1 00:00:07,320 --> 00:00:10,040 ‎(ผลงานซีรีส์สารคดีจาก NETFLIX) 2 00:00:25,640 --> 00:00:30,200 ‎โลก ถิ่นกำเนิดของหลายล้านสายพันธุ์ 3 00:00:34,640 --> 00:00:38,040 ‎แต่มีอะไรที่อาจอยู่... นอกโลกบ้าง 4 00:00:43,520 --> 00:00:46,280 ‎นักดาราศาสตร์ค้นพบดาวเคราะห์หลายพันดวง 5 00:00:46,880 --> 00:00:48,880 ‎นอกระบบสุริยะของเรา 6 00:00:51,720 --> 00:00:54,640 ‎พวกเขาเชื่อว่ายังมีอีกหลายล้านล้านดวง 7 00:00:59,440 --> 00:01:02,520 ‎หากมีสิ่งมีชีวิต อยู่บนเศษเสี้ยว ‎ของดาวเหล่านั้นเท่านั้น 8 00:01:04,040 --> 00:01:08,280 ‎งั้นจักรวาลก็คงมีชีวิต 9 00:01:18,920 --> 00:01:22,200 ‎สิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีความต้องการเหมือนกัน 10 00:01:25,120 --> 00:01:26,080 ‎กิน... 11 00:01:32,920 --> 00:01:34,040 ‎สืบพันธุ์... 12 00:01:38,840 --> 00:01:39,680 ‎และวิวัฒนาการ 13 00:01:43,520 --> 00:01:46,080 ‎จากการประยุกต์กฎของสิ่งมีชีวิตบนโลก 14 00:01:46,880 --> 00:01:49,000 ‎กับดาวดวงอื่นๆ ในจักรวาล 15 00:01:50,680 --> 00:01:52,480 ‎จึงเป็นไปได้ที่จะจินตนาการถึง 16 00:01:53,240 --> 00:01:55,000 ‎สิ่งที่อาจมีชีวิตอยู่... 17 00:01:55,920 --> 00:01:57,920 ‎บนโลกต่างดาว 18 00:02:26,920 --> 00:02:30,360 ‎ดาวเคราะห์ส่วนใหญ่ที่เรารู้จักนั้นโหดร้ายมาก 19 00:02:31,920 --> 00:02:35,200 ‎ดูเหมือนจะไม่มีอะไรสามารถมีชีวิตอยู่ได้เลย 20 00:02:37,320 --> 00:02:41,120 ‎แต่มันวิเศษที่สิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นได้ 21 00:02:44,720 --> 00:02:48,880 ‎เท่าที่ฉันจำได้ แม่บอกฉันตลอด ‎ว่าฉันเป็นมนุษย์ต่างดาว 22 00:02:50,840 --> 00:02:54,680 ‎เพราะฉันสนใจเรื่องอวกาศมาตั้งแต่แรก 23 00:02:57,840 --> 00:03:01,520 ‎ฉันรู้มาตลอดว่าฉันอยากไปข้างนอกนั่น ‎และสำรวจจักรวาล 24 00:03:08,720 --> 00:03:13,800 ‎(แอ่งดานาคิล ‎ประเทศเอธิโอเปีย) 25 00:03:16,000 --> 00:03:17,360 ‎โอ้พระเจ้า 26 00:03:18,400 --> 00:03:22,640 ‎(เคนน์ดา ลินช์ ‎นักชีวดาราศาสตร์) 27 00:03:23,160 --> 00:03:26,040 ‎ฉันคิดว่านี่เป็นที่ที่น่าทึ่งที่สุดที่ฉันเคยเห็นเลย 28 00:03:27,440 --> 00:03:30,680 ‎ฉันวาดฝันว่าดาวเคราะห์ดวงอื่น ‎จะหน้าตาเป็นแบบนี้ 29 00:03:31,640 --> 00:03:32,960 ‎มันเหลือเชื่อ 30 00:03:34,360 --> 00:03:35,480 ‎ใช่ค่ะ 31 00:03:40,440 --> 00:03:45,000 ‎แอ่งดานาคิล ‎รู้จักกันทั่วไปในชื่อ "ประตูสู่นรก" 32 00:03:48,800 --> 00:03:52,520 ‎อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 120 เมตร ‎และเกิดจากภูเขาไฟ 33 00:03:54,840 --> 00:03:57,240 ‎มันคือที่ที่ร้อนที่สุดในโลก 34 00:04:00,920 --> 00:04:04,480 ‎อุณภูมิอยู่ที่ 79 องศาเซลเซียส ‎82 องศาเซลเซียส 35 00:04:04,960 --> 00:04:07,400 ‎ตรงนี้ชนะเลิศที่ 87 36 00:04:12,920 --> 00:04:14,920 ‎ถ้าสิ่งมีชีวิตรอดชีวิตที่นี่ได้... 37 00:04:16,640 --> 00:04:20,480 ‎มันก็สามารถอยู่ในหลายๆ โลกในจักรวาลนี้ได้ 38 00:04:24,440 --> 00:04:26,880 ‎สิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์ดวงอื่น มันต้องมีเคมี 39 00:04:26,960 --> 00:04:29,120 ‎ไม่ว่ามันดูเหมือนของเราเป๊ะหรือไม่ 40 00:04:29,240 --> 00:04:32,200 ‎เราไม่รู้ แต่มันต้องมีเคมี ‎ที่ช่วยให้พวกมันมีชีวิตอยู่ได้ 41 00:04:32,640 --> 00:04:35,640 ‎และเคมีนั้นจะต้องอยู่ภายใต้ขีดจำกัด 42 00:04:37,120 --> 00:04:39,560 ‎ยกตัวอย่างเช่น ทุกชีวิตประกอบด้วยเซลล์ 43 00:04:39,640 --> 00:04:41,880 ‎ภายในเซลล์เหล่านี้มีสารชีวโมเลกุล 44 00:04:41,960 --> 00:04:44,520 ‎ที่ทำให้เซลล์ทำหน้าที่และมีชีวิตอยู่และทำงาน 45 00:04:44,600 --> 00:04:48,000 ‎นั่นคือเครื่องยนต์กลไกของเราที่ทำงาน ‎และทำให้เคมีนี้เกิดขึ้น 46 00:04:48,080 --> 00:04:49,720 ‎ที่ทำให้สิ่งมีชีวิตมีชีวิตอยู่ 47 00:04:49,880 --> 00:04:53,560 ‎และเราอยากเข้าใจจริงๆ ว่า ‎เครื่องยนต์กลไกนั้นทำงานยังไง 48 00:04:54,280 --> 00:04:56,920 ‎และอะไรที่จะทำให้เครื่องยนต์กลไกนั้นพัง 49 00:05:01,960 --> 00:05:07,440 ‎ก่อนหน้านี้ไม่นาน มีการสันนิษฐานว่า ‎ดานาคิลโหดร้ายเกินกว่าจะรองรับสิ่งมีชีวิตได้ 50 00:05:10,400 --> 00:05:16,400 ‎แต่เหล่านักชีวดาราศาสตร์มาที่นี่ ‎เพื่อหาจุลินทรีย์เซลล์เดียวธรรมดาๆ 51 00:05:18,560 --> 00:05:20,840 ‎ที่มีชื่อว่าอิกซ์ตรีโมไฟล์ 52 00:05:34,520 --> 00:05:36,760 ‎จุลินทรีย์เล็กเกินกว่าจะมองด้วยตาเปล่าได้ 53 00:05:36,840 --> 00:05:39,880 ‎มันก็เลยจะไม่ง่าย ‎เหมือนการตักน้ำไปจากทะเลสาบนิดหน่อย 54 00:05:39,960 --> 00:05:42,560 ‎ใช้กล้องจุลทรรศน์ส่อง ‎และมองเห็นแมลงเต็มไปหมด 55 00:05:50,120 --> 00:05:53,320 ‎วิธีเดียวที่จะตรวจพบการมีอยู่ของอิกซ์ตรีโมไฟล์ 56 00:05:54,840 --> 00:05:58,440 ‎คือการหาร่องรอยของดีเอ็นเอของพวกมัน... 57 00:06:00,120 --> 00:06:03,080 ‎โดยใช้เครื่องตรวจหาลำดับพันธุกรรมแบบพกพา 58 00:06:05,640 --> 00:06:09,000 ‎นี่คืออุปกรณ์ที่เล็กมากและอ่อนไหวต่ออุณหภูมิมาก 59 00:06:09,120 --> 00:06:12,280 ‎และเราอยู่ในหนึ่งในที่ที่ร้อนที่สุดในโลก 60 00:06:13,440 --> 00:06:15,640 ‎และในงานภาคสนามตอนนี้ เรามีบล็อกเย็น 61 00:06:15,720 --> 00:06:18,920 ‎เพื่อรักษาความเย็นให้มัน ‎และช่องสัญญาณกำลังทำงานอยู่ 62 00:06:21,640 --> 00:06:22,640 ‎และเรา... 63 00:06:24,080 --> 00:06:26,880 ‎เราเจอการจัดลำดับ 64 00:06:27,480 --> 00:06:29,920 ‎การจัดลำดับกำลังเกิดขึ้นจริงๆ 65 00:06:30,640 --> 00:06:32,600 ‎เรามีดีเอ็นเออยู่ในนี้ 66 00:06:34,720 --> 00:06:35,560 ‎เยี่ยมเลย 67 00:06:38,200 --> 00:06:41,040 ‎การจัดลำดับดีเอ็นเอคือหลักฐาน 68 00:06:41,120 --> 00:06:46,120 ‎ว่าอิกซ์ตรีโมไฟล์สามารถอยู่รอดได้ ‎ในน้ำที่เป็นกรดของดานาคิล 69 00:06:48,800 --> 00:06:53,320 ‎เจ้าพวกนี้เป็นเหมือนยอดมนุษย์ของจุลินทรีย์ ‎และมันวิเศษมาก 70 00:06:53,400 --> 00:06:57,840 ‎ในขณะที่เราได้เรียนรู้มากขึ้นเรื่อยๆ ‎เกี่ยวกับกลยุทธ์และกลไกที่หลากหลาย 71 00:06:57,920 --> 00:07:01,080 ‎ที่พวกมันคิดขึ้นมาเพื่อเอาชีวิตรอด ‎ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ 72 00:07:04,640 --> 00:07:09,480 ‎การค้นพบสิ่งมีชีวิตที่นี่ ‎ทำให้เกิดความเป็นไปได้ใหม่ที่น่าทึ่ง 73 00:07:10,640 --> 00:07:15,560 ‎แต่รูปแบบชีวิตบางรูปแบบก็แกร่งพอ ‎ที่จะอยู่รอดได้ทุกที่... 74 00:07:19,000 --> 00:07:22,440 ‎แม้แต่ในที่ที่ห่างไกลที่สุดในอวกาศ 75 00:07:31,640 --> 00:07:33,600 ‎ดาวแคระแดง 76 00:07:39,440 --> 00:07:42,440 ‎ดาวฤกษ์ที่มีอยู่มากที่สุดในกาแล็กซีของเรา 77 00:07:56,160 --> 00:07:57,840 ‎ลองจินตนาการถึงดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง 78 00:07:57,920 --> 00:08:03,360 ‎ในวงโคจรที่ใกล้ขนาดนี้ การหมุนของมัน ‎ถูกล็อกโดยแรงโน้มถ่วงของดาวฤกษ์ 79 00:08:06,080 --> 00:08:09,440 ‎มันจึงหันไปหาพระอาทิตย์ของมันด้านเดียวเสมอ 80 00:08:18,840 --> 00:08:21,160 ‎นี่คือเจนัส 81 00:08:29,640 --> 00:08:33,360 ‎สิ่งมีชีวิตจะปรับตัวอย่างไรในโลกที่สุดโต่งขนาดนี้ 82 00:08:40,120 --> 00:08:43,800 ‎ในด้านหนึ่งของดาวเคราะห์ เป็นกลางวันเสมอ 83 00:08:44,120 --> 00:08:45,680 ‎ทะเลทรายที่ร้อนสุดขีด 84 00:08:51,040 --> 00:08:53,960 ‎ในอีกด้าน เป็นกลางคืนตลอดกาล 85 00:08:54,400 --> 00:08:56,400 ‎ดินแดนแห่งความมืดที่หนาวเหน็บ 86 00:09:03,760 --> 00:09:09,240 ‎ที่ถูกบีบอยู่ระหว่างสองด้าน ‎คือแสงสนธยาสีเงินที่เกิดขึ้นตลอดเวลา 87 00:09:18,240 --> 00:09:22,120 ‎น้ำเย็นจัดที่ละลายไหลจากด้านที่หนาวเย็น 88 00:09:22,880 --> 00:09:25,600 ‎ทำให้เกิดหุบเขาลึกทั่วภูมิประเทศ 89 00:09:28,480 --> 00:09:32,040 ‎แม้แต่ที่นี่ ที่ไม่เหมาะสำหรับ ‎อยู่อาศัยที่สุดของดาวเคราะห์ 90 00:09:32,520 --> 00:09:33,920 ‎ก็ยังมีพืชพันธุ์เล็กน้อย 91 00:09:39,920 --> 00:09:41,840 ‎แต่ลึกเข้าไปในหุบเขาลึกเหล่านี้ 92 00:09:42,240 --> 00:09:45,080 ‎มีสิ่งมีชีวิตห้าขาที่ไม่ธรรมดาอาศัยอยู่... 93 00:09:46,880 --> 00:09:47,840 ‎มันคือเพ็นทาพ็อด 94 00:09:52,920 --> 00:09:54,280 ‎ตัวใหญ่พอๆ กับแมว 95 00:09:54,920 --> 00:09:57,600 ‎มันคือรูปแบบชีวิตที่เหนือกว่าบนเจนัส 96 00:09:59,840 --> 00:10:02,800 ‎สามารถปรับตัวเข้ากับทุกสภาวะ 97 00:10:10,440 --> 00:10:11,920 ‎ในด้านที่หนาวเย็น 98 00:10:12,320 --> 00:10:14,760 ‎มันอ้วนเตี้ยและมีขนดก 99 00:10:20,640 --> 00:10:25,640 ‎ในด้านที่ร้อน มันตัวเงา ผอมเพรียว และขี้ตกใจ 100 00:10:27,680 --> 00:10:30,600 ‎เพ็นทาพ็อดสามารถกลายเป็น ‎อะไรก็ได้ที่อยากเป็น 101 00:10:31,360 --> 00:10:32,920 ‎เพื่ออยู่รอด 102 00:10:42,240 --> 00:10:46,920 ‎บนโลก สัตว์ทุกชนิดปรับตัว ‎เพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของมัน 103 00:10:51,040 --> 00:10:54,080 ‎แต่บางชนิดปรับตัวได้มากกว่าชนิดอื่น 104 00:11:00,840 --> 00:11:05,520 ‎(หุบเขาอาริมา ‎ประเทศตรินิแดด) 105 00:11:08,320 --> 00:11:10,920 ‎ทางเดินที่ฉันเพิ่งเดินผ่านมานี้ 106 00:11:11,000 --> 00:11:13,080 ‎เป็นทางเดินที่สวยงามเรียบร้อย 107 00:11:13,160 --> 00:11:16,920 ‎และคุณคงคิดว่ามันเกิดจากฝีมือของสัตว์ใหญ่ ‎หรืออาจจะเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ 108 00:11:17,960 --> 00:11:19,520 ‎แต่จริงๆ แล้วเป็นฝีมือของมดค่ะ 109 00:11:22,200 --> 00:11:24,000 ‎พูดให้เฉพาะเจาะจงคือมดตัดใบไม้ 110 00:11:27,400 --> 00:11:28,760 ‎ตอนนี้ทุกอย่างดูเงียบ 111 00:11:29,040 --> 00:11:32,680 ‎แต่ถ้าเรากลับมาตอนกลางคืน ‎ที่นี่จะกลายเป็นทางหลวงพิเศษของมดเลยจริงๆ 112 00:11:32,760 --> 00:11:36,320 ‎โดยที่ใบไม้จะหลั่งไหลขึ้นไป ‎ตรงไปที่รังของพวกมัน 113 00:11:48,720 --> 00:11:49,680 ‎โอ้ ว้าว 114 00:11:50,480 --> 00:11:51,720 ‎ดูนั่นสิคะ 115 00:11:54,440 --> 00:11:56,480 ‎นี่คือรังมด 116 00:11:58,840 --> 00:12:03,760 ‎คุณสามารถมองเข้าไปที่ใจกลาง ‎ของอาณานิคมนี้ได้เลย มีอะไรเกิดขึ้นมากมาย 117 00:12:07,520 --> 00:12:11,080 ‎สำหรับมดตัดใบไม้ มันมีชนชั้นที่หลากหลาย 118 00:12:12,960 --> 00:12:14,200 ‎มีทหาร 119 00:12:14,960 --> 00:12:16,880 ‎มีมดงานที่แตกต่างหลากหลาย 120 00:12:17,640 --> 00:12:18,920 ‎มีราชินีด้วย 121 00:12:19,000 --> 00:12:22,200 ‎มันเป็นตัวเดียวที่วางไข่ ‎และมีราชินีเพียงตัวเดียวเท่านั้น 122 00:12:22,440 --> 00:12:24,560 ‎ถ้าไม่มีมัน ที่นี่ก็จะไม่มีมดสักตัว 123 00:12:27,240 --> 00:12:30,880 ‎อาณานิคมมดขึ้นอยู่กับการแบ่งชนชั้นแรงงาน 124 00:12:33,280 --> 00:12:35,760 ‎ชนชั้นที่ต่างกันมีหน้าที่แตกต่างกัน 125 00:12:36,200 --> 00:12:39,080 ‎และพวกมันมีทุกรูปร่างและทุกขนาด 126 00:12:43,520 --> 00:12:45,840 ‎ฉันเพิ่งหยิบทหารตัวหนึ่งขึ้นมา 127 00:12:45,920 --> 00:12:48,480 ‎และฉันหยิบมดงานที่ตัวเล็กมากๆ ขึ้นมาด้วย 128 00:12:48,680 --> 00:12:51,160 ‎และมันไม่ใช่มดงานที่ตัวเล็กที่สุดในอาณานิคมนี้ 129 00:12:51,480 --> 00:12:52,960 ‎แต่ก็เกือบเล็กสุด 130 00:12:53,080 --> 00:12:56,000 ‎และสำหรับทหาร ฉันแทบจะจับมันไว้ไม่ได้ 131 00:12:56,120 --> 00:12:57,840 ‎มันยากมาก ฉันรู้สึกได้ถึงพลังของมัน 132 00:12:57,920 --> 00:13:01,440 ‎รู้สึกได้ว่ามันพยายามจะหนีไป ‎ขากรรไกรของมันเปิดกว้าง 133 00:13:02,040 --> 00:13:04,240 ‎แต่ความแตกต่างนั้นน่าทึ่งมาก 134 00:13:04,320 --> 00:13:08,720 ‎เมื่อคิดว่าพวกมันทุกตัว ‎เริ่มต้นมาจากตัวอ่อนเดียวกัน 135 00:13:12,120 --> 00:13:15,400 ‎มดทุกตัวในอาณานิคม ‎มีความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด 136 00:13:17,440 --> 00:13:19,800 ‎พวกมันมียีนเหมือนกันเป็นส่วนใหญ่ 137 00:13:21,720 --> 00:13:22,840 ‎แต่เมื่อพวกมันโตขึ้น 138 00:13:23,200 --> 00:13:27,280 ‎บางยีนก็เปิดทำงาน บางยีนก็ปิดไป 139 00:13:28,280 --> 00:13:30,360 ‎ขึ้นอยู่กับอาหารที่พวกมันกิน 140 00:13:32,440 --> 00:13:37,800 ‎ทุกตัวสามารถเป็นมดงาน ‎ผู้หาอาหาร หรือทหารได้ 141 00:13:41,640 --> 00:13:46,280 ‎ความสามารถในการสร้างรูปร่างและรูปแบบ ‎ที่แตกต่างกันจากพิมพ์เขียวเดียวกันนี้ 142 00:13:47,040 --> 00:13:49,240 ‎สิ่งนี้เรียกว่าพอลิฟีนิซึม 143 00:13:49,320 --> 00:13:52,840 ‎"พอลิ" หมายถึงมากมาย ‎และ "ฟีนิซึม" หมายถึงรูปร่าง 144 00:14:00,920 --> 00:14:05,640 ‎โอ้ แมงมุมเพิ่งทำสิ่งที่ฉัน ‎พยายามหลีกเลี่ยงมาตลอดทั้งคืน 145 00:14:05,720 --> 00:14:10,080 ‎มันเดินเข้าไปใน ‎ทางเดินหนึ่งของมดตัดใบไม้พวกนี้ 146 00:14:10,440 --> 00:14:12,800 ‎และนั่นไม่ใช่ข่าวดีเลย 147 00:14:13,840 --> 00:14:17,800 ‎คุณจะเห็นพลังของทหารพวกนี้ ‎และขากรรไกรของพวกมัน 148 00:14:18,920 --> 00:14:21,200 ‎ถ้ามีอะไรมารบกวนอาณานิคม 149 00:14:22,640 --> 00:14:26,120 ‎เป็นหน้าที่ของพวกมันที่ต้องเข้ามาจัดการ ‎นั่นคือสิ่งที่พวกมันทำ 150 00:14:34,560 --> 00:14:35,640 ‎โอ้ ว้าว 151 00:14:42,720 --> 00:14:44,640 ‎ฉันโดนโจมตีซะแล้ว 152 00:14:45,360 --> 00:14:46,360 ‎ต้องเจ็บแน่ๆ 153 00:14:46,760 --> 00:14:48,760 ‎พวกมันกำลังมาหาฉันแล้ว 154 00:14:54,240 --> 00:14:58,360 ‎ดังนั้นสิ่งมีชีวิตอะไรก็ตามที่มีความสามารถ ‎ในการเปลี่ยนแปลงรูปร่างและโต้ตอบ 155 00:14:58,440 --> 00:15:01,200 ‎เพื่อเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมของมัน ‎ได้เร็วเหมือนที่มดทำได้ 156 00:15:01,280 --> 00:15:04,320 ‎จะมีข้อได้เปรียบที่วิเศษ ที่ไม่ใช่แค่การอยู่รอด 157 00:15:04,400 --> 00:15:06,400 ‎แต่จะครอบครองโลกของมันได้ด้วย 158 00:15:15,920 --> 00:15:19,080 ‎(ช่วงการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ) 159 00:15:21,840 --> 00:15:22,800 ‎บนเจนัส 160 00:15:23,480 --> 00:15:26,440 ‎เพ็นทาพ็อดคือเจ้าแห่งพอลิฟีนิซึม 161 00:15:30,040 --> 00:15:33,680 ‎เช่นเดียวกับมด มันสามารถพัฒนา ‎เป็นรูปแบบที่หลากหลายได้ 162 00:15:37,120 --> 00:15:40,160 ‎แต่พวกมันเริ่มต้นชีวิตในที่เดียวกันทุกตัว... 163 00:15:42,840 --> 00:15:44,560 ‎แดนสนธยา 164 00:15:52,600 --> 00:15:55,400 ‎ตัวเต็มวัยหนึ่งคู่พร้อมผสมพันธุ์แล้ว 165 00:15:58,240 --> 00:16:01,160 ‎ทั้งคู่เป็นทั้งตัวผู้และตัวเมีย 166 00:16:02,720 --> 00:16:04,080 ‎กะเทย 167 00:16:06,120 --> 00:16:08,360 ‎ทั้งคู่สามารถให้กำเนิดลูกหลาน... 168 00:16:09,880 --> 00:16:12,200 ‎เพิ่มโอกาสสืบพันธุ์สำเร็จเป็นสองเท่า 169 00:16:28,040 --> 00:16:32,680 ‎เมื่อผสมพันธุ์แล้ว ‎เพ็นทาพ็อดจะออกจากที่พักในหุบเขาลึกไป 170 00:16:36,320 --> 00:16:39,240 ‎มันปีนขึ้นไปบนพื้นสูง... 171 00:16:41,400 --> 00:16:43,200 ‎พร้อมวางไข่ 172 00:16:51,240 --> 00:16:57,400 ‎บนยอด ลมพัดระหว่างด้านที่เย็นและด้านที่ร้อน ‎ของดาวเคราะห์อย่างต่อเนื่อง 173 00:17:09,520 --> 00:17:14,600 ‎แต่ลมทำให้มีโอกาสในการกระจายตัวอ่อนของมัน 174 00:17:19,240 --> 00:17:22,680 ‎วิธีนี้ พวกมันสามารถ ‎ยึดดาวเคราะห์เป็นอาณานิคมได้ 175 00:17:35,320 --> 00:17:39,000 ‎ในด้านที่ร้อน น้ำหายากมาก... 176 00:17:42,280 --> 00:17:45,440 ‎ไอน้ำกลั่นตัวในพื้นที่ที่มีร่มเงาเท่านั้น 177 00:17:55,920 --> 00:17:58,760 ‎หากไม่มีอะไรให้กิน พวกมันจะเดินต่อไป 178 00:18:10,240 --> 00:18:14,520 ‎เพราะมีขาห้าข้าง ‎พวกมันจึงเดินไปได้ทุกทิศทางอย่างรวดเร็ว 179 00:18:17,320 --> 00:18:18,800 ‎และเพราะมีตาสิบดวง 180 00:18:19,320 --> 00:18:21,800 ‎จึงไม่ค่อยมีอะไรหนีความสนใจพวกมันไปได้ 181 00:18:30,240 --> 00:18:31,640 ‎หากพวกมันรู้สึกได้ถึงอาหาร 182 00:18:32,800 --> 00:18:35,320 ‎พวกมันใช้หนวดค้นหามันออกมา 183 00:18:41,240 --> 00:18:44,720 ‎พวกมันต้องใช้โอกาส ‎ในการหาอาหารให้ได้มากที่สุด 184 00:18:57,200 --> 00:19:01,400 ‎(หุบเขาแห่งไฟ ‎เนวาดา สหรัฐฯ) 185 00:19:02,840 --> 00:19:05,600 ‎สิ่งมีชีวิตในทุกทะเลทรายล้วนทุกข์ทรมาน 186 00:19:06,720 --> 00:19:08,680 ‎ผู้ที่แกร่งเท่านั้นที่รอดตาย 187 00:19:10,840 --> 00:19:12,440 ‎และในโลกของธรรมชาติ 188 00:19:12,760 --> 00:19:14,600 ‎ไม่มีอะไรที่แกร่งกว่า... 189 00:19:15,840 --> 00:19:17,000 ‎แมงป่อง 190 00:19:23,880 --> 00:19:26,320 ‎- เจออะไรไหม ‎- คิดว่าไม่ 191 00:19:32,040 --> 00:19:34,680 ‎ความทรงจำแรกในวัยเด็กของผม ‎เกี่ยวกับแมงป่อง 192 00:19:34,920 --> 00:19:39,760 ‎ผมอายุสิบขวบ และผมเห็นแมงป่องตัวใหญ่ตัวหนึ่ง 193 00:19:41,240 --> 00:19:42,480 ‎ผมตะโกน "แม่!" 194 00:19:43,320 --> 00:19:45,520 ‎แล้วแม่ก็มาช่วยผม 195 00:19:45,880 --> 00:19:47,880 ‎และพูดว่า "อะไร เกิดอะไรขึ้น" 196 00:19:47,960 --> 00:19:50,840 ‎แล้วผมก็ชี้ไปที่แมงป่องบนเพดาน 197 00:19:50,920 --> 00:19:52,600 ‎ผมพูดว่า "เจ้านั่นกำลังจะกินผม" 198 00:19:53,280 --> 00:19:57,360 ‎และแม่บอก "ไม่ มานี่ ใจเย็น นี่มันแค่แมงป่อง" 199 00:19:58,600 --> 00:20:01,760 ‎และในฐานะแม่ชาวเม็กซิกันผู้น่ารัก 200 00:20:01,840 --> 00:20:08,040 ‎แม่ถอดรองเท้าแตะออก ‎และตีเจ้าวายร้ายบนเพดาน 201 00:20:17,440 --> 00:20:22,600 ‎คาร์ลอส ซานติบัญเญส โลเปซ ‎ปัจจุบันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านแมงป่อง 202 00:20:23,920 --> 00:20:26,800 ‎เชี่ยวชาญเรื่องการศึกษาพิษของมัน 203 00:20:28,720 --> 00:20:32,440 ‎ผมออกไปตอนกลางคืนและใช้แสงยูวี 204 00:20:32,720 --> 00:20:35,960 ‎เพราะแสงยูวีทำให้แมงป่องเรืองแสง 205 00:20:36,520 --> 00:20:39,200 ‎พวกมันมีโปรตีนพิเศษที่เปลือก 206 00:20:40,720 --> 00:20:43,560 ‎ใช่ มาดูตัวนี้กันดีกว่า 207 00:20:47,960 --> 00:20:49,320 ‎ดูนี่สิ 208 00:20:49,400 --> 00:20:50,720 ‎แมงป่องเพียบเลย 209 00:20:51,320 --> 00:20:52,360 ‎ใช่ ตัวนี้เจ๋งเลย 210 00:20:56,000 --> 00:21:00,560 ‎แมงป่องแทบไม่เปลี่ยนไปเลยในรอบ 400 ล้านปี 211 00:21:01,760 --> 00:21:04,480 ‎เป็นสิ่งมีชีวิตในทะเลทราย ‎ที่ปรับตัวได้อย่างดีเยี่ยม 212 00:21:06,440 --> 00:21:10,640 ‎แมงป่องมีกระบวนการเผาผลาญอาหารที่ช้ามาก 213 00:21:11,400 --> 00:21:15,560 ‎พวกมันสามารถอยู่ได้นานโดยไม่กินอาหารหรือน้ำ 214 00:21:16,920 --> 00:21:20,600 ‎เรามีบันทึกว่าบางสายพันธุ์อยู่ได้หนึ่งปี 215 00:21:21,360 --> 00:21:22,920 ‎โดยไม่กินอะไรเลย 216 00:21:24,160 --> 00:21:27,960 ‎และพวกมันมีพลังงานมากพอที่จะรักษา 217 00:21:28,040 --> 00:21:30,720 ‎การทำงานที่จำเป็นไว้ ‎เพื่อทำให้พวกมันมีชีวิตอยู่ได้ 218 00:21:32,320 --> 00:21:36,920 ‎พวกมันต้องทำให้แน่ใจว่าครั้งต่อไปที่มีอาหาร 219 00:21:37,000 --> 00:21:38,280 ‎พวกมันจะจับมันได้ 220 00:21:40,200 --> 00:21:45,680 ‎แมงป่องจึงพัฒนาอาวุธขึ้นมากมาย ‎ที่สามารถใช้ล่าเหยื่อได้ 221 00:21:47,000 --> 00:21:49,520 ‎รวมถึงอาวุธที่สำคัญที่สุด... 222 00:21:51,440 --> 00:21:52,280 ‎พิษ 223 00:22:09,720 --> 00:22:11,800 ‎เพื่อศึกษาพิษของแมงป่อง 224 00:22:12,680 --> 00:22:16,200 ‎คาร์ลอสต้องแยกพิษออกมาจากต่อมที่อยู่ในหาง 225 00:22:18,720 --> 00:22:25,240 ‎พิษเป็นส่วนผสมทรงพลัง ‎ที่ประกอบด้วยแร่ธาตุ เกลือ 226 00:22:25,320 --> 00:22:29,120 ‎และโปรตีนหลายร้อยชนิด ‎ที่มีการทำงานแตกต่างกัน 227 00:22:30,240 --> 00:22:32,400 ‎พยายามเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นะ 228 00:22:33,160 --> 00:22:34,480 ‎อย่างนั้นแหละ 229 00:22:34,720 --> 00:22:38,200 ‎เราใช้กระแสไฟฟ้ากระตุ้นกล้ามเนื้อ 230 00:22:40,920 --> 00:22:44,280 ‎เราจะเอาพิษมาแค่นิดเดียวเท่านั้น 231 00:22:44,360 --> 00:22:46,160 ‎แค่หยดเล็กจิ๋ว 232 00:22:46,240 --> 00:22:50,040 ‎แต่หยดนี้มีค่ามากจนเราไม่อยากเสียมันไป 233 00:22:52,320 --> 00:22:53,920 ‎นวดให้มันดีๆ 234 00:22:54,440 --> 00:22:57,040 ‎ใช่ มีหยดเล็กๆ ออกมาแล้ว 235 00:22:58,440 --> 00:22:59,600 ‎โอ้ เยี่ยม โอเค 236 00:22:59,680 --> 00:23:01,600 ‎ได้ผล เราได้พิษมาแล้ว 237 00:23:02,560 --> 00:23:05,760 ‎มันอยู่ตรงนั้น แต่มันเป็นหยดที่เล็กจิ๋วมาก 238 00:23:06,760 --> 00:23:08,040 ‎- ใช่ ‎- คุณเห็นมันไหม 239 00:23:08,120 --> 00:23:11,000 ‎- เห็น ‎- มันเหมือนกับหยดน้ำ 240 00:23:21,480 --> 00:23:24,040 ‎พิษเป็นอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพมาก 241 00:23:24,640 --> 00:23:28,480 ‎ผู้ใช้พิษได้แก่สัตว์เลื้อยคลาน แมลง และปลา 242 00:23:30,320 --> 00:23:34,600 ‎มันพัฒนาขึ้นอย่างอิสระ อย่างน้อย 30 เท่า 243 00:23:38,840 --> 00:23:42,560 ‎ยิ่งคุณสมบัติอย่างพิษ ‎พัฒนาขึ้นบนโลกบ่อยมากเท่าไหร่ 244 00:23:44,120 --> 00:23:47,640 ‎โอกาสที่มันจะมีอยู่บนดาวเคราะห์ดวงอื่น ‎ก็มีมากขึ้นเท่านั้น 245 00:24:01,440 --> 00:24:03,000 ‎บนด้านที่ร้อนของเจนัส 246 00:24:03,840 --> 00:24:06,920 ‎เพ็นทาพ็อดใช้พิษในการจับเหยื่อ 247 00:24:16,720 --> 00:24:19,080 ‎แต่การล่าตามลำพังนั้นเสี่ยง 248 00:24:31,320 --> 00:24:34,800 ‎แม้แต่ผู้ล่ามีพิษก็ยังไร้อำนาจ 249 00:24:35,120 --> 00:24:36,800 ‎เมื่อเจอฝูงแมลง 250 00:24:54,520 --> 00:24:58,640 ‎บนด้านที่หนาวเย็นของดาวเคราะห์ ‎อะไรๆ ก็โหดร้ายพอกัน 251 00:25:02,920 --> 00:25:07,480 ‎ในความมืดมิดตลอดกาล ‎และไม่มีพลังงานจากดวงอาทิตย์... 252 00:25:09,920 --> 00:25:12,000 ‎จะมีอะไรมีชีวิตรอดได้อย่างไร 253 00:25:22,320 --> 00:25:26,520 ‎บนโลก สิ่งมีชีวิตเกือบทุกชีวิต ‎ต้องพึ่งพาแสงอาทิตย์ 254 00:25:29,680 --> 00:25:32,760 ‎พืชเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นอาหาร 255 00:25:34,120 --> 00:25:36,280 ‎ซึ่งเป็นอาหารให้รูปแบบชีวิตอื่นๆ 256 00:25:39,520 --> 00:25:42,400 ‎แต่มีสถานที่ไม่ธรรมดาบางแห่งบนโลก 257 00:25:42,640 --> 00:25:46,120 ‎ที่สิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการโดยไม่มีแสงสว่างใดๆ เลย 258 00:25:47,200 --> 00:25:51,280 ‎(ถ้ำวิลลาลุซ ‎ประเทศเม็กซิโก) 259 00:25:57,040 --> 00:26:01,120 ‎เวลาฉันใคร่ครวญถึงการเข้าไปในถ้ำแบบนี้ ‎สิ่งหนึ่งที่ฉันรู้ 260 00:26:01,200 --> 00:26:03,200 ‎คือมันเป็นสภาพแวดล้อมของต่างดาว 261 00:26:03,280 --> 00:26:05,360 ‎- มันเป็นฝ้าขึ้นมานิดหน่อย ‎- ใช่ 262 00:26:05,440 --> 00:26:08,000 ‎มันเต็มไปด้วยวิธีที่จะตาย 263 00:26:09,160 --> 00:26:14,760 ‎สิ่งหนึ่งที่เสี่ยงมากในถ้ำนี้ ‎คือมันมีไฮโดรเจนซัลไฟด์เยอะมาก 264 00:26:15,960 --> 00:26:17,920 ‎ไฮโดรเจนซัลไฟด์ฆ่าคุณได้ 265 00:26:18,000 --> 00:26:19,240 ‎- พร้อมไหม ‎- พร้อม 266 00:26:19,720 --> 00:26:24,080 ‎สามีฉันจึงตามมาด้วย ‎เพื่อทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย 267 00:26:26,080 --> 00:26:28,280 ‎เขาไม่กลัวที่จะดึงเราออกไปและพูดว่า 268 00:26:28,640 --> 00:26:30,760 ‎"ได้เวลากลับแล้ว คุณอยู่ในนี้มากพอแล้ว" 269 00:26:49,040 --> 00:26:53,400 ‎ถ้ำวิลลาลุซคือทางคดเคี้ยวของโพรงหินปูน 270 00:26:57,680 --> 00:27:01,920 ‎ไฮโดรเจนซัลไฟด์ผุดขึ้นเป็นฟองจากเปลือกโลก 271 00:27:04,160 --> 00:27:10,400 ‎เมื่อรวมตัวกับออกซิเจน ทำให้เกิดกรดกำมะถัน ‎และเปลี่ยนน้ำให้เป็นสีขาวเหมือนนม 272 00:27:13,720 --> 00:27:16,960 ‎แต่รูปแบบชีวิตบางรูปแบบก็ยังรอดตาย 273 00:27:17,520 --> 00:27:20,080 ‎และเติบโตได้ในสภาวะแบบนี้ 274 00:27:25,600 --> 00:27:26,840 ‎สนอตไทต์... 275 00:27:30,280 --> 00:27:32,800 ‎อาณานิคมการหยดของแบคทีเรีย 276 00:27:38,040 --> 00:27:42,040 ‎ในสนอตไทต์หนึ่งหยดมีสิ่งมีชีวิตอยู่มากมาย 277 00:27:44,080 --> 00:27:46,880 ‎แทนที่จะพึ่งพาการสังเคราะห์ด้วยแสง 278 00:27:47,520 --> 00:27:50,960 ‎พวกมันกินไฮโดรเจนซัลไฟด์ 279 00:27:52,160 --> 00:27:55,680 ‎และใช้มันเป็นแหล่งพลังงาน 280 00:28:01,240 --> 00:28:03,280 ‎- โอเค พร้อมจุดไฟไหม ‎- พร้อม 281 00:28:04,280 --> 00:28:06,200 ‎ทำให้มันเรียบร้อยและปลอดเชื้อ 282 00:28:07,480 --> 00:28:09,560 ‎โอเค ช่วยปิดฝาที 283 00:28:13,800 --> 00:28:15,600 ‎โอเค เอาเป็นอันนี้แล้วกัน 284 00:28:16,400 --> 00:28:17,360 ‎โอเค 285 00:28:18,400 --> 00:28:20,680 ‎โอเค สนอตไทต์หนึ่งหยด 286 00:28:23,520 --> 00:28:26,240 ‎นี่คือสนอตไทต์ที่ดีที่สุดในโลก 287 00:28:27,200 --> 00:28:28,280 ‎เป็นกรดมาก 288 00:28:29,080 --> 00:28:31,720 ‎เป็นกรดมากกว่าน้ำกรดในแบตเตอรีรถยนต์ซะอีก 289 00:28:36,440 --> 00:28:39,280 ‎ระบบนิเวศทั้งหมดวิวัฒนาการขึ้น 290 00:28:40,040 --> 00:28:42,200 ‎เพื่อกินอาหารจากสนอตไทต์ 291 00:28:44,440 --> 00:28:47,240 ‎สิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยเห็นแสงอาทิตย์ 292 00:28:55,240 --> 00:28:56,160 ‎คุณเห็นพวกนั้นไหม 293 00:28:58,120 --> 00:28:58,960 ‎เห็นแล้ว 294 00:29:00,360 --> 00:29:03,200 ‎มีบางตัวที่ใหญ่มากๆ ด้วย ตรงนี้ ทางด้านขวา 295 00:29:05,040 --> 00:29:09,680 ‎ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเห็น ‎สายยาวสีขาวของแบคทีเรียพวกนั้น 296 00:29:10,240 --> 00:29:12,200 ‎คุณจะเห็นปลาว่ายตามมันไป 297 00:29:13,840 --> 00:29:17,680 ‎โอเค ตรงนั้นมีมาเพิ่มอีก เห็นไหม ‎ตัวใหญ่มาแล้ว เห็นไหม 298 00:29:18,360 --> 00:29:20,760 ‎มันกำลังมา นั่นไง มันคว้าไปแล้ว 299 00:29:24,960 --> 00:29:28,080 ‎การศึกษาชีวิตในความมืดสนิท 300 00:29:28,160 --> 00:29:33,920 ‎ได้เพิ่มวิธีการที่เรามองหาสิ่งมีชีวิต ‎ในสถานที่อื่นในจักรวาล 301 00:29:34,440 --> 00:29:38,320 ‎มันทำให้เราคิดถึงความจริงที่ว่า ‎เราอาจพบสิ่งมีชีวิตได้ 302 00:29:38,560 --> 00:29:40,640 ‎ในสถานที่ที่เราไม่เคยนึกถึงมาก่อน 303 00:29:43,360 --> 00:29:45,280 ‎- ยี่สิบห้า ‎- ยี่สิบห้า 304 00:29:45,640 --> 00:29:47,200 ‎มันเริ่มสูงขึ้นมาก 305 00:29:47,280 --> 00:29:50,320 ‎เอาละ คุณคิดว่าเราควรออกไปจากที่นี่รึยัง 306 00:30:04,880 --> 00:30:07,800 ‎ทุกชีวิตต้องการรูปแบบของพลังงาน 307 00:30:10,040 --> 00:30:13,920 ‎บนด้านที่ร้อนของเจนัส มันมาจากแสงดาว 308 00:30:17,640 --> 00:30:22,080 ‎บนด้านที่หนาวเย็น มันมาจากเบื้องลึกภายใน 309 00:30:29,000 --> 00:30:31,320 ‎การเคลื่อนไหวของความร้อนใต้พื้นพิภพ 310 00:30:35,720 --> 00:30:39,560 ‎เวลาที่แรงดันภูเขาไฟผลักดันให้น้ำขึ้นมาบนพื้นผิว 311 00:30:40,520 --> 00:30:42,480 ‎จะมีการปลิวว่อนของชีวิตใหม่... 312 00:30:45,120 --> 00:30:47,800 ‎ซึ่งปลุกให้เพ็นทาพ็อดเคลื่อนไหว 313 00:31:01,560 --> 00:31:05,800 ‎พวกมันไล่ตามกรับ ‎ที่โผล่ขึ้นมารอบๆ บ่อความร้อนใต้พิภพ 314 00:31:10,240 --> 00:31:11,640 ‎แต่มันไม่ง่ายนัก 315 00:31:17,720 --> 00:31:20,200 ‎กรับได้พัฒนาการป้องกันตัวขึ้น 316 00:31:21,240 --> 00:31:24,480 ‎พวกมันกระโดดและส่องแสงวาบ ‎ส่งสัญญาณเตือนตัวอื่นๆ 317 00:31:27,320 --> 00:31:29,880 ‎ทำหน้าที่เป็นหนึ่งเดียวเพื่อความอยู่รอด 318 00:31:46,120 --> 00:31:50,360 ‎บนโลก สัตว์บางชนิด ‎ใช้แสงสว่างแบบเดียวกัน... 319 00:31:51,120 --> 00:31:52,600 ‎เพื่อส่งสัญญาณ 320 00:31:54,920 --> 00:32:00,440 ‎(ป่าสงวนแห่งชาติแอลเลเกนีย์ ‎เพนซิลเวเนีย สหรัฐฯ) 321 00:32:01,520 --> 00:32:04,800 ‎ทุกจุดของแสงสว่าง ‎ที่คุณมองเห็นข้างนอกนั่นคือหิ่งห้อย 322 00:32:07,280 --> 00:32:10,080 ‎ทันทีที่พระอาทิตย์ตกดิน ‎คุณจะเริ่มมองเห็นพวกมันปรากฏตัว 323 00:32:11,240 --> 00:32:13,120 ‎เหมือนประกายไฟเล็กๆ ลอยขึ้นมาจากไฟ 324 00:32:13,200 --> 00:32:16,760 ‎มันน่าประทับใจ ‎และมันยิ่งสวยขึ้นเมื่อดึกมากขึ้น 325 00:32:26,080 --> 00:32:28,680 ‎หิ่งห้อยส่องแสงวาบในรูปแบบของการสื่อสาร 326 00:32:30,040 --> 00:32:33,280 ‎พวกมันเป็นสัตว์บกประเภทเดียว 327 00:32:33,360 --> 00:32:35,800 ‎ที่สื่อสารด้วยแสงที่ผลิตขึ้นมาเอง 328 00:32:39,400 --> 00:32:42,560 ‎การเรืองแสงทางชีวภาพ ‎วิวัฒนาการขึ้นในหมู่หิ่งห้อย 329 00:32:42,840 --> 00:32:44,480 ‎เพื่อเป็นการเตือนเหล่าผู้ล่า 330 00:32:45,600 --> 00:32:50,400 ‎ว่าพวกมันเต็มไปด้วยพิษ ‎และควรได้รับการทิ้งระยะห่าง 331 00:32:53,840 --> 00:32:55,200 ‎กลไกแบบเดียวกัน 332 00:32:55,840 --> 00:32:58,000 ‎ถูกใช้เพื่อหาคู่ผสมพันธุ์ 333 00:33:02,040 --> 00:33:07,480 ‎หิ่งห้อยผลิตแสงจากอวัยวะหนึ่ง ‎บนท้องของมันที่เรียกว่าโคมไฟ 334 00:33:08,280 --> 00:33:11,000 ‎และอวัยวะนี้มีเอนไซม์ 335 00:33:11,080 --> 00:33:12,920 ‎ที่ผลิตแสงหนึ่งโฟตอน 336 00:33:13,200 --> 00:33:15,000 ‎ปฏิกิริยาทางเคมีนี้เกี่ยวข้องกับออกซิเจน 337 00:33:15,080 --> 00:33:18,400 ‎จากการควบคุมการไหลของออกซิเจน ‎ไปยังโคมไฟของมัน 338 00:33:18,480 --> 00:33:22,920 ‎มันสามารถผลิตแสงวาบได้ ‎มันสามารถเปิดและปิดปฏิกิริยาทางเคมีนี้ได้ 339 00:33:23,000 --> 00:33:27,000 ‎และใช้แสงวาบเหล่านี้ในการสื่อสารกับตัวอื่นๆ 340 00:33:35,520 --> 00:33:39,720 ‎ตัวผู้กำลังบินไปรอบๆ ‎และพวกมันกำลังทำการโฆษณานิดหน่อย 341 00:33:39,800 --> 00:33:43,160 ‎แสงวาบเล็กน้อยเป็นการบอกว่า ‎"ฉันอยู่นี่ นี่ฉันเอง มาดูฉันสิ" 342 00:33:46,040 --> 00:33:49,360 ‎และตัวเมียรออยู่บนพื้นดินด้านล่าง และมองขึ้นไป 343 00:33:51,520 --> 00:33:54,680 ‎และพวกมันเห็นตัวผู้ที่พวกมันชอบ ‎พวกมันส่องแสงวาบตอบ 344 00:33:57,840 --> 00:34:00,400 ‎จากนั้นตัวผู้จะลงมา ส่องแสงวาบอีกครั้ง 345 00:34:00,480 --> 00:34:03,080 ‎ตัวเมียส่องแสงตอบ ‎และมาเจอกันและผสมพันธุ์กัน 346 00:34:04,160 --> 00:34:08,400 ‎และจริงๆ แล้วนี่คือ ‎การเต้นรำเกี้ยวพาราสีครั้งใหญ่ 347 00:34:08,480 --> 00:34:10,360 ‎ที่เรากำลังเห็นอยู่ข้างหลังเรา 348 00:34:13,440 --> 00:34:16,000 ‎แต่ละสายพันธุ์สร้างภาษาของตัวเองขึ้น 349 00:34:16,080 --> 00:34:18,080 ‎ไว้ใช้ตามหาตัวอื่นๆ ในความมืด 350 00:34:20,320 --> 00:34:24,440 ‎แต่การใช้แสงสว่างเพื่อสื่อสารนั้น ‎เป็นการเสี่ยงโดยธรรมชาติ 351 00:34:26,440 --> 00:34:31,200 ‎บางสายพันธุ์พัฒนาการปล่อยสัญญาณปลอมขึ้น 352 00:34:34,920 --> 00:34:39,720 ‎สิ่งนี้คือหิ่งห้อยโฟตูริสตัวเมีย ‎ที่กินสัตว์อื่นเป็นอาหาร 353 00:34:39,800 --> 00:34:42,800 ‎มีอีกชื่อคือหญิงอันตราย เพราะพวกมันมีชื่อเสียง 354 00:34:43,120 --> 00:34:46,800 ‎เรื่องการหลอกล่อตัวผู้ของสายพันธุ์อื่นมากิน 355 00:34:47,719 --> 00:34:52,559 ‎พวกมันสามารถแทรกเข้าไป ‎ในการสื่อสารระหว่างตัวผู้และตัวเมีย 356 00:34:52,639 --> 00:34:54,199 ‎และใช้สิ่งนั้นเป็นข้อได้เปรียบ 357 00:34:56,320 --> 00:34:59,200 ‎ดังนั้นคุณสามารถบอกได้ว่านี่คือ ‎หิ่งห้อยที่กินสัตว์อื่นเป็นอาหาร 358 00:34:59,400 --> 00:35:02,600 ‎เพราะโคมไฟของมันมีรูปร่างที่แตกต่างออกไป 359 00:35:03,640 --> 00:35:07,800 ‎มีแค่สองเส้นที่ส่องสว่าง ‎เกือบจะเหมือนเครื่องหมายเท่ากับ 360 00:35:08,520 --> 00:35:12,160 ‎ก็คือตัวผู้จะบินไปรอบๆ เพื่อหาคู่ผสมพันธุ์ 361 00:35:12,240 --> 00:35:14,840 ‎จากนั้นพอตัวผู้ส่องแสงวาบ ‎พวกมันก็ส่องแสงตอบ 362 00:35:15,200 --> 00:35:17,920 ‎ราวกับพวกมันคือตัวเมียของสายพันธุ์นั้น 363 00:35:18,000 --> 00:35:20,440 ‎พวกมันเลียนแบบตัวเมียของสายพันธุ์อื่น 364 00:35:20,600 --> 00:35:24,280 ‎เพื่อให้ตัวผู้บินมาหา ‎แต่พวกมันไม่ได้อยากผสมพันธุ์กับตัวผู้ตัวนั้น... 365 00:35:25,440 --> 00:35:27,800 ‎มันอยากกินตัวผู้ตัวนั้น 366 00:35:30,400 --> 00:35:34,480 ‎และมันทำแบบนั้นในแบบที่รุนแรงสุดๆ 367 00:35:39,520 --> 00:35:43,800 ‎นี่คือตัวอย่างที่ดีเยี่ยมของผู้ล่าที่ใช้การล้อเลียน 368 00:35:48,120 --> 00:35:51,480 ‎สายพันธุ์หนึ่งเลียนแบบพฤติกรรม ‎ของอีกสายพันธุ์... 369 00:35:52,840 --> 00:35:54,200 ‎เพื่อที่จะฆ่ามัน 370 00:35:58,960 --> 00:36:03,400 ‎การโกหกและหลอกลวงมีอยู่แพร่หลายมาก ‎ในโลกของสัตว์ ฉันคงต้องพูดอย่างนั้น 371 00:36:04,720 --> 00:36:07,720 ‎และฉันคิดว่ามันคงมีอยู่บนดาวเคราะห์ทุกดวง 372 00:36:23,080 --> 00:36:27,000 ‎บนเจนัส กรับใช้แสงสว่างในการเอาชีวิตรอด 373 00:36:32,040 --> 00:36:35,240 ‎แต่ระบบของพวกมันกำลังจะถูกเจาะ 374 00:36:47,040 --> 00:36:52,600 ‎เพ็นทาพ็อดดูดซับการเรืองแสงทางชีวภาพ ‎ของกรับ จากการไล่จับกรับไม่กี่ตัว... 375 00:36:56,120 --> 00:36:58,400 ‎และเลียนแบบสัญญาณเตือนของพวกมัน 376 00:37:04,640 --> 00:37:08,680 ‎กรับกระโดดหนีจากแสงวาบตามสัญชาตญาณ 377 00:37:10,520 --> 00:37:12,600 ‎แต่คราวนี้ มันคือกับดัก 378 00:37:15,840 --> 00:37:19,000 ‎เพ็นพาท็อดทำให้พวกมัน ‎ไปอยู่ในที่ที่มันต้องการได้ 379 00:37:24,120 --> 00:37:29,200 ‎เช่นเคย ความสามารถในการปรับตัว ‎คือเคล็ดลับในการอยู่รอดของพวกมัน 380 00:37:42,440 --> 00:37:44,600 ‎แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนเจนัส 381 00:37:45,400 --> 00:37:49,200 ‎การมีชีวิตอยู่ขึ้นอยู่กับ ‎ส่วนประกอบหลักเพียงอย่างเดียว 382 00:37:53,000 --> 00:37:56,600 ‎ไม่ว่าจะในโลกที่ร้อน หนาว หรือโลกสนธยา 383 00:38:00,000 --> 00:38:00,840 ‎น้ำ 384 00:38:12,800 --> 00:38:17,480 ‎(พื้นที่ความร้อนใต้พิภพคึเวเรีย ‎ประเทศไอซ์แลนด์) 385 00:38:20,240 --> 00:38:23,440 ‎ทุกคนรู้จักเรื่องราวของ ‎"เด็กหญิงผมทองกับหมีสามตัว" 386 00:38:26,440 --> 00:38:29,800 ‎เธอแอบเข้าไปในบ้านพวกมัน ‎และพยายามกินข้าวต้มของพวกมัน 387 00:38:33,640 --> 00:38:35,000 ‎ชามแรกร้อนเกินไป 388 00:38:39,640 --> 00:38:41,760 ‎ชามที่สองเย็นเจี๊ยบ 389 00:38:46,440 --> 00:38:49,720 ‎ตอนที่เธอลองกินชามที่สามเท่านั้นแหละ ‎ที่เธอมีความสุข 390 00:38:54,840 --> 00:38:56,480 ‎"ชามนี้แหละ" เด็กหญิงผมทองกล่าว 391 00:38:57,240 --> 00:38:58,400 ‎"มันกำลังดี" 392 00:39:01,200 --> 00:39:04,120 ‎เมื่อเรามองไปรอบจักรวาล เพื่อค้นหาสิ่งมีชีวิต 393 00:39:04,200 --> 00:39:07,360 ‎เรากำลังมองหาสภาวะที่ "กำลังดี" 394 00:39:13,640 --> 00:39:15,680 ‎และ "กำลังดี" ในกรณีนี้ 395 00:39:16,520 --> 00:39:19,080 ‎นิยามโดยการมีอยู่ของสิ่งนี้ 396 00:39:20,280 --> 00:39:21,120 ‎น้ำ 397 00:39:27,720 --> 00:39:32,120 ‎น้ำลำเลียงสิ่งจำเป็นให้กับสิ่งมีชีวิตทั่วโลก... 398 00:39:34,760 --> 00:39:37,000 ‎และทั่วทุกร่างที่มีชีวิต 399 00:39:41,520 --> 00:39:45,120 ‎มันคือสสารที่สำคัญที่สุดในจักรวาล 400 00:39:52,960 --> 00:39:54,800 ‎เพราะเราคุ้นเคยกับน้ำมาก 401 00:39:54,880 --> 00:40:00,000 ‎ถ้าคุณไม่หยุดและคิดถึงมันจริงๆ ‎คุณจะไม่รู้เลยว่ามันประหลาดแค่ไหน 402 00:40:00,440 --> 00:40:03,320 ‎น้ำประกอบด้วยออกซิเจนหนึ่งอะตอม... 403 00:40:05,440 --> 00:40:06,800 ‎และไฮโดรเจนสองอะตอม 404 00:40:08,160 --> 00:40:11,600 ‎และเพราะธรรมชาติขององค์ประกอบ ‎และวิธีที่มันรวมตัวกัน 405 00:40:11,680 --> 00:40:15,000 ‎เราจึงได้ประจุลบสุทธิที่ด้านของออกซิเจน 406 00:40:15,080 --> 00:40:16,840 ‎และประจุบวกที่ด้านของสองไฮโดรเจน 407 00:40:17,040 --> 00:40:19,440 ‎นั่นแปลว่าทุกไฮโดรเจนในหนึ่งโมเลกุล 408 00:40:19,520 --> 00:40:22,880 ‎สามารถมีปฏิกิริยากับออกซิเจน ‎ในโมเลกุลอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงได้ 409 00:40:23,680 --> 00:40:27,400 ‎ทำซ้ำการดึงดูดโมเลกุล ‎หลายพันล้านโมเลกุลที่อยู่ใกล้เคียงนี้ 410 00:40:27,480 --> 00:40:29,400 ‎แล้วคุณก็จะได้สสารที่เหนียวมาก 411 00:40:31,800 --> 00:40:34,320 ‎โมเลกุลของน้ำไม่ได้ดึงดูดกันเองเท่านั้น 412 00:40:34,720 --> 00:40:38,200 ‎มันดึงดูดโมเลกุลอื่นๆ เกือบทุกโมเลกุล ‎ที่มันได้สัมผัส 413 00:40:41,080 --> 00:40:43,280 ‎มันแยกสสารอื่นออกจากกัน 414 00:40:44,040 --> 00:40:46,480 ‎ทำลายมัน และละลายมัน 415 00:40:59,520 --> 00:41:02,320 ‎น้ำคือตัวทำละลายทั่วไป 416 00:41:03,440 --> 00:41:07,600 ‎เพราะความสามารถในการละลาย ‎สารอาหารและสารเคมีที่ไม่เหมือนใครของมัน 417 00:41:15,840 --> 00:41:21,680 ‎ดูเหมือนจะแน่นอนว่าการเกิดขึ้น ‎ของสิ่งมีชีวิตชนิดแรกบนโลก ไม่ใช่บนบก... 418 00:41:24,040 --> 00:41:25,080 ‎แต่เป็นในน้ำ 419 00:41:31,640 --> 00:41:34,200 ‎ใต้น้ำลึก ในมหาสมุทรยุคกำเนิดโลก 420 00:41:34,280 --> 00:41:37,560 ‎ส่วนประกอบทางเคมีสำหรับสิ่งมีชีวิต ‎หมุนวนไปรอบๆ 421 00:41:40,440 --> 00:41:43,840 ‎สิ่งที่จำเป็นคือสถานที่ ‎ที่จะทำให้ส่วนประกอบนี้เข้มข้นขึ้น... 422 00:41:45,920 --> 00:41:49,480 ‎เพื่อให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมี ‎ที่จะนำไปสู่สิ่งมีชีวิตในที่สุด 423 00:41:52,440 --> 00:41:55,880 ‎สถานที่นั้นอาจเป็นปล่องน้ำร้อนใต้ทะเล 424 00:41:59,800 --> 00:42:03,120 ‎น้ำมีปฏิกิริยากับหินร้อนที่อยู่ใต้ดินลึก 425 00:42:04,200 --> 00:42:07,000 ‎มันพุ่งทะลักกลับขึ้นมาในน้ำทะเลที่เย็นจัด 426 00:42:07,280 --> 00:42:09,280 ‎ลำเลียงสารอาหารและสารเคมีมาด้วย... 427 00:42:11,360 --> 00:42:12,880 ‎ฟองแห่งชีวิตเล็กๆ 428 00:42:17,440 --> 00:42:21,000 ‎สายสัมพันธ์ระหว่างน้ำและชีวิตนั้นแข็งแกร่งมาก 429 00:42:21,920 --> 00:42:26,040 ‎มันยากจะจินตนาการได้ว่า ‎ชีวิตใด ณ ที่ใดในจักรวาล 430 00:42:26,400 --> 00:42:28,080 ‎ที่มีชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีน้ำ 431 00:42:37,520 --> 00:42:39,040 ‎มันเหลือเชื่อจริงๆ เมื่อคิดว่า 432 00:42:39,120 --> 00:42:42,160 ‎ชีวิตหาทางรอดได้ยังไงในสถานที่ที่สุดโต่งมากๆ 433 00:42:42,600 --> 00:42:46,480 ‎ร้อนมาก หนาวมาก ‎และสุดท้าย ทุกอย่างเกี่ยวกับน้ำ 434 00:42:46,560 --> 00:42:49,000 ‎ถ้ามีน้ำในรูปของของเหลว คุณจะเจอสิ่งมีชีวิต 435 00:43:00,120 --> 00:43:02,880 ‎น้ำบนเจนัสนั้นหายาก 436 00:43:05,840 --> 00:43:08,160 ‎ถ้าไม่เย็นเป็นน้ำแข็ง... 437 00:43:11,240 --> 00:43:13,480 ‎ก็ระเหยไปในกระแสลม 438 00:43:18,240 --> 00:43:20,600 ‎แต่มีน้ำในรูปของของเหลวมากพอ 439 00:43:21,320 --> 00:43:23,000 ‎ที่สิ่งมีชีวิตจะเกิดขึ้นได้ 440 00:43:26,320 --> 00:43:28,440 ‎และสิ่งมีชีวิตที่แกร่งที่สุด 441 00:43:29,440 --> 00:43:31,760 ‎จะปรับตัวและอยู่รอดได้ 442 00:43:42,640 --> 00:43:44,680 ‎ที่นาซา มีคำกล่าวว่า 443 00:43:46,240 --> 00:43:47,800 ‎"หากคุณอยากพบสิ่งมีชีวิต... 444 00:43:49,040 --> 00:43:50,320 ‎ให้ตามน้ำไป" 445 00:43:59,840 --> 00:44:03,080 ‎สิ่งมีชีวิตจะปรับตัวอย่างไรในโลกที่แตกต่าง 446 00:44:04,520 --> 00:44:06,440 ‎โลกที่มีดาวฤกษ์สองดวง 447 00:44:09,480 --> 00:44:12,200 ‎ที่ที่มีพลังงานมากกว่าบนโลก 448 00:44:15,800 --> 00:44:19,200 ‎ดาวเคราะห์ที่เหมาะสำหรับสิ่งมีชีวิต 449 00:44:49,280 --> 00:44:50,760 ‎คำบรรยายโดย กมลรัตน์ ชุติเชาวน์กุล