมันจากประสบการณ์ 65 00:04:46,786 --> 00:04:49,116 ‎ราวกับขับรถไปบนถนนที่คุณคุ้นเคย 66 00:04:49,706 --> 00:04:51,116 ‎ความทรงจำที่คุณมี 67 00:04:52,500 --> 00:04:54,790 ‎ผมคิดว่ามันอาจแทรกซึมเข้ามา 68 00:04:55,420 --> 00:04:56,920 ‎อยู่ในทั้งอัลบั้ม 69 00:04:57,839 --> 00:05:00,049 ‎เหมือนไลน์กีตาร์ที่ฟังดูเหมือนทะเลทราย 70 00:05:06,848 --> 00:05:10,138 ‎- เดิมทีแล้วนั่นเป็นท่อนของคีย์บอร์ดไม่ใช่เหรอ ‎- เป็นท่อนคีย์บอร์ดก่อน 71 00:05:10,685 --> 00:05:14,805 ‎ผมจำได้ว่าเพลงนี้ต้องมีการตัดสินอะไรบางอย่าง 72 00:05:14,897 --> 00:05:17,317 ‎และนายคิดว่าเพลงมันหวานเกินไป 73 00:05:17,400 --> 00:05:19,740 ‎เพราะฉันจะเล่นมันด้วยคีย์บอร์ด 74 00:05:19,819 --> 00:05:21,069 ‎นายไม่ชอบมัน 75 00:05:21,154 --> 00:05:23,994 ‎- เล่นมันด้วยกีตาร์แล้วแบบ "ใช่" ‎- เมื่อเล่นด้วยกีตาร์… 76 00:05:24,073 --> 00:05:26,783 ‎- "ใช่เลยล่ะ" ‎- มันจึงเป็นเสียงแบบนี้ 77 00:05:38,588 --> 00:05:40,258 ‎ทะเลทรายนั้นลึกลับ 78 00:05:42,133 --> 00:05:46,013 ‎มันทำให้เราตระหนักได้ว่า ‎เราเป็นส่วนหนึ่งของที่แห่งนี้แค่ไหน 79 00:05:48,556 --> 00:05:52,016 ‎และเราอยากจะนำมันใส่มันลงไปในอัลบั้ม 80 00:05:55,772 --> 00:05:58,572 ‎ปกติแล้วเมื่อคุณทำอัลบั้ม มันมีเหตุผล 81 00:05:58,649 --> 00:06:01,069 ‎ว่าทำไมคนถึงต้องการมาหาคุณ ‎เพื่อแลกเปลี่ยนความคิด 82 00:06:01,152 --> 00:06:06,452 ‎และในฐานะโปรดิวเซอร์ คุณต้องเข้าใจให้ได้ 83 00:06:06,532 --> 00:06:09,912 ‎ว่าพวกเขามีที่มาอย่างไร ‎และพวกเขามีเป้าหมายอย่างไร 84 00:06:09,994 --> 00:06:12,044 ‎เราทุกคนมาจากต่างที่ 85 00:06:12,121 --> 00:06:14,921 ‎แต่พวกเขาสองคนทำอัลบั้มที่พวกเราทุกคนชอบ 86 00:06:16,751 --> 00:06:18,341 ‎การเลือกโปรดิวเซอร์นั้นยาก 87 00:06:18,419 --> 00:06:21,209 ‎คุณไม่รู้หรอกว่าพวกเขาจะทำอะไรให้คุณได้ 88 00:06:21,297 --> 00:06:23,337 ‎จนกระทั่งคุณทำอัลบั้มเสร็จ 89 00:06:23,424 --> 00:06:26,844 ‎พวกเขาทำอัลบั้มที่เราชอบ ‎เช่น ไวโอเลเตอร์ของดีเพช โหมด 90 00:06:26,928 --> 00:06:29,468 ‎มันดูออกมายอดเยี่ยม ก็เลย… 91 00:06:29,555 --> 00:06:32,265 ‎เราทั้งคู่ชอบดนตรีป็อบ ‎และแนวเพลงของพวกเขาก็ป็อบมาก 92 00:06:33,101 --> 00:06:35,771 ‎เดอะ คิลเลอร์ต้องการเป็น ‎วงดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก 93 00:06:35,853 --> 00:06:37,563 ‎และอยากลองสิ่งที่แตกต่าง 94 00:06:37,647 --> 00:06:39,857 ‎เราอยากทำให้พวกเขาประทับใจ 95 00:06:39,941 --> 00:06:42,071 ‎และแสดงให้พวกเขาเห็นว่าเราเป็นของจริง 96 00:06:42,151 --> 00:06:44,901 ‎และผมคิดว่ามันช่วยเรานะ 97 00:06:44,987 --> 00:06:46,107 ‎แบรนดอนเป็นคนฉลาด 98 00:06:46,197 --> 00:06:47,947 ‎คุณจะ… เขาจะทำท่าแบบนี้ 99 00:06:48,032 --> 00:06:51,702 ‎ข้างนอกมีรูปของฟลัด ลู รี้ด และแบรนดอนอยู่ 100 00:06:51,786 --> 00:06:53,286 ‎และมันบ่งบอกสิ่งที่เขาเป็น 101 00:06:53,371 --> 00:06:56,331 ‎ฟลัดและลู รี้ดกำลังคุยกัน ‎ที่ด้านหลัง แบรนดอนกำลัง… 102 00:06:57,208 --> 00:07:00,548 ‎กังวล เกาคาง เขาคิดถึงแต่สิ่งเหล่านี้ 103 00:07:03,631 --> 00:07:06,221 ‎คุณเริ่มแต่งเนื้อเพลงตรงจุดไหน 104 00:07:07,343 --> 00:07:11,223 ‎มันเป็นอีกช่วงเวลาแปลกๆ ‎ที่มีหลายสิ่งผุดขึ้นมาในหัวผมพรึบพรับ 105 00:07:11,305 --> 00:07:14,305 ‎"เขาดูไม่เหมือนพระเยซูสักนิด ‎แต่เขาพูดจาดูเป็นสุภาพบุรุษ 106 00:07:14,392 --> 00:07:16,982 ‎เหมือนอย่างที่จินตนาการไว้ตอนเป็นเด็ก" ‎นั่นเป็นวันแรก 107 00:07:29,407 --> 00:07:32,537 ‎มันง่ายขึ้นเยอะเลยที่จะแต่งต่อ ‎เพราะผมมีอะไร… 108 00:07:33,369 --> 00:07:34,789 ‎ที่เป็นพื้นฐานแน่นอยู่แล้ว 109 00:07:36,914 --> 00:07:38,924 ‎ผมคิดว่ามันช่วย… 110 00:07:40,251 --> 00:07:42,211 ‎นำทางผมสำหรับเพลงที่เหลือในอัลบั้มด้วย 111 00:07:43,671 --> 00:07:46,671 ‎คุณหูผึ่งเมื่อได้ยินคำว่า "พระเยซู" 112 00:07:46,757 --> 00:07:49,797 ‎และจากนั้นคุณจะได้ฟังเสียงกีตาร์ 113 00:07:49,886 --> 00:07:53,136 ‎มันเติมเต็มอารมณ์ต่างๆ มากมาย 114 00:07:53,723 --> 00:07:56,893 ‎- มันไม่ได้โจ่งแจ้ง ‎- ไม่ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เพลงนี้แพรวพราว 115 00:08:12,325 --> 00:08:15,655 ‎ผมรู้ว่ามันมีการไถ่บาปบางอย่าง 116 00:08:15,745 --> 00:08:17,285 ‎ที่จะเกิดขึ้น 117 00:08:17,371 --> 00:08:20,081 ‎ผมคิดว่ามันเป็นเพราะสิ่งที่ผมเคยผ่านมา 118 00:08:20,166 --> 00:08:24,796 ‎การลุ่มหลงและมัวเมาในดนตรีร็อคแอนด์โรล 119 00:08:24,879 --> 00:08:29,089 ‎มันได้ถูกยกย่องและทำให้มีเสน่ห์มายาวนาน 120 00:08:29,175 --> 00:08:34,095 ‎เราถูกผลักดันไปสู่แนวเพลงนั้น ‎และผมรู้ได้ทันทีว่ามันไม่ใช่แนวสำหรับผม 121 00:08:35,264 --> 00:08:37,564 ‎ผมคิดว่าผมอายุ 24 ปี ตอนที่เขียนเพลงนี้ 122 00:08:37,642 --> 00:08:40,102 ‎ผมพยายามที่จะหาทางออก 123 00:08:48,069 --> 00:08:50,029 ‎นั่นคือเสียงสายในเครื่องสังเคราะห์เสียง 124 00:08:50,196 --> 00:08:52,106 ‎แต่มันก็มีเสียงจากสายจริงๆ ด้วยใช่ไหม 125 00:08:52,198 --> 00:08:53,988 ‎- เรารวมมันเข้าด้วยกัน ‎- มันผสมกัน 126 00:08:54,075 --> 00:08:55,115 ‎เราเอามารวมกัน 127 00:08:55,201 --> 00:08:56,581 ‎ความคิดนั้นเกิดขึ้นตอนไหน 128 00:08:56,661 --> 00:08:59,211 ‎ในเวกัส ใช่ผู้หญิงสองคนที่มาจากยูเอ็นแอลวีไหม 129 00:08:59,288 --> 00:09:01,578 ‎ใช่แฟนของมาร์กในตอนนั้นรึเปล่า 130 00:09:02,208 --> 00:09:05,878 ‎ไม่ เธออาจเป็นแฟนเขาในตอนหลัง ‎ฉันจำไม่ได้ ไม่ใช่จากเรื่องนี้ 131 00:09:05,962 --> 00:09:07,712 ‎หนึ่งในนั้นเป็นแฟนเก่าผม 132 00:09:07,797 --> 00:09:12,047 ‎มันค่อนข้างเป็นการคบหากันเองในตอนนั้น ‎ทุกคนมาจากเวกัส 133 00:09:12,134 --> 00:09:15,934 ‎และไม่มีงานเหมือนคนที่มาจาก ‎วงแอลเอ ซิมโฟนีหรืออะไรแบบนั้น 134 00:09:16,013 --> 00:09:18,393 ‎เราหาเงินได้และใช้เวลาอยู่แต่ในสตูดิโอ 135 00:09:18,474 --> 00:09:20,484 ‎เหมือนกับว่าเราพอทำอะไรได้บ้าง 136 00:09:20,560 --> 00:09:25,520 ‎มันเป็นครั้งแรกด้วยที่เราได้อัดเสียงกัน ‎ในห้องบันทึกเสียงจริงๆ 137 00:09:27,024 --> 00:09:28,864 ‎เราอยากเล่นมันบนเวทีขนาดใหญ่ 138 00:09:30,361 --> 00:09:33,741 ‎ผมจำได้ว่าในตอนนั้น มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ 139 00:09:33,823 --> 00:09:36,413 ‎ที่อยากจะขึ้นเวทีขนาดนั้น 140 00:09:40,621 --> 00:09:42,621 ‎- เป็นการต่อสู้กับความทะเยอทะยาน ‎- ใช่ 141 00:09:42,707 --> 00:09:46,247 ‎สิ่งหนึ่งที่ยอดเยี่ยมที่เราได้เรียนรู้ ‎จากฟลัดและโมลเดอร์คือการพัฒนาเพลง 142 00:09:46,335 --> 00:09:50,715 ‎จากนั้นคุณจะได้ยินท่อนใหม่ที่เข้ามาในช่วงที่สอง 143 00:10:02,226 --> 00:10:05,686 ‎ผมและมาร์กทำเสียงนั้นใส่ในไมโครโฟน 144 00:10:05,771 --> 00:10:09,861 ‎และจากนั้นเราบังเอิญไปเจอ ‎เครื่องพัตนีย์ที่ฟลัดเอามา 145 00:10:12,612 --> 00:10:16,492 ‎พัตนีย์เป็นเครื่องสังเคราะห์เสียงที่แปลกมาก 146 00:10:16,574 --> 00:10:18,744 ‎มันเป็นหนึ่งในเครื่องสังเคราะห์เสียงที่เก่าแก่ 147 00:10:19,785 --> 00:10:22,995 ‎ผมชอบมันมากเพราะมันไม่มีคีย์บอร์ดเลย 148 00:10:23,080 --> 00:10:24,960 ‎ดังนั้นคุณต้องใช้หูฟัง 149 00:10:25,041 --> 00:10:27,501 ‎ถึงกระนั้นมันก็มีสิ่งที่หลายคนคิดว่า 150 00:10:27,585 --> 00:10:29,165 ‎เป็นเกมแบตเทิลชิปส์ 151 00:10:29,253 --> 00:10:33,553 ‎แต่จริงๆ แล้วมันเป็นที่ให้คุณกำหนดข้อมูลทุกอย่าง ‎ทั้งเข้าและออก 152 00:10:33,633 --> 00:10:37,013 ‎ถ้าผมต้องการเสียงสะท้อน 153 00:10:37,094 --> 00:10:38,644 ‎ผมจะทำแบบนี้ 154 00:10:39,305 --> 00:10:41,515 ‎เอาเสียงดั้งเดิมของผมออก 155 00:10:47,480 --> 00:10:49,610 ‎ผมไม่มีทางรู้เลยว่าเสียงจะออกมาเป็นยังไง 156 00:10:49,690 --> 00:10:54,530 ‎ดังนั้นเพื่อซ่อนความจริงที่ว่า ‎แบรนดอนเป็นคนร้องส่วนนี้ 157 00:10:54,612 --> 00:10:58,162 ‎มาร์กร้องไปกับเขาโดยต่อสายกับเครื่องพัตนีย์ 158 00:11:04,580 --> 00:11:06,920 ‎มันเป็นการเพิ่มเสียงที่แตกต่าง 159 00:11:07,792 --> 00:11:09,172 ‎ที่ทำให้คุณคิดว่า… 160 00:11:09,251 --> 00:11:10,801 ‎"ฉันรู้ว่านี่คือเสียงอะไร" 161 00:11:11,379 --> 00:11:13,549 ‎จากนั้นคุณก็ถอยหลังมันออกไป 162 00:11:13,631 --> 00:11:15,591 ‎เพิ่มเสียงสะท้อนเข้าไปอีกเยอะๆ 163 00:11:15,675 --> 00:11:17,545 ‎มันก็จะยังฟังชัดแม้อยู่ในระยะไกล 164 00:11:21,305 --> 00:11:23,595 ‎ช่วยบอกขั้นตอนต่อไปในกระบวนการหน่อยครับ 165 00:11:24,183 --> 00:11:27,353 ‎จนถึงตอนนั้น เรามักจะคิดเล่นๆ ‎ในการให้เพลงนี้ 166 00:11:27,436 --> 00:11:30,356 ‎มีช่วงหนึ่งที่เป็นเกือบๆ แนวพั๊งค์ร็อค 167 00:11:30,439 --> 00:11:34,569 ‎แต่แบรนดอนมีความคิดว่า ‎ให้เป็นท่อนฮาล์ฟไทม์ของเพลง 168 00:11:44,161 --> 00:11:47,211 ‎มันเป็นช่วงที่เพลงกำลังจะระเบิด 169 00:11:47,289 --> 00:11:50,209 ‎เหมือนหมีกำลังจะพุ่งเข้าใส่ ‎และคุณต้องทำตัวให้ใหญ่ขึ้น 170 00:11:50,292 --> 00:11:51,252 ‎คุณจึงยกแขนขึ้น 171 00:11:51,335 --> 00:11:56,165 ‎ดังนั้นเมื่อคุณเข้าสู่ท่อนฮาล์ฟไทม์ ‎ช่วงนี้ต้องเล่นใหญ่เข้าไว้ 172 00:11:57,007 --> 00:12:00,137 ‎แล้วเพลงนี้เสร็จทันเวลา ‎ที่พวกคุณต้องอัดเสียงหรือเปล่า 173 00:12:00,219 --> 00:12:02,099 ‎เราทำเสร็จทุกอย่างยกเว้นท่อนแยก 174 00:12:02,179 --> 00:12:04,719 ‎ผมคิดว่าเสร็จนะยกเว้นท่อนแยก 175 00:12:07,935 --> 00:12:11,145 ‎ในกรณีนี้ ท่อนแยกถูกใช้ 176 00:12:11,230 --> 00:12:14,860 ‎ในการทำให้เห็นด้านที่จริงใจหรือด้านที่อ่อนไหว 177 00:12:16,277 --> 00:12:19,987 ‎ของเพลงโดยที่ไม่น่ารำคาญมากเกินไป 178 00:12:20,072 --> 00:12:22,492 ‎หรืองุ่มง่าม 179 00:12:22,575 --> 00:12:24,655 ‎เมื่อผมเข้าใจว่าอารมณ์เพลงเป็นยังไง 180 00:12:24,744 --> 00:12:28,584 ‎ผมคิดว่ามันคงจะเจ๋งดี ‎ถ้าเรารวมเอาโลกของสปริงส์ทีน 181 00:12:28,664 --> 00:12:29,924 ‎และดีเพช โหมดเข้าด้วยกัน 182 00:12:29,999 --> 00:12:32,379 ‎มันจึงมีการไล่ระดับเสียงต่ำลง 183 00:12:37,965 --> 00:12:40,715 ‎มันเป็นการให้เกียรติเพลง ‎ "บอร์นแอนด์รัน" ด้วยนิดๆ 184 00:12:43,429 --> 00:12:46,719 ‎ผมหวังว่ามันจะเป็นการทำอะไรใหม่ๆ 185 00:12:47,391 --> 00:12:49,101 ‎โดยการรวมสองแนวเพลงนี้เข้าด้วยกัน 186 00:12:49,185 --> 00:12:51,895 ‎แนวเพลงนิวเวฟกับคลาสสิค ร็อค อเมริกาน่า 187 00:12:51,979 --> 00:12:54,319 ‎และการไล่ระดับเสียงต่ำเพื่อเข้าสู่ท่อนแยกนั้น 188 00:12:54,398 --> 00:12:57,648 ‎มีความเป็นบรูซมากที่สุดในเพลงนี้เลย 189 00:13:19,298 --> 00:13:21,088 ‎ผมชอบช่วงท้ายของท่อนแยก 190 00:13:21,175 --> 00:13:24,215 ‎มันเป็นช่วงที่ผมชอบที่สุด ‎เมื่อถึงท่อนที่ร้องว่า "แค่พักหนึ่ง" 191 00:13:24,303 --> 00:13:26,973 ‎และจากนั้นผมจะเล่นกีตาร์แบบช้า 192 00:13:29,141 --> 00:13:31,851 ‎มันเป็นโน้ตแปลกๆ สำหรับเริ่มโซโล่ 193 00:13:31,936 --> 00:13:33,056 ‎มันเป็นคอร์ดเซเว่นธ์ 194 00:13:34,480 --> 00:13:36,020 ‎จากนั้นก็จะเริ่มขึ้นคอร์ด์ไนธ์ 195 00:13:40,861 --> 00:13:43,991 ‎ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่ทำให้โดดเด่น 196 00:13:44,073 --> 00:13:45,163 ‎เราชอบดนตรีแจ๊ซ 197 00:13:46,367 --> 00:13:48,987 ‎มันไม่ใช่เรื่องปกติที่คุณจะทำหรอก 198 00:13:49,703 --> 00:13:52,713 ‎มีเสียงหนึ่งที่ผมได้ยินในองค์ประกอบดนตรี 199 00:13:52,790 --> 00:13:55,290 ‎คือท่อนหนึ่งของเพลงที่ผมไม่คิดว่าจะอยู่ในเพลงนี้ 200 00:13:55,376 --> 00:13:56,286 ‎ท่อนนี้ 201 00:13:59,797 --> 00:14:01,797 ‎ใช่ นี่คืออีกเสียง… 202 00:14:01,882 --> 00:14:03,762 ‎โอเค คืนนั้นเราเสพยา 203 00:14:03,843 --> 00:14:06,223 ‎ฟลัดและโมลเดอร์เป็นตัวการเรื่องนี้อีกนั่นแหละ 204 00:14:06,303 --> 00:14:08,103 ‎คุณต้องการคนที่ห้ามคุณได้ 205 00:14:08,722 --> 00:14:09,892 ‎เอาเลย 206 00:14:09,974 --> 00:14:11,064 ‎เก็บมันไว้แทนที่จะ… 207 00:14:11,141 --> 00:14:13,981 ‎- เก็บมันแทนที่จะทิ้งไป ‎- แทนที่จะทิ้งลงถังขยะ 208 00:14:21,360 --> 00:14:24,200 ‎ขอบคุณสวรรค์ที่มันไม่ได้อยู่ในไฟนอล มิกซ์ 209 00:14:24,280 --> 00:14:26,280 ‎ผมลืมมันไปเลยจนถึงตอนนี้ 210 00:14:27,992 --> 00:14:31,122 ‎- ใช่ คุณมีมันได้ยังไง ‎- มันส่งไปให้คุณได้ไง 211 00:14:32,162 --> 00:14:33,962 ‎เราต้องยึดคอมพิวเตอร์เขาแล้วล่ะ 212 00:14:35,207 --> 00:14:37,957 ‎แล้วชื่ออัลบั้มล่ะครับ ‎ทำไมถึงเป็นแซมส์ ทาวน์ 213 00:14:39,128 --> 00:14:40,668 ‎ฉันจะอธิบายเรื่องนี้ยังไงนะ 214 00:14:40,754 --> 00:14:44,304 ‎คุณจะเห็นคาสิโนที่ใจกลางเมือง ‎และพวกเขามี… 215 00:14:44,383 --> 00:14:46,893 ‎- พวกชานเมือง คาสิโนในพื้นที่ ‎- ใช่ 216 00:14:46,969 --> 00:14:48,679 ‎ใช่ เขาเรียกกันว่าคาสิโนท้องถิ่น 217 00:14:49,221 --> 00:14:51,101 ‎และผมเติบโตมากับมัน 218 00:14:51,181 --> 00:14:54,811 ‎มันเป็นเหมือนเสาหลักแปลกๆ ในชีวิตผม 219 00:14:56,103 --> 00:14:57,063 ‎ผมก็อธิบายไม่ได้ 220 00:14:57,146 --> 00:14:59,726 ‎เราจะไปที่นั่นในช่วงคริสต์มาส 221 00:14:59,815 --> 00:15:03,145 ‎เพื่อกินมื้อเช้าในระหว่างทาง ‎ไปเล่นเลื่อนหิมะบนเขา 222 00:15:03,235 --> 00:15:06,235 ‎ที่รอนนี่อาศัยอยู่ในตอนนี้ ที่เขาชาร์ลสตัน 223 00:15:08,240 --> 00:15:10,950 ‎และการต้องจากลาสเวกัส 224 00:15:11,035 --> 00:15:13,325 ‎ไปนานๆ เป็นครั้งแรกในฐานะวงดนตรี 225 00:15:13,412 --> 00:15:16,122 ‎มันทำให้เราคิดถึงบ้านมากยิ่งขึ้น 226 00:15:16,206 --> 00:15:18,166 ‎- และมันกลายเป็นสัญลักษณ์ ‎- ใช่ 227 00:15:18,751 --> 00:15:21,001 ‎แม่ของเขาเป็นพนักงานเสิร์ฟค็อกเทลอยู่ที่นั่นสี่ปี 228 00:15:21,086 --> 00:15:25,756 ‎เราต่างมีลุง ป้า และพ่อแม่ที่เคยทำงานอยู่ที่นั่น ‎มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเรา 229 00:15:26,467 --> 00:15:30,047 ‎มันเป็นสถานที่ที่ผมกับแบรนดอน ‎มีความเชื่อมโยงกันมากที่สุด 230 00:15:30,638 --> 00:15:34,978 ‎และถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่แซมส์ ทาวน์จริงๆ ‎แต่มันเป็นแซมส์ ทาวน์ของเรา 231 00:15:50,449 --> 00:15:55,409 ‎เขาดูไม่เหมือนพระเยซูเลยสักนิด 232 00:15:56,205 --> 00:15:58,995 ‎แต่เป็นมากกว่าที่คุณรู้ 233 00:16:00,751 --> 00:16:02,801 ‎อธิบายความหมายของบรรทัดสุดท้ายได้ไหมครับ 234 00:16:02,878 --> 00:16:07,418 ‎ผู้ช่วยให้รอดอาจมาในรูปแบบที่แตกต่างกัน 235 00:16:08,008 --> 00:16:10,758 ‎และ… ผมหมายถึง… 236 00:16:10,844 --> 00:16:13,974 ‎ผมคิดว่าเราต่างมีประสบการณ์นั้น ‎กับผู้คนในชีวิตเรา 237 00:16:14,682 --> 00:16:17,232 ‎คุณคิดว่าเพลงนี้เป็นชีวประวัติตัวเองหรือเปล่า 238 00:16:17,309 --> 00:16:19,229 ‎ใช่ ผมรู้สึกอย่างนั้นมาเกือบจะตลอด 239 00:16:19,311 --> 00:16:22,061 ‎มันเกี่ยวกับชายที่ผมอยากเป็น 240 00:16:22,147 --> 00:16:25,987 ‎นี่คือตัวผมในวัน 24 ปี ที่รู้ว่า… 241 00:16:27,695 --> 00:16:28,855 ‎เขายังไม่ไปถึงจุดนั้น 242 00:16:29,738 --> 00:16:33,908 ‎แต่ผมหวังว่าผมจะได้เป็นในจุดที่ผมควรเป็น 243 00:16:34,702 --> 00:16:37,832 ‎แล้วตอนนี้ล่ะ คุณคิดว่าคุณใกล้เคียงกับจุดนั้นไหม 244 00:16:38,372 --> 00:16:40,422 ‎ผมรู้สึกว่าใกล้เคียงนะ ภรรยาผมก็คิดงั้น 245 00:16:42,126 --> 00:16:44,956 ‎เราพยายามอยู่ มันกำลังดำเนิน 246 00:16:51,385 --> 00:16:54,635 ‎มันเป็นเพลงที่เป็นผู้ใหญ่มากในตอนนั้น 247 00:16:55,305 --> 00:16:57,385 ‎และมันใช้ได้ ตอนนี้ผมเชื่อมโยงกับมันได้มากกว่า 248 00:16:57,474 --> 00:17:01,524 ‎ตอนนี้เราได้กลายเป็นคนคนนั้นที่เพลงกล่าวถึง 249 00:17:03,605 --> 00:17:06,975 ‎มันเป็นช่วงเวลาที่ผมคิดว่าเราโตขึ้นอีกนิด 250 00:17:08,402 --> 00:17:12,362 ‎ผมรู้สึกว่าเรากำลังทำอะไรที่จริงจัง ‎และมีความหมายมากขึ้น 251 00:17:15,659 --> 00:17:19,459 ‎มันทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกัน ‎และมั่นคงในระดับหนึ่ง 252 00:17:19,955 --> 00:17:21,115 ‎ถูกต้อง 253 00:17:31,842 --> 00:17:35,642 ‎และนี่คือ "เวน ยู เวอร์ ยัง" ‎โดย เดอะ คิลเลอร์ แบบเต็มเพลง 254 00:21:38,046 --> 00:21:43,046 ‎(คำบรรยายโดย เบญจพร กวินทร์)