1 00:00:07,298 --> 00:00:09,928 ‎(ผลงานซีรีส์คอมเมดี้จาก NETFLIX) 2 00:00:10,010 --> 00:00:13,810 ‎ยินดีต้อนรับ เหล่าบิตช์ทั้งหลาย ‎นี่คือนานาสาระเรื่องคำด่า 3 00:00:15,140 --> 00:00:18,350 ‎รู้สึกทะแม่งๆ ครับที่พูดคำนั้น "บิตช์" 4 00:00:18,435 --> 00:00:21,225 ‎ดูสิผมตั้งใจจะเป็นสุดยอดสุภาพบุรุษแท้ๆ 5 00:00:22,147 --> 00:00:25,067 ‎โชคยังดีที่มีอีกหลายวิธีที่จะพูด ‎ถึงคำที่ขึ้นด้วย บีตัวนี้ 6 00:00:25,150 --> 00:00:27,610 ‎โดยไม่เป็นการไปดูถูกผู้หญิงเข้า 7 00:00:28,111 --> 00:00:29,611 ‎ตัวอย่างเช่น ผมอาจพูดว่า 8 00:00:29,696 --> 00:00:32,616 ‎"ผมรู้ว่าพวกเราชอบบ่น ‎เรื่องการเดินทางทางอากาศ 9 00:00:32,698 --> 00:00:36,038 ‎แต่ถ้าลองคิดดูดีๆ ‎เครื่องบินนั่นแหละเจ๋งที่สุดแล้ว" 10 00:00:36,119 --> 00:00:37,329 ‎- บินสิ ‎- ฉันทำไม่ได้ 11 00:00:37,412 --> 00:00:39,042 ‎(สลับหน้าล่าล้างนรก) 12 00:00:39,122 --> 00:00:40,042 ‎บินสิวะ อีดอก 13 00:00:41,708 --> 00:00:46,588 ‎แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ครับว่า ‎บีคำนี้นั้นมีพลังอันยิ่งใหญ่ 14 00:00:46,671 --> 00:00:49,841 ‎ที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง 15 00:00:51,468 --> 00:00:52,508 ‎(แกมันนังดอก) 16 00:00:52,594 --> 00:00:53,644 ‎"บิตช์" คือคำปรามาส 17 00:00:53,720 --> 00:00:57,520 ‎ฉันว่า "อีดอก ฉันเป็นผู้ชายของบ้านนี้นะ" 18 00:00:57,599 --> 00:00:58,479 ‎มันใช้เรียกผู้หญิง 19 00:00:58,558 --> 00:01:01,848 ‎ที่ไม่อยู่ในโอวาท จุ้นจ้าน หัวรั้น 20 00:01:01,936 --> 00:01:03,606 ‎ห้ามเรียกฉันบิตช์ต่อหน้าเป็นอันขาด 21 00:01:03,688 --> 00:01:05,068 ‎นังบิตช์ 22 00:01:05,147 --> 00:01:06,267 ‎ลับหลังก็แล้วไป 23 00:01:06,357 --> 00:01:10,197 ‎ฉันมองว่ามันเป็นคำสบประมาทผู้หญิง ‎ที่เจ็บแสบที่สุด 24 00:01:10,779 --> 00:01:12,159 ‎นายเรียกเมียอีดอกเลยเหรอ 25 00:01:12,238 --> 00:01:13,738 ‎แดร์ริลจ๊ะ พวกนั้นอยู่ไหนรู้มั้ย 26 00:01:13,823 --> 00:01:17,703 ‎ฉันแนะนำเลยนะพวกปากไวทั้งหลาย ‎อย่าได้เผลอเรียกผู้หญิงว่าบิตช์เชียว 27 00:01:17,786 --> 00:01:20,206 ‎ผมไม่ใช้คำนั้น ผมจะพูดแค่ตัว "บี" 28 00:01:20,288 --> 00:01:22,958 ‎มันเป็นการลดทอนอำนาจ ‎แต่ในทางหนึ่งก็ทำให้รู้สึกมีอำนาจ 29 00:01:23,041 --> 00:01:27,251 ‎ใช่ ฉันเรียกตัวเองว่าบิตช์ ‎พวกเพื่อนผู้หญิงจะเรียกด้วยก็ได้ 30 00:01:27,337 --> 00:01:30,257 ‎แม้แต่ยายฉันก็ยังเรียกได้ ถ้าท่านต้องการ 31 00:01:30,340 --> 00:01:32,590 ‎แต่ถ้าผู้ชายเรียกฉันว่าบิตช์ล่ะก็ 32 00:01:32,675 --> 00:01:34,835 ‎ฉันจะเผาบ้านมันให้วอดทั้งหลัง 33 00:01:34,928 --> 00:01:36,218 ‎(เหล่าบิตช์พิชิตงาน) 34 00:01:36,304 --> 00:01:39,394 ‎ออกเดินทางสืบเสาะคำเหล่านี้ไปพร้อมกับผม 35 00:01:40,016 --> 00:01:42,686 ‎ที่มาของมัน ผลกระทบของมัน 36 00:01:44,562 --> 00:01:45,612 ‎(ค็อก) ‎(การปฏิวัติ) 37 00:01:45,688 --> 00:01:46,518 ‎(หยาบคาย) 38 00:01:46,606 --> 00:01:48,316 ‎(ทวัตต์) ‎(คำไม่สุภาพ) 39 00:01:48,399 --> 00:01:51,029 ‎(ลามก) ‎(ชิต) 40 00:01:54,114 --> 00:01:55,164 ‎"บิตช์" 41 00:01:55,240 --> 00:01:59,910 ‎มันเป็นได้ทั้งเหยียดเพศ เหยียดผิว ‎ทำให้รู้สึกดี รู้สึกแย่ ขบขัน 42 00:01:59,994 --> 00:02:02,004 ‎คำนี้ใช้ได้หมด 43 00:02:02,080 --> 00:02:04,540 ‎(คำนี้ใช้ยังไง) 44 00:02:04,624 --> 00:02:08,594 ‎ทุกวันนี้คนใช้คำว่า "บิตช์" ‎ด้วยเหตุผลที่ต่างกันไปค่ะ 45 00:02:08,669 --> 00:02:11,169 ‎มันยังถูกใช้ในลักษณะของการปรามาสผู้หญิง 46 00:02:11,256 --> 00:02:13,046 ‎มันถูกใช้เพื่อลบหลู่ผู้หญิง 47 00:02:13,133 --> 00:02:15,223 ‎อีนังสารเลว 48 00:02:15,301 --> 00:02:18,181 ‎มันถูกใช้เพื่อทำให้ผู้หญิงรู้สึกตัวลีบลง 49 00:02:18,263 --> 00:02:20,973 ‎เธออยากเป็นนังเด็กใจแตก ‎ที่คอยเป่าลมเค้าไปทั่ว 50 00:02:21,057 --> 00:02:25,437 ‎มันยังใช้เรียกผู้หญิงที่ชอบทำตัว ‎เป็นนางมารร้ายหรือบ้าอำนาจ 51 00:02:25,520 --> 00:02:29,520 ‎นังผู้หญิงเลือดเย็นแบบไหนกัน ‎ถึงทำกับคนที่ตัวเองรักแบบนั้นได้ลงคอ 52 00:02:29,607 --> 00:02:32,437 ‎ฉันชื่อมิเรล มิลเลอร์ ยัง ‎และฉันเป็นศาสตราจารย์ 53 00:02:32,527 --> 00:02:35,317 ‎สตรีนิยมศึกษาอยู่ที่ยูซี ซานตาบาร์บารา 54 00:02:35,405 --> 00:02:39,655 ‎และความชำนาญพิเศษของฉัน ‎คือเรื่องเพศสภาพและเชื้อชาติค่ะ 55 00:02:39,742 --> 00:02:42,332 ‎"บิตช์" ถูกใช้เพื่อลดทอนอำนาจของผู้หญิง 56 00:02:42,412 --> 00:02:46,002 ‎เมื่อคุณเรียกใครว่าบิตช์ ‎คุณกำลังริบอำนาจไปจากคนคนนั้น 57 00:02:46,082 --> 00:02:48,212 ‎คุณเอาเสียงของพวกเขาไป ‎เพื่อให้พวกเขาหุบปาก 58 00:02:48,293 --> 00:02:52,593 ‎ผู้หญิงเกลียดการถูกเรียกว่า "บิตช์" ‎เพราะมันเหมือนการถูกมองเหยียดด้วยหางตา 59 00:02:52,672 --> 00:02:57,182 ‎มันคือการลงโทษที่พวกเรากำลังพูดเพื่อตัวเอง 60 00:02:57,260 --> 00:03:02,850 ‎ถ้าผู้หญิงคนหนึ่งถูกตราหน้าว่าบิตช์ ‎นั่นเท่ากับการหมิ่นประมาท 61 00:03:02,932 --> 00:03:04,392 ‎เมื่อตราหน้าผู้ชาย… 62 00:03:04,475 --> 00:03:07,555 ‎แกมันอีโสโครก ฉันจะทำให้แกได้สำนึก 63 00:03:07,645 --> 00:03:11,185 ‎มันคือการหมิ่นประมาทชายคนนั้น "คุณเลว" 64 00:03:11,274 --> 00:03:14,994 ‎แต่ความเลวของคุณ ‎จะเป็นไปในทางเดียวกันกับผู้หญิง 65 00:03:15,069 --> 00:03:19,369 ‎โดยปกติมันคือการดูถูกผู้หญิง ‎ดังนั้นนี่จึงเป็นการดูถูกผู้ชาย 66 00:03:19,449 --> 00:03:22,789 ‎เพราะการที่ชายกลายเป็นหญิงไม่ใช่สิ่งที่ดี 67 00:03:23,453 --> 00:03:28,173 ‎พูดง่ายๆ คือมันเป็น "ปืนลูกซอง" ‎มันโดนทุกคน 68 00:03:28,249 --> 00:03:29,669 ‎(คาเรนเป็นตัวแสบ) 69 00:03:29,751 --> 00:03:32,251 ‎ตอนได้ยินคำว่า "บิตช์" 70 00:03:32,337 --> 00:03:33,627 ‎นึกอะไรออกบ้างครับ 71 00:03:35,298 --> 00:03:39,468 ‎โอเค ไม่ต้องเรียกชื่อเธอก็ได้ ‎และอีกอย่าง นั่นอาจไม่ใช่ผู้หญิงด้วยซ้ำ 72 00:03:39,552 --> 00:03:43,852 ‎ผู้ชายเองก็บิตช์ได้ ‎ก็ตอนที่เราอยากตัดมันโยนให้เป็ดกินนั่นไง 73 00:03:43,932 --> 00:03:45,562 ‎แต่ทำไมคำคำนี้ถึงกลายเป็น 74 00:03:45,642 --> 00:03:49,482 ‎คำเหยียดเพศที่ถูกใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษล่ะ 75 00:03:49,562 --> 00:03:51,732 ‎(มันกลายเป็นคำปรามาสได้อย่างไร) 76 00:03:51,814 --> 00:03:53,234 ‎"บิตช์" เป็นคำโบราณมากค่ะ 77 00:03:53,316 --> 00:03:57,696 ‎มันถูกใช้ช่วงปีค.ศ. 1000 ‎ฉะนั้นมันก็จะมีอายุประมาณหนึ่งพันปี 78 00:03:57,779 --> 00:04:03,239 ‎มันมาจากคำภาษาอังกฤษโบราณ ‎"Bicce" ซึ่งแปลว่าสุนัขตัวเมีย 79 00:04:03,326 --> 00:04:05,406 ‎มีช่วงหนึ่งในยุคที่เรากำลังพัฒนา 80 00:04:05,495 --> 00:04:08,115 ‎ตอนที่เราไปไหนมาไหน ‎แล้วเราเจอสุนัขตัวเมียเข้า 81 00:04:08,206 --> 00:04:09,786 ‎เราก็จะแบบ "ดูบิตช์นั่นสิ" 82 00:04:09,874 --> 00:04:12,094 ‎จากนั้นก็ "คุณจับฉันเข้าคุกไม่ได้หรอกนะ 83 00:04:12,168 --> 00:04:13,878 ‎ก็คำมันมีความหมายแบบนั้นนี่" 84 00:04:13,962 --> 00:04:15,092 ‎ฉันชอบสุนัข 85 00:04:15,171 --> 00:04:18,221 ‎ฉะนั้นฉันไม่ถือ "บิตช์" ไม่ใช่ปัญหา 86 00:04:18,298 --> 00:04:19,468 ‎สุนัขของฉันคือบิตช์ 87 00:04:19,968 --> 00:04:23,428 ‎บิตช์จริงๆ มันเป็นสุนัขตัวเมีย ‎แต่ฉันก็ไม่เคยเรียกมันแบบนั้น 88 00:04:25,556 --> 00:04:26,716 ‎ฉันเรียกมันว่าดอก 89 00:04:27,225 --> 00:04:29,975 ‎อย่างไรก็ตาม วิวัฒนาการจากสุนัขมาสู่ผู้หญิง 90 00:04:30,061 --> 00:04:33,731 ‎ก็เป็นแค่จุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่ซับซ้อน 91 00:04:34,232 --> 00:04:37,242 ‎ความเป็นมาของคำว่า "บิตช์" ‎เรามีความคิดว่า 92 00:04:37,318 --> 00:04:40,028 ‎การถ่ายโอนจากสุนัขมาสู่คน 93 00:04:40,613 --> 00:04:43,573 ‎น่าจะมีแนวคิดมาจากสุนัขติดสัด 94 00:04:43,658 --> 00:04:46,538 ‎คุณจะเริ่มเห็นว่ามันมีความหมายใหม่จริงๆ 95 00:04:46,619 --> 00:04:48,449 ‎ก็ราวๆ ปี 1400 96 00:04:48,538 --> 00:04:51,498 ‎ด้วยจริตของสุนัขติดสัด 97 00:04:51,582 --> 00:04:55,712 ‎เมื่อเอาไปเล่นคำหรือเล่นมุกกับเพื่อนในก๊วน 98 00:04:55,795 --> 00:05:00,005 ‎คุณจะเห็นภาพได้ทันทีว่าทำไม "บิตช์" ‎จึงถูกนำไปใช้ 99 00:05:00,091 --> 00:05:02,681 ‎กับผู้หญิงที่ถูกมองว่า ‎เป็นคนลามกหรือผิดศีลธรรม 100 00:05:02,760 --> 00:05:04,470 ‎หรือเป็นคนที่มีความต้องการสูงเกินไป 101 00:05:04,554 --> 00:05:08,314 ‎และจากนั้นมันก็พัฒนาไปสู่ความหมายอื่นๆ 102 00:05:08,391 --> 00:05:11,441 ‎มันกินความถึงผู้หญิงที่ไม่อยู่ในโอวาท 103 00:05:11,519 --> 00:05:14,979 ‎เสียงดังไป เด็ดเดี่ยวไป ดื้อดึงไป 104 00:05:15,064 --> 00:05:17,614 ‎"บิตช์" ได้รับความนิยมอย่างสูง 105 00:05:17,692 --> 00:05:20,862 ‎ผ่านกลุ่มผู้เรียกร้องสิทธิในการเลือกตั้ง ‎ในช่วงศตวรรษที่ 20 106 00:05:20,945 --> 00:05:23,655 ‎และหลังจากนั้น ‎ก็เป็นคลื่นลูกที่สองของกระแสสตรีนิยม 107 00:05:23,740 --> 00:05:27,240 ‎ในช่วงยุค 60 และ 70 ซึ่งคุณจะเห็นได้ ‎ถึงแรงกระแทกขนาดใหญ่ 108 00:05:27,327 --> 00:05:32,037 ‎และเห็นภาพอย่างชัดเจนว่า "บิตช์" ‎ถูกเจาะจงใช้กับพวกสตรีนิยม 109 00:05:32,123 --> 00:05:35,343 ‎เพราะมันเหมือนกับ "ก็ฉันบอกแล้วไง ‎ว่าเรียกบิตช์ก็ดีอยู่แล้ว" 110 00:05:36,294 --> 00:05:39,764 ‎นานวันเข้า นิยามของคำว่า "บิตช์" 111 00:05:39,839 --> 00:05:43,549 ‎ก็ตีวงไปถึงผู้หญิงคนไหนก็ได้ที่เราไม่ชอบ 112 00:05:43,634 --> 00:05:45,354 ‎คำเหยียดเพศ 113 00:05:45,428 --> 00:05:48,348 ‎(คุณจะหลีกเลี่ยง ‎การถูกเรียกว่าบิตช์ได้อย่างไร) 114 00:05:48,431 --> 00:05:51,141 ‎ง่ายมากถ้าไม่อยากให้โดนเรียกว่าบิตช์ 115 00:05:51,225 --> 00:05:55,685 ‎สิ่งที่คุณต้องทำก็แค่ อย่ายิ้ม อย่าพูด 116 00:05:55,772 --> 00:05:59,282 ‎อย่าสวยเกินไป อย่าเรียกผู้จัดการร้านอาหาร 117 00:05:59,359 --> 00:06:00,819 ‎อย่าปฏิเสธใคร 118 00:06:00,902 --> 00:06:02,992 ‎อย่าเดินอาดๆ ไปตามถนน 119 00:06:03,071 --> 00:06:05,571 ‎อย่าทำงานนอกบ้าน อย่าอยู่บ้านกับลูกๆ 120 00:06:05,656 --> 00:06:08,236 ‎อย่าโวยวาย อย่าหงิมๆ 121 00:06:08,326 --> 00:06:11,366 ‎อย่าใจร้าย อย่ายืนหยัดเพื่อตัวเอง 122 00:06:11,454 --> 00:06:13,794 ‎เป็นส.ส. อย่าเป็นส.ส. 123 00:06:13,873 --> 00:06:15,503 ‎อย่าลุกนะ 124 00:06:15,583 --> 00:06:17,173 ‎อย่านั่งสิ 125 00:06:17,251 --> 00:06:19,921 ‎อย่าขับนะ อย่าบึ้งสิ ฉันเป็นกวีได้รึยัง 126 00:06:22,882 --> 00:06:23,882 ‎"บิตช์ 127 00:06:24,592 --> 00:06:25,972 ‎สุนัขตัวเมีย" 128 00:06:26,928 --> 00:06:31,428 ‎ไม่มีการพูดถึง ‎ว่าคน 99.99% ใช้คำนี้กันยังไง 129 00:06:31,516 --> 00:06:35,266 ‎นี่มาจากปีไหน ปี 1885 เหรอ ‎เปล่าเลย ปี 2015 130 00:06:35,353 --> 00:06:36,193 ‎ถูกแล้วครับ 131 00:06:36,270 --> 00:06:40,860 ‎พจนานุกรมเมอร์เรียมเว็บสเตอร์ไม่ได้กำกับว่า ‎"บิตช์" เป็นคำต้องห้าม 132 00:06:40,942 --> 00:06:43,902 ‎จนกระทั่งในปี ‎ที่มีการบรรจุคำว่า "Twerk" ลงไป 133 00:06:44,362 --> 00:06:45,362 ‎(พจนานุกรม) 134 00:06:45,446 --> 00:06:48,946 ‎หน้าที่ของนักพจนานุกรมทุกคน ‎ไม่ใช่แค่การใส่คำศัพท์ใหม่ๆ ลงไป 135 00:06:49,033 --> 00:06:53,003 ‎แต่ยังต้องทำให้คำที่มีอยู่เดิมในพจนานุกรม 136 00:06:53,079 --> 00:06:55,999 ‎มีความหมายที่ครอบคลุม ‎กับการใช้งานจริงในปัจจุบันด้วย 137 00:06:56,082 --> 00:06:59,632 ‎ตอนที่ฉันทำงานที่เมอร์เรียมเว็บสเตอร์ ‎ฉันสังเกตเห็นว่า "บิตช์" 138 00:06:59,710 --> 00:07:02,920 ‎ในพจนานุกรมเล่มหนึ่งของเราไม่มีคำกำกับ 139 00:07:03,005 --> 00:07:05,005 ‎มันแค่บอกว่า "บิตช์" 140 00:07:05,091 --> 00:07:08,801 ‎หมายถึง "สุนัขตัวเมีย" และ "ผู้หญิงบ้าอำนาจ" 141 00:07:09,303 --> 00:07:11,853 ‎มันไม่ได้บอกว่า "บิตช์" เป็นคำต้องห้าม 142 00:07:11,931 --> 00:07:16,441 ‎มันไม่ได้บอกว่าเป็นคำที่ไม่เป็นที่ยอมรับ ‎หรือเป็นคำดูถูก 143 00:07:16,519 --> 00:07:20,859 ‎ซึ่งนั่นทำให้ฉันเหมือนถูกส่ง ‎ลงไปในโพรงกระต่ายของคำว่า "บิตช์" 144 00:07:20,940 --> 00:07:25,820 ‎แล้วจะปล่อยไปแบบนี้เหรอ ‎ไม่มีคำกำกับในพจนานุกรม 145 00:07:25,903 --> 00:07:27,453 ‎ตอนนี้มีแล้วค่ะ ฉันใส่มันเข้าไปเอง 146 00:07:27,530 --> 00:07:29,570 ‎(คำต้องห้าม) 147 00:07:29,657 --> 00:07:33,697 ‎ถึงเวลาที่พจนานุกรมควรยอมรับ ‎ความหมายที่แท้จริงของ "บิตช์" ได้ซะที 148 00:07:34,203 --> 00:07:35,413 ‎กว่าพันปีแล้ว 149 00:07:35,496 --> 00:07:38,116 ‎ที่เราใช้มันเพื่อบิตช์ใส่มนุษย์ที่เราเกลียดขี้หน้า 150 00:07:39,041 --> 00:07:45,671 ‎เพราะงั้นไปไว้อาลัย ‎เหล่ายัยตัวแสบผู้ล่วงลับของเรากัน 151 00:07:46,591 --> 00:07:50,221 ‎เนเฟอร์ติติราชินีแห่งเคเมต ‎ศตวรรษที่ 14 ก่อนคริสต์ศักราช 152 00:07:50,303 --> 00:07:51,933 ‎ราชินีตัวแสบผู้เลื่องชื่อ 153 00:07:52,013 --> 00:07:55,183 ‎เป็นที่รู้จักในฐานะผู้หญิงที่ถูกเหม็นขี้หน้ามากที่สุด ‎ในประวัติศาสตร์มนุษย์ 154 00:07:55,892 --> 00:07:58,352 ‎เอลิซาเบธ บาโธรี่ อีนังผีบ้า 155 00:07:58,436 --> 00:08:00,226 ‎หญิงสูงศักดิ์ชาวฮังการีตัวเป็นๆ 156 00:08:00,313 --> 00:08:03,573 ‎ซึ่งฆ่าคนไปมากกว่าตัวละครแดร็กคูล่า ‎ของแบรม สโตกเกอร์ซะอีก 157 00:08:04,066 --> 00:08:05,936 ‎แต่บังเอิญเธอไม่ชอบโม้เรื่องนี้ 158 00:08:06,527 --> 00:08:07,397 ‎ลิซซี่ บอร์เดน 159 00:08:07,487 --> 00:08:09,857 ‎อีนังมือขวานตัวแสบชื่อดัง ‎ที่ลอยนวลได้ด้วยสินบน 160 00:08:10,364 --> 00:08:11,954 ‎เจ๋งไปเลยมั้ยล่ะ 161 00:08:12,450 --> 00:08:13,580 ‎แอนนา วินทัวร์ 162 00:08:13,659 --> 00:08:16,909 ‎บรรณาธิการระดับตำนานของโว้ก ‎มอปลายสายแสบ 163 00:08:17,538 --> 00:08:19,828 ‎(เราจะฟื้นฟูคำปรามาสได้หรือไม่) 164 00:08:19,916 --> 00:08:22,336 ‎"บิตช์" เป็นหนึ่งในคำปรามาสไม่กี่คำ 165 00:08:22,418 --> 00:08:24,548 ‎ที่กำลังดำเนินไปในแนวทางของการฟื้นฟู 166 00:08:24,629 --> 00:08:28,089 ‎การฟื้นฟูทางภาษาพยายามให้อำนาจกับผู้หญิง 167 00:08:28,174 --> 00:08:32,144 ‎ด้วยการรู้จักอดกลั้นและรู้จักแยกแยะ 168 00:08:32,220 --> 00:08:37,390 ‎เพื่อนของฉันสามารถเรียกฉันว่าบิตช์ได้ ‎ถ้าพวกเขาทำด้วยความรัก 169 00:08:37,475 --> 00:08:41,935 ‎ประมาณว่าฉันได้เลื่อนตำแหน่ง ‎แล้วก็มีคน "เย้ ยัยตัวแสบ" 170 00:08:42,020 --> 00:08:47,780 ‎ฉันจำครั้งแรกที่ฉันเรียกผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง ‎จากบนเวทีว่า "นังบิตช์" ได้ 171 00:08:47,860 --> 00:08:51,070 ‎มีคนบอกฉันว่า ‎"เรียกพวกนั้นว่านังบิตช์สิ พวกเขาชอบ" 172 00:08:51,155 --> 00:08:54,695 ‎ฉันเลยว่า "ไม่จริงมั้ง" แต่พวกเขาก็ชอบจริงๆ 173 00:08:54,784 --> 00:08:56,044 ‎"ไงยะ หล่อน" 174 00:08:56,118 --> 00:08:57,788 ‎"เย่ ขอเสียงยัยตัวแสบหน่อย" 175 00:08:58,371 --> 00:09:00,831 ‎ตอนฉันกำลังพยายามทำความเข้าเรื่องสตรีนิยม 176 00:09:00,915 --> 00:09:03,245 ‎ฉันจะประมาณว่า "ฉันจะไม่เรียกใคร ‎ว่า 'บิตช์' อีก 177 00:09:03,334 --> 00:09:07,674 ‎และจะไม่ยอมให้ใครใช้คำว่า 'บิตช์' ‎หรือเรียกคนอื่นบิตช์เป็นอันขาด 178 00:09:07,755 --> 00:09:10,125 ‎ตอนนี้ล่ะ มันคือหนึ่งในคำที่ฉันใช้บ่อยที่สุดไง 179 00:09:10,216 --> 00:09:14,966 ‎มันทรงพลัง มีความเป็นสตรี ‎เซ็กซี่ ฉับไว กระฉับกระเฉง 180 00:09:15,054 --> 00:09:17,814 ‎คุณจะเติมคำนำหน้าหรือตามท้าย ‎เพื่อให้มันดีขึ้นหรือแย่ลงก็ได้ 181 00:09:17,890 --> 00:09:20,430 ‎เราต้องการ "บิตช์" ‎มันคือคำสำคัญในภาษาอังกฤษ 182 00:09:20,518 --> 00:09:21,518 ‎ห้ามเอามันออกค่ะ 183 00:09:21,602 --> 00:09:22,902 ‎คุณเรียกตัวเองบิตช์ 184 00:09:22,979 --> 00:09:24,479 ‎- ฉันบิตช์ ‎- ฉันบิตช์สุด 185 00:09:24,564 --> 00:09:25,404 ‎ฉันบิตช์ 186 00:09:25,481 --> 00:09:28,781 ‎คนที่เห็นและได้ยินคุณจะคิดว่า 187 00:09:28,859 --> 00:09:30,859 ‎"คำนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนี่นา" 188 00:09:30,945 --> 00:09:34,275 ‎คุณจะไม่ถูกเรียกว่าบิตช์ในฐานะผู้หญิง ‎ยกเว้นคุณกำลังทำให้ผู้ชายได้ตระหนัก 189 00:09:34,365 --> 00:09:35,985 ‎ว่าเขานั่นแหละที่เริ่มจะบิตช์ 190 00:09:36,075 --> 00:09:38,115 ‎นายมันอีตัวแสบ 191 00:09:38,202 --> 00:09:43,252 ‎มันเหมือนมีมนตร์ประหลาดบางอย่าง ‎ในคำปรามาส 192 00:09:43,332 --> 00:09:47,382 ‎ที่ทำให้คนซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมาย 193 00:09:47,461 --> 00:09:50,421 ‎มีสิทธิ์เล่นกับมัน ‎และพยายามทำให้มันเป็นอย่างอื่นได้ 194 00:09:51,966 --> 00:09:54,836 ‎"บิตช์" ไม่ค่อยจะคงเส้นคงวานัก 195 00:09:54,927 --> 00:09:57,887 ‎ในศตวรรษที่ 20 ‎มันไม่ได้ถูกใช้ในทางลบซะทีเดียว 196 00:09:57,972 --> 00:10:02,772 ‎เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ใช้มันกับแม่ของเขา ‎เพื่อกล่าวถึงความแข็งแกร่งของเธอ 197 00:10:02,852 --> 00:10:07,322 ‎สำหรับเฮมิงเวย์ "บิตช์" ‎คือวิธีแยกผู้ชายออกจากผู้หญิง 198 00:10:07,398 --> 00:10:12,278 ‎เพื่อที่จะบอกว่า "ผู้ชายก็พวกหนึ่ง ‎ส่วนผู้หญิงก็พวกบิตช์" 199 00:10:12,361 --> 00:10:16,071 ‎อีกทั้งยังสามารถนำเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ‎และการลบหลู่มารวมกันได้ด้วย 200 00:10:16,157 --> 00:10:17,447 ‎แล้วก็ได้เทพีเฮงซวย 201 00:10:17,533 --> 00:10:22,203 ‎มันคล้ายกับเป็นกรรมสิทธิ์ของเขา ‎และเขาจะใช้มัน 202 00:10:22,288 --> 00:10:24,208 ‎เพื่อแสดงถึงตัวตนของคุณ 203 00:10:24,290 --> 00:10:27,340 ‎บอกว่าคุณมีอำนาจ ‎แต่บางทีก็ทำให้เขารู้สึกเดือดดาล 204 00:10:27,418 --> 00:10:28,538 ‎บิตช์คือนังตัวแสบ 205 00:10:28,628 --> 00:10:32,048 ‎เขายึดติดกับความคิดที่ว่า 206 00:10:32,131 --> 00:10:36,011 ‎ความเป็นชายอเมริกันในอุดมคติคือวาสนา 207 00:10:36,093 --> 00:10:38,393 ‎ไม่มีอะไรเทียบเท่าได้ ผมหมายถึง... 208 00:10:38,471 --> 00:10:42,601 ‎ด้วยความคิดนั้น ‎ความเป็นชายในตัวผู้ชายอเมริกันผิวขาว 209 00:10:42,683 --> 00:10:45,603 ‎คือสิ่งประเสริฐสุด รองจากนั้น 210 00:10:45,686 --> 00:10:48,226 ‎ถ้าโชคดี ก็จะเป็นเทพีเฮงซวย 211 00:10:48,314 --> 00:10:51,324 ‎"บิตช์" จับคู่กับ "เทพี" ‎กลายเป็นคำว่า "เทพีเฮงซวย" 212 00:10:51,400 --> 00:10:54,400 ‎เพื่อใช้พูดถึงสิ่งที่ไม่เที่ยงและอยู่เหนือการควบคุม 213 00:10:54,487 --> 00:10:56,817 ‎โชคชะตามักจะถูกเรียกว่าเทพีเฮงซวย 214 00:10:56,906 --> 00:11:02,616 ‎แต่นั่นคือการใช้โดยผู้ชาย ‎โดยคนที่ใช้ "บิตช์" เป็นคำปรามาส 215 00:11:02,703 --> 00:11:04,753 ‎ไม่ใช่การฟื้นฟูใดๆ 216 00:11:04,830 --> 00:11:08,630 ‎มันคือการตั้งค่ารูปแบบการใช้งาน ‎ซึ่งบอกว่าปิดการฟื้นฟูไปซะ 217 00:11:08,709 --> 00:11:12,129 ‎ตัวอย่างแรกๆ ‎ของการให้อำนาจตัวเองของผู้หญิง 218 00:11:12,213 --> 00:11:14,723 ‎คือการใช้คำว่า "บิตช์" ในเพลง 219 00:11:14,799 --> 00:11:16,929 ‎คำสาปแช่งเป็นสิ่งที่เราใช้กัน 220 00:11:17,009 --> 00:11:18,969 ‎ในชุมชนคนดำมาหลายชั่วอายุคน 221 00:11:19,053 --> 00:11:21,933 ‎ตามท้องถนน ในคลับแจ๊ส 222 00:11:22,014 --> 00:11:24,604 ‎แม้จะย้อนกลับไปยุค 20 หรือ 30 ก็เหมือนกัน 223 00:11:24,684 --> 00:11:27,654 ‎มันคือยุคเสรีของการพูดอะไรที่อยากจะพูด 224 00:11:27,728 --> 00:11:30,018 ‎และส่วนหนึ่งของคนที่พูดในสิ่งที่ตัวเองอยากพูด 225 00:11:30,106 --> 00:11:34,936 ‎ก็คือผู้หญิงที่ใช้คำว่า "บิตช์" ‎และโอบรับในเรื่องเพศของพวกเธอ 226 00:11:35,027 --> 00:11:37,147 ‎และตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมคือลูซิล โบแกน 227 00:11:37,238 --> 00:11:40,278 ‎พวกเขารู้ว่าฉันเป็นยัยตัวแสบจากบัลติมอร์ 228 00:11:40,366 --> 00:11:42,026 ‎ใครที่เป็นคอเพลงบลูส์ 229 00:11:42,118 --> 00:11:44,698 ‎จะรู้จักเธอและร้องเพลงของเธอได้ 230 00:11:44,787 --> 00:11:48,287 ‎อันที่จริงท่อนสุดท้ายในเพลง "สตาร์ต มี อัพ" ‎ของเดอะโรลลิงสโตนส์ 231 00:11:48,374 --> 00:11:49,884 ‎"เธอพาคนตายกลับมา" 232 00:11:49,959 --> 00:11:53,589 ‎คือการสรรเสริญเพลงของลูซิล โบแกน ‎"เมื่อฝูงวัวกลับบ้าน" 233 00:11:53,671 --> 00:11:58,721 ‎เธอเอาของฉันหรือดูดของฉันได้ที่รัก ‎จนกว่าวัวจะกลับถึงบ้าน 234 00:11:58,801 --> 00:12:01,181 ‎คุณจะรู้สึกเหมือนอยากสูบบุหรี่ 235 00:12:01,262 --> 00:12:03,062 ‎หลังได้ยินเพลงของลูซิล โบแกน 236 00:12:03,139 --> 00:12:06,769 ‎ผมหมายถึงเธอเป็นตัวของตัวเองอย่างสมบูรณ์ 237 00:12:06,851 --> 00:12:09,771 ‎คุณจะรู้ว่าเธอเป็นใคร ‎คุณจะรู้ว่าเธอทำอะไรได้บ้าง 238 00:12:09,854 --> 00:12:14,114 ‎ถ้าเธอดูดของฉัน ที่รัก ฉันจะดูดของเธอ 239 00:12:14,191 --> 00:12:18,071 ‎ฉันจะทำกับเธอที่รัก จนกว่าฉันจะทำเธอทะลัก 240 00:12:18,571 --> 00:12:20,201 ‎นี่มันปีไหนเนี่ย 241 00:12:20,281 --> 00:12:23,201 ‎เหมือนฟังคุณยายเล่าเรื่องสัปดนเลย 242 00:12:23,284 --> 00:12:25,664 ‎เพลงนี้ทำคาร์ดิ บีหน้าแดงแน่ๆ 243 00:12:25,745 --> 00:12:28,905 ‎ถ้า "บิตช์" แปลว่าสำส่อนนะ ‎เธอคนนี้แหละคือบิตช์ 244 00:12:28,998 --> 00:12:31,668 ‎กระหน่ำฉันจนเช้าไปเลย 245 00:12:34,420 --> 00:12:36,510 ‎"บิตช์" เริ่มต้นการฟื้นฟู 246 00:12:36,589 --> 00:12:38,969 ‎อย่างจริงจังในช่วงปี 1960 247 00:12:39,049 --> 00:12:43,889 ‎ปี 1968 โจ ฟรีแมนได้ตีพิมพ์ ‎หนังสือเดอะ บิตช์ แมนิเฟสโต 248 00:12:43,971 --> 00:12:49,021 ‎ซึ่งพูดถึงความหมายของการเป็นบิตช์ ‎และความหมายของการใช้ชีวิตกับพวกบิตช์ 249 00:12:49,101 --> 00:12:51,651 ‎สิ่งที่คุณจะเริ่มเห็นในยุค 90 และในยุค 2000 250 00:12:51,729 --> 00:12:56,859 ‎การใช้ "บิตช์" ในเชิงบวกทั้งในทีวีและในเพลง 251 00:12:57,610 --> 00:13:00,650 ‎เมเรดิธ บรูกส์ในเพลง "บิตช์" 252 00:13:00,738 --> 00:13:02,868 ‎เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น 253 00:13:02,948 --> 00:13:05,788 ‎"ฉันเป็นยัยตัวแสบ ฉันเป็นคนรัก ‎ฉันเป็นลูก ฉันเป็นแม่ 254 00:13:05,868 --> 00:13:07,698 ‎ฉันเป็นคนบาป ฉันเป็นนักบุญ 255 00:13:07,787 --> 00:13:11,207 ‎ฉันเป็นนรกของเธอ ฉันเป็นฝันของเธอ ‎ฉันไม่อยู่ตรงกลางระหว่างนั้น" 256 00:13:11,290 --> 00:13:12,920 ‎"บิตช์" เป็นเพลงปัญญาชน 257 00:13:13,000 --> 00:13:15,540 ‎มันไม่ใช่อะไรที่ฉันจะเขียนได้ตอนอายุ 19 258 00:13:15,628 --> 00:13:18,758 ‎คุณต้องพูดคำนั้นแล้วพ่อแม่คุณไม่โกรธ 259 00:13:18,839 --> 00:13:20,969 ‎"เพราะมันคือเพลง พ่อขาแม่ขา" 260 00:13:21,050 --> 00:13:26,350 ‎ถ้าคุณไม่อยากถูกเรียกว่าบิตช์ ‎อย่าฟังเพลงแร็ปหรือร็อกยุค 90 ค่ะ 261 00:13:26,430 --> 00:13:31,190 ‎เพลงแร็ปในยุค 90 จนถึงยุค 2000 ส่วนใหญ่ 262 00:13:31,268 --> 00:13:32,558 ‎จะโอนเอียงไปทางผู้ชาย 263 00:13:32,645 --> 00:13:36,645 ‎ผมคิดว่าฮิปฮอปได้รับการผ่อนปรนมากเกินไป 264 00:13:36,732 --> 00:13:38,982 ‎เมื่อพูดถึงการใช้ภาษาแบบนั้น 265 00:13:39,068 --> 00:13:41,948 ‎เพลงไหนก็ได้ที่มีสนูปด็อก ‎เพลงไหนก็ได้ที่มีทูพัค 266 00:13:42,029 --> 00:13:43,489 ‎"สแม็ก มาย บิตช์ อัป..." 267 00:13:44,240 --> 00:13:46,950 ‎ทำไมฉันคิดถึงเพลงนั้นเนี่ย ‎มันป่าเถื่อนเกิน 268 00:13:47,451 --> 00:13:51,001 ‎ฉันไม่ยอมรับเพลงนั้น ‎มันเป็นเพลงที่แย่มาก ไม่ได้ความเลย 269 00:13:51,080 --> 00:13:55,170 ‎ผู้ชายใช้คำว่า "บิตช์" ‎เพื่อให้ตนมีอำนาจเหนือผู้หญิง 270 00:13:55,251 --> 00:13:58,171 ‎และด้วยวิธีนั้น ‎มันมักจะกลายเป็นการรังเกียจผู้หญิง 271 00:13:58,254 --> 00:14:01,224 ‎เนื้อเพลงฮิปฮอปหลายเพลง ‎เหมือนเป็นการดูแคลนนะคะ 272 00:14:01,298 --> 00:14:05,428 ‎บางครั้งบีคำนี้ก็เป็นการดูถูกจริงๆ ครับ 273 00:14:05,511 --> 00:14:09,681 ‎ผมรู้สึกว่าคนทั่วไปไม่ได้ยอมให้มีการพูดจาแบบนั้น 274 00:14:09,765 --> 00:14:14,015 ‎ทั้งในสื่อหรือในบทสนทนาอื่นๆ 275 00:14:14,103 --> 00:14:15,693 ‎แต่มันกลับโอเคในฮิปฮอป 276 00:14:15,771 --> 00:14:18,771 ‎และเป็นความโอเคที่บางทีผมก็อึดอัด 277 00:14:18,858 --> 00:14:23,278 ‎เพราะมันอดคิดไม่ได้ว่า ‎ไม่ใช่การเหยียดผิวหรอกเหรอที่แฝงอยู่ในนั้น 278 00:14:23,362 --> 00:14:26,322 ‎ผมไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่ชอบดูถูกผู้หญิง 279 00:14:26,407 --> 00:14:29,447 ‎และผมคิดว่าบางครั้ง ‎คุณก็ต้องโทษว่าเป็นเพราะฮิปฮอป 280 00:14:29,535 --> 00:14:33,455 ‎ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ผมอยากท้าทุกคนว่าอย่าทำ 281 00:14:33,539 --> 00:14:36,039 ‎ผู้หญิงในฮิปฮอปยุคแรกๆ... 282 00:14:36,750 --> 00:14:38,290 ‎เธอมาเพื่อทวงคืน 283 00:14:38,377 --> 00:14:43,507 ‎มีการเรียกร้องให้ฟื้นฟู "บิตช์" ‎ในกลุ่มแร็ปสตรีนิยมในช่วงกลางยุค 90 284 00:14:43,591 --> 00:14:45,761 ‎เสมือนเป็นแรกผลักไปข้างหน้า 285 00:14:45,843 --> 00:14:49,643 ‎ความทรงจำแรกเกี่ยวกับ "บิตช์" คงหนีไม่พ้น ‎เพลงยู.เอ็น.ไอ.ที.วายของควีน ลาติฟาห์ 286 00:14:49,722 --> 00:14:52,562 ‎เธอมีคำร้องที่มีพลัง ตรงท่อนที่ว่า 287 00:14:52,641 --> 00:14:54,231 ‎"เรียกใครบิตช์ไม่ทราบ" 288 00:14:54,310 --> 00:14:57,560 ‎ฉันแบบว่า "ใช่" ตอนนั้นฉันยังเด็กมาก ‎แต่ฉันก็ว่า "มันไม่ถูกต้อง" 289 00:14:57,646 --> 00:15:03,026 ‎จากควีน ลาติฟาห์มาจนถึงปัจจุบัน ‎เราได้เห็น "บิตช์" ค่อยๆ พัฒนาการใช้ขึ้น 290 00:15:03,110 --> 00:15:06,280 ‎ฉันชอบนะ เวลาใครโกรธแล้วเรียกฉันว่าบิตช์ 291 00:15:06,363 --> 00:15:09,123 ‎เพราะนั่นแปลว่าฉันได้ยืนหยัดเพื่อตัวเอง 292 00:15:09,199 --> 00:15:13,659 ‎ไปตรวจดีเอ็นเอ แล้วผลออกมาว่า ‎ฉันมันบิตช์ปาไป 100% 293 00:15:13,746 --> 00:15:16,616 ‎ลิซโซบอกว่า "100% แดต บิตช์" 294 00:15:16,707 --> 00:15:19,627 ‎ถ้าเธอบอกว่า 100% อะ บิตช์ ‎นั่นแสดงว่าไม่ดี 295 00:15:19,710 --> 00:15:23,010 ‎เพราะ อะ บิตช์ คือไม่ดี ‎แต่ถ้าเป็น แดต บิตช์ คือดีค่ะ 296 00:15:23,088 --> 00:15:25,378 ‎โอเค ผลตรวจดีเอ็นเอของฉันคือ 297 00:15:25,466 --> 00:15:29,046 ‎ฉันมีแดตบิตช์ 92% 298 00:15:29,136 --> 00:15:32,386 ‎และมีแปดเปอร์เซ็นต์เป็นความเห็นอกเห็นใจ ‎เป็นคนดีและใส่ใจ 299 00:15:32,473 --> 00:15:35,143 ‎น่ารักและมีเสน่ห์ 300 00:15:35,225 --> 00:15:39,145 ‎ฉันมีแดตบิตช์ 50% เลิศค่ะ 301 00:15:39,229 --> 00:15:42,439 ‎ฉันเป็นโสเภณี 30% 302 00:15:42,942 --> 00:15:46,032 ‎และเชอโรกี 20% 303 00:15:46,528 --> 00:15:49,778 ‎แม่เจ้า ไม่ยักรู้นะเนี่ย สนุกอะ 304 00:15:51,283 --> 00:15:54,333 ‎การฟื้นฟูคำเกิดขึ้นในกลุ่มผู้ชายเกย์ด้วย 305 00:15:54,411 --> 00:15:57,211 ‎พวกเขาเอาคำ ‎ซึ่งแต่เดิมถูกใช้เพื่อทำร้ายพวกเขา 306 00:15:57,289 --> 00:16:01,379 ‎มาเปลี่ยนไปในทางส่งเสริมหมู่คณะและมิตรภาพ 307 00:16:02,461 --> 00:16:05,011 ‎ผมถูกเรียกว่าบิตช์บ่อยขึ้น 308 00:16:05,089 --> 00:16:09,929 ‎มันเป็นวิธีแก้ปัญหาของหลายๆ คน ‎ที่ไม่อยากเรียกผมว่าตุ๊ด 309 00:16:10,010 --> 00:16:11,890 ‎ในกลุ่มผู้ชายรักร่วมเพศ 310 00:16:11,971 --> 00:16:15,141 ‎ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ‎มันคือการนำไปใช้ในสถานะที่ต่างไป 311 00:16:15,224 --> 00:16:19,194 ‎มันเป็นคำพูดติดตลกที่ใช้กับชายรักร่วมเพศอีกคน 312 00:16:19,269 --> 00:16:22,059 ‎มันเหมือนกับ "ฉันคุ้นๆ เธอนะ" 313 00:16:22,147 --> 00:16:26,067 ‎แบบว่า "เราผ่านเรื่องราวมาด้วยกัน 314 00:16:26,151 --> 00:16:28,571 ‎เธอถูกเรียกว่าบิตช์ ฉันเองก็ถูกเรียกว่าบิตช์" 315 00:16:28,654 --> 00:16:30,244 ‎ถ้าดูจากเพื่อนเกย์ของฉัน 316 00:16:30,322 --> 00:16:33,622 ‎ผู้ชายเกย์ส่วนใหญ่เป็นพวกเทิดทูนผู้หญิง 317 00:16:33,701 --> 00:16:35,911 ‎ไอดอลของพวกเขาทุกคนจะเป็นผู้หญิง 318 00:16:35,995 --> 00:16:39,785 ‎เพื่อนสนิทของผมทุกคนคือบิตช์ทั้งนั้น ‎"เฮ้ บิตช์ เก่งมากเลยตัวเอง" 319 00:16:39,873 --> 00:16:44,043 ‎"บิตช์ ที่ทำงานหล่อนสูงขึ้น ‎เพราะหล่อนมาทำงานทุกวันไงล่ะ บิตช์" 320 00:16:44,128 --> 00:16:47,458 ‎ไม่มีอะไรดีไปกว่าการที่เกย์เรียกคุณว่าบิตช์ 321 00:16:47,548 --> 00:16:50,178 ‎คำว่า "บิตช์" มีทางเดินที่น่าสนใจ 322 00:16:50,259 --> 00:16:52,049 ‎ในขณะที่สตรีนิยมเคลื่อนไปข้างหน้า 323 00:16:52,136 --> 00:16:56,216 ‎มีการถกเถียงกันภายในว่าจะฟื้นฟูมันได้ยังไง 324 00:16:56,306 --> 00:16:59,596 ‎ฉันมีลูกชายกับลูกสาวที่พูด "บิตช์" กันตลอดเวลา 325 00:16:59,685 --> 00:17:02,645 ‎อยู่ดีๆ ก็ "บิตช์" จริงๆ คือแค่เรียกเพื่อน 326 00:17:02,730 --> 00:17:06,480 ‎สำหรับฉันมันยังเป็นคำที่ไม่ดี ‎เป็นอะไรที่ห้ามใช้เรียกผู้หญิง 327 00:17:06,567 --> 00:17:09,027 ‎มันกวนใจพวกคนรุ่นเก่าๆ 328 00:17:09,111 --> 00:17:12,611 ‎ที่รู้สึกว่าต้องต่อสู้เพื่อความยำเกรง 329 00:17:12,698 --> 00:17:15,738 ‎แล้วก็รู้สึกว่ายังมีบางอย่างที่ขาดความยำเกรง 330 00:17:15,826 --> 00:17:16,946 ‎เกี่ยวกับคำว่า "บิตช์" 331 00:17:17,036 --> 00:17:20,326 ‎ฉันไม่คิดว่าเราจะฟื้นฟู ‎คำว่า "บิตช์" ได้ทั้งหมดหรอก น่าเสียดาย 332 00:17:20,414 --> 00:17:22,214 ‎ก็เพราะมันเป็นโลกของผู้ชายไง 333 00:17:22,290 --> 00:17:23,830 ‎เราอาจคิดว่าเราฟื้นฟูได้แล้ว 334 00:17:23,916 --> 00:17:27,706 ‎แต่แล้วพวกเขาก็จะจับกลุ่มกันพูดคำนี้อยู่ดี 335 00:17:27,796 --> 00:17:32,256 ‎แต่คนที่เหมือนกับลิซโซและฉัน ‎ก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้มันฟังดูดี 336 00:17:32,760 --> 00:17:34,010 ‎(เพื่อนแท้) 337 00:17:34,094 --> 00:17:36,514 ‎แล้วคำว่า "บิตช์" จะไปจบตรงไหน 338 00:17:36,597 --> 00:17:38,347 ‎เอาตรงๆ คือเราใช้มันได้มั้ย 339 00:17:38,932 --> 00:17:41,232 ‎มีใครพอจะบอกได้มั้ยครับ 340 00:17:41,810 --> 00:17:43,770 ‎(สิ่งสำคัญคือบริบทใช่ไหม) 341 00:17:43,854 --> 00:17:47,614 ‎การฟื้นฟูนี้จะเกี่ยวข้องกับ ‎ศาสตร์ทางภาษาแขนงหนึ่งที่เรียกกันว่าสัญศาสตร์ 342 00:17:47,691 --> 00:17:50,991 ‎ซึ่งจริงๆ ก็คือ อะไรคือสิ่งที่ผู้พูดต้องการจะสื่อ 343 00:17:51,070 --> 00:17:53,070 ‎และอะไรคือสิ่งที่ผู้ฟังรับรู้ 344 00:17:53,155 --> 00:17:56,365 ‎"บิตช์" สามารถหมายถึงสิ่งสิ่งหนึ่ง ‎เมื่อผู้พูดคนหนึ่ง 345 00:17:56,450 --> 00:18:00,160 ‎คุยเฉพาะเจาะจงกับผู้ฟังคนหนึ่ง ‎ในบริบทใดบริบทหนึ่ง 346 00:18:00,245 --> 00:18:04,665 ‎และมันอาจมีความหมายตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ‎แม้จะเป็นผู้พูดคนเดียวกัน 347 00:18:04,750 --> 00:18:07,920 ‎ในบริบทเดียวกัน แต่พูดกับผู้ฟังอีกคน 348 00:18:08,003 --> 00:18:10,803 ‎ฉันอาจพูดกับเพื่อนสนิทของฉันคนหนึ่ง 349 00:18:10,881 --> 00:18:13,431 ‎"บิตช์ ฉันมีเรื่องจะเล่าให้ฟังแหละ" ‎ประมาณนั้น 350 00:18:13,509 --> 00:18:15,509 ‎แต่ถ้ามีผู้หญิงคนหนึ่ง 351 00:18:15,594 --> 00:18:19,184 ‎โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ แล้วก็ประมาณว่า ‎"นี่บิตช์ ฉันอยากจะ..." 352 00:18:19,264 --> 00:18:22,184 ‎ฉันจะสวนกลับทันที ‎"ไม่ค่ะ... เราไม่รู้จักกันค่ะ" 353 00:18:22,267 --> 00:18:25,347 ‎มันเป็นคำที่พวกเราใช้กันเองได้ 354 00:18:25,437 --> 00:18:27,357 ‎และเรารู้สึกดีกับมัน 355 00:18:27,439 --> 00:18:31,149 ‎แต่มันไม่ใช่คำที่ผู้ชายจะใช้เรียกเราเมื่อไหร่ก็ได้ 356 00:18:31,235 --> 00:18:34,315 ‎ถ้าขืนเรียกก็ "โอ้ ขอบใจนะจอห์น" 357 00:18:34,905 --> 00:18:35,775 ‎(บิตช์) 358 00:18:35,864 --> 00:18:38,624 ‎ผมรู้สึกว่า "บิตช์" ไม่ใช่คำ 359 00:18:39,118 --> 00:18:41,578 ‎มันคือช่วงเวลา คือประสบการณ์ 360 00:18:41,662 --> 00:18:44,502 ‎คำสบถอื่นๆ อย่าง "ชิต" "ฟัค" "แดมน์" 361 00:18:44,581 --> 00:18:46,961 ‎คือปฏิกิริยาและเป็นสากล 362 00:18:47,459 --> 00:18:50,299 ‎แต่ "บิตช์" มันใช้เป็นอาวุธได้ 363 00:18:51,255 --> 00:18:52,545 ‎และมันเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล 364 00:18:52,631 --> 00:18:54,171 ‎ฉันยังใช้คำว่า "บิตช์" อยู่ 365 00:18:54,258 --> 00:18:57,048 ‎ต่อให้ใช้น้อยลงกว่าเดิมเยอะแล้วก็เถอะ 366 00:18:57,136 --> 00:19:01,176 ‎ภาษามีแบบแผนค่ะ ยิ่งถ้าคุณได้รู้แบบแผน 367 00:19:01,265 --> 00:19:03,515 ‎ว่า "บิตช์" ถูกใช้เป็น ‎คำปรามาสผู้หญิงด้วยแล้วล่ะก็ 368 00:19:03,600 --> 00:19:06,980 ‎มันต้องใช้ความพยายามสูงมาก ‎เพื่อทำเป็นไม่รู้แบบแผนนั้น 369 00:19:07,062 --> 00:19:10,522 ‎แม้ตอนที่คุณโดนปรามาสซะเองก็ตาม 370 00:19:10,607 --> 00:19:15,777 ‎แทนที่จะใช้คำว่า "บิตช์" ‎ฉันมักจะเปลี่ยนไปเรียกผู้หญิงว่า "ควีนส์" แทน 371 00:19:15,863 --> 00:19:18,453 ‎ฉันรู้ค่ะว่ามันไม่เหมือน "บิตช์" 372 00:19:18,532 --> 00:19:20,622 ‎ถ้าคุณอยู่บนเครื่อง แล้วเกิดมีคนทะเลาะกัน 373 00:19:20,701 --> 00:19:22,741 ‎คุณก็จะ "บิตช์ ทะเลาะกันแล้วว่ะ" 374 00:19:22,828 --> 00:19:24,868 ‎คุณคงไม่ "ควีนส์ เขาทะเลาะกันค่ะ" 375 00:19:24,955 --> 00:19:26,365 ‎มันแค่... มันไปไม่ได้ 376 00:19:26,456 --> 00:19:29,996 ‎คุณรู้ว่าฉันพูดถึงอะไรใช่มั้ย ‎คุณก็แค่ต้องแยกแยะให้ได้น่ะ 377 00:19:31,211 --> 00:19:32,961 ‎ถ้าวันหนึ่งฉันมีลูกสาว 378 00:19:33,046 --> 00:19:37,546 ‎ฉันคงอยากเห็นเธอ ‎เป็นบิตช์มากกว่าสาวน้อยน่ารักนะ 379 00:19:37,634 --> 00:19:41,684 ‎หมายถึงถ้าเป็นยัยบิตช์ผู้น่ารักไปเลยได้ก็ยิ่งดี 380 00:19:41,763 --> 00:19:42,893 ‎เหมือนมะลาละห์ไปเลย 381 00:19:43,390 --> 00:19:46,350 ‎ในกลุ่มของผมจะมีเกย์อยู่ 11 คน 382 00:19:46,435 --> 00:19:49,305 ‎มีเจ็ดคนที่เกลียดผม ‎และมีอยู่สามคนเป็นเพื่อนสนิทกัน 383 00:19:49,396 --> 00:19:52,266 ‎ผมจะยังใช้คำนี้ต่อไปอีกรึเปล่า ‎ใช่ อาจจะ 384 00:19:52,357 --> 00:19:56,397 ‎คำว่า "บิตช์" ออกเดินทางแล้วค่ะ ‎จากเคยหมายถึงสุนัขตัวเมีย... 385 00:19:56,904 --> 00:19:59,704 ‎ไปเป็นผู้หญิงมักมาก 386 00:19:59,781 --> 00:20:02,241 ‎แล้วตอนนี้ก็เป็นผู้หญิงดีเหมือนฉัน 387 00:20:02,326 --> 00:20:06,656 ‎ฉันชอบนะ มันออกเดินทาง ‎มันโตขึ้น มันคือการเติบโต 388 00:20:06,747 --> 00:20:09,327 ‎รู้มั้ยคืออะไร การเติบโตไง ‎มันดีต่อคุณ บิตช์ 389 00:20:09,416 --> 00:20:12,126 ‎คุณเริ่มจากสุนัข แล้วตอนนี้ล่ะ คุณเป็นคาร์ดิ บี 390 00:20:12,211 --> 00:20:13,251 ‎ดีต่อคุณค่ะ 391 00:20:44,910 --> 00:20:47,790 ‎(คำบรรยายโดย ปาริชาติ ชัยพิกุล)