1 00:00:06,083 --> 00:00:08,963 ‎(ซีรีส์จาก NETFLIX) 2 00:00:17,323 --> 00:00:19,323 ‎ถ้าคุณหาชื่อผมในวิกิพีเดีย… 3 00:00:19,403 --> 00:00:20,243 ‎(แกรห์ม แฮนค็อก) 4 00:00:20,323 --> 00:00:24,643 ‎คุณจะพบว่าผมถูกบรรยายไว้ว่าเป็น ‎นักโบราณคดีหรือนักวิทยาศาสตร์เทียม 5 00:00:24,723 --> 00:00:26,163 ‎(วิทยาศาสตร์เทียม) 6 00:00:26,243 --> 00:00:28,043 ‎ผมว่ามันไร้สาระสิ้นดี 7 00:00:28,923 --> 00:00:32,723 ‎ผมไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์เทียม ‎พอๆ กับที่โลมาไม่ใช่ปลา 8 00:00:35,323 --> 00:00:37,162 ‎ผมเป็นนักข่าวสืบสวน 9 00:00:37,723 --> 00:00:41,363 ‎งานของผมคือการสืบสวนเรื่องราวที่เป็นทางการ 10 00:00:42,723 --> 00:00:44,003 ‎ว่ามีอะไรในอดีต 11 00:00:44,083 --> 00:00:47,403 ‎ที่รูปแบบที่มีอยู่ของยุคก่อนประวัติศาสตร์ ‎อธิบายไม่ได้บ้าง 12 00:00:49,483 --> 00:00:51,883 ‎สิ่งแปลกประหลาดและสิ่งผิดปกติ ‎เป็นที่สนใจอย่างยิ่ง 13 00:00:53,763 --> 00:00:57,203 ‎นั่นคือสิ่งที่นำผมมาที่บาฮามาส 14 00:01:07,803 --> 00:01:13,243 ‎(เรื่องราวของเมืองที่จมหาย) 15 00:01:14,643 --> 00:01:18,643 ‎ผมหลงใหลในส่วนต่างๆ ของโลก ‎ที่ยังไม่เคยถูกค้นคว้าอย่างเหมาะสม 16 00:01:18,723 --> 00:01:21,363 ‎ผมถึงได้ใช้เวลาดำน้ำบนไหล่ทวีปหลายปี 17 00:01:21,443 --> 00:01:23,603 ‎เพราะมีผืนดินหลายสิบล้านกิโลเมตร 18 00:01:23,683 --> 00:01:26,843 ‎ที่เคยอยู่เหนือน้ำในยุคน้ำแข็ง ‎แต่ปัจจุบันอยู่ใต้น้ำ 19 00:01:28,203 --> 00:01:31,043 ‎รวมถึงที่นี่ ในบาฮามาส 20 00:01:32,323 --> 00:01:34,643 ‎นี่คือหมู่เกาะบิมินิ 21 00:01:37,083 --> 00:01:37,923 ‎(อ่าวเม็กซิโก มหาสมุทรแอตแลนติก) 22 00:01:38,003 --> 00:01:40,123 ‎ไม่ถึงร้อยกิโลเมตรทางใต้ของชายฝั่งไมแอมี 23 00:01:41,163 --> 00:01:43,603 ‎บิมินิแยกจากแผ่นดินใหญ่ของอเมริกา 24 00:01:43,683 --> 00:01:47,123 ‎ด้วยช่องแคบน้ำลึกที่เรียกว่า ‎ช่องแคบฟลอริดา 25 00:01:47,203 --> 00:01:48,403 ‎(ฟลอริดา - ช่องแคบฟลอริดา - บิมินิ) 26 00:01:50,323 --> 00:01:53,603 ‎คุณอาจคิดว่าที่นี่ไม่น่าเป็นสถานที่ 27 00:01:53,683 --> 00:01:56,243 ‎ที่จะค้นหาเบาะแสของอารยธรรมที่หายไป 28 00:01:56,323 --> 00:02:00,003 ‎แต่บางสิ่งที่น่าทึ่งถูกค้นพบใต้น้ำที่นี่ 29 00:02:03,723 --> 00:02:08,043 ‎เพียง 800 เมตรนอกชายฝั่ง ‎ไม่ไกลจากกระแสน้ำกัลฟ์สตรีม 30 00:02:08,123 --> 00:02:11,883 ‎มีโครงสร้างมหึมาของหินขนาดใหญ่ ‎ที่วางซ้อนกันอย่างตั้งใจ… 31 00:02:14,962 --> 00:02:18,563 ‎ดูยังไงก็เป็นทางหินหรือระเบียงเรียบ… 32 00:02:18,643 --> 00:02:21,723 ‎(ถนนบิมินิ) 33 00:02:21,803 --> 00:02:25,563 ‎มันถึงได้มีชื่อเล่นว่า "ถนนบิมินิ" 34 00:02:28,803 --> 00:02:29,843 ‎(แอนแลนติสอยู่ในบาฮามาสจริงเหรอ) 35 00:02:29,923 --> 00:02:33,443 ‎โครงสร้างนี้ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1968 ‎โดยนักประดาน้ำกลุ่มหนึ่ง 36 00:02:33,523 --> 00:02:37,123 ‎ที่กำลังค้นหาเมืองแอนแลนติสที่หายไป 37 00:02:37,203 --> 00:02:38,923 ‎ใต้ทะเลของบาฮามาส 38 00:02:39,003 --> 00:02:40,203 ‎(น่านน้ำบิมินิมีหลักฐานของโลกที่หายไป) 39 00:02:41,683 --> 00:02:44,803 ‎ด้วยความตื่นเต้น พวกเขาประกาศให้โลกรู้ว่า 40 00:02:44,883 --> 00:02:47,643 ‎ได้เจอถนนสู่แอตแลนติสแล้ว 41 00:02:47,723 --> 00:02:48,723 ‎(พบแอตแลนติสแล้ว) 42 00:02:48,803 --> 00:02:52,043 ‎อาณาจักรแอตแลนติสเชื่อกันว่า ‎อยู่ในช่วง 8,000 ปีก่อนคริสตกาล 43 00:02:52,123 --> 00:02:55,923 ‎และน่าจะเป็นผู้โจมตีเอเธนส์ ไม่มีชาวกรีก ‎ในช่วง 8,000 ปีก่อนคริสตกาลซะหน่อย 44 00:02:56,003 --> 00:02:57,803 ‎เรื่องนี้ไร้สาระมาก 45 00:02:57,883 --> 00:02:58,763 ‎(นักวิทยาศาสตร์เล่าเรื่องของเมืองจมน้ำ) 46 00:02:58,843 --> 00:03:01,483 ‎ผมเกรงว่า ‎จะไม่มีประวัติศาสตร์จริงๆ ในเรื่องเล่านี้เลย 47 00:03:01,563 --> 00:03:03,003 ‎(ถ้านี่ไม่ใช่แอตแลนติส มันคืออะไร ‎การตามหาทวีปที่หายไป) 48 00:03:03,083 --> 00:03:08,523 ‎เดากันว่าการพูดเรื่องแอตแลนติสนี้เอง ‎ที่ทำให้นักโบราณคดีด้อยค่า 49 00:03:08,603 --> 00:03:11,283 ‎สิ่งที่ดูเหมือนโครงสร้างหินมหึมาใต้น้ำ… 50 00:03:11,363 --> 00:03:12,563 ‎(ความลึกลับทางธรณีวิทยา ‎แอตแลนติสหรือขยะจากธรรมชาติกันแน่) 51 00:03:12,643 --> 00:03:14,443 ‎ว่าเป็นเพียงความตื่นเต้นที่ไร้สาระ 52 00:03:18,403 --> 00:03:21,003 ‎จนถึงวันนี้ นักโบราณคดีก็ยังยืนกรานว่า 53 00:03:21,083 --> 00:03:25,443 ‎โครงสร้างใต้น้ำนี้เป็นเพียง ‎หินชายหาดที่แตกร้าว 54 00:03:26,723 --> 00:03:30,443 ‎ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นราว 3,000 ปีก่อนตามธรรมชาติ 55 00:03:32,763 --> 00:03:35,203 ‎เพราะไม่อยากจะเสี่ยงเสียชื่อ 56 00:03:35,283 --> 00:03:38,363 ‎จึงมีนักวิชาการไม่กี่คน ‎ที่ค้นคว้าเรื่องนี้อย่างจริงจัง 57 00:03:39,763 --> 00:03:41,923 ‎ตัวผมเองไม่มีข้อจำกัดแบบนั้น 58 00:03:43,203 --> 00:03:44,323 ‎เพราะไม่ว่า 59 00:03:44,403 --> 00:03:47,643 ‎โครงสร้างบิมินิเป็นส่วนหนึ่งของเมืองใต้น้ำหรือไม่ 60 00:03:48,803 --> 00:03:51,403 ‎ก็ไม่ควรละเลยมันไปซะทั้งหมดอย่างไม่ไยดี 61 00:03:56,843 --> 00:03:58,443 ‎นั่นเป็นเหตุผลที่ผมมาที่นี่ 62 00:03:58,523 --> 00:04:01,163 ‎พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยและทีมผู้เชี่ยวชาญ 63 00:04:01,803 --> 00:04:03,963 ‎เพื่อเปิดคดีปริศนานี้ขึ้นอีกครั้ง 64 00:04:06,123 --> 00:04:08,803 ‎คู่หูดำน้ำของผมคือดร.ไมเคิล เฮลีย์… 65 00:04:09,443 --> 00:04:11,043 ‎ส่งหน้ากากมาให้ผมที 66 00:04:11,603 --> 00:04:14,883 ‎นักชีววิทยาใต้น้ำผู้สำรวจ ‎น่านน้ำของแคริบเบียน 67 00:04:14,963 --> 00:04:16,763 ‎มากว่า 40 ปี 68 00:04:33,523 --> 00:04:35,123 ‎แกรห์ม ว่ายไปตรงนี้กัน 69 00:04:37,643 --> 00:04:41,363 ‎สิ่งที่เรียกว่าถนนบิมินิอยู่ลึกลงไปเพียง 70 00:04:41,443 --> 00:04:43,763 ‎ห้าเมตรครึ่งจากผิวน้ำ 71 00:04:45,603 --> 00:04:46,803 ‎ดำลงไปได้ง่าย 72 00:04:49,083 --> 00:04:51,803 ‎ระหว่างที่ไมค์กับผม ‎มุ่งหน้าลงไปที่โครงสร้างลึกลับ 73 00:04:52,483 --> 00:04:55,963 ‎เหนือน้ำ ไคล์ ดูฟอลต์ สมาชิกในทีมเราอีกคน 74 00:04:56,763 --> 00:05:00,603 ‎กำลังเตรียมสแกนพื้นที่ ‎โดยใช้เครื่องโซนาร์ของเขา 75 00:05:02,923 --> 00:05:04,603 ‎ไคล์เป็นนักสำรวจใต้น้ำ 76 00:05:04,683 --> 00:05:07,923 ‎ที่มีประสบการณ์หลายปีในการค้นหา 77 00:05:08,003 --> 00:05:09,683 ‎เศษซากและความผิดปกติบนพื้นทะเล 78 00:05:09,763 --> 00:05:10,763 ‎พร้อมแล้ว 79 00:05:12,203 --> 00:05:15,203 ‎เครื่องโซนาร์ของเขาน่าจะแสดงถนนให้เห็น ‎เหมือนเครื่องเอกซเรย์ 80 00:05:15,283 --> 00:05:17,083 ‎ทำให้เราเห็นภาพชัดขึ้นว่า 81 00:05:17,163 --> 00:05:19,843 ‎ก้อนหินพวกนี้ถูกวางไว้แต่เดิมอย่างไร 82 00:05:22,403 --> 00:05:25,723 ‎ผมหวังว่าจะได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน 83 00:05:25,803 --> 00:05:26,803 ‎(ไคล์ ดูฟอลต์ นักสำรวจใต้น้ำ) 84 00:05:26,883 --> 00:05:31,483 ‎ถ้านี่คือสิ่งก่อสร้างฝีมือมนุษย์จริง ‎ผมอยากเห็นขอบที่ชัดเจน 85 00:05:31,563 --> 00:05:35,803 ‎เพราะปกติมุมตั้งฉาก ‎จะไม่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ 86 00:05:35,883 --> 00:05:37,123 ‎มันมีน้อยมาก 87 00:05:39,803 --> 00:05:42,603 ‎เอาละ สิ่งที่ผมจะทำคือส่องตรงลงไปตรงกลาง 88 00:05:53,123 --> 00:05:54,603 ‎แกรห์ม ดูนี่สิ 89 00:05:57,323 --> 00:06:00,683 ‎ด้านล่าง ไมค์กับผม ‎ว่ายเข้าใกล้ขอบของก้อนหินใหญ่ 90 00:06:00,763 --> 00:06:02,643 ‎ซึ่งถ้าไม่มีมันก็เป็นพื้นทะเลว่างเปล่า 91 00:06:04,723 --> 00:06:08,323 ‎พายุเมื่อไม่นานมานี้ทำให้ตะกอนลอยขึ้นมา ‎ระยะการมองเห็นน้อยลง 92 00:06:09,083 --> 00:06:13,603 ‎แม้กระนั้นก็ยังเห็น ‎หินที่วางเป็นระเบียบได้อย่างง่ายดาย 93 00:06:24,483 --> 00:06:28,043 ‎พวกมันถูกจัดวางอย่างสวยงามและเท่าๆ กัน 94 00:06:28,603 --> 00:06:31,483 ‎ผมว่ายไปตามด้านข้างของแนวหิน 95 00:06:31,563 --> 00:06:35,243 ‎และเห็นความเสมอและความแม่นยำ 96 00:06:35,763 --> 00:06:37,483 ‎มันน่าประทับใจที่ได้เห็น 97 00:06:40,763 --> 00:06:44,123 ‎แผ่นหินมีขอบตรงและขนานกันอย่างน่าทึ่ง 98 00:06:49,123 --> 00:06:52,043 ‎ก้อนหินขนาดใหญ่มากเหล่านี้มหึมาจริงๆ 99 00:06:52,123 --> 00:06:56,043 ‎ด้านนึงขนาดประมาณสี่เมตรครึ่ง 100 00:06:56,123 --> 00:06:59,243 ‎และอีกด้าน 3.6 เมตร 101 00:07:02,963 --> 00:07:05,883 ‎นี่ไม่ใช่ด้านบนของ ‎โครงสร้างใหญ่กว่าที่ถูกฝังไว้ทั่วไป 102 00:07:07,243 --> 00:07:10,723 ‎หินส่วนใหญ่ถูกวางไว้บนพื้นมหาสมุทรโดยตรง 103 00:07:13,443 --> 00:07:15,163 ‎สิ่งที่แปลกก็คือ 104 00:07:15,243 --> 00:07:17,763 ‎บางส่วนของโครงสร้างที่ยังไม่ถูกรบกวน 105 00:07:17,843 --> 00:07:22,443 ‎ดูราบเรียบ แม้หินจะมีขนาดมหึมาก็ตาม 106 00:07:23,963 --> 00:07:28,523 ‎และเมื่อไมค์กับผมดูใกล้เข้าไปอีก ‎เราก็พบเหตุผล 107 00:07:31,083 --> 00:07:33,123 ‎มีบางอย่างอยู่ใต้มัน 108 00:07:34,803 --> 00:07:36,243 ‎มาทางนี้สิ แกรห์ม 109 00:07:36,323 --> 00:07:37,363 ‎ดูนี่สิ 110 00:07:46,163 --> 00:07:50,443 ‎หินขนาดเล็กจำนวนหนึ่งค้ำอยู่ใต้หินขนาดใหญ่เหล่านี้ 111 00:07:50,523 --> 00:07:53,283 ‎ทำให้พวกมันเสมอกันเหนือพื้นทะเล 112 00:07:54,683 --> 00:07:57,323 ‎เราเห็นหินฐานเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน 113 00:07:58,363 --> 00:08:01,963 ‎ไม่มีทางที่หินเหล่านี้จะเข้าไปอยู่ใต้แผ่นหินได้ 114 00:08:02,043 --> 00:08:04,603 ‎บางแผ่นน้ำหนักถึงสิบตัน 115 00:08:04,683 --> 00:08:07,963 ‎นอกเสียจากมันจะถูกวางไว้ตรงนั้นอย่างตั้งใจ 116 00:08:11,723 --> 00:08:14,083 ‎ไม่ต้องสงสัยเลย ในความคิดของผม 117 00:08:14,803 --> 00:08:19,483 ‎ธรรมชาติไม่สามารถอธิบาย ‎ความเป็นระเบียบแบบแผน 118 00:08:19,563 --> 00:08:22,203 ‎การจัดวาง ‎และความแม่นยำของโครงสร้างนี้ได้ 119 00:08:33,163 --> 00:08:36,003 ‎เห็นได้ชัดว่า ‎เรากำลังมองดูโครงสร้างจากน้ำมือมนุษย์ 120 00:08:36,083 --> 00:08:37,722 ‎ต้องใช้ความพยายามมหาศาลเพื่อสร้าง 121 00:08:37,803 --> 00:08:42,283 ‎ฐานหินขนาดมหึมาที่เรียงเสมอกัน ‎บนพื้นที่ลาดลง 122 00:08:42,363 --> 00:08:44,202 ‎และในการทำให้แผ่นหินเสมอกันนั้น 123 00:08:44,842 --> 00:08:49,123 ‎พวกเขาเอาก้อนหินมารองไว้ใต้แผ่นหินขนาดใหญ่ 124 00:08:53,323 --> 00:08:55,323 ‎เมื่อดูใกล้ๆ มันยากที่จะเข้าใจว่า 125 00:08:55,403 --> 00:08:58,923 ‎โครงสร้างนี้ตั้งใจให้มีรูปร่างยังไง 126 00:09:03,683 --> 00:09:07,163 ‎แต่เครื่องโซนาร์ของไคล์น่าจะทำให้เราเห็นชัดขึ้น 127 00:09:12,843 --> 00:09:17,163 ‎ตอนนี้เราเริ่มเห็นก้อนหินตรงส่วนหลักของถนน 128 00:09:17,243 --> 00:09:19,803 ‎- โอเค ‎- และเห็นรอยแตกด้วย… 129 00:09:19,883 --> 00:09:20,723 ‎ใช่เลย 130 00:09:20,803 --> 00:09:23,083 ‎และรูปร่างถนนที่เท่าๆ กัน 131 00:09:23,163 --> 00:09:24,843 ‎ความคมชัดน่าทึ่งมาก 132 00:09:26,043 --> 00:09:28,323 ‎- หินส่วนใหญ่หน้าตาเหมือนกันมาก ‎- ใช่ 133 00:09:28,403 --> 00:09:31,443 ‎พวกมันมีขนาดประมาณสามถึงสามเมตรครึ่ง 134 00:09:31,523 --> 00:09:32,923 ‎คูณสามถึงสามเมตรครึ่ง 135 00:09:33,003 --> 00:09:36,323 ‎- ก้อนใหญ่จริงๆ ‎- ใช่เลย 136 00:09:36,403 --> 00:09:37,923 ‎ดูขอบเรียบตรงนี้สิ 137 00:09:38,003 --> 00:09:39,123 ‎ครับ ใช่เลย 138 00:09:39,203 --> 00:09:41,683 ‎เราเห็นเส้นระหว่างก้อนอย่างชัดเจน 139 00:09:41,763 --> 00:09:43,643 ‎- เหมือนมันถูกตัด… ‎- ใช่ 140 00:09:43,723 --> 00:09:47,003 ‎- แล้ววางไว้ให้เป็นแนวถนน มัน… ‎- เกือบเป็นจัตุรัสที่สมส่วน 141 00:09:47,083 --> 00:09:47,963 ‎ใช่เลย 142 00:09:48,043 --> 00:09:51,163 ‎อย่างที่บอก ‎เราเห็นว่ามันเป็นก้อนๆ อย่างชัดเจน 143 00:09:51,243 --> 00:09:52,083 ‎ใช่ 144 00:09:52,163 --> 00:09:54,723 ‎ผมสแกนทั้งสองข้างของถนนแล้ว 145 00:09:54,803 --> 00:09:57,643 ‎และไม่มีอะไรแบบนี้แถวนี้เลย 146 00:09:59,883 --> 00:10:04,483 ‎ถ้าโครงสร้างนี้ ‎เป็นผลจากพลังของคลื่นโดยธรรมชาติ 147 00:10:04,563 --> 00:10:07,883 ‎อย่างที่นักธรณีวิทยายืนกราน ‎ตอนค้นพบมันเป็นครั้งแรก 148 00:10:07,963 --> 00:10:13,083 ‎ทำไมถนนช่วงที่สั้นกว่าถึงทำเป็นมุมกับถนนเส้นหลัก 149 00:10:13,163 --> 00:10:14,723 ‎มันไม่ควรจะขนานกันเหรอ 150 00:10:15,883 --> 00:10:19,123 ‎แล้วทำไมเราไม่เห็นโครงสร้างอื่นแบบนี้แถวๆ นี้ 151 00:10:20,763 --> 00:10:24,523 ‎ไม่เพียงการผุกร่อนหรือรูปแบบของพวกมันทั้งหมด 152 00:10:25,083 --> 00:10:28,163 ‎- แต่ไม่มีอะไรแถวนี้ที่หน้าตาแบบนี้… ‎- ใช่ 153 00:10:29,003 --> 00:10:31,923 ‎- มีคนวางมันไว้ตรงนั้น ‎- ใช่ 154 00:10:32,003 --> 00:10:35,963 ‎ความเห็นส่วนตัวของผมคือมันเป็นฝีมือมนุษย์ 155 00:10:44,563 --> 00:10:46,243 ‎ไมค์ คุณคิดว่ายังไง 156 00:10:46,323 --> 00:10:48,043 ‎เรากำลังมองอะไรอยู่ 157 00:10:48,123 --> 00:10:50,603 ‎ผมดำน้ำมาแล้วทั่วโลก 158 00:10:50,683 --> 00:10:53,203 ‎มันเป็นโครงสร้างแบบนี้ที่เดียวที่ผมเคยเห็น 159 00:10:53,283 --> 00:10:54,843 ‎มันไม่เหมือนใครแน่นอน 160 00:10:56,483 --> 00:10:59,803 ‎ตอนผมฟังการโต้แย้งของคนที่คิดว่า ‎มันเป็นโครงสร้างทางธรรมชาติ 161 00:10:59,883 --> 00:11:01,283 ‎พวกเขาเถียงว่ามันเป็นหินชายหาด 162 00:11:02,643 --> 00:11:06,483 ‎บ่อยครั้งที่ไหล่ของหินชายหาดจะแตกเป็นชิ้นๆ 163 00:11:06,563 --> 00:11:09,203 ‎ในขณะที่ยังคงรูปแบบโดยรวมเอาไว้ 164 00:11:09,283 --> 00:11:13,163 ‎แต่ก้อนหินที่บิมินิมีระยะห่างจากกันอย่างชัดเจน 165 00:11:13,243 --> 00:11:15,443 ‎และเป็นรูปหมอนเหมือนๆ กัน 166 00:11:17,123 --> 00:11:19,963 ‎มันยากมากสำหรับผมที่จะคิดว่า ‎ธรรมชาติจะสร้างมันได้ยังไง 167 00:11:20,043 --> 00:11:22,323 ‎ผมไม่เคยเห็นหินชายหาดที่แตกเป็นแบบนี้ 168 00:11:22,403 --> 00:11:23,603 ‎- คุณเคยมั้ย ‎- ผมก็ไม่เคย 169 00:11:23,683 --> 00:11:26,683 ‎มันชัดเจนสำหรับผมว่าเป็นงานฝีมือมนุษย์ 170 00:11:26,763 --> 00:11:29,563 ‎ดูเหมือนมันน่าจะเป็นโครงสร้างฝีมือมนุษย์แน่ 171 00:11:31,843 --> 00:11:34,203 ‎ถ้าผมคิดถูก มันน่าจะถูกสร้างขึ้น 172 00:11:34,283 --> 00:11:37,483 ‎ตอนที่ส่วนนี้ของบาฮามาสยังอยู่เหนือน้ำ 173 00:11:39,203 --> 00:11:41,923 ‎เมื่อวิเคราะห์จากข้อมูลทั้งหมดที่มี 174 00:11:42,003 --> 00:11:46,363 ‎เราจะพอเห็นภาพว่ามันน่าจะหน้าตาเป็นยังไง 175 00:11:46,443 --> 00:11:48,763 ‎สมัยที่ยังอยู่บนชายฝั่ง 176 00:11:54,763 --> 00:11:58,763 ‎โครงสร้างที่เหมือนตะขอ ‎พาดจากตะวันออกเฉียงเหนือสู่ตะวันตกเฉียงใต้ 177 00:11:58,843 --> 00:12:01,403 ‎ยาวประมาณเกือบ 500 เมตร 178 00:12:01,483 --> 00:12:04,003 ‎เกือบเท่าสนามฟุตบอลสี่สนามครึ่ง 179 00:12:06,043 --> 00:12:09,563 ‎ก้อนที่ใหญ่ที่สุดยาวสามถึงสี่เมตร 180 00:12:09,643 --> 00:12:11,523 ‎และกว้างสองถึงสามเมตร 181 00:12:12,443 --> 00:12:16,803 ‎บนขอบทั้งสองข้างมีช่องว่างที่ตั้งใจทำไว้ 182 00:12:18,483 --> 00:12:22,643 ‎แต่ไม่มีทางรู้ได้ว่า ‎เคยมีโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่อยู่บนนั้นหรือเปล่า 183 00:12:23,563 --> 00:12:25,723 ‎มีเพียงก้อนหินที่เหลืออยู่ 184 00:12:28,563 --> 00:12:33,203 ‎แต่การคงอยู่ของ ‎โครงสร้างฝีมือมนุษย์ขนาดใหญ่เช่นนี้ 185 00:12:33,283 --> 00:12:35,203 ‎มีความหมายมาก 186 00:12:36,803 --> 00:12:41,603 ‎เพราะส่วนนี้ของบาฮามาสอยู่ใต้น้ำมาหลายพันปี 187 00:12:45,443 --> 00:12:49,883 ‎ที่จริง เกาะส่วนใหญ่ที่รวมกันเป็น ‎สิ่งที่ปัจจุบันเราเรียกว่าเกรตบาฮามาสแบงก์ 188 00:12:49,963 --> 00:12:52,083 ‎เคยเป็นดินแดนเชื่อมต่อกันในยุคน้ำแข็ง 189 00:12:52,843 --> 00:12:55,883 ‎ในพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 100 เมตร 190 00:12:57,163 --> 00:12:58,003 ‎(ฟลอริดา บิมินิ) 191 00:12:58,083 --> 00:13:00,483 ‎ส่วนของเกาะบาฮามาสสี่เหลี่ยมอันกว้างใหญ่ 192 00:13:00,563 --> 00:13:03,123 ‎ไม่ไกลจากแผ่นดินใหญ่ที่ปัจจุบันคือฟลอริดา… 193 00:13:03,203 --> 00:13:04,203 ‎(8,000 ปีก่อนค.ศ.) 194 00:13:04,283 --> 00:13:09,323 ‎คือเกาะที่เคยอยู่ที่นี่มาแล้วกว่าแสนปี 195 00:13:09,403 --> 00:13:11,803 ‎(เกาะบาฮามาส) 196 00:13:11,883 --> 00:13:16,003 ‎ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงกว่า 120 เมตร ‎ตอนสิ้นยุคน้ำแข็งสุดท้าย 197 00:13:16,083 --> 00:13:17,643 ‎และระหว่างนั้น 198 00:13:17,723 --> 00:13:21,603 ‎ก็กลืนดินแดนที่ดีที่สุดบางส่วนของโลก ‎ไปหลายล้านตารางกิโลเมตร 199 00:13:21,683 --> 00:13:25,523 ‎ถ้าเรายังจะเล่าเรื่องราวของมนุษย์ ‎โดยไม่สนใจ 200 00:13:25,603 --> 00:13:28,763 ‎ไหล่ทวีปที่จมอยู่เหล่านี้ ‎และสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกมัน 201 00:13:28,843 --> 00:13:32,123 ‎เราอาจพลาดข้อมูลสำคัญจำนวนมากได้ 202 00:13:34,323 --> 00:13:36,763 ‎ข้อมูลใหม่ที่เรารวบรวมจากถนนบิมินินี้ 203 00:13:37,923 --> 00:13:42,363 ‎เผยให้ผมเห็นอย่างชัดเจนว่า ‎โครงสร้างที่ตอนนี้อยู่ใต้น้ำนี้มีอายุเก่าแก่ 204 00:13:43,923 --> 00:13:47,483 ‎แต่นักโบราณคดีก็ยังไม่สนใจรับคำท้า 205 00:13:47,563 --> 00:13:52,043 ‎เพื่อหาหลักฐานอารยธรรม ‎ที่เก่าแก่กว่าในบาฮามาส 206 00:13:53,403 --> 00:13:55,603 ‎พวกเขาปฏิเสธที่จะคิดถึงความเป็นไปได้ 207 00:13:57,283 --> 00:14:00,603 ‎ถ้ามีอารยธรรมล้ำหน้าที่เคยมีอยู่ ‎เมื่อ 30,000 ปีก่อน… 208 00:14:00,683 --> 00:14:01,683 ‎(ดร.ไมเคิล เชอร์เมอร์ ‎นิตยสารสเก็ปติก) 209 00:14:01,763 --> 00:14:03,523 ‎ซึ่งเป็นสิ่งที่แกรห์มคิด โอเค 210 00:14:03,603 --> 00:14:06,003 ‎ร่องรอยของพวกเขาอยู่ไหน ‎บ้านของพวกเขาอยู่ไหน 211 00:14:06,083 --> 00:14:10,003 ‎เครื่องมือหินหรือเครื่องมือเหล็กของเขาอยู่ไหน 212 00:14:10,083 --> 00:14:11,403 ‎ร่องรอยการขีดเขียนอยู่ไหน 213 00:14:13,243 --> 00:14:17,123 ‎อาจมีหลักฐานของอารยธรรมล้ำหน้าในยุคน้ำแข็ง 214 00:14:17,203 --> 00:14:23,003 ‎รอให้ค้นพบใต้น้ำ บนพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมไปแล้ว 215 00:14:23,083 --> 00:14:26,683 ‎แต่เราจะไม่มีทางหามันเจอถ้าไม่ลงมือหา 216 00:14:26,763 --> 00:14:28,803 ‎เราไม่ได้พูดถึงอารยธรรมบนบิมินิ 217 00:14:28,883 --> 00:14:32,043 ‎แต่เป็นอารยธรรมบนชายฝั่งทั้งหมดซึ่งใหญ่โตมาก 218 00:14:32,123 --> 00:14:34,123 ‎- ไม่เคยมีการค้นหามาก่อน ‎- ไม่เคย 219 00:14:34,203 --> 00:14:37,803 ‎เพราะโบราณคดีไม่รู้สึกว่ามีเหตุผลที่ต้องค้นหา 220 00:14:37,883 --> 00:14:40,003 ‎เพราะโบราณคดีรู้สึกว่า 221 00:14:40,083 --> 00:14:42,483 ‎ช่วงเวลาของความเจริญของมนุษย์ ‎ถูกค้นพบไปแล้ว 222 00:14:42,563 --> 00:14:45,523 ‎จึงไม่มีเหตุผลต้องสำรวจอีก 223 00:14:48,923 --> 00:14:49,763 ‎(ฟลอริดา) 224 00:14:49,843 --> 00:14:52,683 ‎ถนนบิมินิพาดผ่านร่องน้ำลึก 225 00:14:52,763 --> 00:14:56,203 ‎ที่ครั้งหนึ่งเคยไหลผ่านเกาะบาฮามาส ‎และอเมริกาเหนือในยุคน้ำแข็ง 226 00:14:56,283 --> 00:14:57,203 ‎(ถนนบิมินิ เกาะบาฮามาส) 227 00:14:57,283 --> 00:15:00,363 ‎ร่องน้ำที่กัลฟ์สตรีมไหลผ่าน 228 00:15:00,443 --> 00:15:05,043 ‎ทำให้มันเป็นจุดสำคัญมาก ‎สำหรับเรือขนส่งที่มุ่งหน้าไปทางเหนือ 229 00:15:05,123 --> 00:15:07,643 ‎จากอ่าวเม็กซิโกไปทางมหาสมุทรแอตแลนติก 230 00:15:09,323 --> 00:15:13,283 ‎เช่นเดียวกับเรือไม่มีพาย ‎ในตำนานของเควตซาลโคลาเทิล 231 00:15:14,403 --> 00:15:18,683 ‎แผ่นหินน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของ ‎อนุสรณ์สถานขนาดใหญ่กว่าหรือการสร้างเมือง 232 00:15:19,523 --> 00:15:21,443 ‎ตำนานของวัฒนธรรมการเดินเรือ 233 00:15:21,523 --> 00:15:25,043 ‎ที่ได้เห็นน้ำทะเลสูงขึ้นตอนสิ้นยุคน้ำแข็งสุดท้าย 234 00:15:26,683 --> 00:15:31,043 ‎วัฒนธรรมซึ่งอาจเป็นสิ่งที่วางผังพื้นที่สำคัญนี้ 235 00:15:38,283 --> 00:15:40,683 ‎ผมขอให้ไมค์มาเจอผมบนฝั่ง 236 00:15:40,763 --> 00:15:44,643 ‎เพื่อดูภาพจำลอง ‎ของแผนที่โลกที่เก่าแก่ที่สุดที่เหลืออยู่ 237 00:15:48,323 --> 00:15:50,763 ‎เขาอาจเป็นนักเดินทางที่ช่ำชอง 238 00:15:50,843 --> 00:15:54,083 ‎แต่ผมแน่ใจว่าเขาไม่เคยใช้แผนที่แบบนี้มาก่อน 239 00:15:57,403 --> 00:16:00,043 ‎เรื่องราวของแผนที่เหล่านี้ค่อนข้างซับซ้อน 240 00:16:00,123 --> 00:16:01,683 ‎โดยทั่วไปแผนที่เหล่านี้ถูกวาดขึ้น 241 00:16:01,763 --> 00:16:05,363 ‎ในศตวรรษที่ 14 15 และ 16 ในยุคของเรา 242 00:16:05,443 --> 00:16:09,883 ‎แต่คนทำแผนที่ยอมรับว่า ‎พวกเขาลอกมาจากแผนที่ต้นฉบับที่เก่าแก่กว่า 243 00:16:09,963 --> 00:16:13,603 ‎แล้วรวบรวมมันเข้ากับ ‎ข้อมูลใหม่จากยุคแห่งการสำรวจ 244 00:16:15,323 --> 00:16:19,443 ‎เรามาเริ่มด้วยอันนี้ซึ่งเป็นแผนที่ที่เป็นที่รู้จัก 245 00:16:20,323 --> 00:16:23,243 ‎นี่คือแผนที่พิริรีส วาดขึ้นโดยนาวิกโยธินชาวตุรกี… 246 00:16:23,323 --> 00:16:25,363 ‎- ครับ ‎- ในปี 1513 247 00:16:25,443 --> 00:16:29,443 ‎เขาบอกเราด้วยลายมือบนแผนที่ของเขาเองว่า 248 00:16:30,043 --> 00:16:34,883 ‎เขาอ้างอิงจากแผนที่ต้นฉบับ ‎ที่เก่าแก่นั้นอีก 20 แผ่น 249 00:16:39,763 --> 00:16:42,003 ‎นอกจากต้นฉบับเก่าแก่เหล่านั้น 250 00:16:43,203 --> 00:16:47,043 ‎พิริรีสยังอ้างอิงถึง ‎การเดินเรือสู่อเมริกาไม่นานมานี้ 251 00:16:47,123 --> 00:16:49,043 ‎ของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสและคนอื่นๆ 252 00:16:51,483 --> 00:16:53,563 ‎สุดท้ายก็ได้แผนที่โลกมา 253 00:16:53,643 --> 00:16:57,043 ‎แต่ปัจจุบันมีตะวันตกเพียง ‎หนึ่งในสามเท่านั้นที่ยังอยู่ 254 00:17:01,243 --> 00:17:04,163 ‎แกรห์ม มันน่าสนใจจริงๆ ‎เพราะมันมีชายฝั่งตรงนี้ 255 00:17:04,243 --> 00:17:07,363 ‎ที่แสดงให้เห็นแม่น้ำในอเมริกาใต้ได้ค่อนข้างแม่นยำ 256 00:17:07,443 --> 00:17:08,283 ‎ใช่ 257 00:17:08,363 --> 00:17:11,563 ‎แสดงภาพชายฝั่งอเมริกาใต้ได้ดีมาก 258 00:17:12,283 --> 00:17:15,843 ‎แต่สิ่งที่ผิดปกติอย่างเห็นได้ชัดสำหรับผมคือ 259 00:17:15,923 --> 00:17:17,843 ‎เกาะขนาดใหญ่นี้ 260 00:17:17,923 --> 00:17:20,723 ‎ที่เห็นใกล้ชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ ‎ของอเมริกาเหนือ 261 00:17:22,723 --> 00:17:25,323 ‎ที่ตั้งอยู่ใกล้ชายฝั่งฟลอริดาที่สั้นลงคือ 262 00:17:25,402 --> 00:17:29,283 ‎เกาะสี่เหลี่ยมผืนผ้าตั้งตรงขนาดใหญ่ 263 00:17:29,963 --> 00:17:35,003 ‎มันดูไม่เหมือนสิ่งที่โคลัมบัส ‎น่าจะเจอหรือวาดขึ้น 264 00:17:36,083 --> 00:17:40,043 ‎มีการพยายามอธิบายว่า ‎มันเป็นแผนที่คิวบาที่วาดได้ไม่ดี 265 00:17:41,203 --> 00:17:44,683 ‎ผมไม่เชื่อเพราะเราดูไม่ผิดแน่ 266 00:17:44,763 --> 00:17:47,163 ‎มันยาว แคบ และชี้ไปคนละด้าน 267 00:17:47,243 --> 00:17:51,203 ‎มันชี้ไปทางตะวันออกตะวันตก ‎แต่ตรงนี้ชี้ไปทางเหนือใต้ 268 00:17:51,283 --> 00:17:55,403 ‎ไม่มีเกาะเช่นนั้นและไม่มีอยู่ในปี 1513 เช่นกัน 269 00:17:55,483 --> 00:17:58,923 ‎แต่เกาะขนาดและรูปร่างแบบนั้น 270 00:17:59,003 --> 00:18:01,763 ‎เคยมีอยู่ในช่วงยุคน้ำแข็งสุดท้าย 271 00:18:01,843 --> 00:18:05,283 ‎ส่วนใหญ่ของเกรตบาฮามาสแบงก์ ‎ที่เคยอยู่เหนือน้ำ 272 00:18:08,043 --> 00:18:12,803 ‎และถ้าเราดูให้ดี สิ่งที่พิริรีสวาดไว้ ‎บนสันหลังของเกาะ 273 00:18:13,763 --> 00:18:17,323 ‎เป็นก้อนหินที่วางเรียงไว้เป็นแถว 274 00:18:19,203 --> 00:18:20,643 ‎เห็นแล้วคิดถึงอะไรมั้ย 275 00:18:27,363 --> 00:18:30,283 ‎สำหรับผม แถวนี้ดู 276 00:18:30,363 --> 00:18:35,003 ‎คล้ายมากกับแถวของหินบนถนนบิมินิ 277 00:18:40,043 --> 00:18:42,363 ‎มันไม่แปลกสำหรับแผนที่ในสมัยนั้น 278 00:18:42,443 --> 00:18:46,643 ‎เพราะพวกเขาเอา ‎ลักษณะของพื้นที่นั้นที่เห็นมาวาด 279 00:18:46,723 --> 00:18:49,443 ‎อย่างที่เราเห็นช้างตัวนี้ในแอฟริกาตะวันตก 280 00:18:50,683 --> 00:18:54,243 ‎สัตว์น่าสนใจในอเมริกาใต้ 281 00:18:55,603 --> 00:18:58,003 ‎และภาพตรงนี้ซึ่งไม่ใช่ภูเขา 282 00:18:58,083 --> 00:19:01,043 ‎ไม่ใช่วิธีวาดภูเขาของพิริรีส แต่เป็นอย่างอื่น 283 00:19:02,403 --> 00:19:04,123 ‎ผมคิดว่ามันเป็นถนนบิมินิ 284 00:19:07,203 --> 00:19:10,283 ‎ผมไม่สนว่าถนนบิมินิ ‎เกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือด้วยฝีมือมนุษย์ 285 00:19:10,363 --> 00:19:11,963 ‎การอ้างอิงของผมเรื่องถนนบิมินิคือ 286 00:19:12,043 --> 00:19:14,963 ‎มันแปลกมากที่มันปรากฏอยู่บนแผนที่เหนือน้ำ 287 00:19:15,043 --> 00:19:15,883 ‎ใช่ 288 00:19:15,963 --> 00:19:19,083 ‎แผนที่ที่วาดขึ้นในปี 1513 ‎โดยอ้างอิงจากแผนที่ที่เก่าแก่กว่า 289 00:19:21,363 --> 00:19:24,363 ‎การปรากฏตัวอย่างแปลกประหลาด ‎ของเกาะในยุคน้ำแข็ง 290 00:19:24,443 --> 00:19:28,803 ‎ไม่ใช่ลักษณะที่แปลกเพียงอย่างเดียว ‎บนแผนที่น่าทึ่งของพิริรีส 291 00:19:31,363 --> 00:19:34,603 ‎เมื่อเรามองลงมาทางใต้ มันมีผืนดินใหญ่ตรงนี้ 292 00:19:34,683 --> 00:19:35,523 ‎ครับ 293 00:19:35,603 --> 00:19:38,363 ‎และนั่นดูแปลกมาก 294 00:19:38,923 --> 00:19:41,763 ‎เรากำลังชี้ไปยัง ‎หนึ่งในแง่มุมที่ถกเถียงกันมากที่สุด 295 00:19:41,843 --> 00:19:43,123 ‎ของแผนที่พิริรีส 296 00:19:45,523 --> 00:19:48,963 ‎มันคือชายฝั่งที่ทอดยาวออกจากอเมริกาใต้ 297 00:19:49,043 --> 00:19:51,603 ‎ไปตามขอบทางใต้ของมหาสมุทรแอตแลนติก 298 00:19:53,243 --> 00:19:56,483 ‎ไม่น่ามีใครรู้เรื่องนี้ในปี 1513 299 00:19:59,163 --> 00:20:01,403 ‎ดูแผนที่โลกอีกอันนี่สิ 300 00:20:01,483 --> 00:20:02,603 ‎(พิงเกอร์ตันส์โมเดิร์น ‎แอตลาส) 301 00:20:02,683 --> 00:20:04,603 ‎แผนที่พิงเกอร์ตัน เผยแพร่ในปี 1812 302 00:20:05,243 --> 00:20:08,723 ‎มันแม่นยำอย่างน่าประทับใจ ยกเว้นสิ่งนึง 303 00:20:10,243 --> 00:20:11,603 ‎ไม่มีแอนตาร์กติกา 304 00:20:12,923 --> 00:20:17,443 ‎เพราะอารยธรรมของเรา ‎ไม่ได้ค้นพบแอนตาร์กติกาจนปี 1820 305 00:20:17,523 --> 00:20:18,683 ‎(ขั้วโลกใต้) 306 00:20:19,403 --> 00:20:23,243 ‎นี่คือเหตุผลที่นักประวัติศาสตร์ปฏิเสธ ‎ที่จะยอมรับความเป็นไปได้ 307 00:20:23,323 --> 00:20:27,203 ‎ว่าอาจมีแผนที่ที่วาดขึ้นในปี 1513 308 00:20:30,203 --> 00:20:34,323 ‎พื้นที่ของแผนที่ที่คนอาจมองว่าเป็นแอนตาร์กติกา 309 00:20:34,403 --> 00:20:36,003 ‎มันไม่ใช่แอนตาร์กติกา 310 00:20:36,083 --> 00:20:36,923 ‎(ดร.คอลิน อิมเบอร์ ‎มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์) 311 00:20:37,003 --> 00:20:38,843 ‎มันคืออเมริกาใต้ 312 00:20:38,923 --> 00:20:39,763 ‎(อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้) 313 00:20:39,843 --> 00:20:42,923 ‎สิ่งที่เกิดขึ้นคือพิริรีสกำลังวาดชายฝั่ง 314 00:20:43,003 --> 00:20:46,043 ‎แต่กระดาษหมด เขาจึงเปลี่ยนทิศทาง 315 00:20:46,123 --> 00:20:48,363 ‎เขาวาดคร่าวๆ ไว้ 316 00:20:48,443 --> 00:20:51,043 ‎ผมว่าเราเข้าใจภาพคร่าวๆ นั่นผิด 317 00:20:51,123 --> 00:20:52,603 ‎แล้วคิดว่ามันเป็นอะไรมากกว่านั้น 318 00:20:55,763 --> 00:20:59,803 ‎นั่นอาจสมเหตุสมผล ‎ถ้าแผนที่พิริรีสเป็นเพียงตัวอย่างเดียว 319 00:21:00,963 --> 00:21:04,443 ‎แต่แอนตาร์กติกาปรากฏอยู่ ‎บนแผนที่อื่นในศตวรรษที่ 16 ด้วย 320 00:21:05,803 --> 00:21:06,883 ‎(วงกลมแอนตาร์กติก) 321 00:21:06,963 --> 00:21:10,083 ‎ตรงนี้มีรายละเอียดอย่างชัดเจน ‎และเขียนชื่อไว้ด้วยซ้ำ 322 00:21:10,163 --> 00:21:13,563 ‎บนแผนที่ออรอนเทียส ฟินเนียส ‎ที่วาดขึ้นในปี 1531 323 00:21:13,643 --> 00:21:14,603 ‎(ดินแดนทางใต้) 324 00:21:14,683 --> 00:21:17,403 ‎อีกครั้ง จากแหล่งข้อมูลโบราณ 325 00:21:17,483 --> 00:21:21,003 ‎ก่อนนักสำรวจสมัยใหม่คนไหนได้เห็นมัน 326 00:21:27,003 --> 00:21:30,203 ‎แต่ถ้าบนแผนที่พิริรีสเป็นแอนตาร์กติกาจริง 327 00:21:30,283 --> 00:21:34,443 ‎ทำไมมันถึงหันไปทางแปลกๆ ‎และเชื่อมต่อกับอเมริกาใต้ 328 00:21:37,083 --> 00:21:39,963 ‎ดูชายฝั่งแอนตาร์กติกาที่ไม่เหมือนในตอนนี้… 329 00:21:40,043 --> 00:21:41,403 ‎(มหาสมุทรแปซิฟิก อเมริกาใต้ มหาสมุทร ‎แอตแลนติก แอฟริกา มหาสมุทรอินเดีย) 330 00:21:41,483 --> 00:21:42,323 ‎(ค.ศ. 2,000) 331 00:21:42,403 --> 00:21:46,043 ‎แต่เป็นอย่างที่นักธรณีคิดว่าเคยเป็น ‎ตอนระดับน้ำทะเลต่ำกว่านี้… 332 00:21:46,123 --> 00:21:46,963 ‎(18,000 ปีก่อนค.ศ.) 333 00:21:47,043 --> 00:21:50,643 ‎และธารน้ำแข็งขั้วโลกใต้ยื่นไปทางเหนือ ‎ในยุคน้ำแข็งสุดท้าย 334 00:21:52,203 --> 00:21:55,363 ‎ถ้าเรามองตามแนวชายฝั่งแอนตาร์กติกา ‎ในยุคน้ำแข็ง 335 00:21:55,443 --> 00:21:58,483 ‎มันดูเหมือนอันที่อยู่บนแผนที่พิริรีสมาก 336 00:22:02,083 --> 00:22:05,403 ‎แอนตาร์กติกา ลักษณะของมันค่อนข้างชัดเจน 337 00:22:05,483 --> 00:22:08,723 ‎และเหมือนที่เคยเป็นในยุคน้ำแข็งบนแผนที่โบราณ 338 00:22:08,803 --> 00:22:11,483 ‎เป็นความไม่เข้าใจ และเป็นปัญหา ‎ซึ่งต้องการคำตอบ 339 00:22:11,563 --> 00:22:15,163 ‎สำหรับผม คำตอบที่ชัดเจนของปัญหานั้น ‎ไม่ใช่เหตุบังเอิญ 340 00:22:15,243 --> 00:22:18,883 ‎มันไม่ใช่ความเพ้อฝันของคนทำแผนที่ 341 00:22:18,963 --> 00:22:21,603 ‎มันคือแผนที่ต้นฉบับเหล่านั้น ‎ที่พวกเขาอ้างอิงถึงต่างหาก 342 00:22:21,683 --> 00:22:23,883 ‎ผมว่าแผนที่เหล่านั้นชี้ให้เห็น 343 00:22:23,963 --> 00:22:26,083 ‎ช่วงเวลาสำคัญที่ถูกลืมในประวัติศาสตร์มนุษย์ 344 00:22:28,763 --> 00:22:33,443 ‎ในอินโดนีเซีย ในเม็กซิโก และบนมอลตา 345 00:22:34,603 --> 00:22:39,443 ‎เราได้เห็นโครงสร้างหินล้ำสมัย ‎ที่เกี่ยวข้องกับวีรบุรุษผู้สร้างอารยธรรม 346 00:22:40,083 --> 00:22:46,163 ‎ซึ่งเดินทางมาโดยเรือแล้วสอนคนท้องถิ่น ‎เรื่องการเกษตร กฎหมาย และวิศวกรรม 347 00:22:48,283 --> 00:22:52,763 ‎แผนที่เหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า ‎ก่อนการสำรวจอันโด่งดังของมาเจลแลน 348 00:22:53,403 --> 00:22:57,283 ‎วัฒนธรรมล้ำหน้าเดินทางไปทั่วโลกในยุคน้ำแข็งจริง 349 00:22:59,283 --> 00:23:02,563 ‎นี่คือหลักฐานที่เราไม่ควรละเลยความเป็นไปได้ 350 00:23:02,643 --> 00:23:05,243 ‎ว่าบรรพบุรุษของเราสร้างเทคโนโลยีระดับนึง 351 00:23:05,323 --> 00:23:07,523 ‎ซึ่งทำให้พวกเขาสำรวจ ‎และทำแผนที่มหาสมุทรโลกได้ 352 00:23:07,603 --> 00:23:08,603 ‎ไม่ควรละเลยเลย 353 00:23:08,683 --> 00:23:11,003 ‎มีอย่างอื่นที่น่าสนใจในพื้นที่แถบนั้นอีกมั้ย 354 00:23:11,083 --> 00:23:13,763 ‎ที่อาจบ่งชี้ว่าเคยมีโครงสร้างฝีมือมนุษย์อยู่ 355 00:23:16,243 --> 00:23:19,683 ‎มีสิ่งมหัศจรรย์ฝีมือมนุษย์ที่อธิบายไม่ได้อีกแห่งที่นี่ 356 00:23:20,883 --> 00:23:24,203 ‎ซ่อนตัวอยู่ลึกในป่าชายเลนอันหนาแน่นของบิมินิ 357 00:23:25,283 --> 00:23:27,723 ‎บริเวณที่เข้าถึงได้โดยเรือเท่านั้น 358 00:23:29,603 --> 00:23:33,523 ‎ที่ยื่นขึ้นมาสามเมตรจากหนองน้ำ ‎คือเนินทรายจำนวนหนึ่ง 359 00:23:33,603 --> 00:23:39,123 ‎มีขอบเป็นแนวทรายว่างเปล่า ‎ทำให้เกิดรูปร่างน่าสนใจยาวกว่า 150 เมตร 360 00:23:41,483 --> 00:23:44,203 ‎เหมือนลายเส้นนาซกาในเปรู 361 00:23:44,283 --> 00:23:47,043 ‎มันเป็นปรากฏการณ์ที่เห็นได้ชัดทางอากาศ 362 00:23:49,883 --> 00:23:54,643 ‎รูปร่างเหมือน ‎หนึ่งในผู้อยู่อาศัยโบราณชื่อดังของบิมินิ 363 00:23:55,803 --> 00:24:01,163 ‎รูปจำลองของฉลามนี้ ‎ซึ่งถูกสร้างไว้ในหนองน้ำของป่าชายเลน 364 00:24:01,243 --> 00:24:03,763 ‎อยู่ที่นี่มานานเท่าที่ทุกคนจำได้ 365 00:24:04,323 --> 00:24:07,803 ‎แต่นักโบราณคดีไม่เคยศึกษามันอย่างจริงจัง 366 00:24:07,883 --> 00:24:09,923 ‎เพราะพวกเขายืนยันต้นกำเนิดของมันไม่ได้ 367 00:24:11,443 --> 00:24:15,763 ‎แต่มันเป็นนักล่าที่วัฒนธรรมทางน้ำโบราณไหนๆ 368 00:24:15,843 --> 00:24:19,123 ‎รวมทั้งความเจริญที่หายไปที่ผมตามหาอยู่ 369 00:24:19,203 --> 00:24:21,683 ‎คงจะกลัวและบูชา 370 00:24:33,523 --> 00:24:36,123 ‎แล้วผู้สำรวจโบราณเหล่านี้เป็นใคร 371 00:24:39,483 --> 00:24:44,283 ‎อีกครั้งที่ต้องเสี่ยงให้นักวิชาการทั่วไปโกรธ… 372 00:24:45,003 --> 00:24:47,123 ‎มาพูดถึงแอตแลนติสกัน 373 00:24:49,603 --> 00:24:52,443 ‎ผมไม่เชื่อว่าบิมินิเป็นพื้นที่ของแอตแลนติส 374 00:24:53,203 --> 00:24:56,323 ‎หรือแอตแลนติสนั่นอยู่ใกล้บาฮามาส 375 00:24:56,403 --> 00:24:59,923 ‎แต่ตำนานของดินแดนที่จมน้ำน่าสนใจ 376 00:25:00,523 --> 00:25:04,243 ‎เพราะมันให้ข้อมูลที่ละเอียดที่สุดของสิ่ง 377 00:25:04,323 --> 00:25:05,763 ‎ที่ผมเชื่อว่าเคยมีอยู่ 378 00:25:07,323 --> 00:25:10,603 ‎อารยธรรมล้ำหน้าที่หายไปในยุคน้ำแข็ง 379 00:25:11,923 --> 00:25:13,483 ‎เพลโต นักปรัชญาชาวกรีก 380 00:25:13,563 --> 00:25:18,243 ‎เป็นแหล่งข้อมูลเก่าแก่ที่สุด ‎ในเรื่องของแอตแลนติส 381 00:25:19,203 --> 00:25:21,363 ‎ซึ่งเขาบรรยายไว้ค่อนข้างอย่างชัดเจน 382 00:25:24,763 --> 00:25:27,483 ‎แอตแลนติสเป็นอารยธรรมล้ำหน้า 383 00:25:29,083 --> 00:25:32,563 ‎มีทั้งสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ‎เทคโนโลยีล้ำสมัย 384 00:25:32,643 --> 00:25:35,283 ‎และผังเมืองขนาดใหญ่ 385 00:25:37,043 --> 00:25:40,883 ‎อีกทั้งยังคุมเรือจำนวนมาก ‎ที่สามารถออกสำรวจโลกได้ 386 00:25:41,923 --> 00:25:45,243 ‎และกระจายอำนาจ ‎ไปยังดินแดนใกล้ไกลทั่วทุกมหาสมุทร 387 00:25:47,123 --> 00:25:51,523 ‎จนกระทั่งเมืองถูกแผ่นดินไหวและน้ำท่วมถล่ม 388 00:25:52,443 --> 00:25:54,363 ‎เหตุการณ์หายนะอย่างแท้จริง 389 00:25:55,843 --> 00:25:57,683 ‎และจมมันลงใต้น้ำ 390 00:25:59,523 --> 00:26:04,923 ‎เพลโตบอกเราว่าเรื่องราวของแอตแลนติส ‎เข้าหูเขาโดยโซลอน บรรพบุรุษของเขา 391 00:26:05,003 --> 00:26:07,203 ‎เขาเล่าว่าโซลอนเคยไปเยือนอียิปต์ 392 00:26:07,283 --> 00:26:10,323 ‎และเรารู้ช่วงเวลาของการเยือนครั้งนั้น ‎600 ปีก่อนคริสตกาล 393 00:26:11,363 --> 00:26:14,283 ‎ระหว่างการเยือนครั้งนั้น ‎เขาเยี่ยมชมวิหารแห่งหนึ่ง 394 00:26:14,363 --> 00:26:18,243 ‎และนักบุญพูดถึงอารยธรรมล้ำหน้าที่หายไป 395 00:26:18,323 --> 00:26:19,843 ‎ซึ่งพวกเขาเรียกว่าแอตแลนติส 396 00:26:19,923 --> 00:26:22,523 ‎ซึ่งถูกทำลายโดยน้ำท่วม 397 00:26:22,603 --> 00:26:25,963 ‎เก้าพันปีก่อนการเยือนของโซลอน 398 00:26:34,083 --> 00:26:39,843 ‎เราจึงได้ช่วงเวลาของการล่มสลาย ‎ของแอตแลนติส 9,600 ปีก่อนคริสตกาล 399 00:26:39,923 --> 00:26:44,683 ‎นั่นเป็นช่วงเวลาเดียวกับหายนะของโลกเป๊ะ 400 00:26:44,763 --> 00:26:47,283 ‎และการเพิ่มระดับน้ำทะเลจนเป็นมหันตภัย 401 00:26:47,363 --> 00:26:49,523 ‎ซึ่งเกิดขึ้นตอนสิ้นยุคน้ำแข็ง 402 00:26:49,603 --> 00:26:51,923 ‎เหตุบังเอิญเหรอ อาจจะใช่ 403 00:26:52,003 --> 00:26:55,523 ‎แต่เรื่องเล่าของแอตแลนติสตรงกับ 404 00:26:55,603 --> 00:26:58,763 ‎หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ล่าสุด ‎เรื่องการสิ้นสุดยุคน้ำแข็ง 405 00:26:58,843 --> 00:27:02,363 ‎น่าจะทำให้แม้แต่คนที่ดื้อดึงที่สุดต้องหยุดคิด 406 00:27:03,203 --> 00:27:06,363 ‎มันฟังดูเหมือน ‎นิทานเปรียบเปรยมากกว่าไม่ใช่เหรอ 407 00:27:06,443 --> 00:27:07,283 ‎(นิวส์ไนต์ บีบีซี ปี 1998) 408 00:27:07,363 --> 00:27:10,403 ‎ผมอาจคิดแบบนั้น ‎ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องเล่าของเพลโต 409 00:27:10,483 --> 00:27:15,443 ‎มีการพูดถึงไปทั่วโลก ‎โดยคนที่ไม่เคยติดต่อกับเพลโต 410 00:27:15,523 --> 00:27:18,923 ‎และสิ่งที่ผมคิดคือ ‎พวกเขาดึงมันมาจากแหล่งเดียวกัน 411 00:27:19,003 --> 00:27:21,523 ‎ความทรงจำเดียวกันของเหตุการณ์จริง 412 00:27:24,923 --> 00:27:30,043 ‎ตอนเพลโตเล่าเรื่องแอตแลนติสให้เราฟัง ‎เขายังเล่าด้วยว่าทำไมแอตแลนติสถึงล่มสลาย 413 00:27:30,123 --> 00:27:32,323 ‎ไม่ใช่เพียงเพราะหายนะ 414 00:27:32,403 --> 00:27:35,883 ‎แต่เพราะความเย่อหยิ่ง ‎ความอหังการ และความทะนงตน 415 00:27:35,963 --> 00:27:37,923 ‎ที่เพิ่มมากขึ้นในแอตแลนติส 416 00:27:39,203 --> 00:27:41,403 ‎นี่คือสาเหตุที่แอตแลนติสถูกทำลาย 417 00:27:41,483 --> 00:27:44,203 ‎เพราะมันไม่เป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาลแล้ว 418 00:27:47,763 --> 00:27:54,203 ‎และผมคิดว่าความเจริญของเราในปัจจุบัน ‎อยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่พอๆ กัน 419 00:27:54,923 --> 00:27:57,283 ‎เราไม่เป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล 420 00:27:57,963 --> 00:28:00,163 ‎การคิดถึงแต่ความสำเร็จของตัวเอง 421 00:28:00,243 --> 00:28:04,483 ‎ความอยากแสดงอำนาจของเราไปทั่วโลก 422 00:28:04,563 --> 00:28:06,163 ‎ต่อคนอื่นที่มีอำนาจน้อยกว่า 423 00:28:06,243 --> 00:28:09,043 ‎สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดในตำนาน 424 00:28:09,123 --> 00:28:12,203 ‎บ่งชี้ว่าความเจริญของเรา ‎กำลังตกอยู่ในอันตรายครั้งใหญ่ 425 00:28:19,163 --> 00:28:23,043 ‎ตอนผมตีพิมพ์แผ่นดินแห่งอนันตกาล ‎ในปี 1995 426 00:28:23,123 --> 00:28:26,483 ‎ผมนึกว่าไม่มีอะไรเหลือให้ผมพูดอีกแล้ว 427 00:28:26,563 --> 00:28:28,763 ‎เรื่องความเป็นไปได้ของอารยธรรมที่หายไป 428 00:28:32,043 --> 00:28:36,043 ‎ผมเพิ่งรู้เรื่องโครงสร้างหินมหึมาและน่าทึ่ง 429 00:28:36,123 --> 00:28:39,323 ‎ที่เพิ่งค้นพบในตุรกี 430 00:28:40,603 --> 00:28:43,203 ‎สถานที่ซึ่งพิสูจน์ว่าบรรพบุรุษยุคน้ำแข็งของเรา 431 00:28:43,283 --> 00:28:46,883 ‎มีความสามารถมากกว่า ‎ที่นักประวัติศาสตร์เคยฝันไว้ 432 00:28:47,763 --> 00:28:51,043 ‎สำหรับผม ‎มันพูดถึงความเจริญที่หายไปอย่างชัดเจน 433 00:28:51,123 --> 00:28:53,643 ‎ซึ่งโบราณคดียังไม่เข้าใจ 434 00:28:55,123 --> 00:28:57,843 ‎มันเป็นสถานที่ที่คาดว่าเป็น 435 00:28:57,923 --> 00:28:59,963 ‎โครงสร้างหินเก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังคงอยู่ 436 00:29:01,283 --> 00:29:05,043 ‎สถานที่ซึ่งอาจทิ้ง ‎คำเตือนเป็นสัญลักษณ์ไว้ให้เราในหิน 437 00:29:05,843 --> 00:29:08,483 ‎ว่าวันสิ้นโลกโบราณในยุคน้ำแข็งสุดท้าย 438 00:29:08,563 --> 00:29:10,403 ‎ที่เกือบทำลายมนุษยชาติ… 439 00:29:12,803 --> 00:29:14,043 ‎อาจกลับมาอีกครั้ง 440 00:29:16,083 --> 00:29:18,043 ‎ตุรกีจึงเป็นจุดหมายถัดไปของผม 441 00:29:44,643 --> 00:29:49,643 ‎คำบรรยายโดย พรทินา ตั้งสัจจะวิฑูรย์