1 00:00:06,661 --> 00:00:10,021 ‎(ผลงานซีรีส์สารคดีจาก NETFLIX) 2 00:00:24,501 --> 00:00:28,941 ‎โลก ถิ่นกำเนิดของหลายล้านสายพันธุ์ 3 00:00:33,541 --> 00:00:36,821 ‎แต่มีอะไรที่อาจอยู่... นอกโลกบ้าง 4 00:00:42,341 --> 00:00:45,701 ‎นักดาราศาสตร์ค้นพบดาวเคราะห์หลายพันดวง 5 00:00:45,781 --> 00:00:47,781 ‎นอกระบบสุริยะของเรา 6 00:00:50,661 --> 00:00:53,861 ‎พวกเขาเชื่อว่ายังมีอีกหลายล้านล้านดวง 7 00:00:56,941 --> 00:01:00,301 ‎หากมีสิ่งมีชีวิต อยู่บนเศษเสี้ยว ‎ของดาวเหล่านั้นเท่านั้น 8 00:01:01,541 --> 00:01:06,141 ‎งั้นจักรวาลก็คงมีชีวิต 9 00:01:16,341 --> 00:01:19,581 ‎สิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีความต้องการเหมือนกัน 10 00:01:22,341 --> 00:01:23,181 ‎กิน... 11 00:01:30,221 --> 00:01:31,581 ‎สืบพันธุ์... 12 00:01:36,261 --> 00:01:37,581 ‎และวิวัฒนาการ 13 00:01:41,061 --> 00:01:43,701 ‎จากการประยุกต์กฎของสิ่งมีชีวิตบนโลก 14 00:01:44,261 --> 00:01:46,261 ‎กับดาวดวงอื่นๆ ในจักรวาล 15 00:01:48,061 --> 00:01:49,861 ‎จึงเป็นไปได้ที่จะจินตนาการถึง 16 00:01:50,261 --> 00:01:51,861 ‎สิ่งที่อาจมีชีวิตอยู่... 17 00:01:53,261 --> 00:01:55,301 ‎บนโลกต่างดาว 18 00:02:17,221 --> 00:02:22,501 ‎(หอดูดาวลิก ‎แคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ) 19 00:02:29,581 --> 00:02:31,781 ‎ดาวเคราะห์ที่อยู่นอกระบบสุริยะของเรา 20 00:02:32,261 --> 00:02:35,701 ‎เป็นที่รู้จักกันในหมู่นักดาราศาสตร์ ‎ในชื่อดาวเคราะห์นอกระบบ 21 00:02:38,461 --> 00:02:42,221 ‎ทุกดวงล้วนอยู่ห่างจากโลกหลายล้านล้านไมล์ 22 00:02:45,661 --> 00:02:50,781 ‎แต่ก็อาจจะยังสามารถตรวจพบ ‎สัญญาณของสิ่งมีชีวิตที่เบาบางได้ 23 00:02:52,261 --> 00:02:54,781 ‎จากแสงของดาวฤกษ์ที่พวกมันโคจร 24 00:02:57,501 --> 00:03:01,861 ‎ดาวฤกษ์ทุกดวงกำลังส่งแสงทุกสีมาที่เรา 25 00:03:02,141 --> 00:03:04,781 ‎ดังนั้นถ้าเราจับแสงนั้น ‎ในกล้องส่องทางไกลของเราได้ 26 00:03:04,861 --> 00:03:09,061 ‎แล้วเอามันไปผ่านเครื่องมือ ‎ที่กระจายแสงออกไปเป็นสายรุ้ง 27 00:03:09,261 --> 00:03:11,621 ‎และเราดูในรายละเอียดของสายรุ้งนั้น 28 00:03:11,701 --> 00:03:13,861 ‎เราจะพบลายนิ้วมือทางเคมี 29 00:03:13,941 --> 00:03:17,341 ‎ขององค์ประกอบ ‎ในชั้นบรรยากาศของดาวฤกษ์ดวงนั้น 30 00:03:19,061 --> 00:03:20,621 ‎นี่คือหนึ่งในสายรุ้งเหล่านั้น 31 00:03:20,701 --> 00:03:23,341 ‎ที่กล่องส่องทางไกลจับไว้ได้ ‎จากดาวฤกษ์ที่อยู่ห่างไกล 32 00:03:23,421 --> 00:03:26,221 ‎ประมาณ 12 ปีแสง ดาวฤกษ์ทาวเซติ 33 00:03:27,061 --> 00:03:31,741 ‎เราจะเห็นเส้นสีเข้มๆ พวกนี้ ‎จากไฮโดรเจนในชั้นบรรยากาศของดาวฤกษ์ 34 00:03:32,261 --> 00:03:36,301 ‎ด้านล่างนี้ เราจะเห็นเส้นของแมกนีเซียม ‎ที่มีลักษณะพิเศษสามเส้นพวกนี้ 35 00:03:37,061 --> 00:03:39,461 ‎นี่คือชั้นบรรยากาศของดาวฤกษ์ 36 00:03:39,781 --> 00:03:42,101 ‎แต่สิ่งที่เราอยากทำคือจับแสง 37 00:03:42,181 --> 00:03:45,101 ‎ที่ส่องผ่านชั้นบรรยากาศ ‎ของดาวเคราะห์นอกระบบ 38 00:03:45,181 --> 00:03:49,261 ‎เพื่อจับลายนิ้วมือทางเคมีของชั้นบรรยากาศนั้น ‎ในแบบเดียวกันเป๊ะ 39 00:03:52,461 --> 00:03:58,421 ‎ในปี 2012 ลายนิ้วมือแบบนี้ ‎มองเห็นได้ในระบบสุริยะของเรา 40 00:04:03,341 --> 00:04:05,421 ‎เมื่อดาวศุกร์โคจรผ่านหน้าพระอาทิตย์ 41 00:04:06,421 --> 00:04:08,101 ‎มันเป็นเงาดำ 42 00:04:13,181 --> 00:04:18,621 ‎ชั่วขณะหนึ่ง รัศมีเล็กๆ ปรากฏขึ้น ‎มันคือชั้นบรรยากาศของดาวศุกร์ 43 00:04:21,661 --> 00:04:25,261 ‎เศษเสี้ยวของแสงนี้เองที่นักดาราศาสตร์มองหา 44 00:04:30,461 --> 00:04:34,821 ‎หากพวกเขาสามารถวิเคราะห์ชั้นบรรยากาศ ‎ของดาวเคราะห์นอกระบบที่อยู่ห่างไกล 45 00:04:36,261 --> 00:04:38,901 ‎ที่เป็นเงาดำอยู่บนดาวฤกษ์ที่อยู่ห่างไกลได้ 46 00:04:40,101 --> 00:04:42,821 ‎พวกเขาอาจพบหลักฐานของสิ่งมีชีวิตก็ได้ 47 00:04:56,061 --> 00:05:00,941 ‎เราคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนมาก ‎ว่าสัญญาณของสิ่งมีชีวิตจะเป็นยังไง 48 00:05:01,901 --> 00:05:05,141 ‎เราจึงมองดูรอบๆ ‎และเราดูว่าอะไรที่อยู่ในชั้นบรรยากาศ 49 00:05:05,221 --> 00:05:08,741 ‎ที่สามารถตรวจพบได้จากที่ห่างไกลหลายปีแสง 50 00:05:11,061 --> 00:05:13,821 ‎และมันพาเรากลับไปที่ก๊าซตัวเดิมเสมอ 51 00:05:16,261 --> 00:05:17,221 ‎ออกซิเจน 52 00:05:23,781 --> 00:05:26,581 ‎ห้าสิบถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของออกซิเจน ‎ในชั้นบรรยากาศของเรา 53 00:05:26,661 --> 00:05:29,021 ‎มาจากมหาสมุทร 54 00:05:30,661 --> 00:05:32,741 ‎ซึ่งเป็นปอดของดาวโลก 55 00:05:38,141 --> 00:05:42,581 ‎กระบวนการที่ผลักดัน ‎การเติบโตของสาหร่ายทะเลยักษ์ 56 00:05:42,661 --> 00:05:45,581 ‎และจริงๆ แล้วรวมถึงป่าทั้งหมด ‎ที่เราเห็นบนบกด้วย 57 00:05:46,461 --> 00:05:48,221 ‎มันคือการสังเคราะห์ด้วยแสง 58 00:05:52,541 --> 00:05:55,461 ‎สิ่งที่ทำให้ฉันสนใจมากที่สุด ‎เกี่ยวกับการสังเคราะห์ด้วยแสง 59 00:05:55,541 --> 00:05:58,021 ‎คือของเสียที่ถูกโยนทิ้ง 60 00:05:58,101 --> 00:06:00,501 ‎นั่นคือออกซิเจนที่เข้าไปในชั้นบรรยากาศ 61 00:06:07,941 --> 00:06:11,301 ‎เราคิดว่าออกซิเจนเกือบทั้งหมด ‎ในชั้นบรรยากาศของเรา 62 00:06:11,381 --> 00:06:13,621 ‎สร้างขึ้นด้วยการสังเคราะห์ด้วยแสง 63 00:06:14,021 --> 00:06:16,101 ‎ด้วยสิ่งมีชีวิตบนดาวโลกดวงนี้ 64 00:06:19,861 --> 00:06:22,581 ‎ถ้าคุณเห็นมันเป็นจำนวนมาก 65 00:06:22,661 --> 00:06:25,101 ‎คุณจะรู้ว่าดาวเคราะห์คือโลกที่มีชีวิต 66 00:06:35,781 --> 00:06:38,301 ‎ท่ามกลางโลกหลายล้านล้านใบข้างนอกนั่น 67 00:06:39,661 --> 00:06:44,141 ‎โลกที่มีออกซิเจนมากกว่า ‎มีแนวโน้มที่จะรักษาสิ่งมีชีวิตไว้ได้มากกว่า 68 00:06:51,501 --> 00:06:57,221 ‎ลองจินตนาการว่า... ดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง ‎ที่เหมือนโลก ไม่ได้โคจรรอบดาวฤกษ์ดวงเดียว 69 00:06:58,261 --> 00:06:59,421 ‎แต่เป็นสองดวง 70 00:07:07,141 --> 00:07:08,901 ‎นี่คืออีเดน 71 00:07:19,341 --> 00:07:24,901 ‎แสงจากดาวฤกษ์แฝดของมัน ‎ทำให้การสังเคราะห์ด้วยแสงทำงาน... 72 00:07:29,261 --> 00:07:31,861 ‎สูบฉีดออกซิเจนสู่ชั้นบรรยากาศ 73 00:07:34,421 --> 00:07:36,821 ‎ทำให้สิ่งมีชีวิตเติบโตได้ 74 00:07:45,901 --> 00:07:48,821 ‎เกรเซอร์กินเห็ดราในที่ต่ำเป็นอาหาร 75 00:07:51,141 --> 00:07:54,141 ‎แต่พวกมันตื่นตัวต่ออันตรายอยู่ตลอดเวลา 76 00:08:00,861 --> 00:08:04,021 ‎ร่มไม้คือที่อยู่ของผู้ล่า... 77 00:08:07,181 --> 00:08:10,101 ‎วิวัฒนาการมาอย่างสมบูรณ์แบบ ‎เพื่ออาศัยอยู่ตามต้นไม้ 78 00:08:19,821 --> 00:08:22,421 ‎เฝ้ารอจังหวะที่จะโจมตี 79 00:08:34,221 --> 00:08:36,861 ‎บนพื้นดิน เกรเซอร์ได้เปรียบกว่า 80 00:08:37,661 --> 00:08:39,221 ‎มันว่องไวกว่าในการไล่ล่า 81 00:08:45,861 --> 00:08:49,021 ‎แต่ผู้ล่าได้พัฒนาอาวุธพิเศษขึ้น 82 00:09:02,461 --> 00:09:04,981 ‎ครั้งนี้ เกรเซอร์หนีไปได้... 83 00:09:06,141 --> 00:09:09,581 ‎และผู้ล่าเก็บออมพลังงานของมันไว้ 84 00:09:21,461 --> 00:09:24,821 ‎บนดาวเคราะห์ทุกดวง พลังงานคือสิ่งล้ำค่า 85 00:09:29,021 --> 00:09:32,421 ‎แสงดาวคือแหล่งพลังงาน ‎ที่ไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริง 86 00:09:33,461 --> 00:09:37,581 ‎แต่เคล็ดลับคือการเปลี่ยนแสงนั้นเป็นสิ่งมีชีวิต 87 00:09:43,741 --> 00:09:46,141 ‎เราอยู่ในป่าดิบชื้น 88 00:09:49,261 --> 00:09:54,021 ‎ที่นี่มีพืชและสัตว์หลากหลายชนิด ‎มากกว่าที่อื่นในโลก 89 00:10:01,141 --> 00:10:06,541 ‎(ปาร์เก เวร์เด อี อากวา ‎ประเทศโคลัมเบีย) 90 00:10:08,661 --> 00:10:11,341 ‎ต้นไม้และพืชกำลังดูดซับพลังงานของพระอาทิตย์ 91 00:10:11,461 --> 00:10:16,061 ‎พวกมันใช้มนต์วิเศษของการสังเคราะห์ด้วยแสง ‎เปลี่ยนแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานกลูโคส 92 00:10:16,141 --> 00:10:17,301 ‎พูดอีกอย่างก็คือ น้ำตาล 93 00:10:17,661 --> 00:10:21,341 ‎คุณสามารถมองเห็นและยังลิ้มรสได้ด้วย 94 00:10:28,341 --> 00:10:30,701 ‎คุณสามารถลิ้มรสพลังงานจากพระอาทิตย์ได้จริงๆ 95 00:10:34,461 --> 00:10:36,621 ‎พืชทำหน้าที่เหมือนแบตเตอรี 96 00:10:38,261 --> 00:10:41,501 ‎จับพลังงานของพระอาทิตย์ไว้ในรูปของกลูโคส 97 00:10:43,661 --> 00:10:45,621 ‎สัตว์กินพืชกินพืช 98 00:10:46,981 --> 00:10:49,341 ‎สัตว์กินเนื้อกินสัตว์กินพืช 99 00:10:52,021 --> 00:10:54,301 ‎ทุกการเชื่อมต่อในห่วงโซ่อาหาร 100 00:10:55,061 --> 00:10:58,461 ‎ขึ้นอยู่กับการถ่ายโอนพลังงานกลูโคสนี้ 101 00:11:02,261 --> 00:11:03,301 ‎และในป่าแห่งนี้ 102 00:11:03,981 --> 00:11:06,861 ‎มีสัตว์ชนิดหนึ่งที่ต้องการกลูโคสไม่รู้จักพอ 103 00:11:10,461 --> 00:11:11,781 ‎นกฮัมมิงเบิร์ด 104 00:11:13,981 --> 00:11:17,301 ‎นกฮัมมิงเบิร์ดสามารถขยับปีกได้ ‎มากกว่า 100 ครั้งต่อวินาที 105 00:11:23,261 --> 00:11:27,301 ‎แค่เพียงอยู่ใกล้ๆ คุณรู้สึกได้ ‎ว่ามันใช้พลังงานมากแค่ไหน 106 00:11:34,341 --> 00:11:36,181 ‎กิจกรรมที่บ้าระห่ำนี้ 107 00:11:37,541 --> 00:11:40,341 ‎ได้รับพลังงานจากน้ำหวานของเกสรดอกไม้ ‎ที่อุดมด้วยกลูโคส 108 00:11:43,821 --> 00:11:48,421 ‎นี่คืออุปกรณ์ที่ถ้าดูจากด้านหน้า มันดูเหมือนดอกไม้ 109 00:11:48,501 --> 00:11:51,581 ‎นกฮัมมิงเบิร์ดจะบินเข้ามาและกินอาหารจากมัน 110 00:11:58,741 --> 00:11:59,821 ‎มาแล้วหนึ่งตัว 111 00:12:01,421 --> 00:12:03,901 ‎มันบินกลับไปกลับมา เร็วเข้า แกทำได้ 112 00:12:06,741 --> 00:12:08,821 ‎โอเค มันกำลังดื่มน้ำหวาน 113 00:12:12,141 --> 00:12:15,861 ‎อุปกรณ์นี้วัดปริมาณน้ำหวานที่นกกำลังดื่ม 114 00:12:16,301 --> 00:12:18,621 ‎และออกซิเจนที่มันกำลังหายใจ 115 00:12:21,141 --> 00:12:23,981 ‎เราคำนวณพลังงานที่ดื่มเข้าไปจากน้ำหวาน 116 00:12:24,061 --> 00:12:26,261 ‎และพลังงานที่ออกมาจากออกซิเจน 117 00:12:26,381 --> 00:12:30,461 ‎และเราสามารถคำนวณได้อย่างแม่นยำมาก ‎ว่านกกำลังใช้พลังงานอยู่เท่าไหร่ 118 00:12:33,941 --> 00:12:39,341 ‎นกฮัมมิงเบิร์ดที่บินโฉบเฉี่ยวไปมา ‎ใช้ออกซิเจนในอัตราที่เหลือเชื่อ 119 00:12:40,541 --> 00:12:43,741 ‎เร็วกว่านักวิ่งโอลิมปิกถึงสิบเท่า 120 00:12:47,861 --> 00:12:50,701 ‎ยิ่งมันเอาออกซิเจนเข้าไป ‎ในเซลล์ของมันได้มากเท่าไหร่ 121 00:12:50,941 --> 00:12:53,381 ‎มันก็ยิ่งเผาผลาญกลูโคสได้เร็วเท่านั้น 122 00:12:54,941 --> 00:12:57,301 ‎ซึ่งช่วยปลดล็อกพลังงานที่อยู่ภายใน 123 00:13:05,261 --> 00:13:10,221 ‎บนโลก 21 เปอร์เซ็นต์ ‎ของชั้นบรรยากาศคือออกซิเจน... 124 00:13:12,421 --> 00:13:15,581 ‎ให้พลังงานสิ่งมีชีวิตที่หลากหลายรอบตัวเรา 125 00:13:24,581 --> 00:13:27,141 ‎(ออกซิเจนในชั้นบรรยากาศ) 126 00:13:30,661 --> 00:13:35,021 ‎บนอีเดน มีออกซิเจน ‎มากกว่าบนโลกสิบเปอร์เซ็นต์... 127 00:13:38,941 --> 00:13:41,901 ‎สิ่งมีชีวิตที่นี่จึงอาจจะหลากหลายกว่า... 128 00:13:45,101 --> 00:13:46,461 ‎มีพลังมากกว่า 129 00:13:49,741 --> 00:13:51,741 ‎ชอบการแข่งขันมากกว่า 130 00:14:05,541 --> 00:14:08,701 ‎ฤดูร้อนคือฤดูแห่งการผสมพันธุ์สำหรับเกรเซอร์ 131 00:14:16,421 --> 00:14:20,941 ‎เพราะกลัวผู้ล่าอยู่ตลอดเวลา ‎พวกมันจึงไม่ใช้เวลาในการหาคู่ 132 00:14:23,061 --> 00:14:26,421 ‎แต่พวกมันผลิตไข่ ‎หน้าตาเหมือนไส้เดือนออกมาแทน 133 00:14:29,261 --> 00:14:31,421 ‎ไข่แต่ละใบต้องเชื่อมต่อกับอีกใบ 134 00:14:32,381 --> 00:14:34,101 ‎เพื่อสร้างตัวอ่อน 135 00:14:40,261 --> 00:14:43,621 ‎เพื่อการปกป้อง พวกมันสร้างดักแด้ขึ้นมา 136 00:14:56,581 --> 00:15:00,421 ‎การห้อยอยู่เหนือพื้นดิน ช่วยให้ตัวอ่อนเติบโตได้ 137 00:15:01,741 --> 00:15:03,581 ‎รอดพ้นจากพวกผู้ล่า 138 00:15:19,701 --> 00:15:24,021 ‎บนโลกใบนี้ ภัยคุกคามแห่งความตาย ‎คือปัจจัยสำคัญ 139 00:15:24,741 --> 00:15:26,861 ‎ในการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต 140 00:15:30,741 --> 00:15:32,221 ‎การล่าเหยื่อมีอยู่ทุกที่ 141 00:15:32,301 --> 00:15:33,941 ‎ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดข้างนอกนี้ 142 00:15:34,021 --> 00:15:37,141 ‎ที่ไม่เสี่ยงต่อการถูกสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นกิน 143 00:15:39,221 --> 00:15:43,701 ‎แง่มุมที่ผมสนใจคือวิธีการที่การล่าเหยื่อ ‎มีอิทธิพลต่อการแพร่พันธุ์ 144 00:15:46,821 --> 00:15:52,781 ‎(หุบเขาอารีมา ‎ตินิแดด) 145 00:15:54,341 --> 00:15:56,421 ‎พวกมันจะเข้ามาในนี้ 146 00:15:58,941 --> 00:16:02,581 ‎แม่น้ำสายนี้เหมาะอย่างยิ่ง ‎แก่การศึกษาปลาหางนกยูง 147 00:16:04,141 --> 00:16:06,221 ‎และรูปแบบการแพร่พันธุ์ของพวกมัน 148 00:16:07,941 --> 00:16:10,101 ‎- ใช่ ‎- นี่ตัวผู้อีกตัว 149 00:16:12,541 --> 00:16:14,261 ‎นี่คือบริเวณที่สบายๆ 150 00:16:14,661 --> 00:16:17,581 ‎ที่นี่ ปลาหางนกยูงอาศัยอยู่กับ ‎ปลาอีกสายพันธุ์เท่านั้น 151 00:16:17,781 --> 00:16:21,941 ‎และมันเป็นปลาที่ไม่ค่อยกินปลาหางนกยูง ‎หรือรบกวนปลาหางนกยูงเลย 152 00:16:22,501 --> 00:16:26,701 ‎พวกมันสามารถว่ายน้ำไปตรงไหนก็ได้ ‎โดยไม่เสี่ยงว่าจะมีใครพยายามจะกินมัน 153 00:16:28,741 --> 00:16:30,781 ‎- เอาละ ได้แล้ว ‎- ได้แล้ว 154 00:16:32,701 --> 00:16:35,861 ‎เราได้ลูกปลาที่เราเพิ่งจับมา เราได้มาห้าตัว 155 00:16:36,741 --> 00:16:40,461 ‎มันอาจดูตัวเล็กสำหรับคุณ แต่ถือว่าตัวใหญ่มาก ‎สำหรับลูกปลาหางนกยูงที่เพิ่งเกิด 156 00:16:43,741 --> 00:16:48,421 ‎ปลาหางนกยูงที่นี่ใช้ความพยายามอย่างมาก ‎เมื่อเทียบกับลูกหลานที่เกิดมาน้อยนิด 157 00:16:51,901 --> 00:16:54,661 ‎ที่ปลายน้ำ เป็นคนละเรื่องกันเลย 158 00:16:57,621 --> 00:16:58,541 ‎โอเค 159 00:17:00,261 --> 00:17:01,101 ‎ว้าว 160 00:17:06,461 --> 00:17:10,860 ‎หินก้อนนี้คือสิ่งกีดขวางตามธรรมชาติ ‎ที่เป็นตัวกั้นแบ่งแม่น้ำ 161 00:17:15,581 --> 00:17:17,941 ‎ข้างใต้มัน มีอันตรายซ่อนอยู่ 162 00:17:21,140 --> 00:17:25,140 ‎ชีวิตของปลาหางนกยูงข้างล่างนี้ ‎ค่อนข้างเหมือนชีวิตของผู้หลบหนี 163 00:17:25,261 --> 00:17:29,301 ‎คุณหนีผู้ล่าตลอดเวลา ‎ถ้าปลาหางนกยูงต้องว่ายน้ำตรงนี้... 164 00:17:31,261 --> 00:17:32,701 ‎มันคงไม่รอดแม้แต่วินาทีเดียว 165 00:17:36,021 --> 00:17:40,821 ‎การป้องกันตัวแบบเดียวที่ปลาหางนกยูงทำได้ ‎คือการออกลูกออกหลานให้มาก... 166 00:17:42,141 --> 00:17:45,661 ‎โดยหวังว่าจะมีบางตัวที่รอดสู่วัยผู้ใหญ่ได้ 167 00:17:49,581 --> 00:17:54,181 ‎โอเค ผมได้ลูกปลาสองตัวมาจากบนนั้น ‎ซึ่งพวกมันใช้ชีวิตอยู่โดยไม่มีผู้ล่า 168 00:17:54,261 --> 00:17:57,661 ‎และสี่ตัวจากข้างล่างนี่ ซึ่งพวกมันอยู่กับผู้ล่า 169 00:17:57,741 --> 00:17:59,541 ‎ขนาดแตกต่างกันจนน่าทึ่งเลยครับ 170 00:17:59,621 --> 00:18:02,181 ‎ลูกปลาจากที่นี่ตัวเล็กกว่า 171 00:18:02,261 --> 00:18:04,581 ‎ลูกปลาที่ผมจับมาจากเหนือหินกีดขวางมาก 172 00:18:07,541 --> 00:18:11,341 ‎แม่ปลาไม่มีโอกาสที่จะมีชีวิตถึงอนาคตมากเท่าไร ‎ไม่ว่าพวกมันจะทำยังไงก็ตาม 173 00:18:12,181 --> 00:18:15,701 ‎ดังนั้นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดข้างล่างนี้ ‎คือการสร้างลูกปลาตัวเล็กๆ ให้มากเข้าไว้ 174 00:18:19,581 --> 00:18:23,221 ‎ปลาหางนกยูงได้พัฒนา ‎วิธีการแพร่พันธุ์สองวิธีที่แตกต่างกัน 175 00:18:25,341 --> 00:18:27,101 ‎การมีลูกปลาตัวใหญ่ไม่กี่ตัว... 176 00:18:28,941 --> 00:18:30,501 ‎หรือมีลูกปลาตัวเล็กๆ จำนวนมาก 177 00:18:34,541 --> 00:18:38,661 ‎ปัจจัยชี้ขาดคือภัยคุกคามจากผู้ล่า 178 00:18:45,261 --> 00:18:48,021 ‎ถ้าคุณเป็นหนึ่งในพวกเหยื่อ ‎คุณจะตายตั้งแต่ยังเด็ก 179 00:18:48,101 --> 00:18:49,421 ‎ดังนั้นคุณต้องใช้ชีวิตให้เร็ว 180 00:18:50,341 --> 00:18:54,621 ‎คุณควรจะทุ่มเทกับการมีลูก ‎เพราะไม่อย่างนั้น คุณจะสูญพันธุ์ 181 00:19:01,541 --> 00:19:04,821 ‎กลยุทธ์แบบนั้น ‎ประยุกต์ใช้ได้บนดาวเคราะห์ทุกดวง 182 00:19:05,301 --> 00:19:08,821 ‎ที่สายพันธุ์หนึ่งล่าเหยื่ออีกสายพันธุ์หนึ่ง 183 00:19:18,061 --> 00:19:21,781 ‎บนอีเด็น เกรเซอร์ได้พัฒนาให้แพร่พันธุ์เร็ว 184 00:19:25,741 --> 00:19:29,901 ‎พวกมันผลิตลูกหลานออกมาจำนวนมาก ‎ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้... 185 00:19:32,741 --> 00:19:36,021 ‎เพื่อรับประกันการอยู่รอดของสายพันธุ์ 186 00:19:47,461 --> 00:19:50,941 ‎แต่ในป่า พวกมันไม่เคยปลอดภัยอย่างแท้จริง 187 00:19:56,381 --> 00:19:57,541 ‎เมื่อฤดูร้อนสิ้นสุด 188 00:19:58,061 --> 00:20:00,701 ‎เห็ดราออกผลสีส้ม... 189 00:20:02,861 --> 00:20:04,621 ‎ซึ่งดึงดูดเกรเซอร์ 190 00:20:10,301 --> 00:20:14,221 ‎สปอร์ที่อยู่ในผลไม้แพร่การติดเชื้อ 191 00:20:28,941 --> 00:20:30,741 ‎ทีนี้เมื่อผู้ล่าจู่โจม 192 00:20:32,261 --> 00:20:34,941 ‎เกรเซอร์ที่ติดเชื้อจะไม่วิ่ง 193 00:20:35,541 --> 00:20:38,061 ‎สัญชาตญาณความกลัวของพวกมันหายไป 194 00:20:52,341 --> 00:20:54,021 ‎มันคืออาหารที่กินได้ง่าย... 195 00:20:55,861 --> 00:20:57,341 ‎แต่มีพิษ 196 00:21:05,061 --> 00:21:11,181 ‎เห็ดราใช้เกรเซอร์เป็นตัวแพร่เชื้อและฆ่าผู้ล่า 197 00:21:19,861 --> 00:21:25,701 ‎(เกรตริฟต์แวลลีย์ ‎ประเทศแทนซาเนีย) 198 00:21:28,661 --> 00:21:34,021 ‎ความสัมพันธ์ระหว่างสายพันธุ์ต่างๆ ‎ที่ซับซ้อนเหลือเกินมีอยู่บนโลก... 199 00:21:36,941 --> 00:21:39,141 ‎แต่ไม่ใช่ทุกความสัมพันธ์ที่อันตรายถึงตาย 200 00:21:44,141 --> 00:21:48,701 ‎ชาวฮัดซาคือคนเก็บของป่าล่าสัตว์ ‎ใช้ชีวิตด้วยการกินของตามธรรมชาติ 201 00:21:50,861 --> 00:21:53,101 ‎ผมชื่อพาลังโก 202 00:21:56,221 --> 00:22:01,661 ‎ในฐานะที่เป็นผู้ชาย หน้าที่ของผมคือล่าสัตว์ 203 00:22:03,141 --> 00:22:07,381 ‎ผมพกธนูและลูกธนูไว้เสมอ 204 00:22:08,421 --> 00:22:11,141 ‎เพื่อป้องกันตัว... 205 00:22:15,261 --> 00:22:16,461 ‎เพราะพุ่มไม้ 206 00:22:17,501 --> 00:22:21,141 ‎มีสัตว์อันตรายมากมาย 207 00:22:24,261 --> 00:22:28,461 ‎มีอาหารแคลอรีสูงอยู่อย่างหนึ่ง ‎ที่มีค่าเหนือสิ่งอื่นใด 208 00:22:30,061 --> 00:22:30,901 ‎น้ำผึ้ง 209 00:22:33,541 --> 00:22:36,221 ‎แต่การหาน้ำผึ้งสดใหม่นั้นเป็นเรื่องยาก 210 00:22:40,661 --> 00:22:44,381 ‎ผึ้งย้ายรังของพวกมันทุกฤดูกาล 211 00:22:47,941 --> 00:22:50,381 ‎ชาวฮัดซาจึงเรียกใช้ตัวช่วย 212 00:22:57,861 --> 00:23:01,181 ‎นกพรานผึ้งเป็นนกที่ฉลาดมาก 213 00:23:02,141 --> 00:23:07,061 ‎พวกมันรู้ว่าน้ำผึ้งอยู่ที่ไหน และจะพาคุณไปที่นั่น 214 00:23:14,781 --> 00:23:16,181 ‎มันส่งเสียงร้องที่พิเศษ 215 00:23:19,461 --> 00:23:20,821 ‎และผมผิวปากตอบ 216 00:23:29,861 --> 00:23:34,421 ‎ถ้าผมตามมันไป มันจะพาผมตรงไปที่น้ำผึ้ง 217 00:23:50,861 --> 00:23:53,461 ‎นกพรานน้ำผึ้งล่าน้ำผึ้งเก่งสมชื่อ 218 00:23:54,501 --> 00:23:58,101 ‎มันพาพวกเขาไปที่รังผึ้งในต้นเบาบับ 219 00:24:03,461 --> 00:24:06,901 ‎นักล่าสัตว์ต้องการให้นกช่วยตามหาผึ้ง 220 00:24:08,661 --> 00:24:12,181 ‎และนกต้องการให้นักล่าสัตว์เข้าถึงรังผึ้ง 221 00:24:13,941 --> 00:24:17,421 ‎นกพรานน้ำผึ้งพาเราไปหาผึ้ง 222 00:24:20,581 --> 00:24:23,461 ‎แต่ผึ้งดุมาก 223 00:24:24,181 --> 00:24:25,941 ‎มันจึงต้องการความช่วยเหลือของเรา 224 00:24:26,381 --> 00:24:30,301 ‎การปีนขึ้นต้นเบาบับ... 225 00:24:33,741 --> 00:24:39,781 ‎เป็นอะไรที่ยากและอันตรายมาก 226 00:24:44,141 --> 00:24:46,741 ‎ผมเคยตกลงไปครั้งหนึ่ง 227 00:24:52,501 --> 00:24:58,421 ‎เราใช้ควันไฟเพื่อทำให้ผึ้งเมา 228 00:24:59,661 --> 00:25:02,861 ‎และไล่พวกมันไปจากรัง 229 00:25:35,341 --> 00:25:37,501 ‎การเสี่ยงคุ้มค่า 230 00:25:40,141 --> 00:25:42,221 ‎น้ำผึ้งสดใหม่ เข้มข้น 231 00:25:54,101 --> 00:25:56,501 ‎พาลังโกไม่ลืมที่จะให้นกได้ส่วนแบ่งของพวกมัน 232 00:26:00,141 --> 00:26:02,021 ‎เป็นสถานการณ์ที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย 233 00:26:08,541 --> 00:26:11,861 ‎ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างสายพันธุ์ 234 00:26:12,461 --> 00:26:14,821 ‎เรียกว่าความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกัน 235 00:26:21,341 --> 00:26:25,701 ‎ยิ่งระบบนิเวศอุดมสมบูรณ์มากเท่าไหร่ ‎ความสัมพันธ์ยิ่งซับซ้อนมากเท่านั้น 236 00:26:37,861 --> 00:26:38,941 ‎บนอีเดน 237 00:26:39,021 --> 00:26:42,821 ‎ความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกันสามทาง ‎สุดอันตรายได้พัฒนาขึ้น... 238 00:26:44,741 --> 00:26:46,621 ‎โดยมีเห็ดราเป็นศูนย์กลาง 239 00:26:53,461 --> 00:26:55,821 ‎ขั้นแรก มันเป็นอาหารให้เกรเซอร์ 240 00:26:59,541 --> 00:27:01,421 ‎จากนั้นก็ทำให้พวกมันติดเชื้อ... 241 00:27:05,261 --> 00:27:07,621 ‎เพื่อวางยาเหล่าผู้ล่า 242 00:27:24,541 --> 00:27:29,421 ‎และเห็ดราทำทุกอย่างนี้ ‎เพื่อให้เห็ดรารุ่นต่อไปได้เติบโต... 243 00:27:36,261 --> 00:27:40,421 ‎ซึ่งกินซากของผู้ล่าที่ตายแล้วเป็นอาหาร 244 00:27:50,141 --> 00:27:54,381 ‎บนโลก เห็ดรามีบทบาทที่สำคัญมากแต่มองไม่เห็น 245 00:27:54,581 --> 00:27:56,701 ‎ในสิ่งมีชีวิตของทุกป่า 246 00:27:59,421 --> 00:28:00,821 ‎โดยอยู่เบื้องหลัง 247 00:28:04,381 --> 00:28:09,261 ‎(ป่าโรทีเมอร์ชุส ‎สกอตแลนด์) 248 00:28:14,141 --> 00:28:17,861 ‎ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่คิดว่าสิ่งมีชีวิต ‎ที่ซับซ้อนชนิดแรกบนโลกของเรา 249 00:28:17,941 --> 00:28:20,941 ‎คือพวกแมลง หรือแม้แต่ไดโนเสาร์ 250 00:28:21,461 --> 00:28:24,781 ‎แต่จริงๆ แล้ว หลายร้อยล้านปีก่อนหน้านั้น 251 00:28:25,341 --> 00:28:30,621 ‎สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ชนิดแรก ‎ที่ซับซ้อนจริงๆ คือสิ่งเหล่านี้ 252 00:28:31,341 --> 00:28:32,221 ‎เห็ดรา 253 00:28:36,741 --> 00:28:40,501 ‎เรารู้จักเห็ดราอย่างน้อย 140,000 สายพันธุ์ 254 00:28:41,461 --> 00:28:45,021 ‎แต่นั่นน่าจะน้อยกว่าสิบเปอร์เซ็นต์ ‎ของสายพันธุ์ทั้งหมดที่มีอยู่จริง 255 00:28:49,341 --> 00:28:51,861 ‎แค่ในป่าแห่งนี้แห่งเดียว 256 00:28:52,861 --> 00:28:54,541 ‎ก็น่าจะมีเห็ดราอยู่หลายพันสายพันธุ์แล้ว 257 00:29:06,941 --> 00:29:10,021 ‎โอเค ตรงนี้มีเห็ดอยู่สามดอก 258 00:29:10,741 --> 00:29:13,941 ‎และคุณจะเห็นได้ว่ามีเห็ดพวกนี้ขึ้นอยู่ทั่วทั้งป่า 259 00:29:14,741 --> 00:29:16,821 ‎แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือเห็ดพวกนี้ 260 00:29:16,901 --> 00:29:19,141 ‎เป็นแค่สิ่งเล็กๆ ของสิ่งใหญ่ๆ ที่ซ่อนอยู่เท่านั้น 261 00:29:19,701 --> 00:29:21,301 ‎เมื่อเราดูที่ใต้ผิวดิน 262 00:29:21,741 --> 00:29:25,821 ‎จริงๆ แล้วเห็ดราส่วนใหญ่ ‎อยู่ในเส้นใยเล็กๆ พวกนี้ 263 00:29:25,901 --> 00:29:27,901 ‎ที่กระจายไปทั่วดิน 264 00:29:28,301 --> 00:29:30,701 ‎และสิ่งนี้เรียกว่าไมซีเลียม และมันเชื่อมโยง 265 00:29:30,981 --> 00:29:32,821 ‎เห็ดดอกอื่นๆ ทั้งหมดในบริเวณนี้เข้าด้วยกัน 266 00:29:35,141 --> 00:29:39,701 ‎เห็ดราเล็กจิ๋วพวกนี้อาจยาวเป็นสิบๆ กิโลเมตร 267 00:29:40,101 --> 00:29:42,301 ‎แผ่กระจายไปทั่วดินทั้งหมด 268 00:29:43,741 --> 00:29:47,421 ‎ต้นไม้ต้องการเส้นใยเหล่านั้นเพื่อให้อยู่รอด 269 00:29:48,021 --> 00:29:50,941 ‎เพราะต้นไม้สามารถจับคาร์บอน ‎จากชั้นบรรยากาศได้ 270 00:29:51,341 --> 00:29:53,741 ‎และมันมอบคาร์บอนนั้นให้กับเห็ดรา 271 00:29:54,221 --> 00:29:58,421 ‎ในทางตรงข้าม เห็ดราเข้าถึง ‎ไนโตรเจนและฟอสฟอรัสจากดิน 272 00:29:58,581 --> 00:30:00,941 ‎ซึ่งพวกมันมอบให้ ‎เป็นการแลกเปลี่ยนกับคาร์บอนนั้น 273 00:30:01,261 --> 00:30:05,101 ‎มันจึงเป็นภาวะพึ่งพากัน ‎ที่เป็นประโยชน์แก่สิ่งมีชีวิตทั้งสองชนิด 274 00:30:11,741 --> 00:30:14,141 ‎สิ่งที่น่าจะไม่ธรรมดามากที่สุด 275 00:30:14,541 --> 00:30:18,701 ‎เกี่ยวกับระบบไมซีเลียมนี้คือวิธีที่มันเชื่อมโยงกัน 276 00:30:20,541 --> 00:30:23,221 ‎เห็ดราที่ยึดติดอยู่กับรากของต้นไม้ต้นนี้ 277 00:30:23,661 --> 00:30:26,141 ‎จะยึดติดกับรากของต้นไม้ต้นนั้นด้วย 278 00:30:26,661 --> 00:30:28,021 ‎และต้นไม้ต้นนั้นที่อยู่ตรงโน้น 279 00:30:28,661 --> 00:30:31,581 ‎และพวกมันจะเชื่อมโยง ‎กับต้นไม้ที่อยู่ใกล้เคียงพวกมันด้วย 280 00:30:31,901 --> 00:30:34,581 ‎ผ่านทางระบบไมซีเลียมเดียวกัน 281 00:30:34,821 --> 00:30:38,101 ‎ที่เชื่อมโยงจากต้นไม้ต้นหนึ่ง ‎ไปอีกต้นหนึ่ง ไปอีกต้นหนึ่ง 282 00:30:44,181 --> 00:30:49,181 ‎เครือข่ายไมซีเลียม ‎ก็เหมือนกับวงจรของสายไฟและโนด 283 00:30:49,861 --> 00:30:51,821 ‎ที่ข้อมูลสามารถไหลผ่านไปได้ 284 00:30:54,941 --> 00:30:55,821 ‎และมัน 285 00:30:56,421 --> 00:30:59,301 ‎ทำให้เห็ดรารักษาป่าเอาไว้ได้ 286 00:31:02,741 --> 00:31:05,061 ‎ดังนั้นถ้ามีต้นไม้ต้นหนึ่งตรงนั้นที่กำลังจะตาย 287 00:31:05,461 --> 00:31:08,421 ‎มันอาจจัดสรรปันส่วนสารอาหาร ‎ไปให้ต้นไม้ต้นนั้นมากขึ้น 288 00:31:08,741 --> 00:31:11,581 ‎เพื่อที่ต้นไม้ต้นนั้นจะได้อยู่ได้ดีขึ้น และผลก็คือ 289 00:31:11,661 --> 00:31:13,501 ‎ระบบเห็ดราอยู่ได้ดีขึ้น 290 00:31:14,141 --> 00:31:17,781 ‎คล้ายๆ กัน ถ้ามีการรบกวน ‎ที่บางส่วนของเครือข่ายเห็ดรา 291 00:31:18,181 --> 00:31:20,141 ‎มันจะเอาสารอาหารออกไป 292 00:31:20,221 --> 00:31:23,381 ‎เพื่อที่มันจะได้ลดผลกระทบ ‎ของการรบกวนนั้นให้เหลือน้อยที่สุด 293 00:31:25,341 --> 00:31:28,501 ‎วิศวกรรมของระบบนิเวศ ‎ที่มองไม่เห็นเหล่านี้แหละ 294 00:31:28,581 --> 00:31:33,301 ‎ที่ทำให้ระบบทั้งหมดทำงานในแบบที่สมบูรณ์จริงๆ 295 00:31:41,341 --> 00:31:44,261 ‎ระบบนี้ได้ชื่อว่าวู้ดไวด์เว็บ 296 00:31:44,781 --> 00:31:46,181 ‎และมันฟังดูเหมือนมุกตลก 297 00:31:46,661 --> 00:31:51,381 ‎แต่มันทำงานไม่ต่างจากอินเทอร์เน็ตเลยจริงๆ 298 00:31:51,821 --> 00:31:55,261 ‎ที่ทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชนิดในระบบป่าเชื่อมโยงกัน 299 00:32:02,741 --> 00:32:06,021 ‎กระบวนการนี้กำลังเกิดขึ้นทั่วทั้งโลก 300 00:32:06,101 --> 00:32:08,021 ‎ในทุกระบบนิเวศที่เราจะนึกออก 301 00:32:12,861 --> 00:32:17,661 ‎ดังนั้นถ้าเราจะมีระบบนิเวศที่เขียวชอุ่ม ‎บนโลกต่างดาวข้างนอกนั่น 302 00:32:17,901 --> 00:32:20,021 ‎พนันได้เลยว่ามันต้องได้รับการรองรับ 303 00:32:20,101 --> 00:32:23,181 ‎จากบางอย่างที่เหมือนกับ ‎ระบบไมซีเลียมที่ยิ่งใหญ่นี้ 304 00:32:36,541 --> 00:32:39,701 ‎สิ่งมีชีวิตในป่าอีเดนคือการแลกเปลี่ยนกัน 305 00:32:40,701 --> 00:32:44,621 ‎ระหว่างเห็ดรา เกรเซอร์ และผู้ล่า 306 00:32:55,541 --> 00:32:59,181 ‎แต่มันมีพลังจากท้องฟ้าที่ยิ่งใหญ่กว่าอยู่ 307 00:33:05,781 --> 00:33:09,101 ‎อีเดนมีฤดูการที่รุนแรงกว่าบนโลก 308 00:33:12,501 --> 00:33:16,901 ‎มีความผันผวนของแสงสว่างและความอบอุ่น ‎จากดาวฤกษ์แฝดของมันมากกว่า 309 00:33:27,541 --> 00:33:29,101 ‎เมื่อฤดูหนาวมาถึง 310 00:33:29,741 --> 00:33:31,901 ‎ผู้ล่าที่เหลืออยู่ย้ายถิ่น... 311 00:33:34,341 --> 00:33:35,421 ‎ไล่ตามแสงสว่างไป 312 00:33:41,461 --> 00:33:43,701 ‎เกรเซอร์ที่เหลืออยู่... ตาย 313 00:33:46,941 --> 00:33:48,821 ‎เป็นเหมือนกันทุกฤดูหนาว 314 00:33:50,261 --> 00:33:52,781 ‎ไม่มีอะไรเติบโตในป่าอันมืดมิด... 315 00:33:56,621 --> 00:34:00,421 ‎ยกเว้นตัวอ่อนในดักแด้ของพวกมัน 316 00:34:07,261 --> 00:34:09,861 ‎เมื่อฤดูกาลเริ่มเปลี่ยนแปลง... 317 00:34:13,341 --> 00:34:15,341 ‎เกรเซอร์ก็ออกจากดักแด้... 318 00:34:18,941 --> 00:34:22,901 ‎รับอิทธิพลจากการกลับมาของดาวฤกษ์แฝด 319 00:34:31,740 --> 00:34:34,861 ‎บนโลก สิ่งมีชีวิตทำแบบเดียวกัน 320 00:34:35,341 --> 00:34:37,501 ‎ใช้ฤดูกาลเป็นนาฬิกา 321 00:34:44,901 --> 00:34:46,220 ‎นี่คือกลางฤดูร้อน 322 00:34:47,141 --> 00:34:49,101 ‎วันที่ยาวนานที่สุดของปี 323 00:34:51,861 --> 00:34:55,660 ‎(แม่น้ำเยลโลว์บรีชเชส ‎เพนซิลเวเนีย สหรัฐฯ) 324 00:34:58,741 --> 00:35:01,341 ‎มีนักตกปลาด้วยเหยื่อปลอมมากในช่วงนี้ของปี 325 00:35:01,421 --> 00:35:04,581 ‎เพราะนี่คือช่วงเวลาที่ปลากินเบ็ดของปี 326 00:35:05,781 --> 00:35:08,621 ‎เพราะมันมีแหล่งอาหารมากมายในแม่น้ำ 327 00:35:08,861 --> 00:35:12,381 ‎และแหล่งอาหารนั้นคือเจ้าพวกนี้ แมลงชีปะขาว 328 00:35:13,261 --> 00:35:17,541 ‎เรานึกถึงแมลงชีปะขาวที่บินไปมาบนบกกับเรา 329 00:35:18,461 --> 00:35:20,941 ‎แต่มันใช้ชีวิตส่วนใหญ่ของวงจรชีวิตมัน 330 00:35:21,021 --> 00:35:24,701 ‎อาศัยอยู่ที่ก้นแม่น้ำ พัฒนา เติบโต 331 00:35:25,261 --> 00:35:28,581 ‎และทุกตัวเตรียมตัว ‎เพื่อช่วงเวลานี้เวลาเดียวในหนึ่งปี 332 00:35:28,661 --> 00:35:29,981 ‎ที่พวกมันจะโผล่ขึ้นมา 333 00:35:36,941 --> 00:35:38,821 ‎แม่น้ำเยลโลว์บรีชเชส 334 00:35:39,901 --> 00:35:41,941 ‎หล่อเลี้ยงแม่น้ำซัสควีแฮนนา 335 00:35:47,221 --> 00:35:48,661 ‎ใต้ท้องน้ำเหล่านี้ 336 00:35:49,381 --> 00:35:53,861 ‎แมลงชีปะขาวหลายล้านตัวพร้อมโผล่ขึ้นมาแล้ว 337 00:35:59,061 --> 00:36:02,061 ‎และเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน พวกมันก็โผล่ขึ้นมา... 338 00:36:06,141 --> 00:36:07,061 ‎ทั้งหมด 339 00:36:13,341 --> 00:36:17,141 ‎มีแมลงมากมายเหลือเกิน ‎ที่ดูเหมือนอยู่ๆ ก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ 340 00:36:20,541 --> 00:36:22,861 ‎แทบจะรู้สึกเหมือนเอเลียนบุกเลยทีเดียว 341 00:36:30,181 --> 00:36:33,821 ‎แมลงชีปะขาวมีชีวิตอยู่อย่างมากสองวัน 342 00:36:35,541 --> 00:36:40,101 ‎ในช่วงเวลานั้น พวกมันต้องหาคู่ผสมพันธุ์ ‎เพื่อถ่ายทอดยีนของพวกมัน 343 00:36:44,341 --> 00:36:47,141 ‎พวกมันมีโอกาสเดียว ‎และถ้าพวกมันพลาดโอกาสนั้น 344 00:36:47,221 --> 00:36:48,981 ‎ก็จบเห่สำหรับแมลงชีปะขาวตัวนั้น 345 00:37:00,741 --> 00:37:01,941 ‎เมื่อพวกมันผสมพันธุ์แล้ว 346 00:37:02,621 --> 00:37:05,901 ‎ตัวเมียจะกลับไปที่แม่น้ำเพื่อวางไข่ 347 00:37:06,461 --> 00:37:07,861 ‎จากนั้นก็ตาย 348 00:37:10,941 --> 00:37:13,101 ‎จุดขาวๆ เล็กๆ แต่ละจุดนี้คือแมลงชีปะยาว 349 00:37:13,181 --> 00:37:16,341 ‎ที่กลับไปสู่แม่น้ำได้สำเร็จและวางไข่แล้ว 350 00:37:17,941 --> 00:37:21,901 ‎พวกมันลอยไปเป็นพันๆ ตัว เป็นแสนๆ ตัว 351 00:37:22,541 --> 00:37:24,501 ‎พวกมันได้เริ่มต้นรุ่นวัยต่อไป 352 00:37:25,501 --> 00:37:27,981 ‎ที่จะอยู่ต่อไปและทำแบบนี้อีกครั้งในปีหน้า 353 00:37:28,061 --> 00:37:30,141 ‎ในช่วงเวลานี้เป๊ะๆ 354 00:37:36,261 --> 00:37:40,101 ‎จังหวะของฤดูกาลถูกกำหนด 355 00:37:40,181 --> 00:37:43,301 ‎ด้วยความเอียงของดาวเคราะห์ ‎ที่หันไปหาดาวฤกษ์ของมันเสมอ 356 00:37:49,421 --> 00:37:54,101 ‎โลกเอียงทำมุม 23.5 องศา 357 00:38:00,541 --> 00:38:04,141 ‎บนอีเดน มุมนั้นเท่ากับ 40 องศา 358 00:38:06,861 --> 00:38:10,621 ‎จึงมีแสงสว่างที่มากกว่า ‎ส่องไปทั่วพื้นผิวของดาวเคราะห์มากกว่า 359 00:38:14,661 --> 00:38:17,701 ‎และแสงสว่างมากกว่าหมายถึงสิ่งมีชีวิตที่มากกว่า 360 00:38:24,941 --> 00:38:27,501 ‎นี่คือฤดูใบไม้ผลิ และมีอาหารให้กิน... 361 00:38:30,141 --> 00:38:34,421 ‎แต่เกรเซอร์รุ่นใหม่ ‎ต้องเติบโตให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้... 362 00:38:40,701 --> 00:38:42,821 ‎ก่อนที่ผู้ล่าจะกลับมา... 363 00:38:49,341 --> 00:38:51,821 ‎และวงจรชีวิตเกิดซ้ำอีกครั้ง 364 00:39:03,741 --> 00:39:05,301 ‎สิ่งมีชีวิตสุดมหัศจรรย์... 365 00:39:08,501 --> 00:39:10,101 ‎กินกลูโคสเป็นอาหาร... 366 00:39:17,981 --> 00:39:19,741 ‎มีพลังจากออกซิเจน... 367 00:39:22,581 --> 00:39:24,661 ‎หล่อเลี้ยงด้วยแสงดาว 368 00:39:35,461 --> 00:39:40,701 ‎สิ่งที่เป็นจริงบนอีเดน ‎อาจเป็นจริงทั่วทั้งจักรวาล... 369 00:39:43,461 --> 00:39:47,661 ‎นั่นคือการที่ทุกชีวิตขึ้นอยู่กับ ‎การไหลเวียนของพลังงาน 370 00:40:00,141 --> 00:40:03,421 ‎สิ่งมีชีวิตจะปรับตัวอย่างไรในโลกที่แตกต่าง 371 00:40:05,541 --> 00:40:08,061 ‎เป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาด 372 00:40:10,381 --> 00:40:13,221 ‎ฉลาดมากพอที่จะสร้างที่อยู่ใหม่... 373 00:40:14,501 --> 00:40:16,861 ‎ท่ามกลางดาวฤกษ์ 374 00:40:46,981 --> 00:40:48,461 ‎คำบรรยายโดย กมลรัตน์ ชุติเชาวน์กุล