1 00:00:06,680 --> 00:00:09,960 ‎(ผลงานซีรีส์สารคดีจาก NETFLIX) 2 00:00:24,440 --> 00:00:28,960 ‎โลก ถิ่นกำเนิดของหลายล้านสายพันธุ์ 3 00:00:33,520 --> 00:00:36,800 ‎แต่มีอะไรที่อาจอยู่... นอกโลกบ้าง 4 00:00:42,280 --> 00:00:45,600 ‎นักดาราศาสตร์ค้นพบดาวเคราะห์หลายพันดวง 5 00:00:45,680 --> 00:00:47,680 ‎นอกระบบสุริยะของเรา 6 00:00:50,680 --> 00:00:53,640 ‎พวกเขาเชื่อว่ายังมีอีกหลายล้านล้านดวง 7 00:00:56,840 --> 00:01:00,280 ‎หากมีสิ่งมีชีวิต อยู่บนเศษเสี้ยว ‎ของดาวเหล่านั้นเท่านั้น 8 00:01:01,440 --> 00:01:06,200 ‎งั้นจักรวาลก็คงมีชีวิต 9 00:01:15,880 --> 00:01:19,360 ‎สิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีความต้องการเหมือนกัน 10 00:01:22,320 --> 00:01:23,280 ‎กิน... 11 00:01:30,320 --> 00:01:31,480 ‎สืบพันธุ์... 12 00:01:36,160 --> 00:01:37,480 ‎และวิวัฒนาการ 13 00:01:41,040 --> 00:01:43,680 ‎จากการประยุกต์กฎของสิ่งมีชีวิตบนโลก 14 00:01:44,240 --> 00:01:46,280 ‎กับดาวดวงอื่นๆ ในจักรวาล... 15 00:01:48,040 --> 00:01:49,840 ‎จึงเป็นไปได้ที่จะจินตนาการถึง 16 00:01:50,400 --> 00:01:51,600 ‎สิ่งที่อาจมีชีวิตอยู่... 17 00:01:53,120 --> 00:01:55,320 ‎บนโลกต่างดาว 18 00:02:28,640 --> 00:02:32,240 ‎การเป็นนักดาราศาสตร์ ‎ก็เหมือนกับการเป็นสิ่งที่คนสนใจ 19 00:02:33,840 --> 00:02:37,280 ‎มีอยู่สองคำถามที่เราเจออยู่เสมอ ‎คำถามแรกคือ "มีอะไรอยู่ในหลุมดำ" 20 00:02:37,360 --> 00:02:40,000 ‎และคำถามที่สอง ซึ่งเป็นคำถามที่คนสนใจมาก 21 00:02:40,080 --> 00:02:42,400 ‎คือ "แล้วสิ่งมีชีวิตที่อยู่ที่อื่นในจักรวาลล่ะ" 22 00:02:46,160 --> 00:02:49,440 ‎และเกือบจะตลอดเวลาเลยที่เรามาที่นี่กัน 23 00:02:49,520 --> 00:02:51,120 ‎(อดัม แฟรงก์ ‎นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์) 24 00:02:52,560 --> 00:02:57,520 ‎(แอเรีย 51 เนวาดา สหรัฐฯ ‎ลับสุดยอด) 25 00:03:06,000 --> 00:03:07,680 ‎(หยุด) 26 00:03:07,760 --> 00:03:11,680 ‎แอเรีย 51 คือฐานทัพอากาศลับของสหรัฐฯ 27 00:03:13,320 --> 00:03:19,120 ‎การมีอยู่ของมันเพิ่งเป็นที่รับรู้ ‎อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2013  28 00:03:24,760 --> 00:03:26,800 ‎แล้วเกิดอะไรขึ้นในนั้นกันแน่ 29 00:03:26,920 --> 00:03:29,640 ‎ไม่มีใครรู้ครับ 30 00:03:29,720 --> 00:03:35,360 ‎แน่นอน บางคนคิดว่าพวกเขารู้ ‎ผู้เชื่อ นักทฤษฎีสมคบคิด 31 00:03:35,520 --> 00:03:38,840 ‎พวกเขาคิดว่าที่นั่นมีร่างของมนุษย์ต่างดาวอยู่ 32 00:03:38,920 --> 00:03:43,280 ‎มนุษย์ต่างดาวที่ตายแล้วในยานอวกาศที่พุ่งชน ‎ถูกพาไปที่ไหนสักแห่งข้างหลังนั่น 33 00:03:43,360 --> 00:03:46,400 ‎และถูกเก็บไว้ในตู้เย็นหรือตู้อะไรสักอย่าง 34 00:03:46,480 --> 00:03:49,240 ‎หรือเทคโนโลยีอะไรก็ตามที่คุณต้องการ ‎เพื่อเก็บร่างมนุษย์ต่างดาว 35 00:03:49,680 --> 00:03:52,680 ‎และนั่นคือที่ที่เก็บความลับทั้งหมด 36 00:03:52,760 --> 00:03:55,480 ‎ที่เราไม่ได้รับอนุญาตให้รู้ 37 00:03:57,080 --> 00:04:00,760 ‎(แอเรีย 51) 38 00:04:04,520 --> 00:04:08,200 ‎นี่คือภาพถ่ายวิดีโอ ‎แสดงให้เห็นร่างของมนุษย์ต่างดาว 39 00:04:08,920 --> 00:04:11,200 ‎กำลังถูกตรวจสอบที่แอเรีย 51 40 00:04:17,040 --> 00:04:18,720 ‎แต่วิดีโอตัวนี้เป็นของปลอม... 41 00:04:21,640 --> 00:04:25,440 ‎ที่ทำให้เราเชื่อไปตลอดกาล ‎ว่ามีมนุษย์ต่างดาวอยู่ท่ามกลางพวกเรา 42 00:04:29,200 --> 00:04:32,600 ‎(มนุษย์ยินดีต้อนรับมนุษย์ต่างดาวตัวน้อย) ‎(ร้านอาหาร บาร์ โรงแรม) 43 00:04:35,040 --> 00:04:39,320 ‎เหตุผลที่ยูเอฟโอวิทยาส่วนใหญ่ ‎ฟังดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์ก็คือ 44 00:04:39,720 --> 00:04:41,600 ‎มันเป็นนิยายวิทยาศาสตร์จริงๆ 45 00:04:54,160 --> 00:04:57,560 ‎แต่รู้ไหม ‎ถึงแม้ว่าเรื่องยูเอฟโอวิทยาจะเหลวไหล 46 00:04:57,640 --> 00:05:02,000 ‎แต่ผมก็เชื่อจริงๆ ว่ามีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่ในจักรวาล 47 00:05:02,080 --> 00:05:05,400 ‎และในฐานะนักวิทยาศาสตร์ ผมชอบความเชื่อนั้น 48 00:05:05,480 --> 00:05:09,080 ‎เพราะผมเชื่อจริงๆ ‎ว่านั่นคือที่ที่ตัวเลขกำลังชี้นำเราอยู่ 49 00:05:09,600 --> 00:05:13,360 ‎(เครื่องบินบินต่ำ) 50 00:05:18,560 --> 00:05:21,000 ‎สองสามปีก่อน ผมกับเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง 51 00:05:21,440 --> 00:05:24,520 ‎พยายามเอาข้อมูลที่น่าทึ่งทั้งหมดที่เรามีอยู่ตอนนี้ 52 00:05:24,880 --> 00:05:27,640 ‎และเขียนสมการลงไป ซึ่งทำให้เรา 53 00:05:28,080 --> 00:05:32,760 ‎คำนวณตัวเลขทั้งหมดของดาวเคราะห์ที่มีอยู่ 54 00:05:32,840 --> 00:05:34,640 ‎ที่อาจมีอารยธรรมอยู่บนนั้นได้ 55 00:05:35,160 --> 00:05:40,160 ‎สิ่งที่เราพบคือมันมีดาวเคราะห์อยู่หนึ่งหมื่นล้าน 56 00:05:41,240 --> 00:05:42,160 ‎ล้านล้านดวง 57 00:05:43,000 --> 00:05:44,120 ‎อยู่ข้างนอกนั่น... 58 00:05:45,440 --> 00:05:50,040 ‎ในสถานที่ที่เหมาะสม ‎ที่สิ่งมีชีวิตและอารยธรรมอาจเกิดขึ้นได้ 59 00:05:57,520 --> 00:06:00,560 ‎ดาวเคราะห์พวกนั้นทุกดวงคือการทดลอง 60 00:06:00,680 --> 00:06:04,480 ‎และเพราะไม่มีดาวเคราะห์ดวงไหนเลย ‎นอกจากดาวเคราะห์ของเราที่มีอารยธรรม... 61 00:06:05,160 --> 00:06:06,760 ‎นั่นก็เป็นการคาดหวังมากทีเดียว 62 00:06:14,120 --> 00:06:18,000 ‎ถ้าอารยธรรมต่างดาว ‎มีความเป็นไปได้สูงในเชิงสถิติ 63 00:06:18,720 --> 00:06:21,280 ‎แล้วทำไมนักดาราศาสตร์ ‎ถึงไม่พบสัญญาณของมันเลย 64 00:06:25,120 --> 00:06:26,440 ‎ทุกคนอยู่ที่ไหน 65 00:06:28,880 --> 00:06:30,360 ‎ลองคิดแบบนี้สิ 66 00:06:30,480 --> 00:06:35,880 ‎ในมหาสมุทรแปซิฟิกข้างนอกนั่น ‎มีน้ำอยู่ 187 ล้านพันล้านแกลลอน 67 00:06:35,960 --> 00:06:40,080 ‎ทีนี้ถ้าผมหยิบถังใบนี้ขึ้นมาแล้วโยนลงไป... 68 00:06:43,400 --> 00:06:44,680 ‎จากนั้นก็ดึงขึ้นมา 69 00:06:45,800 --> 00:06:46,920 ‎ดูสิว่าอะไรอยู่ในถัง 70 00:06:49,240 --> 00:06:51,280 ‎เอาละ เราเห็นอะไรครับ 71 00:06:53,240 --> 00:06:54,200 ‎ไม่เห็นอะไรเลย 72 00:06:55,720 --> 00:06:58,240 ‎ผมควรสรุปว่าการที่ผมไม่เห็นสิ่งมีชีวิตในถังเลย 73 00:06:58,320 --> 00:07:00,520 ‎แปลว่าไม่มีสิ่งมีชีวิต ‎อยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกรึเปล่า 74 00:07:00,640 --> 00:07:03,880 ‎มันคงบ้าใช่ไหมล่ะครับ ในน้ำนั่นมีสิ่งมีชีวิตทุกชนิด 75 00:07:03,960 --> 00:07:07,360 ‎มีนากทะเล ปลาวาฬ ‎และหมึกยักษ์ และแมงกะพรุน 76 00:07:07,440 --> 00:07:09,240 ‎และพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น 77 00:07:10,000 --> 00:07:11,640 ‎มันแค่ไม่อยู่ในถังใบนี้ 78 00:07:14,240 --> 00:07:16,720 ‎นี่จึงเป็นการเปรียบเปรยที่สมบูรณ์แบบ 79 00:07:16,800 --> 00:07:19,280 ‎สำหรับการค้นหาภูมิปัญญาจากต่างดาว 80 00:07:22,040 --> 00:07:26,240 ‎ทุกครั้งที่เรามองดูดาวฤกษ์ดวงหนึ่ง ‎ก็เหมือนการโยนถังหนึ่งใบลงไปในมหาสมุทร 81 00:07:28,640 --> 00:07:31,280 ‎เราต้องดูดาวฤกษ์จำนวนมาก 82 00:07:31,360 --> 00:07:34,280 ‎และเราต้องค้นหาข้อมูลจำนวนมาก... 83 00:07:35,080 --> 00:07:39,040 ‎จนกว่าจะเจอเบาะแสที่นำเราไปสู่อีกอารยธรรม 84 00:07:53,440 --> 00:07:59,520 ‎อารยธรรมต่างดาวแบบไหน ‎ที่อาจมีอยู่ในอวกาศอันกว้างใหญ่ไพศาล 85 00:08:05,800 --> 00:08:12,680 ‎ลองจินตนาการถึงดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง ‎อายุ 9,000 ล้านปี อายุมากกว่าโลกสองเท่า 86 00:08:14,120 --> 00:08:18,600 ‎มีอายุมากพอที่ภูมิปัญญาล้ำสมัยอย่างแท้จริง ‎อาจวิวัฒนาการขึ้นได้ 87 00:08:22,440 --> 00:08:24,400 ‎นี่คือเทอร์รา 88 00:08:31,720 --> 00:08:34,280 ‎มันเคยเป็นโลกที่อุดมสมบูรณ์ 89 00:08:36,320 --> 00:08:38,080 ‎ปัจจุบัน มันแห้งแล้ง 90 00:08:39,640 --> 00:08:42,640 ‎แต่สิ่งมีชีวิตยังคงเติบโตที่นี่ได้ 91 00:08:45,040 --> 00:08:47,280 ‎ในโดมเทียม 92 00:08:57,480 --> 00:09:01,080 ‎พืชเปลี่ยนแสงอาทิตย์เป็นพลังงานกลูโคส... 93 00:09:03,320 --> 00:09:05,800 ‎ซึ่งเป็นอาหารให้ผู้อยู่อาศัยในเทอร์รา 94 00:09:16,520 --> 00:09:21,880 ‎กล่องแต่ละใบมีเนื้อสมอง ‎ของสิ่งมีชีวิตสุดชาญฉลาดอยู่ 95 00:09:24,320 --> 00:09:27,880 ‎เมื่อเวลาผ่านไป มันวิวัฒนาการ ‎ให้ไม่ต้องการร่างกายของพวกมัน 96 00:09:30,440 --> 00:09:33,200 ‎มันมีชีวิตอยู่ในสภาพเนื้อเยื่อประสาทเท่านั้น 97 00:09:38,720 --> 00:09:40,120 ‎มันไม่เคยแก่ 98 00:09:40,520 --> 00:09:41,680 ‎มันไม่เคยตาย 99 00:09:42,440 --> 00:09:45,400 ‎มีหุ่นยนต์คอยเฝ้าดูและเลี้ยงดูพวกมัน 100 00:09:49,680 --> 00:09:51,440 ‎สมองแต่ละก้อนเป็นปัจเจก 101 00:09:53,240 --> 00:09:56,280 ‎แต่พวกมันเชื่อมต่อกันเพื่อคิดเป็นหนึ่งเดียว... 102 00:09:57,120 --> 00:09:58,560 ‎ความคิดเอกภาพ 103 00:10:02,240 --> 00:10:06,120 ‎นี่คืออารยธรรมที่ล้ำสมัยอย่างมาก 104 00:10:14,280 --> 00:10:21,240 ‎บนโลก มนุษย์เป็นสายพันธุ์เดียวเท่านั้น ‎ที่สร้างรูปแบบทั้งหมดของอารยธรรมขึ้น 105 00:10:25,320 --> 00:10:29,200 ‎ทำไมสิ่งมีชีวิตที่มีปัญญาชนิดอื่น ‎ถึงไม่ทำแบบเดียวกัน 106 00:10:29,880 --> 00:10:33,040 ‎(ซีแอตเทิล ‎วอชิงตัน สหรัฐฯ) 107 00:10:38,440 --> 00:10:42,080 ‎หมึกยักษ์มีความใกล้เคียง ‎ภูมิปัญญาต่างดาวมากที่สุด 108 00:10:42,160 --> 00:10:44,080 ‎เท่าที่มีอยู่บนดาวเคราะห์ของเรา 109 00:10:51,960 --> 00:10:54,800 ‎หมึกยักษ์อยู่ในกลุ่มที่ชื่อว่าเซฟาโลพอด 110 00:10:57,040 --> 00:10:59,960 ‎และมันได้วิวัฒนาการไปคนละทางโดยสิ้นเชิง 111 00:11:04,440 --> 00:11:08,520 ‎หมึกยักษ์มีระบบประสาทที่แยกจากกัน ‎ในหนวดแต่ละเส้นของมัน 112 00:11:09,720 --> 00:11:12,640 ‎หนวดแต่ละเส้นประกอบด้วย ‎เซลล์ประสาท 14 ล้านเซลล์ 113 00:11:13,320 --> 00:11:16,120 ‎และแต่ละเส้นสามารถตัดสินใจได้อย่างอิสระ 114 00:11:17,040 --> 00:11:21,320 ‎เราสามารถพูดได้ว่า ‎หมึกยักษ์มีสมองแยกจากกันเก้าสมอง 115 00:11:25,440 --> 00:11:27,480 ‎ฉันอยากเอื้อมมือไปจับมันจัง 116 00:11:33,480 --> 00:11:35,880 ‎เลโก้เป็นสิ่งที่แกะออกจากกันยากมาก 117 00:11:37,040 --> 00:11:40,160 ‎แต่เราอยากเห็นว่ามันจะแกะออกได้รึเปล่า 118 00:12:07,760 --> 00:12:10,120 ‎หมึกยักษ์ฉลาดอย่างเห็นได้ชัด 119 00:12:13,440 --> 00:12:17,360 ‎แต่การฉลาดไม่เพียงพอต่อการสร้างอารยธรรม 120 00:12:28,040 --> 00:12:30,360 ‎สิ่งสำคัญคือการร่วมมือกัน... 121 00:12:32,200 --> 00:12:33,360 ‎การแบ่งปันความคิด... 122 00:12:35,760 --> 00:12:41,040 ‎ส่งต่อความรู้จากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง 123 00:12:45,120 --> 00:12:47,480 ‎วัฒนธรรมของเรากำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 124 00:12:48,600 --> 00:12:51,680 ‎เราสร้างสิ่งใหม่เพิ่ม ‎จากสิ่งประดิษฐ์ของกันและกันเรื่อยๆ 125 00:12:55,840 --> 00:12:56,880 ‎เอาละ 126 00:13:00,320 --> 00:13:01,760 ‎อย่างเช่นการขึ้นแท็กซี่คันนี้ 127 00:13:03,040 --> 00:13:06,400 ‎ล้อถูกสร้างขึ้นมานานกว่า 5,500 ปีแล้ว 128 00:13:07,080 --> 00:13:10,560 ‎เหล็กถูกหลอมมานานกว่า 4,500 ปี 129 00:13:12,440 --> 00:13:16,520 ‎ยางวัลคาไนซ์ถูกใช้ทำยางรถยนต์ ‎ตั้งแต่ประมาณ 180 ปีก่อน 130 00:13:19,360 --> 00:13:20,440 ‎ดังนั้นสิ่งประดิษฐ์เหล่านั้น 131 00:13:20,520 --> 00:13:24,240 ‎เป็นสิ่งจำเป็นในการสร้าง ‎สิ่งที่ซับซ้อนอย่างรถคันนี้ 132 00:13:24,640 --> 00:13:27,280 ‎(เหลือง) 133 00:13:27,520 --> 00:13:31,760 ‎ถ้าเปรียบเทียบกัน ‎หมึกยักษ์แทบจะต้องคิดทุกอย่างด้วยตัวเอง 134 00:13:33,720 --> 00:13:37,280 ‎ไม่มีการพัฒนาและการสร้าง ‎จากวิธีแก้ปัญหาก่อนหน้านี้ 135 00:13:37,840 --> 00:13:40,680 ‎และนั่นค่อนข้างจำกัด แม้คุณจะมีเก้าสมองก็ตาม 136 00:13:44,720 --> 00:13:48,400 ‎อารยธรรมก็เหมือนกับสิ่งมีชีวิต... 137 00:13:50,240 --> 00:13:52,480 ‎ที่มีสิ้นส่วนเชื่อมต่อกันเป็นล้านๆ ชิ้น 138 00:13:55,920 --> 00:13:57,560 ‎การเชื่อมต่อนี้เอง 139 00:13:58,120 --> 00:14:00,240 ‎ที่ทำให้มันเติบโตขึ้น 140 00:14:06,400 --> 00:14:09,480 ‎(ความรุนแรงของดาวฤกษ์) 141 00:14:12,120 --> 00:14:16,080 ‎แต่อารยธรรมบนเทอร์รากำลังตกอยู่ในอันตราย 142 00:14:19,520 --> 00:14:22,800 ‎ดาวฤกษ์ของมันมีอายุมากกว่า ‎พระอาทิตย์ของเราสองเท่า 143 00:14:28,080 --> 00:14:32,760 ‎และเมื่อดาวฤกษ์อายุมากขึ้น ‎มันก็แผดเผาใหญ่ขึ้นและสว่างขึ้น 144 00:14:37,680 --> 00:14:42,040 ‎สุดท้ายแล้ว ดาวเคราะห์เทอร์รา ‎จะถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน 145 00:14:48,920 --> 00:14:51,680 ‎จึงมีการดำเนินการแผนการหลบหนี 146 00:14:56,440 --> 00:15:00,200 ‎เพื่อยึดครองดาวเคราะห์ดวงอื่น ‎ในระบบสุริยะเดียวกัน... 147 00:15:03,160 --> 00:15:05,440 ‎ที่อยู่ไกลจากดาวฤกษ์มากกว่าเทอร์รา 148 00:15:12,920 --> 00:15:16,600 ‎บนโลกใบนี้มีน้ำแข็ง แต่ไม่มีชั้นบรรยากาศ 149 00:15:19,640 --> 00:15:22,280 ‎มันจำเป็นต้องถูกสร้างขึ้น 150 00:15:33,840 --> 00:15:37,800 ‎นี่คือวิศวกรรมในระดับดาวเคราะห์ 151 00:15:42,320 --> 00:15:45,080 ‎เครื่องจักรขนาดยักษ์หลอมละลายพืดน้ำแข็ง 152 00:15:46,040 --> 00:15:48,200 ‎เพื่อปล่อยไอน้ำและก๊าซออกมา 153 00:15:52,920 --> 00:15:56,600 ‎สร้างชั้นบรรยากาศที่มากพอ ‎ที่จะให้ความอบอุ่นดาวเคราะห์ได้ 154 00:16:00,920 --> 00:16:06,120 ‎โครงการที่อลังการขนาดนั้น ‎ต้องใช้พลังงานที่มากมายมหาศาล... 155 00:16:08,480 --> 00:16:11,800 ‎ซึ่งส่งตรงมาจากดาวฤกษ์ที่แก่ชรา 156 00:16:24,120 --> 00:16:30,080 ‎ความสามารถในการควบคุมพลังงาน ‎คือรากฐานของอารยธรรมในตัวเองอยู่แล้ว 157 00:16:39,720 --> 00:16:43,280 ‎(มาร์ราคิช ‎ประเทศโมร็อกโก) 158 00:16:45,120 --> 00:16:47,720 ‎ส่วนหนึ่งของสิ่งที่ผมทำ ‎คือการพยายามทำนายอนาคต 159 00:16:48,640 --> 00:16:52,880 ‎และคุณสามารถย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ ‎และได้ความคิดมากมายจากตรงนั้น 160 00:16:54,240 --> 00:16:59,280 ‎แต่มันมีกระแสที่ซ่อนอยู่ซึ่งเราสามารถ ‎ใช้ดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นได้ในระดับหนึ่ง 161 00:17:00,440 --> 00:17:03,360 ‎เช่น อายุขัย ความมั่งคั่ง ขนาดประชากร 162 00:17:03,960 --> 00:17:08,280 ‎และหนึ่งในสิ่งที่เปิดเผยมากที่สุด ‎คือปริมาณของพลังงานที่อารยธรรมใช้ 163 00:17:11,280 --> 00:17:14,720 ‎ยิ่งอารยธรรมเข้าถึงพลังงานได้มากเท่าไหร่ 164 00:17:15,440 --> 00:17:17,480 ‎มันจะยิ่งทรงพลังมากเท่านั้น 165 00:17:20,040 --> 00:17:22,480 ‎นั่นคือความลับของความเจริญก้าวหน้า... 166 00:17:24,040 --> 00:17:26,720 ‎ตั้งแต่ยุคหินจนถึงวันนี้ 167 00:17:39,400 --> 00:17:42,400 ‎การปล่อยความร้อนและพลังงานในถ่าน 168 00:17:42,480 --> 00:17:45,840 ‎ทำให้เราได้อุณหภูมิที่สูงพอจะหลอมโลหะ 169 00:17:46,160 --> 00:17:48,040 ‎เพื่อทำเครื่องมือและอาวุธได้ 170 00:17:52,040 --> 00:17:53,400 ‎แน่นอนว่าต่อมาภายหลัง 171 00:17:53,480 --> 00:17:56,680 ‎เราควบคุมพลังงานฟอสซิล ‎อย่างถ่านหินและก๊าซได้ 172 00:17:57,160 --> 00:18:00,600 ‎ทำให้มีการสร้างยานพาหนะที่พาเราพุ่งไปทั่วโลก 173 00:18:00,680 --> 00:18:03,640 ‎ที่ความเร็วมากกว่าที่เราเคยมีมาก่อนมากได้ 174 00:18:11,160 --> 00:18:15,920 ‎แต่แหล่งพลังงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ‎แน่นอนว่าเป็นดาวฤกษ์ของเรา 175 00:18:36,640 --> 00:18:42,880 ‎โรงไฟฟ้านัวร์เป็นโรงไฟฟ้า ‎พลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก 176 00:18:48,080 --> 00:18:52,400 ‎กระจกห้าแสนแผ่นตั้งอยู่ที่ริมทะลทรายซาฮารา 177 00:19:00,880 --> 00:19:03,720 ‎กระจกที่อยู่ตรงนี้คือเฮลิโอสแตต 178 00:19:04,200 --> 00:19:07,000 ‎และมันจะหันตามพระอาทิตย์ ‎เมื่อเคลื่อนผ่านท้องฟ้า 179 00:19:07,120 --> 00:19:11,000 ‎และรวมพลังงานทั้งหมดของมันไปที่หอคอยนั้น 180 00:19:16,320 --> 00:19:18,920 ‎และพลังงานนั้นถูกส่งออกไปสู่โลก 181 00:19:19,000 --> 00:19:21,000 ‎และให้พลังงานอารยธรรมยุคใหม่ 182 00:19:24,440 --> 00:19:26,240 ‎มากขึ้นเรื่อยๆ ในการขนส่งของเรา 183 00:19:26,680 --> 00:19:28,840 ‎การให้ความสว่างของเรา เกษตรกรรมของเรา 184 00:19:28,920 --> 00:19:31,760 ‎สำคัญสำหรับที่นี่มาก ระบบปรับอากาศ 185 00:19:32,360 --> 00:19:34,480 ‎จริงๆ แล้วทุกอย่างที่ทำให้เราปลอดภัย 186 00:19:34,560 --> 00:19:38,480 ‎ทำงานและเพลิดเพลินได้ ล้วนมาจากไฟฟ้า 187 00:19:38,560 --> 00:19:40,760 ‎และไฟฟ้านั้นก็มาจาก 188 00:19:40,920 --> 00:19:44,000 ‎โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์แบบนี้มากขึ้นเรื่อยๆ 189 00:19:49,640 --> 00:19:56,080 ‎แต่มนุษย์ใช้พลังงานจากพระอาทิตย์ ‎เพียงเศษเสี้ยวของพลังงานทั้งหมดเท่านั้น 190 00:19:58,080 --> 00:20:04,600 ‎พลังงานของพระอาทิตย์ส่งมายังโลก ‎ล้านล้านล้านจูลทุกชั่วโมง 191 00:20:04,920 --> 00:20:10,040 ‎เทียบได้เท่ากับเกิดระเบิดที่ฮิโรชิมะ ‎ราวๆ 2,000 ลูกทุกวินาที 192 00:20:10,800 --> 00:20:12,640 ‎พลังงานเยอะมาก เราใช้มากแค่ไหนเหรอ 193 00:20:12,920 --> 00:20:19,040 ‎มนุษย์ใช้พลังงาน 410 ล้านล้านล้านจูล... ‎ในหนึ่งปี 194 00:20:20,840 --> 00:20:23,000 ‎แปลว่าในเวลาหนึ่งปี เราไม่สามารถใช้ 195 00:20:23,080 --> 00:20:26,920 ‎พลังงานทั้งหมดที่พระอาทิตย์ ‎ส่งมาให้เราได้ในหนึ่งชั่วโมง 196 00:20:28,440 --> 00:20:31,160 ‎ลองจินตนาการสิว่า ‎ถ้าเราเก็บพลังงานทั้งหมดนั้นได้ 197 00:20:31,240 --> 00:20:33,320 ‎และใช้มันเพื่อให้พลังงานอารยธรรมของเรา 198 00:20:34,920 --> 00:20:37,400 ‎เราจะสร้างปาฏิหาริย์อะไรได้ 199 00:20:37,920 --> 00:20:40,200 ‎เราจะสำรวจสถานที่อะไรได้ ‎ด้วยพลังงานทั้งหมดนั้น 200 00:20:44,160 --> 00:20:46,200 ‎จากข้อมูลของนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ 201 00:20:46,520 --> 00:20:51,800 ‎ทุกอารยธรรมที่ล้ำสมัยอย่างแท้จริง ‎จะสามารถควบคุมพลังงานทั้งหมดของมันได้... 202 00:20:53,280 --> 00:20:55,080 ‎โดยตรงจากดาวฤกษ์ 203 00:21:03,440 --> 00:21:09,120 ‎จากวิธีการประเมินนี้ ‎อารยธรรมบนเทอร์รานั้นล้ำสมัยอย่างมาก 204 00:21:14,680 --> 00:21:17,080 ‎มันได้สร้างแผงโซลาร์เซลล์ไว้ในอวกาศ 205 00:21:18,000 --> 00:21:19,400 ‎ใกล้กับดาวฤกษ์ของมัน... 206 00:21:22,720 --> 00:21:24,280 ‎เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด 207 00:21:38,120 --> 00:21:40,880 ‎แต่ในขณะที่ดาวฤกษ์ดวงใหญ่ขึ้นและสว่างขึ้น... 208 00:21:43,840 --> 00:21:46,800 ‎มันก็ปะทุง่ายขึ้นด้วย 209 00:21:52,960 --> 00:21:54,320 ‎เปลวสุริยะ 210 00:22:10,840 --> 00:22:15,560 ‎ไม่ช้าก็เร็ว นี่จะเป็นชะตากรรม ‎ของเทอร์ราเอง... 211 00:22:18,280 --> 00:22:21,600 ‎ที่จะถูกกวาดล้างไป ‎ด้วยพลังของพระอาทิตย์ของมัน 212 00:22:27,920 --> 00:22:33,680 ‎ทางแก้คือต้องยึดครองดาวเคราะห์ดวงใหม่ ‎ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 213 00:22:39,040 --> 00:22:40,880 ‎ที่นี่ไม่มีรูปแบบชีวิตอยู่ 214 00:22:42,440 --> 00:22:45,040 ‎งานทั้งหมดทำโดยเครื่องจักร 215 00:22:51,120 --> 00:22:55,840 ‎พวกมันสามารถคิดเพื่อตัวเองและตัดสินใจเองได้ 216 00:22:59,760 --> 00:23:02,200 ‎พวกมันคือปัญญาประดิษฐ์ 217 00:23:11,320 --> 00:23:14,320 ‎ถ้ามนุษย์ต้องสร้างอาณานิคมในอวกาศ 218 00:23:14,400 --> 00:23:17,440 ‎รากฐานก็จะถูกสร้างด้วยวิธีเดียวกัน... 219 00:23:20,160 --> 00:23:21,400 ‎นั่นคือการใช้หุ่นยนต์ 220 00:23:26,120 --> 00:23:28,080 ‎และหุ่นยนต์เหล่านั้นจะได้รับการออกแบบ 221 00:23:29,240 --> 00:23:31,280 ‎โดยคนอย่างฟิลิป เม็ตซเกอร์ 222 00:23:33,840 --> 00:23:37,680 ‎เขาใช้ทั้งชีวิตของเขา ‎ในและรอบๆ โครงการอวกาศ 223 00:23:40,480 --> 00:23:42,640 ‎พ่อผมเคยทำงานในอาคารหลังนี้ 224 00:23:42,720 --> 00:23:44,840 ‎เขาช่วยสร้างจรวดแซทเทิร์น 5 225 00:23:45,080 --> 00:23:48,040 ‎ที่ใหญ่พอจะพามนุษย์ไปดวงจันทร์ได้ 226 00:23:48,680 --> 00:23:51,400 ‎อะพอลโล 11 นี่คือปฏิบัติการปล่อยจรวด 227 00:23:51,480 --> 00:23:54,080 ‎ทีมปล่อยจรวดขอให้คุณโชคดีมีชัย 228 00:23:54,840 --> 00:23:57,040 ‎ขอบคุณมาก ต้องเป็นการเดินทางที่ดีแน่ 229 00:23:57,120 --> 00:23:58,560 ‎(เคปคานาเวอรัล ‎ฟลอริดา สหรัฐฯ) 230 00:24:03,320 --> 00:24:06,160 ‎ผมจะไม่มีวันลืมการบินของอะพอลโล 11 เลย 231 00:24:09,120 --> 00:24:10,680 ‎ตอนนั้นผมอายุเจ็ดขวบ 232 00:24:11,720 --> 00:24:14,480 ‎ผมกำลังข้ามแม่น้ำระหว่างการปล่อยจรวด ‎กำลังดูมันอยู่ 233 00:24:16,040 --> 00:24:17,960 ‎มีเฮลิคอปเตอร์บินวนรอบๆ 234 00:24:19,120 --> 00:24:20,880 ‎ผู้คนมาจากทั่วทุกมุมโลก 235 00:24:21,280 --> 00:24:23,000 ‎เพื่อดูการปล่อยจรวดไปพระจันทร์ 236 00:24:24,760 --> 00:24:25,800 ‎มันน่าตื่นเต้นมาก 237 00:24:25,880 --> 00:24:29,440 ‎นักบินอวกาศรายงานว่ารู้สึกดี ‎ยี่สิบวินาทีและนับต่อไปเรื่อยๆ 238 00:24:31,280 --> 00:24:34,080 ‎อีก 15 วินาทีปล่อยจรวด ‎เครื่องนำทางอยู่ภายใน 239 00:24:34,840 --> 00:24:36,640 ‎สิบสอง สิบเอ็ด 240 00:24:36,720 --> 00:24:38,840 ‎สิบ เก้า 241 00:24:38,920 --> 00:24:40,520 ‎เริ่มต้นลำดับการจุดระเบิด 242 00:24:40,600 --> 00:24:46,160 ‎หก ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง... 243 00:24:46,800 --> 00:24:47,760 ‎ศูนย์ 244 00:24:51,000 --> 00:24:51,960 ‎ปล่อยจรวดแล้ว 245 00:24:52,040 --> 00:24:53,280 ‎เราปล่อยจรวดแล้ว 246 00:25:01,640 --> 00:25:06,000 ‎ระหว่างที่มันไต่ขึ้นไปบนท้องฟ้า ‎คุณจะเห็นเปลวไฟที่ยาว สวยงาม 247 00:25:06,360 --> 00:25:08,280 ‎ส่องระยิบระยับทั่วผืนน้ำ 248 00:25:11,320 --> 00:25:12,440 ‎ยกกระโปรงขึ้นรึยัง 249 00:25:13,680 --> 00:25:15,320 ‎รับทราบ ยืนยันว่ายกกระโปรงขึ้นแล้ว 250 00:25:17,840 --> 00:25:22,280 ‎ผมเลยอยากเป็น ‎นักวิทยาศาสตร์จรวดมาตลอดชีวิต 251 00:25:36,720 --> 00:25:39,240 ‎ฟิลิปได้เป็นนักวิทยาศาสตร์ของนาซา 252 00:25:40,720 --> 00:25:42,920 ‎แต่แทนที่จะยืนหยัดในการออกแบบจรวด 253 00:25:44,120 --> 00:25:45,760 ‎เขาย้ายไปออกแบบหุ่นยนต์ 254 00:25:52,040 --> 00:25:56,880 ‎ถ้าเราอยากทำอะไรที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ‎ในอวกาศ เราต้องการหุ่นยนต์ 255 00:26:05,760 --> 00:26:09,360 ‎เรสเซอร์ถูกออกแบบมาเพื่อทำงาน ‎ในสภาพแวดล้อมของดาวเคราะห์ที่ทรหด 256 00:26:11,920 --> 00:26:13,280 ‎มันสามารถปีนก้อนหินได้ 257 00:26:14,240 --> 00:26:17,480 ‎ถ้ามันติดอะไร มันสามารถหลุดออกมาเองได้ 258 00:26:19,840 --> 00:26:23,240 ‎ถ้ามันพลิกหงายหลัง มันก็พลิกตัวเองกลับมาได้ 259 00:26:24,240 --> 00:26:26,920 ‎มันสามารถเอาตัวเอง ‎ออกมาจากปัญหาได้ทุกสถานการณ์ 260 00:26:29,520 --> 00:26:33,240 ‎สิ่งที่ง่ายที่สุดที่เราขุดได้ ‎บนดาวเคราะห์คือชั้นผิวดิน 261 00:26:33,840 --> 00:26:36,680 ‎มันคือดินที่ปกคลุมพื้นผิวของดาวเคราะห์ 262 00:26:38,640 --> 00:26:40,920 ‎คุณสามารถสกัดโลหะจากชั้นผิวดินได้ 263 00:26:42,720 --> 00:26:47,480 ‎คุณยังสามารถผลิตเซรามิก ‎ที่ใช้เพื่อป้องกันระบบไฟฟ้าได้ 264 00:26:48,400 --> 00:26:50,120 ‎และคุณสามารถผลิตเชื้อเพลิงจรวดได้ 265 00:26:53,520 --> 00:26:56,280 ‎แต่การขุดต้องความฉลาดจริงๆ 266 00:26:58,120 --> 00:27:00,800 ‎คุณต้องรู้ว่าจะขับไปที่ไหน ตัดที่ไหน 267 00:27:01,400 --> 00:27:04,360 ‎ต้องไม่หลงทาง ทำให้ตัวเองไม่ติดกับอะไร 268 00:27:04,440 --> 00:27:07,240 ‎ดังนั้นต้องใช้เครื่องจักรที่ฉลาดอย่างเรสเซอร์ 269 00:27:07,440 --> 00:27:09,600 ‎ถึงจะเริ่มสร้างอุตสาหกรรมในอวกาศได้ 270 00:27:12,240 --> 00:27:15,680 ‎สิ่งที่ต้องการอย่างย่ิงในการออกแบบหุ่นยนต์ ‎คือการลอกเลียนแบบตัวเอง 271 00:27:17,680 --> 00:27:20,200 ‎เครื่องจักรที่สามารถคัดลอกตัวเองได้ 272 00:27:23,480 --> 00:27:26,480 ‎นี่คือล้อสำรองสำหรับเรสเซอร์ 273 00:27:27,520 --> 00:27:33,600 ‎ชิ้นส่วนของหุ่นยนต์ที่ผลิตโดยหุ่นยนต์ ‎เพื่อหุ่นยนต์อีกตัวโดยใช้วัสดุจากอวกาศ 274 00:27:34,320 --> 00:27:37,600 ‎แต่นี่เป็นตัวอย่างแรกๆ ของวิธีที่เราพัฒนาหุ่นยนต์ 275 00:27:37,680 --> 00:27:44,400 ‎ไปสู่นิเวศวิทยาของหุ่นยนต์ที่ปิดเต็มรูปแบบ ‎ที่สามารถทำสำเนาตัวเองในอวกาศได้ 276 00:27:50,520 --> 00:27:54,840 ‎เมื่อคุณได้หุ่นยนต์ที่ทำสำเนาตัวเองได้แล้ว ‎คุณก็สามารถไปได้ทุกที่ 277 00:27:55,840 --> 00:27:57,600 ‎ผมคิดว่ามันไม่มีขีดจำกัดเลย 278 00:28:11,920 --> 00:28:14,600 ‎เพราะไม่มีข้อมูลจากรูปแบบชีวิตใดๆ... 279 00:28:15,840 --> 00:28:18,560 ‎หุ่นยนต์จึงปรับโครงสร้างดาวเคราะห์ใหม่... 280 00:28:21,400 --> 00:28:23,720 ‎ทำให้มันพร้อมสำหรับการตั้งอาณานิคม 281 00:28:34,840 --> 00:28:37,400 ‎ตอนนี้ ได้เวลาทิ้งเทอร์ราแล้ว 282 00:28:41,240 --> 00:28:44,240 ‎โดมแต่ละหลังถูกออกแบบมาเพื่อช่วงเวลานี้... 283 00:28:47,040 --> 00:28:48,480 ‎เพื่อเข้าสู่วงโคจร 284 00:28:53,840 --> 00:28:57,080 ‎พวกมันจะเดินทางไปยังบ้านใหม่จากตรงนี้ 285 00:29:12,040 --> 00:29:15,720 ‎โดมมีระบบช่วยชีวิตของมันเอง 286 00:29:17,720 --> 00:29:19,240 ‎แต่มันช่วยอะไรไม่ได้ 287 00:29:20,120 --> 00:29:23,400 ‎เมื่อเจอการระเบิดของพลังงานที่รุนแรง ‎ของการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ 288 00:29:48,960 --> 00:29:53,200 ‎ไม่มีอะไรที่วิวัฒนาการมาให้อยู่รอดได้ ‎ในอวกาศอันว่างเปล่า 289 00:29:59,040 --> 00:30:02,880 ‎นี่เป็นเรื่องจริงสำหรับมนุษย์ต่างดาว ‎และเป็นเรื่องจริงสำหรับมนุษย์ 290 00:30:11,320 --> 00:30:15,520 ‎ไมเคิล โฟลรู้อันตรายทุกอย่าง ‎ในการเดินทางในอวกาศ 291 00:30:20,040 --> 00:30:24,000 ‎ในปี 1977 เขาเป็น ‎นักบินอวกาศรับเชิญชาวอเมริกัน 292 00:30:24,440 --> 00:30:26,640 ‎บนสถานีอวกาศมีร์ของรัสเซีย 293 00:30:29,760 --> 00:30:32,600 ‎ระหว่างการชนครั้งแรกในอวกาศ 294 00:30:37,840 --> 00:30:42,040 ‎วาซิลี ผู้บัญชาการชาวรัสเซีย ‎และเพื่อนร่วมทีมของเขาพยายามที่จะ 295 00:30:42,120 --> 00:30:44,760 ‎ควบคุมยานสินค้าที่หนักเจ็ดตัน 296 00:30:44,840 --> 00:30:49,480 ‎และจอดมันโดยไม่มีเรดาร์ ไม่มีความเร็ว ‎ไม่มีการวัดระยะทาง 297 00:30:49,840 --> 00:30:51,760 ‎จอดเทียบท่าสถานีอวกาศของเรา 298 00:31:06,920 --> 00:31:08,200 ‎ผมรู้สึกได้ถึงสถานี 299 00:31:08,600 --> 00:31:12,840 ‎ผมไม่ได้ "รู้สึก" ถึงมัน ผมเห็นสถานี ‎เคลื่อนไปรอบๆ ตัวผม แล้วก็ได้ยินเสียงโครม 300 00:31:19,880 --> 00:31:23,960 ‎และตอนนั้นผมคิด "คงจบแล้วละ" ผมตายแน่ 301 00:31:24,080 --> 00:31:26,280 ‎เพราะผมกำลังมองดูสลักพวกนั้น 302 00:31:26,360 --> 00:31:28,360 ‎และผมรอให้สลักพวกนั้นแยกจากกัน 303 00:31:28,480 --> 00:31:31,440 ‎และเปิดออก และเห็นอวกาศอันว่างเปล่า 304 00:31:38,520 --> 00:31:45,240 ‎จากนั้น พัดลมทุกตัว ไฟทุกดวง ‎คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องก็ดับและเงียบไป 305 00:31:49,640 --> 00:31:52,480 ‎และตอนนี้เราอยู่ในสถานีที่เงียบสงัด 306 00:31:53,120 --> 00:31:54,400 ‎ที่เริ่มหนาว 307 00:31:59,400 --> 00:32:02,080 ‎เราสูญเสียพลังงาน 308 00:32:03,120 --> 00:32:06,880 ‎แรงดันอยู่ที่ 602 309 00:32:09,520 --> 00:32:11,680 ‎จากนั้นหูผมก็เริ่มแตกเปรี๊ยะ 310 00:32:13,480 --> 00:32:15,120 ‎ผมรู้ว่าเรากำลังลดความดันอากาศลง 311 00:32:16,520 --> 00:32:19,240 ‎และโดยพื้นฐานแล้ว ‎อากาศกำลังออกไปจากสถานีอวกาศ 312 00:32:20,720 --> 00:32:22,920 ‎และเรามีเวลามีชีวิตอยู่อีกแค่ 23 นาที 313 00:32:23,000 --> 00:32:25,520 ‎ถ้าเราอยู่ที่นั่นและไม่หยุดการรั่ว 314 00:32:26,880 --> 00:32:29,080 ‎ผมเริ่มช่วยซาช่าดึงสายเคเบิลพวกนั้นออก 315 00:32:30,840 --> 00:32:33,640 ‎สายเคเบิลขนาดใหญ่ที่ผมคิดว่า ‎ต้องใช้เวลาปลดหลายชั่วโมง 316 00:32:33,720 --> 00:32:35,080 ‎แต่เราปลดกันแค่หกนาที 317 00:32:35,720 --> 00:32:39,440 ‎และเราเอาฝาครอบมา และเราใส่มันเข้าไป ‎และมันดูดเข้าไป มันดูดแบบ... 318 00:32:40,040 --> 00:32:41,960 ‎และตอนนั้นเอง เราหยุดการรั่วได้ 319 00:32:47,240 --> 00:32:50,320 ‎และตรงนั้นเอง ที่ด้านหน้าของหน้าต่าง ‎มองไปที่กาแล็กซี... 320 00:32:51,680 --> 00:32:52,560 ‎ผมพูดว่า 321 00:32:53,320 --> 00:32:57,880 ‎"ผมรู้นะว่าวันนี้เป็นวันที่แย่มาก ‎แต่วิวนี้สวยน่าทึี่งจริงๆ" 322 00:33:01,120 --> 00:33:05,840 ‎คุณรู้สึก พยายามรู้สึกถึง ‎การมีอยู่ทั้งหมดในจักรวาล 323 00:33:14,360 --> 00:33:19,200 ‎ไมเคิลโฟลไปในอวกาศ ‎เพื่อทำภารกิจรวมทั้งหมดหกภารกิจ 324 00:33:19,680 --> 00:33:21,440 ‎โอ๊ะ ผมลอยไปอีกแล้ว 325 00:33:24,040 --> 00:33:26,480 ‎แต่ทุกวินาทีที่ใช้อยู่นอกโลก 326 00:33:27,520 --> 00:33:29,640 ‎เพิ่มปริมาณรังสีของเขา 327 00:33:33,440 --> 00:33:35,280 ‎เราได้รับรังสีบนโลก 328 00:33:36,520 --> 00:33:38,240 ‎แต่เมื่อคุณเข้าไปอยู่ในวงโคจร 329 00:33:38,320 --> 00:33:41,480 ‎คุณจะได้รับรังสีมากขึ้นเป็นพันๆ เท่า 330 00:33:44,000 --> 00:33:47,640 ‎และรังสีนั่นทำลายดีเอ็นเอของเราเร็วกว่ามาก 331 00:33:48,720 --> 00:33:51,880 ‎และวิธีการแก้ไขที่เราวิวัฒนาการขึ้น 332 00:33:52,320 --> 00:33:53,880 ‎ก็รับมือมันไม่ได้ 333 00:34:14,600 --> 00:34:16,920 ‎หลังจากผมกลับมาจากการเดินทางในอวกาศ 334 00:34:17,480 --> 00:34:22,720 ‎พวกเขาพบว่าเซลล์เม็ดเลือดขาวของผม ‎มีการเปลี่ยนแปลงของดีเอ็นเอสี่เปอร์เซ็นต์ 335 00:34:28,000 --> 00:34:31,960 ‎ส่วนใหญ่เซลล์ที่เปลี่ยนแปลงพวกนี้ ‎ถูกเซลล์เม็ดเลือดขาวในร่างกายคุณฆ่าตาย 336 00:34:34,280 --> 00:34:36,440 ‎แต่โชคไม่ดีที่บางเซลล์ก็ไม่ตาย 337 00:34:37,800 --> 00:34:41,320 ‎มันทำสำเนาและเปลี่ยนแปลง ‎และกลายเป็นมะเร็ง 338 00:34:42,600 --> 00:34:45,600 ‎นั่นคือความเสี่ยงพื้นฐานสำหรับนักบินอวกาศ 339 00:34:52,920 --> 00:34:55,440 ‎และถ้าเรานึกถึงการออกไปยังดาวฤกษ์ 340 00:34:55,960 --> 00:35:00,000 ‎อาจเป็นไปได้ว่าจากยานร้อยลำ ‎จะมีเพียงลำเดียวที่ไปถึง 341 00:35:12,480 --> 00:35:15,880 ‎การเดินทางในอวกาศระยะไกล ‎จะมีความเสี่ยงเสมอ... 342 00:35:18,080 --> 00:35:20,080 ‎แม้แต่สำหรับมนุษย์ต่างดาวที่ชาญฉลาด 343 00:35:22,520 --> 00:35:26,280 ‎ไม่มีการป้องกันการระเบิดกะทันหัน ‎ของรังสีของดาวฤกษ์ 344 00:35:35,560 --> 00:35:38,280 ‎แต่สำหรับผู้ที่ไปถึงปลายทาง ‎ของการเดินทางได้สำเร็จ 345 00:35:39,440 --> 00:35:40,880 ‎นี่คือรางวัลของพวกมัน 346 00:35:43,800 --> 00:35:45,040 ‎เทอร์ราดวงใหม่ 347 00:35:56,520 --> 00:35:59,160 ‎แทนที่จะปรับตัวให้เข้ากับโลกที่แตกต่าง 348 00:36:00,640 --> 00:36:03,800 ‎พวกมันสร้างสำเนาโลกใบเก่าของพวกมันขึ้น 349 00:36:08,040 --> 00:36:11,560 ‎นั่นคือข้อได้เปรียบของอารยธรรมที่ล้ำสมัย 350 00:36:21,920 --> 00:36:24,640 ‎แต่ช่วงเวลาดีๆ จะคงอยู่นานแค่ไหน 351 00:36:28,720 --> 00:36:33,000 ‎ดาวฤกษ์โตขึ้น ใหญ่ขึ้น และสว่างขึ้นเรื่อยๆ... 352 00:36:34,280 --> 00:36:36,080 ‎คายรังสีออกมามากขึ้น 353 00:36:42,400 --> 00:36:47,200 ‎ท้ายที่สุด มันจะทำให้ดาวเคราะห์ดวงใหม่ ‎ไร้สิ่งมีชีวิตเช่นเดียวกับเทอร์รา 354 00:36:57,320 --> 00:36:59,840 ‎จากนั้นพวกมันก็จะต้องย้ายที่อยู่อีกครั้ง 355 00:37:01,080 --> 00:37:04,000 ‎ไปยังดาวเคราะห์ดวงใหม่ ‎ห่างจากดาวฤกษ์มากขึ้น 356 00:37:15,240 --> 00:37:18,200 ‎นี่คือข้อได้เปรียบของการเคลื่อนไหวได้ 357 00:37:20,520 --> 00:37:23,880 ‎ทำให้เดินทางจากโลกใบหนึ่งไปอีกใบหนึ่งได้ 358 00:37:24,400 --> 00:37:27,200 ‎สร้างและสร้างบ้านใหม่ได้ 359 00:37:39,480 --> 00:37:44,640 ‎บางทีอาจมีอารยธรรมต่างดาว ‎ที่มุ่งหน้ามายังโลกแล้วก็ได้ 360 00:37:48,120 --> 00:37:50,600 ‎หากเป็นเช่นนั้น เราควรหลบจากพวกมัน 361 00:37:51,440 --> 00:37:53,080 ‎หรือแสดงตัว 362 00:37:57,560 --> 00:37:58,400 ‎โอเค 363 00:37:59,720 --> 00:38:01,880 ‎ขอผมจบด้วยการพูดว่า... 364 00:38:03,120 --> 00:38:07,200 ‎ขอผมปิดท้ายด้วยการบอกคุณว่า ‎ทำไมเราถึงควรเริ่มการส่งสัญญาณ 365 00:38:07,280 --> 00:38:09,920 ‎และทำไมเราถึงควรเริ่มทำตอนนี้เลย 366 00:38:10,000 --> 00:38:14,200 ‎(ดั๊ก วาคอช ‎นักชีวดาราศาสตร์) 367 00:38:16,920 --> 00:38:21,400 ‎ดั๊ก วาคอชต้องการเปิดบทสนทนา ‎กับสิ่งที่อาจเป็นมนุษย์ต่างดาว 368 00:38:22,360 --> 00:38:24,760 ‎ด้วยการส่งข้อความทางวิทยุไปหาพวกมัน 369 00:38:37,520 --> 00:38:40,720 ‎แต่ก่อนอื่น พวกเขาต้องโน้มน้าว ‎นักดาราศาสตร์บนโลกให้ได้ก่อน 370 00:38:41,920 --> 00:38:43,480 ‎ว่ามันเป็นความคิดที่ดี 371 00:38:51,640 --> 00:38:53,160 ‎นี่คือที่ที่ทุกอย่างเริ่มต้น 372 00:38:55,640 --> 00:38:59,400 ‎กล้องโทรทรรศน์วิทยุที่ใหญ่ที่สุดที่โลกเคยมี 373 00:39:01,240 --> 00:39:05,160 ‎(หอดูดาวอาเรซิโบ ‎เปอร์โตริโก) 374 00:39:13,240 --> 00:39:15,080 ‎มีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการอยู่ที่นี่ 375 00:39:16,320 --> 00:39:18,680 ‎ความเจ๋ง ขนาดของสถานที่ 376 00:39:27,040 --> 00:39:32,080 ‎ในปี 1974 นี่คือสถานที่ที่เราส่ง ‎ข้อความแรกของมนุษย์ไปยังอวกาศ 377 00:39:40,800 --> 00:39:45,680 ‎มันเริ่มต้นด้วยจังหวะพวกนี้ ‎ที่นับเลขจากหนึ่งถึงสิบ 378 00:39:48,840 --> 00:39:51,280 ‎หลังจากเราแสดง ‎ให้สิ่งมีชีวิตนอกโลกเห็นว่าเรานับยังไง 379 00:39:51,360 --> 00:39:53,280 ‎เราใช้ตัวเลขพวกนั้นเพื่ออธิบาย 380 00:39:53,360 --> 00:39:56,240 ‎องค์ประกอบทางเคมีบางอย่าง ‎ที่จำเป็นต่อสิ่งมีชีวิตบนโลก 381 00:39:58,320 --> 00:39:59,440 ‎แล้วหลังจากนั้นก็... 382 00:40:01,040 --> 00:40:02,560 ‎เราหน้าตาเป็นยังไง 383 00:40:03,520 --> 00:40:05,280 ‎มีมนุษย์กี่คน 384 00:40:06,040 --> 00:40:07,000 ‎เราตัวสูงแค่ไหน 385 00:40:09,040 --> 00:40:12,000 ‎หลังจากนั้นก็เป็นภาพของระบบสุริยะของเรา 386 00:40:13,120 --> 00:40:17,000 ‎จากนั้นก็ปิดท้ายด้วยภาพของกล้องโทรทรรศน์ตัวนี้ 387 00:40:17,080 --> 00:40:18,560 ‎ซึ่งเป็นตัวส่งข้อความไป 388 00:40:21,520 --> 00:40:23,840 ‎จังหวะของข้อความอาเรซิโบ 389 00:40:24,120 --> 00:40:28,920 ‎สามารถจัดเรียงเป็นตัวหนังสือภาพ ‎เพื่อแจ้งมนุษย์ต่างดาวที่ชาญฉลาด 390 00:40:29,320 --> 00:40:31,240 ‎เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตบนโลกได้ 391 00:40:38,480 --> 00:40:40,080 ‎แต่มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 392 00:40:40,920 --> 00:40:45,720 ‎เล็งไปที่กลุ่มดาวฤกษ์ ‎ที่อยู่ห่างออกไป 25,000 ปีแสง 393 00:40:50,120 --> 00:40:52,600 ‎ถ้าเราส่งข้อความ ‎ไปยังดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้เคียงเรื่อยๆ 394 00:40:52,680 --> 00:40:54,840 ‎เวลาเดียวกับที่เราส่งข้อความอาเรซิโบ 395 00:40:54,920 --> 00:40:59,400 ‎วันนี้เราอาจได้รับการตอบรับ ‎จากดาวหลายพันดวงแล้วก็ได้ 396 00:41:00,640 --> 00:41:03,200 ‎แต่เราไม่ได้ทำ เราจึงไม่ได้รู้อะไรเลย 397 00:41:06,320 --> 00:41:10,560 ‎เหตุผลสำคัญที่สุดที่เราไม่ได้ส่งข้อความไปอีก ‎ก็เพราะเรากลัว 398 00:41:11,760 --> 00:41:14,880 ‎เพราะหนังนิยายวิทยาศาสตร์ดังๆ 399 00:41:15,120 --> 00:41:17,880 ‎แสดงให้เห็นว่ามนุษย์ต่างดาวมาที่โลก ‎และทำลายล้างเรา 400 00:41:20,920 --> 00:41:22,880 ‎เราจึงคิดว่ามันจะเป็นแบบนั้นจริงๆ 401 00:41:27,240 --> 00:41:32,440 ‎ผมคิดว่าความท้าทายที่โดดเด่นที่สุด ‎คือความกังวลของคนบางคน 402 00:41:32,560 --> 00:41:37,520 ‎ว่าการส่งข้อความออกไปอย่างตั้งใจ ‎จะทำให้มนุษย์ต่างดาวบุกโลก 403 00:41:38,000 --> 00:41:41,800 ‎และผมคิดว่าการตอบโต้เรื่องนั้นที่ง่ายที่สุด ‎คือโลกของเราเผยให้เห็นหลักฐาน 404 00:41:41,880 --> 00:41:44,480 ‎ของสิ่งมีชีวิตมา 2,000 ล้านปีแล้ว 405 00:41:44,800 --> 00:41:47,240 ‎ดังนั้นถ้ามีมนุษย์ต่างดาวที่หวาดระแวงอยู่จริงๆ 406 00:41:47,320 --> 00:41:49,560 ‎ที่อยากทำลายล้างคู่แข่งล่ะก็ 407 00:41:49,640 --> 00:41:52,200 ‎พวกมันคงมาที่นี่นานแล้ว แต่ผมไม่เห็นพวกมันเลย 408 00:41:56,360 --> 00:41:59,280 ‎แทนที่จะส่งข้อความไปในอวกาศเป็นครั้งคราว 409 00:42:00,400 --> 00:42:03,400 ‎แผนการของดั๊กคือ ‎การส่งข้อความหลายพันข้อความไป... 410 00:42:05,720 --> 00:42:08,600 ‎เวลาที่กล้องโทรทรรศน์อาเรซิโบไม่ทำงาน 411 00:42:12,520 --> 00:42:15,280 ‎คุณส่งสัญญาณตอนไหนก็ได้ของวัน ‎โดยใช้ดาราศาสตร์วิทยุ 412 00:42:16,320 --> 00:42:18,600 ‎แต่... ผมชอบส่งตอนกลางคืน 413 00:42:21,560 --> 00:42:23,920 ‎กาเฟอีนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักดาราศาสตร์ 414 00:42:24,760 --> 00:42:27,600 ‎อยู่ในหอดูดาวดึกๆ หลายคืน ‎และเราต้องตื่นตัวเข้าไว้ 415 00:42:36,440 --> 00:42:37,280 ‎เดือนละครั้ง 416 00:42:37,760 --> 00:42:41,440 ‎อาเรซิโบจะทำการสำรวจ ‎ดาวเคราะห์น้อยที่เพิ่งค้นพบล่าสุด 417 00:42:44,040 --> 00:42:45,440 ‎บ่อยครั้งที่มันมีช่องว่าง 418 00:42:45,880 --> 00:42:50,640 ‎อาจจะหนึ่งชั่วโมงที่เครื่องส่งสัญญาณ ‎กำลังส่งสัญญาณไปในอวกาศในที่ที่ไม่เจาะจง 419 00:42:56,640 --> 00:43:01,360 ‎สิ่งที่ผมกำลังเสนอก็คืออาเรซิโบ ‎ควรใช้ช่องว่างพวกนั้นในตาราง 420 00:43:02,040 --> 00:43:05,160 ‎เพื่อเล็งดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้เคียงด้วยข้อความ 421 00:43:05,400 --> 00:43:08,880 ‎เผื่อว่ามีสิ่งมีชีวิตนอกโลก ‎อยู่ในวงโคจรรอบดาวฤกษ์ดวงนั้น 422 00:43:13,120 --> 00:43:17,240 ‎ในแต่ละเดือน เราสามารถ ‎เล็งดาวฤกษ์ได้ราวๆ 50 ดวง 423 00:43:17,640 --> 00:43:20,080 ‎ที่อาจสนับสนุนสิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาดได้ 424 00:43:20,160 --> 00:43:22,960 ‎ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ต้องคิดเลย ‎ผมว่าเราควรทำมัน 425 00:43:26,040 --> 00:43:29,320 ‎ผมคิดว่านี่คือสิ่งที่บางครั้งเรียกว่า 426 00:43:29,400 --> 00:43:30,800 ‎"การเข้าร่วมชมรมกาแล็กซี" 427 00:43:31,720 --> 00:43:36,760 ‎และสิ่งที่ผมพบว่าแปลกมาก ‎เกี่ยวกับความคล้ายคลึงนั้นคือไม่มีใครเคยพูดถึง 428 00:43:37,160 --> 00:43:40,160 ‎การอดทนทุ่มเทของเรา ‎หรือแม้แต่การส่งใบสมัครมาเลย 429 00:43:40,360 --> 00:43:43,360 ‎และนั่นคือสิ่งที่ ‎การส่งข้อความถึงภูมิปัญญานอกโลกทำ 430 00:43:43,760 --> 00:43:46,520 ‎มันอาจเป็นวิธีการของเราในการติดต่อครั้งแรก 431 00:43:46,960 --> 00:43:47,800 ‎ขอบคุณครับ 432 00:43:47,880 --> 00:43:50,800 ‎ขอบคุณมากค่ะ ดักลาส ‎สำหรับการนำเสนอที่น่าสนใจ 433 00:44:00,120 --> 00:44:04,080 ‎เวลาที่เราติดต่อดาวฤกษ์ดวงอื่น ‎เวลาที่เราส่งข้อความของพวกเราไปถึงพวกมัน 434 00:44:05,520 --> 00:44:10,600 ‎ในกรณีที่ดีที่สุดคือ ‎เราคงได้รับการตอบกลับในสิบหรือ 20 ปี 435 00:44:12,640 --> 00:44:16,560 ‎แต่ความจริงแล้ว อาจต้องใช้เวลาหลายพันปี 436 00:44:21,040 --> 00:44:23,360 ‎ดังนั้นนี่คือบางสิ่งที่เรากำลังทำ 437 00:44:23,440 --> 00:44:28,480 ‎ไม่ใช่เพื่อตัวเราเอง แต่เพื่อลูกของเรา ‎เพื่อหลานของเรา 438 00:44:29,440 --> 00:44:30,680 ‎และเพื่อมนุษย์ต่างดาวด้วย 439 00:44:34,280 --> 00:44:37,160 ‎แปด เจ็ด หก 440 00:44:37,240 --> 00:44:40,200 ‎ห้า สี่ สาม 441 00:44:40,680 --> 00:44:42,360 ‎สอง หนึ่ง 442 00:44:43,840 --> 00:44:45,520 ‎ปล่อยจรวด 443 00:44:52,520 --> 00:44:58,760 ‎ในปี 2018 กล้องโทรทรรศน์ ‎ค้นหาดาวเคราะห์ตัวล่าสุดเข้าสู่วงโคจร 444 00:45:07,720 --> 00:45:10,680 ‎มันกำลังค้นหาหลักฐานของโลกใบใหม่ 445 00:45:11,960 --> 00:45:13,760 ‎ทั่วท้องฟ้ายามราตรี 446 00:45:23,520 --> 00:45:26,520 ‎นักดาราศาสตร์คิดว่าไม่ช้าก็เร็ว 447 00:45:26,600 --> 00:45:30,000 ‎จะต้องค้นพบรูปแบบชีวิตของมนุษย์ต่างดาวแน่นอน 448 00:45:35,520 --> 00:45:39,080 ‎ท่ามกลางพวกมันอาจมีสิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาด 449 00:45:45,120 --> 00:45:47,680 ‎สักวันหนึ่ง เราจะได้รู้แน่นอน 450 00:45:51,920 --> 00:45:57,800 ‎แต่ระหว่างนี้ เราได้แต่เดาว่า ‎มีใครหรืออะไรอยู่ข้างนอกนั่น 451 00:46:34,640 --> 00:46:36,680 ‎คำบรรยายโดย กมลรัตน์ ชุติเชาวน์กุล