1 00:00:06,043 --> 00:00:08,963 ‎(ซีรีส์จาก NETFLIX) 2 00:00:14,163 --> 00:00:15,803 ‎หนึ่งในปัญหาที่ผมมีกับ 3 00:00:15,883 --> 00:00:19,523 ‎ความเห็นทั่วไปเรื่องการพัฒนาอารยธรรม 4 00:00:19,603 --> 00:00:25,163 ‎คือความเชื่อที่ว่า ‎อารยธรรมของเราในศตวรรษที่ 21 5 00:00:25,243 --> 00:00:27,963 ‎เป็นที่สุดและจุดสูงสุดของความสำเร็จของมนุษย์ 6 00:00:33,563 --> 00:00:36,923 ‎มันทำให้เราอวดดีและหยิ่งยโสมาก 7 00:00:38,243 --> 00:00:43,243 ‎เรามองย้อนไปในอดีต ‎ราวกับบรรพบุรุษของเราธรรมดากว่าเราเสมอ 8 00:00:43,323 --> 00:00:45,963 ‎มีความรู้น้อยกว่าเรา ‎มีความสามารถน้อยกว่าเรา 9 00:00:49,163 --> 00:00:53,763 ‎มันไม่ใช่แค่ความก้าวหน้า ‎ของวิวัฒนาการที่เป็นเส้นตรง 10 00:00:53,843 --> 00:00:58,203 ‎จากมนุษย์ถ้ำโบราณสู่มนุษย์สมัยใหม่ 11 00:00:58,283 --> 00:01:00,363 ‎มันไม่ใช่อย่างนั้น 12 00:01:05,883 --> 00:01:08,243 ‎ในเรื่องราวของอารยธรรม 13 00:01:08,323 --> 00:01:13,363 ‎มีทั้งดีและร้าย อารยธรรมมีขึ้นและมีลง 14 00:01:13,443 --> 00:01:17,683 ‎จึงเป็นไปได้ที่จะสูญเสียอารยธรรมทั้งยุคไป 15 00:01:17,763 --> 00:01:22,203 ‎มันเคยเกิดขึ้นมาก่อน ‎ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่มอลตา 16 00:01:34,243 --> 00:01:39,483 ‎(ซิริอุสส่องแสง) 17 00:01:43,243 --> 00:01:47,603 ‎มอลตา ‎หมู่เกาะเมดิเตอร์เรเนียนอันงดงามแห่งนี้ 18 00:01:47,683 --> 00:01:49,163 ‎ทำให้ผมหลงใหลมานานแล้ว 19 00:01:51,643 --> 00:01:56,563 ‎เพราะผมสงสัยว่าเกือบทุกอย่าง ‎ที่นักโบราณคดีบอกเราเกี่ยวกับอดีตของมัน 20 00:01:57,283 --> 00:01:58,283 ‎ไม่ถูกต้อง 21 00:02:00,363 --> 00:02:03,723 ‎และเพราะความจริง ถ้ามันถูกเปิดเผยออกมา 22 00:02:03,803 --> 00:02:08,603 ‎อาจเป็นหลักฐานสำคัญในการค้นหาของผม ‎เรื่องอารยธรรมที่หายไปในยุคก่อนประวัติศาสตร์ 23 00:02:11,203 --> 00:02:15,163 ‎เกาะหลักสองเกาะของมอลตา ‎เป็นเพียงจุดเล็กๆ ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน 24 00:02:16,082 --> 00:02:19,723 ‎ตั้งอยู่ระหว่างยุโรป แอฟริกาและตะวันออกกลาง 25 00:02:19,803 --> 00:02:24,123 ‎เป็นเวลาหลายศตวรรษ ‎มันมีผลกับเรื่องอารยธรรมเกินตัวทีเดียว 26 00:02:24,203 --> 00:02:26,443 ‎(มอลตา ซาร์ดิเนีย ซิซิลี อิตาลี กรีซ ‎ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตูนีเซีย ลิเบีย) 27 00:02:28,163 --> 00:02:30,723 ‎ตามช่วงเวลาอย่างเป็นทางการของมอลตา… 28 00:02:31,923 --> 00:02:32,803 ‎(ค.ศ. 2,000) 29 00:02:32,883 --> 00:02:36,003 ‎คนกลุ่มแรกตั้งรกรากที่นี่ราว 7,900 ปีก่อน 30 00:02:36,963 --> 00:02:37,923 ‎(5,900 ปีก่อนค.ศ.) 31 00:02:38,003 --> 00:02:40,003 ‎พวกเขาคือชาวไร่ธรรมดาในยุคหิน 32 00:02:40,083 --> 00:02:42,963 ‎ซึ่งข้ามทะเลมาจากอิตาลีโดยใช้แพไม้ 33 00:02:43,043 --> 00:02:45,123 ‎พวกเขาน่าจะมาจากซิซิลี… 34 00:02:45,443 --> 00:02:46,523 ‎(คาเทีย สเตราด์ ‎เฮอริเทจ มอลตา) 35 00:02:46,603 --> 00:02:49,643 ‎และสิ่งที่พวกเขานำมาด้วย ‎คือสัตว์เลี้ยงฝูงแรก 36 00:02:49,723 --> 00:02:51,523 ‎ต้นไม้ปลูกไว้ใช้เองชนิดแรกๆ 37 00:02:55,883 --> 00:03:00,083 ‎และเมื่อผู้คนตั้งรกรากที่นี่แล้ว ‎พวกเขาจึงพัฒนาวัฒนธรรมของตัวเอง 38 00:03:01,843 --> 00:03:05,963 ‎ตามช่วงเวลาอย่างเป็นทางการ ‎ราวๆ 5,600 ปีก่อน… 39 00:03:06,683 --> 00:03:07,563 ‎(3,600 ปีก่อนค.ศ.) 40 00:03:07,643 --> 00:03:10,723 ‎พวกเขาตื่นขึ้นมาเช้าวันหนึ่งแล้วสร้างสิ่งนี้ 41 00:03:17,723 --> 00:03:18,563 ‎(จกันติยา) 42 00:03:18,643 --> 00:03:20,123 ‎มันเรียกว่าจกันติยา 43 00:03:21,283 --> 00:03:24,563 ‎มันเป็นโครงสร้างหินขนาดยักษ์ 44 00:03:27,963 --> 00:03:29,723 ‎หลายทศวรรษ มันถูกเชื่อว่า 45 00:03:29,803 --> 00:03:33,643 ‎เป็นอนุสรณ์สถานที่ยืนหยัดด้วยตัวเอง ‎ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก 46 00:03:38,523 --> 00:03:43,483 ‎ขณะที่ผมเดินไปรอบๆ จกันติยา ‎ผมรู้สึกตัวเล็กเหลือเกิน 47 00:03:43,563 --> 00:03:46,803 ‎เหมือนคนแคระที่อยู่ท่ามกลางผลงานของยักษ์ 48 00:03:49,683 --> 00:03:51,283 ‎การก่อสร้างกำแพงเหล่านี้ 49 00:03:51,363 --> 00:03:54,243 ‎ต้องใช้การยกหินก้อนใหญ่หลายร้อยก้อน 50 00:03:56,603 --> 00:03:58,723 ‎บางก้อนน้ำหนักมากถึง 50 ตัน 51 00:04:02,163 --> 00:04:03,603 ‎และสิ่งที่เราเห็นทุกวันนี้ 52 00:04:03,683 --> 00:04:06,643 ‎น่าจะเหลือแค่ครึ่งเดียว ‎ของความสูงเดิมของวิหาร 53 00:04:14,843 --> 00:04:18,083 ‎ในช่วงที่มันรุ่งเรือง จกันติยายิ่งใหญ่อย่างแท้จริง 54 00:04:19,963 --> 00:04:21,763 ‎สูงเทียบเท่าบ้านสามชั้น 55 00:04:24,163 --> 00:04:28,763 ‎กำแพงด้านนอกสร้างขึ้น ‎จากหินขนาดใหญ่วางซ้อนกัน 56 00:04:32,803 --> 00:04:36,763 ‎วิหารสองแห่งเชื่อมต่อกันด้วยห้องรูปไข่ 57 00:04:38,283 --> 00:04:39,963 ‎กำแพงทาสีแดง 58 00:04:41,643 --> 00:04:42,923 ‎มีแท่นบูชาหลายแท่น 59 00:04:43,003 --> 00:04:45,843 ‎ซึ่งมีซากไหม้ของกระดูกสัตว์หลงเหลืออยู่ 60 00:04:46,563 --> 00:04:49,243 ‎บ่งชี้ว่าเป็นการบูชายันต์หรือการเฉลิมฉลอง 61 00:04:53,323 --> 00:04:57,403 ‎ไม่มีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรบอกเราว่า ‎จกันติยาถูกสร้างขึ้นเมื่อไหร่ 62 00:04:57,483 --> 00:04:59,603 ‎และไม่มีอายุที่เชื่อถือได้ 63 00:05:04,803 --> 00:05:07,523 ‎แล้ววิหารขนาดยักษ์แห่งนี้มีอายุเท่าไหร่กันแน่ 64 00:05:09,483 --> 00:05:11,923 ‎และมันมีหลักฐานของอารยธรรมที่หายไป 65 00:05:12,003 --> 00:05:13,603 ‎ที่ผมเชื่อว่ารุ่งเรือง 66 00:05:13,683 --> 00:05:17,643 ‎ก่อนอารยธรรมไหนๆ จะเริ่มต้นขึ้นหรือเปล่า 67 00:05:22,883 --> 00:05:28,763 ‎เหตุผลเดียวที่นักโบราณคดีอ้างว่า ‎จกันติยาถูกสร้างขึ้นราว 5,600 ปีก่อน 68 00:05:28,843 --> 00:05:31,443 ‎คือวัตถุโบราณที่พบในบริเวณนี้ 69 00:05:31,523 --> 00:05:35,323 ‎ตรงกับที่พบในสถานที่ธรรมดากว่ามาก ‎ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงเวลานั้น 70 00:05:36,923 --> 00:05:40,483 ‎แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ‎โครงสร้างนี้มีอายุเท่ากัน 71 00:05:41,043 --> 00:05:44,323 ‎วัตถุโบราณอาจถูกทิ้งไว้ที่นี่ทีหลังก็ได้ 72 00:05:45,283 --> 00:05:49,083 ‎ความจริงคือไม่มียุคประวัติศาสตร์ไหนของมอลตา ‎ที่สมเหตุสมผลเลย 73 00:05:50,883 --> 00:05:52,283 ‎ลองคิดดูสิ 74 00:05:52,363 --> 00:05:55,123 ‎ชาวไร่เหล่านี้ที่นักโบราณคดีบอกเราว่า 75 00:05:55,203 --> 00:05:57,523 ‎ไม่เคยสร้างอะไรใหญ่กว่ากระท่อม 76 00:05:58,123 --> 00:06:00,283 ‎สามารถทำสิ่งนี้ได้เหรอ 77 00:06:02,843 --> 00:06:04,883 ‎พอเราดูที่โครงสร้างอย่างจกันติยา 78 00:06:04,963 --> 00:06:09,843 ‎เราคาดหวังที่จะเห็น ‎หลักฐานของความเชี่ยวชาญมากมาย 79 00:06:09,923 --> 00:06:11,843 ‎ที่จำเป็นต่อการสร้างสิ่งนี้ 80 00:06:12,643 --> 00:06:17,283 ‎วัฒนธรรมหนึ่งใด ‎ไม่รู้วิธีเคลื่อนย้ายหินหนัก 20 ถึง 30 ตันได้เอง 81 00:06:17,363 --> 00:06:18,923 ‎มันต้องเรียนรู้วิธีทำมัน 82 00:06:19,003 --> 00:06:21,683 ‎ผมไม่เห็นหลักฐานของการพัฒนาเทคนิคเหล่านั้น 83 00:06:23,003 --> 00:06:24,243 ‎เรื่องของเรื่องก็คือ 84 00:06:24,763 --> 00:06:28,123 ‎จกันติยาไม่ใช่วิหารหินแห่งเดียวของมอลตา 85 00:06:28,683 --> 00:06:29,763 ‎(มอลตา) 86 00:06:29,843 --> 00:06:32,003 ‎ฝั่งตรงข้ามเกาะหลักสองเกาะของมอลตา 87 00:06:32,083 --> 00:06:36,003 ‎นักโบราณคดีพบโครงสร้างโบราณแบบนี้ 19 แห่ง 88 00:06:37,123 --> 00:06:40,283 ‎ทั้งหมดตั้งอยู่บนพื้นดินขนาดใหญ่ ‎เทียบเท่าครึ่งเมืองชิคาโก 89 00:06:41,083 --> 00:06:44,563 ‎เท่าที่เรารู้มา จกันติยาเก่าแก่ที่สุด 90 00:06:44,643 --> 00:06:45,643 ‎(โกโซ) 91 00:06:47,723 --> 00:06:52,123 ‎สำหรับเกาะขนาดเล็กเท่านี้ มีวิหารเยอะมาก 92 00:06:52,203 --> 00:06:54,203 ‎ซึ่งต้องใช้แรงมนุษย์เยอะมาก 93 00:06:54,283 --> 00:06:55,243 ‎มากเกินไปด้วยซ้ำ 94 00:06:56,603 --> 00:07:01,403 ‎ซึ่งทำให้ผมสงสัยว่า ‎ใครสร้างจกันติยาและสร้างเมื่อไหร่ 95 00:07:01,483 --> 00:07:05,443 ‎มันสมเหตุสมผลไหมที่คนเหล่านี้ ‎ที่มีการใช้วัสดุที่ธรรมดามาก 96 00:07:06,523 --> 00:07:10,283 ‎เป็นคนสร้างโครงสร้างใหญ่ที่สุด ‎ตระการตาที่สุด 97 00:07:10,363 --> 00:07:12,683 ‎และซับซ้อนที่สุดในมอลตา 98 00:07:18,203 --> 00:07:23,003 ‎ผมว่าความจริงยิ่งซับซ้อนและน่าตกใจกว่ามาก 99 00:07:27,603 --> 00:07:29,523 ‎เราได้เห็นในอินโดนีเซีย… 100 00:07:29,603 --> 00:07:30,523 ‎(กูนุงปาดัง อินโดนีเซีย) 101 00:07:30,603 --> 00:07:32,443 ‎(มหาพีระมิดแห่งโชลูลา เม็กซิโก) 102 00:07:32,523 --> 00:07:36,483 ‎และเม็กซิโกแล้วว่าตำนานและเรื่องเล่าโบราณ ‎มีสาระสำคัญที่สั่งสอนเราได้ 103 00:07:37,243 --> 00:07:40,563 ‎เรื่องเล่าเหล่านี้ที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น 104 00:07:40,643 --> 00:07:43,203 ‎ไม่ควรถูกนักโบราณคดีมองข้าม 105 00:07:44,843 --> 00:07:47,683 ‎ถ้าเราดูจากตำนานโบราณของมอลตา 106 00:07:47,763 --> 00:07:49,363 ‎มันมีเรื่องเล่า 107 00:07:49,443 --> 00:07:52,363 ‎เกี่ยวกับคนที่เป็นผู้สร้างจกันติยา 108 00:08:02,243 --> 00:08:07,523 ‎มีตำนานโบราณน่าสนใจ ‎เกี่ยวกับยักษิณีชื่อซันซูน่า 109 00:08:11,563 --> 00:08:13,083 ‎ว่ากันว่ายักษิณีตนนี้ 110 00:08:13,163 --> 00:08:15,763 ‎มีความสัมพันธ์ทางเพศกับชายคนหนึ่งในดินแดนนี้ 111 00:08:17,163 --> 00:08:19,243 ‎แล้วให้กำเนิดเด็กลูกครึ่งคนหนึ่ง 112 00:08:21,243 --> 00:08:23,523 ‎จากนั้น เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง 113 00:08:24,283 --> 00:08:27,523 ‎เธอจึงสร้างวิหารมโหฬารแห่งนี้ ‎ในเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน 114 00:08:28,643 --> 00:08:30,843 ‎โดยแบกลูกไว้บนบ่าของเธอ 115 00:08:33,523 --> 00:08:36,963 ‎ผมหลงใหลในตำนานเรื่องนี้ ‎แน่นอนว่ามันอาจเป็นเพียงตำนาน 116 00:08:37,962 --> 00:08:41,563 ‎ผมไม่เชื่อว่ามียักษ์เดินไปมาบนโลกหรอก 117 00:08:42,842 --> 00:08:45,323 ‎แต่ถ้าเกิดเธอเป็นมนุษย์ 118 00:08:45,403 --> 00:08:48,483 ‎ที่มีความสามารถและความชำนาญมากเหลือเชื่อ 119 00:08:48,563 --> 00:08:50,763 ‎ที่ทำให้เธอสร้างวิหารเช่นนี้ได้ 120 00:08:51,843 --> 00:08:55,043 ‎ตำนานนี้คล้ายกับ 121 00:08:55,123 --> 00:08:59,603 ‎เรื่องของยักษ์ ‎ที่สร้างมหาพีระมิดแห่งโชลูลาในเม็กซิโก 122 00:09:00,363 --> 00:09:03,483 ‎เรื่องเล่าที่เกี่ยวกับน้ำท่วมครั้งใหญ่ ‎ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ 123 00:09:08,363 --> 00:09:10,763 ‎ตำนานของยักษ์ผู้สร้างเหล่านี้ 124 00:09:10,843 --> 00:09:15,803 ‎ถอดรหัสความทรงจำของวัฒนธรรม ‎ที่ล้ำหน้ากว่าและโบราณกว่าได้ไหม 125 00:09:16,603 --> 00:09:19,963 ‎แล้วถ้าช่วงเวลาก่อนประวัติศาสตร์ของมอลตา ‎ไม่ถูกต้องล่ะ 126 00:09:22,763 --> 00:09:25,803 ‎เมื่อชาวไร่เหล่านั้นล่องแพมาถึงจากซิซิลี 127 00:09:25,883 --> 00:09:28,483 ‎ถ้าเกิดจกันติยาและวิหารหินอื่นๆ 128 00:09:28,563 --> 00:09:30,243 ‎ถูกสร้างขึ้นที่นี่แล้วล่ะ 129 00:09:30,323 --> 00:09:34,283 ‎แล้วถ้าโครงสร้างยิ่งใหญ่เหล่านี้ ‎ถูกสร้างโดยคนอื่นล่ะ 130 00:09:36,763 --> 00:09:41,123 ‎สังคมที่ล้ำหน้ากว่ามากที่มาถึงมอลตาก่อน 131 00:09:43,003 --> 00:09:44,283 ‎มันไม่เพียงเป็นไปได้… 132 00:09:47,563 --> 00:09:48,603 ‎แต่มีแนวโน้มว่าจริงด้วย 133 00:09:51,483 --> 00:09:53,443 ‎ผมไม่คิดว่าพวกเขาล่องเรือมาที่นี่ 134 00:09:54,283 --> 00:09:56,163 ‎ผมว่าพวกเขาเดินมา 135 00:09:59,883 --> 00:10:02,923 ‎มอลตาไม่ได้เป็นเกาะมาตลอด 136 00:10:03,883 --> 00:10:05,883 ‎ในช่วงรุ่งเรืองของยุคน้ำแข็งสุดท้าย 137 00:10:05,963 --> 00:10:09,723 ‎ระดับน้ำทะเลของโลกอยู่ที่ 120 เมตร 138 00:10:09,803 --> 00:10:12,603 ‎ต่ำกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน 139 00:10:14,643 --> 00:10:17,563 ‎และเกาะในมอลตาเคยเป็นยอดเนินเขา 140 00:10:17,643 --> 00:10:21,403 ‎เป็นส่วนหนึ่งของผืนดินแผ่นเดียวต่อเนื่อง ‎ที่เชื่อมต่อมอลตา 141 00:10:21,483 --> 00:10:23,363 ‎จนไปถึงซิซิลีในปัจจุบัน 142 00:10:23,443 --> 00:10:26,443 ‎จากนั้นต่อไปทางใต้สุดของอิตาลี ‎และแผ่นดินใหญ่ของยุโรป 143 00:10:26,523 --> 00:10:27,403 ‎(อิตาลี - ซิซิลี - มอลตา) 144 00:10:29,243 --> 00:10:31,723 ‎สมัยนั้น ยุโรปไม่น่าอยู่เท่าไหร่ 145 00:10:32,523 --> 00:10:35,763 ‎ทั้งหนาว แห้ง และโหดร้าย 146 00:10:37,163 --> 00:10:41,043 ‎เรารู้ว่าสัตว์ในยุคน้ำแข็ง ‎อพยพข้ามสะพานแผ่นดินโบราณนั่น 147 00:10:41,123 --> 00:10:46,083 ‎มายังแผ่นดินที่อบอุ่นกว่า อุดมสมบูรณ์กว่า ‎ของมอลตาและเติบโตที่นี่ 148 00:10:48,523 --> 00:10:50,483 ‎มนุษย์จะไม่เดินทางตามพวกมันเหรอ 149 00:10:53,523 --> 00:10:55,803 ‎(อิตาลี - ซิซิลี - มอลตา) 150 00:10:55,883 --> 00:10:59,963 ‎นักโบราณคดีพบร่องรอยของมนุษย์ยุคแรก ‎ในซิซิลีจากสมัยนั้น 151 00:11:00,043 --> 00:11:02,643 ‎(12,000 ปีก่อนค.ศ.) 152 00:11:02,723 --> 00:11:06,043 ‎ทำไมการอพยพของพวกเขาไปทางใต้ถึงหยุดที่นั่น 153 00:11:07,203 --> 00:11:10,683 ‎สำหรับผม ความลึกลับของการปรากฏตัว ‎จากที่ไหนไม่รู้ 154 00:11:10,763 --> 00:11:13,843 ‎ของวิหารมอลตาเมื่อห้าถึงหกพันปีก่อน 155 00:11:13,923 --> 00:11:15,843 ‎หายไปเมื่อเรายอมรับว่า 156 00:11:15,923 --> 00:11:18,443 ‎ที่จริงแล้วมีช่วงเวลาก่อนหน้านั้นนานมาก 157 00:11:18,523 --> 00:11:21,163 ‎ในยุคน้ำแข็งเมื่อ 12,000 ถึง 14,000 ปีก่อน 158 00:11:21,243 --> 00:11:22,923 ‎เมื่อมอลตาเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินใหญ่ 159 00:11:25,123 --> 00:11:28,123 ‎ปัญหาคือนักโบราณคดีอ้างว่า 160 00:11:28,203 --> 00:11:32,043 ‎ไม่มีหลักฐานของมนุษย์เผ่าพันธุ์ไหนบนมอลตา 161 00:11:32,123 --> 00:11:33,683 ‎จากสมัยนั้นเลย 162 00:11:33,763 --> 00:11:35,603 ‎แต่ไม่จริงซะทั้งหมด 163 00:11:36,883 --> 00:11:39,323 ‎และหลักฐานอยู่ในถ้ำแห่งนี้ 164 00:11:39,403 --> 00:11:43,363 ‎(การ์ดาลัม) 165 00:11:43,443 --> 00:11:44,483 ‎ที่นี่คือการ์ดาลัม 166 00:11:45,323 --> 00:11:48,283 ‎ใกล้ชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ ‎ของเกาะหลักของมอลตา 167 00:11:50,763 --> 00:11:53,323 ‎เครื่องย้อนเวลาทางธรณีวิทยา 168 00:11:53,403 --> 00:11:56,443 ‎ที่เผยหลักฐาน ‎ของยุคก่อนประวัติศาสตร์ของมอลตา 169 00:12:00,483 --> 00:12:04,603 ‎ที่นี่ น้ำท่วมหลายครั้งทิ้งกระดูกสัตว์และฟอสซิล 170 00:12:04,683 --> 00:12:06,683 ‎เก่าแก่หลายพันปีเอาไว้ 171 00:12:12,763 --> 00:12:14,443 ‎ดร.แอนทอน มิฟซุด 172 00:12:14,523 --> 00:12:17,363 ‎ประธานสมาพันธ์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ของมอลตา 173 00:12:17,443 --> 00:12:19,683 ‎ได้ศึกษาสถานที่นี้มาหลายทศวรรษ 174 00:12:19,763 --> 00:12:20,963 ‎มันใหญ่มาก 175 00:12:21,043 --> 00:12:25,163 ‎สิ่งที่เขาค้นพบที่นี่ ‎ก่อให้เกิดการโต้เถียงกันอย่างมาก 176 00:12:27,123 --> 00:12:29,563 ‎ถ้ำการ์ดาลัมเป็นหลักฐานในหิน 177 00:12:29,643 --> 00:12:31,083 ‎ของยุคก่อนประวัติศาสตร์ของมอลตา 178 00:12:31,163 --> 00:12:35,603 ‎และผมเข้าใจว่าหินงอกนี้สำคัญสำหรับงานของคุณ 179 00:12:35,683 --> 00:12:39,483 ‎เริ่มต้นจากตรงที่มีสีน้ำตาลอ่อน… 180 00:12:39,563 --> 00:12:41,203 ‎- มันเรียกว่าชั้นดินวัฒนธรรม ‎- ครับ 181 00:12:41,283 --> 00:12:42,603 ‎ที่แสดงว่ามีคนเคยอยู่ที่นี่จริงๆ 182 00:12:42,683 --> 00:12:43,523 ‎(ชั้นดินสัตว์เลี้ยง ‎ชั้นดินวัฒนธรรม ชั้นดินเครื่องปั้นดินเผา) 183 00:12:43,603 --> 00:12:46,843 ‎- ใช่ แปดพันปีที่ผ่านมา ใช่ ‎- แปดพันปีที่ผ่านมา ถูกต้อง 184 00:12:46,923 --> 00:12:52,123 ‎ตรงนั้น ใต้สุดของมัน ‎เป็นสิ่งที่เรียกว่า แผ่นไพรสโตซีน 185 00:12:52,203 --> 00:12:54,003 ‎- พอเราลงไปใต้แผ่นนั้น… ‎- ครับ 186 00:12:54,083 --> 00:12:56,123 ‎- เราจะเข้าสู่พื้นที่ที่เป็นยุคน้ำแข็ง… ‎- มี… 187 00:12:56,203 --> 00:12:58,523 ‎มันมีซากสัตว์ในยุคน้ำแข็ง… 188 00:12:58,603 --> 00:13:00,523 ‎- ใช่ ‎- แต่มันไม่ได้เรียกว่าชั้นดินวัฒนธรรม 189 00:13:00,603 --> 00:13:03,123 ‎เพราะเชื่อว่าไม่เคยมีมนุษย์อาศัยอยู่ที่นี่ 190 00:13:03,203 --> 00:13:04,283 ‎ถูกต้อง ใช่ 191 00:13:05,043 --> 00:13:10,283 ‎อะไรก็ตามที่เจอในความลึกขนาดนี้ ‎มีอายุอย่างน้อย 11,600 ปี 192 00:13:10,363 --> 00:13:13,283 ‎ถ้าประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการ ‎ของมอลตาถูกต้อง 193 00:13:13,363 --> 00:13:17,163 ‎มันไม่ควรมีซากมนุษย์อยู่เมื่อพวกเขาขุดลงไป 194 00:13:19,523 --> 00:13:23,763 ‎แต่กว่าศตวรรษที่ผ่านมา ‎นักโบราณคดีพบอะไรบางอย่าง 195 00:13:23,843 --> 00:13:25,123 ‎(กระดูกฟัน) 196 00:13:25,203 --> 00:13:27,003 ‎บางอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด 197 00:13:28,923 --> 00:13:34,923 ‎ในปี 1917 นักขุดเจาะชาวมอลทีสสองคน ‎ค้นพบฟันพิเศษสองซี่ 198 00:13:35,003 --> 00:13:35,843 ‎ครับ 199 00:13:37,203 --> 00:13:40,443 ‎พวกมันมีสีของฟอสซิล ไม่มีรากฟัน 200 00:13:40,523 --> 00:13:43,043 ‎รากฟันถูกดูดเข้าไปในตัวฟัน 201 00:13:43,123 --> 00:13:46,043 ‎ครับ งั้นนี่ก็เป็นฟัน ‎ของมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลดั้งเดิมใช่ไหม 202 00:13:46,123 --> 00:13:48,043 ‎- ใช่ ‎- แล้วฟันสองซี่นั้นถูกค้นพบที่ไหน 203 00:13:48,123 --> 00:13:51,123 ‎ถูกเจอตรงนั้น ตรงใต้หินงอก ตรงนี้ 204 00:13:51,203 --> 00:13:53,203 ‎- ตรงใต้สุดของหินงอก ‎- ใช่แล้ว 205 00:13:53,283 --> 00:13:54,683 ‎ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับการขุด 206 00:13:54,763 --> 00:13:56,803 ‎เชื่อว่าพวกเขาเจอหลักฐาน 207 00:13:56,883 --> 00:13:59,403 ‎ที่จะเปลี่ยนเรื่องราวของมนุษย์ในมอลตา 208 00:14:03,523 --> 00:14:04,523 ‎นี่คือหลักฐาน… 209 00:14:04,603 --> 00:14:05,443 ‎(อิตาลี - ซิซิลี - มอลตา) 210 00:14:05,523 --> 00:14:08,403 ‎ว่ามนุษย์นีแอนเดอร์ทัล ‎เดินข้ามสะพานผืนดินในยุคน้ำแข็งนั่นจริงๆ 211 00:14:09,843 --> 00:14:15,163 ‎แต่บางครั้งนักโบราณคดี ‎ก็ขุดสิ่งที่คนอื่นอยากลืมขึ้นมา 212 00:14:16,243 --> 00:14:21,843 ‎ในปี 1952 มีการทดสอบความเก่าแก่ขึ้น 213 00:14:21,923 --> 00:14:24,003 ‎ครับ ผลจากการทดสอบเป็นยังไง 214 00:14:24,083 --> 00:14:26,243 ‎ผลไม่ได้ถูกเผยแพร่ 215 00:14:27,363 --> 00:14:30,483 ‎ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผลถูกเก็บเป็นความลับ 216 00:14:31,443 --> 00:14:34,643 ‎สิ่งที่เรารู้คือหลายปีให้หลัง 217 00:14:34,723 --> 00:14:38,123 ‎ฟันเหล่านั้นไม่ได้ถูกให้ค่าว่าเป็นของแท้ 218 00:14:39,403 --> 00:14:42,443 ‎และจนถึงวันนี้ ‎หนังสือประวัติศาสตร์ยังคงยืนยันว่า 219 00:14:42,523 --> 00:14:47,963 ‎ไม่เคยมีมนุษย์เผ่าพันธุ์ใด ‎มาถึงมอลตาจนกระทั่ง 7,900 ปีก่อน 220 00:14:48,523 --> 00:14:52,763 ‎ทำไมโบราณคดีถึงค้านความเชื่อ ‎เรื่องมนุษย์ยุคก่อนหน้า 221 00:14:57,403 --> 00:15:00,803 ‎การเปลี่ยนแปลงรูปแบบความคิดไม่ใช่เรื่องง่าย 222 00:15:00,883 --> 00:15:02,603 ‎เมื่อความคิดบางอย่าง 223 00:15:02,683 --> 00:15:06,523 ‎เข้าครอบงำนักวิชาการกลุ่มหนึ่ง ‎ในสาขาหนึ่งโดยเฉพาะ 224 00:15:06,603 --> 00:15:08,603 ‎พวกเขาไม่ยอมปล่อยมันไป 225 00:15:08,683 --> 00:15:11,763 ‎พวกเขายึดติดกับมัน 226 00:15:11,843 --> 00:15:13,243 ‎และการโจมตีรูปแบบความคิดนั้น 227 00:15:13,323 --> 00:15:15,923 ‎กลายเป็นการโจมตีพวกเขา ‎พวกเขาจึงต้องปกป้องมันสุดกำลัง 228 00:15:18,083 --> 00:15:20,283 ‎ด้วยความอยากค้นคว้าด้วยตัวเอง 229 00:15:20,363 --> 00:15:26,283 ‎ในปี 2016 ดร.มิฟซุดควักกระเป๋าตัวเอง ‎เพื่อวิเคราะห์ฟันด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้า 230 00:15:27,323 --> 00:15:29,763 ‎มันถูกตรวจสอบโดยนักมานุษยวิทยากายภาพ 231 00:15:29,843 --> 00:15:31,563 ‎- อันดับต้นๆ สามคน… ‎- ครับ 232 00:15:31,643 --> 00:15:33,643 ‎และพวกเขายืนยันว่าเป็นฟันของนีแอนเดอร์ทัล 233 00:15:33,723 --> 00:15:34,643 ‎ครับ 234 00:15:35,203 --> 00:15:38,683 ‎นี่เป็นหลักฐานของมนุษย์ในยุคน้ำแข็ง 235 00:15:41,243 --> 00:15:43,523 ‎มันมีผลอะไรกับเรื่องราวทั้งหมดของมอลตา 236 00:15:44,283 --> 00:15:48,003 ‎มันย้อนช่วงเวลากลับไปไกลมากๆ 237 00:15:48,083 --> 00:15:48,963 ‎ครับ 238 00:15:49,043 --> 00:15:51,243 ‎ประวัติศาสตร์อีกบทได้ถูกเปิดขึ้น 239 00:15:53,363 --> 00:15:54,203 ‎ครับ 240 00:15:55,323 --> 00:15:58,723 ‎ถ้ามนุษย์นีแอนเดอร์ทัล ‎ญาติของเรามาถึงมอลตาได้ 241 00:15:58,803 --> 00:16:02,883 ‎มันพิสูจน์ว่าสะพานแผ่นดินถูกใช้โดยมนุษย์โบราณ 242 00:16:02,963 --> 00:16:05,363 ‎และเป็นไปได้ว่าวัฒนธรรมยุคน้ำแข็งอีกพวก 243 00:16:05,443 --> 00:16:07,163 ‎ทิ้งร่องรอยของพวกเขาไว้ที่นี่เช่นกัน 244 00:16:10,483 --> 00:16:16,203 ‎ในความเห็นของผม หลักฐานอารยธรรม ‎ที่เก่าแก่กว่ามากในมอลตาน่าสนใจ 245 00:16:16,283 --> 00:16:18,683 ‎และมันไม่ได้มีแค่ฟันไม่กี่ซี่ 246 00:16:23,403 --> 00:16:27,243 ‎ผมอยากให้คุณเห็นสิ่งที่ผมเห็นเมื่อ 25 ปีก่อน 247 00:16:27,323 --> 00:16:29,123 ‎ตอนผมไปมอลตาเป็นครั้งแรก 248 00:16:29,203 --> 00:16:33,443 ‎มันถูกแกะสลักบนหินดานของเกาะเอง 249 00:16:36,083 --> 00:16:39,003 ‎มันเป็นปรากฏการณ์ที่พบทั่วเกาะเหล่านี้ 250 00:16:40,603 --> 00:16:45,403 ‎ร่องขนานกันที่ถูกแกะสลัก ‎ลึกลงไปในหินปูนโบราณ 251 00:16:46,843 --> 00:16:49,843 ‎ร่องเหล่านี้ยาวเกือบ 35 กิโลเมตร 252 00:16:51,083 --> 00:16:53,723 ‎และมักพาดกันไปมาเหมือนทางรถไฟ 253 00:16:54,763 --> 00:16:57,603 ‎นักโบราณคดีทั่วไปตั้งสันนิษฐานว่า 254 00:16:57,683 --> 00:17:00,963 ‎มันมีอายุไม่เกิน 2,600 ปี 255 00:17:01,803 --> 00:17:04,003 ‎แต่ไม่เคยมีการศึกษามันอย่างถ่องแท้ 256 00:17:05,043 --> 00:17:08,123 ‎มันไม่มีร่องรอยของเครื่องมือที่ใช้อย่างชัดเจน 257 00:17:08,203 --> 00:17:11,563 ‎และไม่ใช่ผลจากกระบวนการทางธรรมชาติใดๆ 258 00:17:12,443 --> 00:17:14,483 ‎มันเกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์แน่นอน 259 00:17:14,563 --> 00:17:17,483 ‎แม้จะไม่รู้แน่ชัดว่ามันมีไว้เพื่ออะไร 260 00:17:18,443 --> 00:17:22,443 ‎มักมีการสันนิษฐานว่า ‎มันเป็นเส้นทางขนส่งโบราณบางอย่าง 261 00:17:22,523 --> 00:17:25,362 ‎มันจึงมีชื่อที่เรียกกันแพร่หลายว่า "ร่องรถเข็น" 262 00:17:27,083 --> 00:17:29,003 ‎แต่นี่คือสิ่งที่ทำให้ผมสนใจ 263 00:17:29,083 --> 00:17:31,763 ‎ร่องเหล่านี้ไม่ได้ปรากฏอยู่แค่บนดิน 264 00:17:33,162 --> 00:17:35,803 ‎บางร่องยาวต่อลงไปในทะเล 265 00:17:37,523 --> 00:17:40,323 ‎นี่คือร่องคู่หนึ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ถนนตัดใหม่ 266 00:17:40,403 --> 00:17:44,363 ‎แต่ร่องหายไปใต้น้ำตรงท่าเรือทางขวามือของผม 267 00:17:44,443 --> 00:17:46,723 ‎ชัดเจนว่าสร้างขึ้นก่อนน้ำทะเลจะสูงท่วมมัน 268 00:17:49,283 --> 00:17:50,283 ‎(ปี 2001) 269 00:17:50,363 --> 00:17:54,883 ‎ตลอดหลายปี ผมพบและติดตามร่องใต้น้ำ ‎ที่มนุษย์สร้างขึ้นอีกหลายแห่ง 270 00:17:54,963 --> 00:18:00,483 ‎ถ่ายวิดีโอนอกชายฝั่งเกือบกิโลเมตร ‎ที่ความลึกเกือบ 25 เมตร 271 00:18:03,083 --> 00:18:05,243 ‎ใครก็ตามที่สร้างมันขึ้นมา คงสร้างมัน 272 00:18:05,323 --> 00:18:08,363 ‎ตอนพื้นทะเลบริเวณนั้นยังอยู่เหนือน้ำ 273 00:18:08,443 --> 00:18:11,763 ‎มากกว่า 12,000 ปีก่อน ในยุคน้ำแข็งสุดท้าย 274 00:18:11,843 --> 00:18:12,683 ‎(อิตาลี - ซิซิลี - มอลตา) 275 00:18:13,963 --> 00:18:17,283 ‎มันทำให้ผมสงสัยว่า ‎ยังมียุคก่อนประวัติศาสตร์มอลตาอีกมากขนาดไหน 276 00:18:17,363 --> 00:18:19,163 ‎ที่ซ่อนอยู่ใต้คลื่นเหล่านี้ 277 00:18:19,243 --> 00:18:21,243 ‎ยังมีโครงสร้างน้ำมืดมนุษย์อีกกี่แห่ง 278 00:18:21,323 --> 00:18:24,683 ‎แม้แต่วิหารหิน ที่ยังรอการค้นพบ 279 00:18:28,403 --> 00:18:31,363 ‎เหตุผลที่ผมเชื่อว่ามีอารยธรรมโบราณที่ลึกลงไป 280 00:18:31,443 --> 00:18:33,803 ‎อยู่หลังวิหารในมอลตาเหล่านี้ 281 00:18:33,883 --> 00:18:37,403 ‎เพราะพวกมันซับซ้อนกว่าที่เห็นครั้งแรก 282 00:18:39,723 --> 00:18:42,043 ‎ใต้เต็นท์ที่ปกป้องมันจากธาตุทั้งหลาย 283 00:18:42,123 --> 00:18:47,043 ‎คือหนึ่งในวิหารที่งดงามที่สุดของมอลตา ‎มนัจดรา 284 00:18:47,123 --> 00:18:51,043 ‎(มนัจดรา) 285 00:18:51,123 --> 00:18:55,243 ‎ผ้าคลุมทันสมัยแนวอนาคต ‎ทำให้มันแปลกแยกจากท้องฟ้า 286 00:18:55,323 --> 00:18:56,723 ‎ซึ่งน่าเสียดาย 287 00:18:57,603 --> 00:18:59,323 ‎เพราะใครก็ตามที่สร้างมนัจดรา 288 00:18:59,403 --> 00:19:03,603 ‎มีความเข้าใจในเรื่องดวงดาวอย่างล้ำลึกมาก 289 00:19:04,323 --> 00:19:07,163 ‎ความจริงที่นักโบราณคดีของมอลตาไม่เคยโต้แย้ง 290 00:19:08,843 --> 00:19:11,443 ‎เรารู้ว่าพวกเขาเฝ้าดูการขึ้นของพระอาทิตย์ 291 00:19:11,523 --> 00:19:14,203 ‎และตำแหน่งของดาวบางดวง 292 00:19:15,003 --> 00:19:17,643 ‎และพวกเขานำสิ่งที่เห็นบางอย่างมาใช้ 293 00:19:17,723 --> 00:19:19,443 ‎ในสถาปัตยกรรมนี้ 294 00:19:24,363 --> 00:19:28,843 ‎ผู้สร้างมนัจดราคิดค้นวิธีพื้นเมือง ‎ในการแกะรอยไปสวรรค์ 295 00:19:31,083 --> 00:19:32,643 ‎วันวิษุวัตในฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง 296 00:19:32,723 --> 00:19:35,963 ‎วันที่ 21 มีนาคมและ 21 กันยายนตามลำดับ 297 00:19:36,603 --> 00:19:41,883 ‎แสงจากพระอาทิตย์ขึ้น ‎ตัดขวางทางเข้าวิหารพอดี 298 00:19:41,963 --> 00:19:45,643 ‎ทำให้พื้นที่ลึกที่สุดของแท่นบูชาด้านใน ‎เต็มไปด้วยแสงสว่าง 299 00:19:59,083 --> 00:20:01,843 ‎ในช่วงเวลาเช่นนี้ ภายในวิหาร 300 00:20:01,923 --> 00:20:04,803 ‎จะสว่างไสวและมีชีวิตชีวาขึ้นมา 301 00:20:06,803 --> 00:20:08,243 ‎และไม่เพียงแค่นั้น 302 00:20:08,323 --> 00:20:10,963 ‎ช่วงพระอาทิตย์ขึ้นในฤดูร้อน ‎และวันเหมายันในฤดูหนาว 303 00:20:11,043 --> 00:20:13,483 ‎วันที่ยาวที่สุดและสั้นที่สุดของปี 304 00:20:13,563 --> 00:20:16,563 ‎แสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาในแบบที่ต่างกัน 305 00:20:16,643 --> 00:20:19,363 ‎สร้างความสว่างไสวให้ขอบหิน 306 00:20:19,443 --> 00:20:21,443 ‎ทางซ้ายและขวาของประตู 307 00:20:23,883 --> 00:20:27,723 ‎ปรากฏการณ์นี้ไม่แปลกนัก ‎สำหรับการก่อสร้างแบบโบราณ 308 00:20:27,803 --> 00:20:29,883 ‎ที่จริง มหาพีระมิดแห่งโชลูลา… 309 00:20:29,963 --> 00:20:30,803 ‎(มหาพีระมิดแห่งโชลูลา เม็กซิโก) 310 00:20:30,883 --> 00:20:34,283 ‎และพีระมิดทั้งหลายที่อยู่ใต้มัน ‎ต่างก็หันหน้าเข้าหาพระอาทิตย์ตก 311 00:20:34,363 --> 00:20:35,843 ‎ในวันครีษมายัน 312 00:20:36,643 --> 00:20:40,483 ‎และสิ่งก่อสร้างด้วยหินอื่นๆ ทั่วโลก ‎ก็หันไปในทิศทางคล้ายกัน 313 00:20:40,563 --> 00:20:41,403 ‎(สโตนเฮนจ์ สหราชอาณาจักร) 314 00:20:41,483 --> 00:20:42,683 ‎อย่างเช่นสโตนเฮนจ์ 315 00:20:44,083 --> 00:20:45,803 ‎หรือวิหารคาร์นัคในอียิปต์ 316 00:20:45,883 --> 00:20:47,363 ‎(คาร์นัค อียิปต์) 317 00:20:48,283 --> 00:20:52,083 ‎ที่มนัจดรานี้ ‎คนโบราณสร้างโครงสร้างมหึมาเหล่านี้ 318 00:20:52,163 --> 00:20:55,203 ‎เพื่อเฉลิมฉลองการพบกันของสวรรค์และโลก 319 00:20:55,283 --> 00:20:58,443 ‎ที่จริง มนัจดราและวิหารอื่นๆ 320 00:20:58,523 --> 00:21:02,723 ‎อาจเป็นส่วนหนึ่งของ ‎โครงการดาราศาสตร์โบราณที่ใหญ่กว่ามาก 321 00:21:02,803 --> 00:21:05,883 ‎ถ้าพิสูจน์ได้ว่าจริง มันจะเป็นสิ่งที่ 322 00:21:06,483 --> 00:21:10,243 ‎เปลี่ยนช่วงเวลาในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ‎ของมอลตาที่เคยรู้มาไปเลย 323 00:21:12,163 --> 00:21:14,603 ‎นักวิจัยและนักเขียนชาวดัตช์ เลนี่ รีดจิก 324 00:21:14,683 --> 00:21:17,883 ‎เคยสำรวจวิหารหินทั้งหมดของมอลตามาแล้ว 325 00:21:17,963 --> 00:21:20,803 ‎และศึกษาทิศทางของพวกมันอย่างใกล้ชิด 326 00:21:20,883 --> 00:21:22,683 ‎เธอประหลาดใจมาก 327 00:21:22,763 --> 00:21:27,403 ‎ที่ไม่มีวิหารอื่นใดในมอลตา ‎ที่ตรงกับวิษุวัตหรือมายันใดเลย 328 00:21:28,683 --> 00:21:33,243 ‎และยังไม่หันไปตาม ‎ลักษณะภูมิประเทศเฉพาะใดๆ ในบริเวณนั้น 329 00:21:34,083 --> 00:21:37,803 ‎ที่จริง ไม่มีวิหารไหนเลยที่หันไปในทางเดียวกัน 330 00:21:37,883 --> 00:21:39,003 ‎(โกโซ - มอลตา) 331 00:21:39,083 --> 00:21:41,203 ‎ไม่มีวิหารไหนที่หันไปทางเดียวกัน 332 00:21:41,283 --> 00:21:44,923 ‎- มันค่อนข้างพิเศษในตัวมันเอง ‎- มันน่าค้นหามากๆ 333 00:21:45,003 --> 00:21:46,323 ‎(เลนี่ ริดจิก นักเขียน ‎"ซิริอุส ดวงดาวแห่งวิหารมอลทีส") 334 00:21:46,403 --> 00:21:48,603 ‎เราคาดหวังว่าลักษณะของวิหาร 335 00:21:48,683 --> 00:21:51,883 ‎เช่นโบสถ์หรือมัสยิด จะมีแบบแผนในการสร้าง 336 00:21:53,763 --> 00:21:58,123 ‎ทำไมมนัจดราเป็นวิหารแห่งเดียว ‎ที่ตรงกับมายัน 337 00:21:59,083 --> 00:22:03,323 ‎วิหารอื่นในมอลตาถูกสร้างขึ้น ‎เพื่อหันเข้าหาบางอย่างในสวรรค์เช่นกันหรือไม่ 338 00:22:04,963 --> 00:22:06,363 ‎ถ้าใช่ มันคืออะไร 339 00:22:09,723 --> 00:22:12,003 ‎เราต้องหาหลักการให้เจอ 340 00:22:12,763 --> 00:22:17,163 ‎เราต้องรู้เรื่องดาราศาสตร์โบราณ 341 00:22:18,083 --> 00:22:20,603 ‎มันหมายถึงดาราศาสตร์ของคนโบราณ 342 00:22:20,683 --> 00:22:26,283 ‎มีการเคลื่อนที่บนท้องฟ้าที่น่าสนใจและไม่ค่อยรู้กัน 343 00:22:26,363 --> 00:22:29,683 ‎ซึ่งมีชื่อ และนั่นคือการโคจรเป็นวงกลม 344 00:22:34,123 --> 00:22:38,923 ‎ต่างกับสิ่งที่เราส่วนใหญ่คิด ‎โลกไม่ได้เป็นวงกลมสมบูรณ์ 345 00:22:39,003 --> 00:22:41,523 ‎ที่จริงมันเบี้ยวเล็กน้อยบริเวณเส้นศูนย์สูตร 346 00:22:42,083 --> 00:22:43,323 ‎ผลน่ะเหรอ 347 00:22:43,403 --> 00:22:46,443 ‎เพราะแรงโน้มถ่วงของพระอาทิตย์และพระจันทร์ 348 00:22:46,523 --> 00:22:50,723 ‎โลกโคลงเคลงนิดหน่อย เวลาหมุนด้วยแกนกลาง 349 00:22:50,803 --> 00:22:54,763 ‎การหมุนนี้เปลี่ยนภาพท้องฟ้าที่เราเห็น ‎ในช่วงหลายปี 350 00:22:54,843 --> 00:22:59,843 ‎ทำให้กลุ่มดาวอันห่างไกล ‎เปลี่ยนตำแหน่งอย่างมีระบบ 351 00:22:59,923 --> 00:23:04,123 ‎ท้องฟ้าทั้งหมดเคลื่อนไหวเช่นนี้ แต่น้อยมากๆ 352 00:23:04,203 --> 00:23:08,003 ‎ต่างออกไปแค่องศาเดียว 353 00:23:08,083 --> 00:23:14,803 ‎ในตำแหน่งขึ้นหรือตกของดาวดวงไหนๆ ใน 72 ปี 354 00:23:15,883 --> 00:23:20,363 ‎ถ้าเราสร้างวิหารเหล่านี้ ‎ให้หันไปทางดาวดวงใดดวงหนึ่ง 355 00:23:20,443 --> 00:23:21,803 ‎ผ่านไปหลายศตวรรษ 356 00:23:21,883 --> 00:23:26,203 ‎ทิศทางของวิหารเหล่านี้จะเปลี่ยนไป ‎อย่างที่เราเห็นในมอลตา 357 00:23:26,883 --> 00:23:28,923 ‎(โกโซ - มอลตา) 358 00:23:29,483 --> 00:23:30,803 ‎แต่มีปัญหาอย่างนึง 359 00:23:30,883 --> 00:23:32,403 ‎ช่วงเวลาอย่างเป็นทางการ… 360 00:23:32,483 --> 00:23:33,323 ‎(3,600 ปีก่อนค.ศ.) 361 00:23:33,403 --> 00:23:37,323 ‎อ้างว่าวิหารมอลตาทั้งหมด ‎ถูกสร้างขึ้นราวๆ 5,600 ปี 362 00:23:37,403 --> 00:23:39,523 ‎ถึง 4,500 ปีก่อน 363 00:23:39,603 --> 00:23:40,443 ‎(2,500 ปีก่อนค.ศ.) 364 00:23:40,523 --> 00:23:42,763 ‎และเมื่อมองดูตำแหน่งของดาวที่สว่างที่สุด 365 00:23:42,843 --> 00:23:45,523 ‎ที่เห็นได้บนท้องฟ้าในช่วงเวลานั้น 366 00:23:45,603 --> 00:23:47,843 ‎ไม่มีดวงไหนเป็นไปได้เลย 367 00:23:48,603 --> 00:23:51,123 ‎มีความไม่พอใจอย่างมาก 368 00:23:51,203 --> 00:23:56,483 ‎เมื่อเราคิดนอกกรอบทฤษฎีทั่วไป 369 00:23:56,563 --> 00:23:58,283 ‎แล้วย้อนไปก่อนช่วงเวลาที่วิหาร 370 00:23:58,363 --> 00:24:00,683 ‎- น่าจะถูกสร้างขึ้น ‎- ใช่เลย 371 00:24:03,483 --> 00:24:05,243 ‎แต่การใช้ซอฟต์แวร์ล้ำสมัย 372 00:24:05,323 --> 00:24:08,523 ‎ซึ่งติดตามการเคลื่อนที่ของดวงดาว ‎มาหลายพันปี 373 00:24:09,483 --> 00:24:12,923 ‎เลนี่สามารถย้อนท้องฟ้ายามค่ำคืนเหมือนนาฬิกา 374 00:24:14,083 --> 00:24:18,163 ‎แล้วหาดาวที่เห็นเด่นชัดดวงหนึ่ง ‎ซึ่งตรงกับวิหารทั้งหมด 375 00:24:19,763 --> 00:24:23,403 ‎และไม่เพียงในช่วงเวลา ‎ที่พวกมันน่าจะถูกสร้างขึ้น 376 00:24:24,123 --> 00:24:26,363 ‎แต่ในช่วงใดก็ตามในอดีต 377 00:24:27,683 --> 00:24:32,963 ‎ฉันพยายามดูแล้วดูอีก แล้วจู่ๆ มันก็ปรากฏขึ้น 378 00:24:34,043 --> 00:24:36,963 ‎วิหารหันเข้าหาดาวดวงหนึ่ง 379 00:24:38,683 --> 00:24:43,403 ‎ดาวดวงนั้นคือซิริอุส มักรู้จักกันในชื่อดาวโจร 380 00:24:45,643 --> 00:24:49,563 ‎มันพาดผ่านทางเข้าทั้งหมด ณ ช่วงเวลาหนึ่ง 381 00:24:49,643 --> 00:24:53,243 ‎ตรงกับวิหารทั้งหมด ทุกแห่งเลย 382 00:24:57,843 --> 00:25:00,803 ‎และแน่นอนว่าซิริอุสเป็นดาวที่ยิ่งใหญ่ดวงหนึ่ง 383 00:25:00,883 --> 00:25:03,123 ‎ถ้าผมคิดถูก มันเป็นดาวที่สว่างที่สุดบนท้องฟ้า 384 00:25:03,203 --> 00:25:07,043 ‎สว่างที่สุดเลย ‎สว่างกว่าอันดับสองถึงสองเท่า 385 00:25:09,123 --> 00:25:10,843 ‎ทฤษฎีของเลนี่ยังอธิบายด้วยว่า 386 00:25:10,923 --> 00:25:14,283 ‎ทำไมนักดาราศาสตร์สมัยก่อนเหล่านี้ ‎ถึงสร้างวิหารมากมายนัก 387 00:25:15,523 --> 00:25:18,363 ‎เมื่อเวลาผ่านไป ซิริอุสเปลี่ยนตำแหน่ง 388 00:25:18,443 --> 00:25:21,083 ‎มองไม่เห็นมันจากแต่ละวิหารอีกต่อไป 389 00:25:21,163 --> 00:25:26,083 ‎ทำให้สถาปนิกต้องสร้างวิหารแห่งใหม่ ‎ที่หันเหไปอีกหน่อย 390 00:25:26,163 --> 00:25:27,003 ‎(โกโซ - มอลตา) 391 00:25:28,043 --> 00:25:33,123 ‎เพราะการโคจร ‎มอลตามองไม่เห็นซิริอุสอยู่หลายพันปี 392 00:25:33,203 --> 00:25:36,923 ‎จนความโคลงเคลงของโลกทำให้เห็นมันอีกครั้ง 393 00:25:37,003 --> 00:25:39,043 ‎ประมาณ 11,000 ปีก่อน 394 00:25:39,723 --> 00:25:42,883 ‎วิหารแห่งนี้ที่หันเข้าหาการปรากฏตัวอันยิ่งใหญ่ 395 00:25:42,963 --> 00:25:46,603 ‎หลังหายไปนานเป็นวิหารธรรมดาที่เรียกว่า ‎ฮาการ์ คิม นอร์ท 396 00:25:46,683 --> 00:25:47,683 ‎(ฮาการ์ คิม นอร์ท) 397 00:25:47,763 --> 00:25:50,723 ‎มันยังเป็นหนึ่งในวิหารที่เล็กที่สุดอีกด้วย 398 00:25:50,803 --> 00:25:52,243 ‎พวกเขาเริ่มจากเล็กมากๆ 399 00:25:52,323 --> 00:25:54,803 ‎- และเมื่อหนึ่งพันปีผ่านไป… ‎- ครับ 400 00:25:54,883 --> 00:25:58,123 ‎จบลงด้วยการสร้างวิหารที่ใหญ่ที่สุด 401 00:25:58,203 --> 00:25:59,443 ‎จะเรียกว่ามหาวิหารก็ได้ 402 00:26:00,643 --> 00:26:02,163 ‎ซึ่งก็คือจกันติยา 403 00:26:04,283 --> 00:26:05,723 ‎ถ้าเลนี่คิดถูก 404 00:26:06,403 --> 00:26:10,363 ‎นั่นหมายความว่าโครงการวิหารหินของมอลตา ‎เริ่มต้นขึ้นหลายพันปี 405 00:26:10,443 --> 00:26:13,163 ‎ก่อนชาวไร่ยุคหินจากซิซิลีจะมาถึงเกาะแห่งนี้… 406 00:26:13,243 --> 00:26:14,083 ‎(5,900 ปีก่อนค.ศ.) 407 00:26:15,883 --> 00:26:17,923 ‎(9,000 ปีก่อนค.ศ.) 408 00:26:18,003 --> 00:26:22,323 ‎และน่าจะเป็นผลงานของวัฒนธรรม ‎ที่มีความรู้ด้านดาราศาสตร์อย่างล้ำลึก 409 00:26:23,843 --> 00:26:26,203 ‎และความเชี่ยวชาญล้ำหน้าทางสถาปัตยกรรม 410 00:26:31,723 --> 00:26:34,563 ‎เหตุผลที่พวกเขาเลือกบูชาซิริอุสแบบนี้… 411 00:26:37,123 --> 00:26:38,443 ‎อาจเป็นเพราะ 412 00:26:38,523 --> 00:26:41,603 ‎มันเป็นดาวที่สว่างที่สุด ‎บนท้องฟ้ายามค่ำคืนในเวลานั้น 413 00:26:42,843 --> 00:26:44,843 ‎แต่อาจมีอะไรมากกว่านั้น 414 00:26:46,363 --> 00:26:49,283 ‎ดาวซิริอุสยังมีบทบาทสำคัญ 415 00:26:49,363 --> 00:26:52,163 ‎ในตำนานของวัฒนธรรมโบราณอันยิ่งใหญ่อีกแห่ง 416 00:26:52,803 --> 00:26:54,243 ‎นั่นคืออียิปต์โบราณ 417 00:26:54,323 --> 00:26:58,963 ‎ที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับน้ำท่วมทุกปี ‎ของแม่น้ำไนล์ และปีใหม่ 418 00:26:59,923 --> 00:27:02,923 ‎และเป็นสัญลักษณ์ของไอซิส ‎เทพธิดาผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขา 419 00:27:05,163 --> 00:27:07,123 ‎และนี่ไม่ใช่ความเกี่ยวข้องที่น่าสงสัยเดียว 420 00:27:07,203 --> 00:27:09,163 ‎ระหว่างอียิปต์โบราณกับมอลตาโบราณ 421 00:27:10,963 --> 00:27:15,923 ‎เรือหาปลาของชาวมอลทีส ‎ตกแต่งด้วยสัญลักษณ์อันโดดเด่น… 422 00:27:18,123 --> 00:27:20,043 ‎ที่ได้มาจากตำนานอียิปต์… 423 00:27:22,763 --> 00:27:24,163 ‎ดวงตาของฮอรัส 424 00:27:26,203 --> 00:27:30,523 ‎ชาวประมงเชื่อว่ามันให้สุขภาพที่ดี ความรุ่งเรือง 425 00:27:30,603 --> 00:27:32,443 ‎และเหนือสิ่งอื่นใด การปกป้อง 426 00:27:34,283 --> 00:27:36,523 ‎สัญลักษณ์เดียวกันนี้ 427 00:27:36,603 --> 00:27:39,363 ‎ทำหน้าที่เดียวกันในอียิปต์โบราณ 428 00:27:41,083 --> 00:27:46,603 ‎ที่น่าสนใจคือประเพณีนี้เชื่อมต่อมอลตา ‎กับตำนานชื่อดังที่สุดของอียิปต์ 429 00:27:47,403 --> 00:27:50,283 ‎เรื่องราวของผู้ปกครองของเทพฮอรัสองค์นั้น… 430 00:27:50,363 --> 00:27:52,203 ‎โอไซริสกับไอซิส 431 00:27:56,083 --> 00:28:00,363 ‎ในสมัยโบราณ เทพโอไซริสผู้ชาญฉลาด ‎ลงมายังอียิปต์ 432 00:28:00,443 --> 00:28:03,243 ‎เพื่อปกครองร่วมกับไอซิส น้องสาวของเขา 433 00:28:03,323 --> 00:28:06,323 ‎แต่ประชาชนไร้ความเจริญและไร้กฎหมาย 434 00:28:07,603 --> 00:28:09,723 ‎โอไซริสจึงนำวัฒนธรรมมาให้ 435 00:28:09,803 --> 00:28:13,243 ‎ออกกฎหมายและสอนให้พวกเขาทำการเกษตร 436 00:28:14,963 --> 00:28:18,963 ‎จากนั้นเขาก็ทิ้งให้ไอซิสปกครองอียิปต์ ‎ระหว่างที่เขาเดินทางทั่วโลก 437 00:28:19,043 --> 00:28:22,043 ‎เพื่อสอนทักษะเดียวกันให้ผู้คนในชาติอื่นๆ 438 00:28:25,203 --> 00:28:28,123 ‎ตำนานของวีรบุรุษที่เดินทางสร้างความเจริญนี้ 439 00:28:28,203 --> 00:28:30,603 ‎เป็นสิ่งที่ผมรับรู้จากการเดินทางของตัวเอง 440 00:28:31,803 --> 00:28:36,523 ‎เรื่องราวของโอไซริสคล้ายกับ ‎ของเควตซาลโคลาเทิลในเม็กซิโก 441 00:28:36,603 --> 00:28:39,123 ‎และวีรบุรุษผู้สร้างความเจริญอื่นๆ ‎จากนิทานโบราณ 442 00:28:40,403 --> 00:28:44,483 ‎ครูผู้ชาญฉลาดที่ปรากฏตัวหลังหายนะครั้งสำคัญ 443 00:28:44,563 --> 00:28:46,723 ‎เพื่อแบ่งปันพรแห่งความเจริญ 444 00:28:46,803 --> 00:28:49,883 ‎ให้มนุษยชาติรู้วิธีสร้างผลงานชิ้นสำคัญจากหิน 445 00:28:50,683 --> 00:28:54,123 ‎นำการเกษตรและความรู้ด้านดวงดาว ‎มาให้พวกเขา 446 00:28:56,083 --> 00:29:01,963 ‎เป็นไปได้ไหมที่ตำนานเหล่านี้ ‎ที่คล้ายกันมากในหลายวัฒนธรรม 447 00:29:02,043 --> 00:29:05,403 ‎อาจสืบย้อนกลับไปถึงแหล่งที่มาเดียวกัน 448 00:29:07,363 --> 00:29:11,003 ‎ถ้าคนมีหนวดเคราพันผ้าจากทางตะวันออกใกล้ 449 00:29:11,083 --> 00:29:13,483 ‎มายังอเมริกา มายังเมดิเตอร์เรเนียน 450 00:29:13,563 --> 00:29:15,803 ‎มาจากวัฒนธรรมโบราณเดียวกัน 451 00:29:16,603 --> 00:29:19,683 ‎มันหมายความว่าระหว่างที่ ‎บรรพบุรุษเก็บของป่าล่าสัตว์ของเรา 452 00:29:19,763 --> 00:29:21,563 ‎กำลังพยายามเอาตัวรอดในยุคน้ำแข็ง 453 00:29:22,283 --> 00:29:24,803 ‎มีคนอื่นกำลังเดินทางไปรอบโลก 454 00:29:26,603 --> 00:29:29,283 ‎แล้วเผยแพร่ความชำนาญทันสมัยให้ผู้อื่น 455 00:29:30,563 --> 00:29:33,723 ‎และผมเชื่อว่ามีหลักฐานในเรื่องนั้น ‎บนเกาะอีกแห่ง 456 00:29:34,363 --> 00:29:38,683 ‎ที่เกือบจมน้ำตอนสิ้นยุคน้ำแข็งสุดท้ายเหมือนมอลตา 457 00:29:39,523 --> 00:29:43,243 ‎ที่อยู่ห่างออกไปค่อนโลก ‎ในน้ำทะเลสีครามของแคริบเบียน 458 00:29:46,003 --> 00:29:51,523 ‎ถ้าความเจริญล้ำหน้าถูกทะเลกลืนกินไป ‎เมื่อ 11,600 ปีก่อน 459 00:29:51,603 --> 00:29:56,563 ‎หลักฐานของมันน่าจะยังอยู่ใต้น้ำ 460 00:29:57,643 --> 00:29:59,723 ‎มาคุยเรื่องแอตแลนติสกัน 461 00:30:26,683 --> 00:30:31,683 ‎คำบรรยายโดย พรทินา ตั้งสัจจะวิฑูรย์