1 00:00:06,083 --> 00:00:08,963 ‎(ซีรีส์จาก NETFLIX) 2 00:00:14,243 --> 00:00:16,683 ‎มนุษย์มาถึงทวีปอเมริกาครั้งแรกเมื่อไหร่ 3 00:00:18,283 --> 00:00:22,923 ‎ถ้าคุณเรียนหนังสือในช่วงปี 1960 ถึง 2010 4 00:00:23,003 --> 00:00:25,363 ‎คุณอาจได้เรียนเรื่องนี้ 5 00:00:26,523 --> 00:00:29,683 ‎ในยุคน้ำแข็งสุดท้าย ‎คนเก็บของป่าล่าสัตว์จำนวนหนึ่ง 6 00:00:29,763 --> 00:00:33,483 ‎เดินทางผ่านสะพานแผ่นดินที่เชื่อมต่อ ‎เอเชียกับอเมริกาเหนือ 7 00:00:34,163 --> 00:00:36,243 ‎ตรงจุดที่เป็นช่องแคบเบริงในปัจจุบัน 8 00:00:36,923 --> 00:00:41,083 ‎และในช่วงราว 13,000 ปีก่อน ‎พอน้ำแข็งละลาย 9 00:00:41,163 --> 00:00:44,123 ‎พวกเขาอพยพไปทางใต้สู่ใจกลางอเมริกา 10 00:00:45,283 --> 00:00:47,403 ‎โบราณคดีเชื่อว่าทวีปอเมริกา 11 00:00:47,483 --> 00:00:50,843 ‎ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่จนกระทั่งราว 13,000 ปีก่อน 12 00:00:50,923 --> 00:00:54,163 ‎นี่เป็นภาพที่โดดเด่นในการศึกษาอเมริกาโบราณ 13 00:00:56,483 --> 00:00:57,763 ‎แต่มันไม่ถูกต้อง 14 00:00:59,243 --> 00:01:01,843 ‎ความเชื่อเก่าถูกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง 15 00:01:01,923 --> 00:01:04,603 ‎เมื่อมีการค้นพบซากโบราณที่เก่ากว่านั้นมาก 16 00:01:06,083 --> 00:01:09,763 ‎รอยเท้ามนุษย์ฟอสซิลถูกพบ ‎ในทะเลทรายนิวเม็กซิโก 17 00:01:09,843 --> 00:01:14,803 ‎ที่เก่าแก่ถึง 22,000 ปี ‎ช่วงรุ่งเรืองของยุคน้ำแข็งสุดท้าย 18 00:01:16,163 --> 00:01:18,083 ‎และแม้จะยังมีคนไม่ยอมรับ 19 00:01:18,163 --> 00:01:20,523 ‎หลักฐานว่ามีมนุษย์อยู่จริงก่อนหน้านั้น 20 00:01:20,603 --> 00:01:26,363 ‎ย้อนกลับไปไกลถึง 130,000 ปี ‎ที่เริ่มเผยตัวขึ้นมาเมื่อไม่นานมานี้ 21 00:01:28,603 --> 00:01:32,163 ‎ถึงเวลาแล้วที่จะพิจารณาช่วงเวลาทั้งหมด 22 00:01:32,243 --> 00:01:34,803 ‎ของเรื่องราวมนุษย์ในทวีปอเมริกาอีกครั้ง 23 00:01:48,603 --> 00:01:53,883 ‎(อารยธรรมที่หายไปของอเมริกา) 24 00:01:55,163 --> 00:01:58,563 ‎อนุสรณ์สถานอเมริกาเหนือโบราณ ‎หลงเหลืออยู่น้อยมาก 25 00:01:58,643 --> 00:02:04,363 ‎โครงสร้างกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ‎ที่ถูกบันทึกไว้ในศตวรรษที่ 19 26 00:02:04,443 --> 00:02:06,443 ‎หายไปหมดแล้ว 27 00:02:06,523 --> 00:02:09,643 ‎และน้อยกว่าสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลืออยู่ 28 00:02:09,723 --> 00:02:11,723 ‎ส่วนใหญ่ถูกรื้อทำลาย 29 00:02:16,643 --> 00:02:20,883 ‎มันน่าขุ่นเคืองใจเมื่อนึกภาพว่า ‎ความลับโบราณล้ำค่า 30 00:02:20,963 --> 00:02:23,323 ‎สูญไปในการล่าเมืองขึ้น 31 00:02:23,403 --> 00:02:28,003 ‎และในการทำลายความเชื่อ ธรรมเนียม 32 00:02:28,083 --> 00:02:30,643 ‎และอนุสรณ์สถานพื้นเมืองที่ตามมาอย่างเป็นระบบ 33 00:02:33,603 --> 00:02:34,923 ‎ไม่กี่สถานที่ที่ยังอยู่ 34 00:02:35,003 --> 00:02:39,363 ‎อาจมีบทบาทสำคัญในการแสดงความเป็นไปได้ ‎ของอารยธรรมที่หายไป 35 00:02:41,283 --> 00:02:45,163 ‎สถานที่อย่างที่นี่ ซึ่งมีชื่อว่าโพเวอร์ตี พอยต์ 36 00:02:45,243 --> 00:02:48,803 ‎(โพเวอร์ตี พอยต์) 37 00:02:49,283 --> 00:02:50,123 ‎(โพเวอร์ตี พอยต์) 38 00:02:50,203 --> 00:02:52,523 ‎มันได้ชื่อไม่ธรรมดาของมัน 39 00:02:52,603 --> 00:02:54,723 ‎มาจากพื้นที่เพาะปลูกที่เคยอยู่ที่นี่… 40 00:02:54,803 --> 00:02:55,643 ‎(อาร์คันซอ - ลุยเซียนา - แม่น้ำบายูมาคอน) 41 00:02:55,723 --> 00:02:56,563 ‎(แม่น้ำมิสซิสซิปปี ‎วิกส์เบิร์กมิสซิสซิปปี - แจ็คสัน) 42 00:02:56,643 --> 00:02:57,963 ‎เพียง 24 กิโลเมตรทางตะวันตก 43 00:02:58,043 --> 00:03:01,083 ‎ของแม่น้ำมิสซิสซิปปี ‎ทางตะวันออกเฉียงเหนือของลุยเซียนา 44 00:03:03,883 --> 00:03:07,523 ‎เป็นเวลานานแล้วที่เชื่อกันว่า ‎สถานที่แห่งนี้เป็นเพียงเนินเขาสวย 45 00:03:07,603 --> 00:03:09,563 ‎ที่ผุดขึ้นมาจากพื้นที่ทำไร่ 46 00:03:11,603 --> 00:03:14,403 ‎แต่มันไม่ใช่แค่เนินเขา 47 00:03:15,923 --> 00:03:17,963 ‎นักโบราณคดีเลิกโต้เถียงแล้วว่า 48 00:03:18,043 --> 00:03:21,243 ‎มันเป็นโครงสร้างดินฝีมือมนุษย์ขนาดมหึมา 49 00:03:21,803 --> 00:03:24,563 ‎ที่รู้จักกันง่ายๆ ในปัจจุบันว่าเนินเอ 50 00:03:29,603 --> 00:03:31,163 ‎และเมื่อบริเวณใกล้เคียง 51 00:03:31,243 --> 00:03:34,683 ‎ถูกพบว่ามีเครื่องปั้นดินเผา ‎และรูปปั้นมนุษย์ถูกทิ้งไว้… 52 00:03:38,523 --> 00:03:44,643 ‎นักโบราณคดีเชื่อว่าเนินเอเป็นส่วนหนึ่งของ ‎สิ่งก่อสร้างซับซ้อนโบราณที่ใหญ่กว่ามาก 53 00:03:47,323 --> 00:03:50,083 ‎การปีนขึ้นไปบนเนินเอคุ้มค่ากับแรงที่ลงไป 54 00:03:50,163 --> 00:03:53,363 ‎เราได้เห็นมุมจากข้างบนนี้ ‎ที่เราไม่เห็นจากระดับพื้นดิน 55 00:03:55,883 --> 00:03:59,963 ‎สิ่งที่ผมสังเกตเห็นทันทีคือพื้นที่นี้แบนขนาดไหน 56 00:04:00,763 --> 00:04:03,643 ‎ถ้าเราตัดต้นไม้ออก ‎และผมเชื่อว่าคนโบราณทำอย่างนั้น 57 00:04:03,723 --> 00:04:08,403 ‎เราจะเห็นเส้นขอบฟ้าแบนราบ ‎360 องศารอบตัวเรา 58 00:04:11,523 --> 00:04:15,323 ‎แต่ที่นี่ไม่ใช่โครงสร้างเพื่อป้องกันตัว ‎แล้วมันคืออะไร 59 00:04:17,963 --> 00:04:21,163 ‎แม้แต่จากด้านบน มันยากที่จะเห็นภาพทั้งหมด 60 00:04:22,923 --> 00:04:26,483 ‎แต่เราพอเข้าใจแผนผังดั้งเดิมของที่นี่ 61 00:04:27,683 --> 00:04:30,523 ‎และมันไม่เหมือนอะไรจากโลกโบราณเลย 62 00:04:34,723 --> 00:04:38,243 ‎เป็นไปได้ว่าเนินเอดั้งเดิม ‎เคยสูงกว่า 30 เมตร 63 00:04:39,563 --> 00:04:41,843 ‎บนพื้นที่เกือบ 110 ไร่ 64 00:04:43,003 --> 00:04:45,243 ‎มันมีแถบล้อมศูนย์กลางหกแถบ 65 00:04:45,323 --> 00:04:49,523 ‎แต่ละแถบน่าจะสูงถึง 180 ซม. ‎และด้านบนราบเรียบเสมอกัน 66 00:04:49,603 --> 00:04:53,803 ‎ทำให้เกิดครึ่งวงกลม ‎ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.2 กิโลเมตร 67 00:04:55,123 --> 00:04:57,283 ‎ตัดแบ่งโดยทางเดินจำนวนหนึ่ง 68 00:04:57,363 --> 00:04:59,323 ‎เหมือนเป็นโรงละครบางอย่าง 69 00:05:00,883 --> 00:05:05,483 ‎และมีเนินฝีมือมนุษย์ขนาดใหญ่อีกไม่ต่ำกว่าหกแห่ง ‎ที่กระจายอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง 70 00:05:05,563 --> 00:05:09,123 ‎นักโบราณคดีเรียกมันง่ายๆ ‎จาก "เอ" ถึง "เอฟ" 71 00:05:09,203 --> 00:05:11,363 ‎(เอ - บี - ซี - ดี - อี - เอฟ) 72 00:05:14,803 --> 00:05:16,683 ‎โพเวอร์ตี พอยต์เป็นหนึ่งใน 73 00:05:16,763 --> 00:05:19,203 ‎โบราณสถานที่ใหญ่และซับซ้อนที่สุด ‎ในอเมริกาเหนือ 74 00:05:21,123 --> 00:05:25,363 ‎ส่วนที่เก่าแก่ที่สุดสร้างขึ้นราว 3,700 ปีก่อน… 75 00:05:25,443 --> 00:05:26,763 ‎(1,700 ปีก่อนคริสตกาล) 76 00:05:26,843 --> 00:05:30,163 ‎ก่อนผู้ที่สร้างมันทำไร่และเลี้ยงสัตว์ 77 00:05:32,883 --> 00:05:35,283 ‎และชาวอเมริกันโบราณของโพเวอร์ตี พอยต์ 78 00:05:35,363 --> 00:05:37,883 ‎ใช้เวลา 600 ปีจากนั้น 79 00:05:37,963 --> 00:05:41,123 ‎พัฒนาและปรับปรุงที่นี่อย่างต่อเนื่อง 80 00:05:43,883 --> 00:05:44,723 ‎ทำไมน่ะเหรอ 81 00:05:48,403 --> 00:05:50,403 ‎ไม่มีเอกสารหรือธรรมเนียมเหลืออยู่ 82 00:05:50,483 --> 00:05:53,283 ‎เพื่อบอกเราว่าโพเวอร์ตี พอยต์ใช้ทำอะไร 83 00:05:53,363 --> 00:05:55,443 ‎ดังนั้นนักโบราณคดีจึงต้องเดาเอา 84 00:05:57,523 --> 00:06:00,283 ‎ผู้จัดการสถานที่และนักประวัติศาสตร์ ‎มาร์ค บริงค์ จูเนียร์ 85 00:06:00,363 --> 00:06:03,323 ‎เป็นคนแรกที่ยอมรับว่าโบราณคดีทั่วไป 86 00:06:03,403 --> 00:06:06,963 ‎ไม่สามารถยืนยันอะไรได้มากนัก ‎เกี่ยวกับสถานที่ลึกลับแห่งนี้ 87 00:06:08,163 --> 00:06:10,443 ‎ช่วยเล่าทุกอย่างที่คุณรู้เกี่ยวกับที่นี่ให้ผมฟังที 88 00:06:10,523 --> 00:06:11,363 ‎(มาร์ค บริงค์ จูเนียร์ ‎ผู้จัดการสถานที่) 89 00:06:11,443 --> 00:06:12,763 ‎เนินเอมหึมามาก 90 00:06:12,843 --> 00:06:17,483 ‎เป็นเนินที่ใหญ่ที่สุดที่สร้างขึ้นในซีกโลกตะวันตก 91 00:06:17,563 --> 00:06:20,963 ‎ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโพเวอร์ตี พอยต์ ‎เคยเป็นศูนย์กลางของสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก 92 00:06:21,043 --> 00:06:24,043 ‎มันบ่งชี้ว่ามีความตั้งใจแรงกล้าในการสร้างมัน 93 00:06:24,123 --> 00:06:26,963 ‎คุณคิดว่าความตั้งใจนั้นคืออะไร 94 00:06:27,043 --> 00:06:28,203 ‎เราไม่รู้จริงๆ 95 00:06:28,283 --> 00:06:32,163 ‎มันเป็นสถานที่ทำพิธีบางอย่าง ซึ่งเรายังไม่รู้ 96 00:06:32,243 --> 00:06:34,723 ‎- เติมคำว่า "ยัง" ได้มั้ย ‎- ได้ครับ 97 00:06:35,323 --> 00:06:36,603 ‎เรามีแนวคิดอยู่บ้างว่า 98 00:06:36,683 --> 00:06:40,123 ‎ทำไมมันถูกสร้างที่นี่และไม่ใช่ที่อื่น 99 00:06:41,123 --> 00:06:45,963 ‎มันเกี่ยวข้องกับสถานที่เก่าแก่ขึ้นไปอีก ‎ที่ตั้งอยู่ประมาณสามกิโลเมตรไปทางใต้ 100 00:06:46,043 --> 00:06:47,563 ‎เมื่อเดินทางลงใต้จากโพเวอร์ตี พอยต์… 101 00:06:47,643 --> 00:06:48,483 ‎(บาธ สหราชอาณาจักร ‎วันที่ 6 เมษายน 2019) 102 00:06:48,563 --> 00:06:50,563 ‎เรามาถึงสถานที่ที่เรียกว่า ‎เนินโลเวอร์แจ็คสัน 103 00:06:50,643 --> 00:06:53,443 ‎เนินเขาหลักสามแห่งของโพเวอร์ตี พอยต์ 104 00:06:53,523 --> 00:06:56,483 ‎ตั้งเรียงกันเป็นแนวเหนือใต้ ‎กับเนินโลเวอร์แจ็คสัน 105 00:06:56,563 --> 00:06:57,603 ‎(คอสเวย์ - เนินบี - เนินเอ - เนินอี ‎เนินมอตลีย์ - ลุยเซียนา) 106 00:06:57,683 --> 00:06:58,563 ‎(เส้นทางเนินเขาโบราณ ‎โลเวอร์ แจ็คสัน เนิน) 107 00:06:58,643 --> 00:07:01,443 ‎เนินโลเวอร์แจ็คสัน ‎เก่าแก่กว่าโพเวอร์ตี พอยต์มาก 108 00:07:01,523 --> 00:07:06,683 ‎มันย้อนกลับไปถึง 3,500 ปีก่อนคริสตกาล ‎อายุ 5,500 ปี 109 00:07:06,763 --> 00:07:11,043 ‎แต่ผู้สร้างโพเวอร์ตี พอยต์ไม่เพียงรู้เรื่องมัน 110 00:07:11,123 --> 00:07:14,043 ‎แต่ใช้มันเป็นต้นแบบ ‎ของสิ่งก่อสร้างทั้งหมดของพวกเขา 111 00:07:17,363 --> 00:07:19,883 ‎เห็นได้ชัดว่าผู้สร้างโบราณเข้าใจเรื่องธรณีวิทยา 112 00:07:19,963 --> 00:07:22,323 ‎และวิธีหันโครงสร้างไปขั้วโลกเหนือ 113 00:07:23,563 --> 00:07:26,083 ‎ยังมีอย่างอื่นที่เกิดขึ้นที่โพเวอร์ตี พอยต์ 114 00:07:26,163 --> 00:07:28,883 ‎ที่นักโบราณคดีไม่อยากรับรู้ 115 00:07:29,603 --> 00:07:32,083 ‎ซ่อนอยู่ในรูปเรขาคณิตของมัน 116 00:07:33,163 --> 00:07:37,523 ‎เส้นขอบฟ้าแบนที่รายล้อมอยู่ทำให้เราเห็น 117 00:07:37,603 --> 00:07:41,643 ‎การขึ้นและตกของพระอาทิตย์ ‎พระจันทร์ และดวงดาว 118 00:07:44,283 --> 00:07:46,723 ‎ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับนักดาราศาสตร์ 119 00:07:52,003 --> 00:07:54,243 ‎ทุกวันนี้พวกเราส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องนี้ ‎เราจะรู้ไปทำไม 120 00:07:54,323 --> 00:07:55,683 ‎เราใช้ชีวิตอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยแสง 121 00:07:57,123 --> 00:07:59,043 ‎เราแทบไม่เห็นท้องฟ้าเลย 122 00:07:59,803 --> 00:08:02,643 ‎แต่ถ้าเราเป็นคนโบราณที่ศึกษาเรื่องท้องฟ้า 123 00:08:03,963 --> 00:08:06,043 ‎เราคงสังเกตเห็นปรากฏการณ์นี้ 124 00:08:07,523 --> 00:08:10,043 ‎พระอาทิตย์มีจุดที่หยุดบนขอบฟ้า 125 00:08:10,123 --> 00:08:11,683 ‎เราเรียกมันว่าอายัน 126 00:08:11,763 --> 00:08:13,923 ‎พระอาทิตย์หยุดนิ่งในช่วงครีษมายัน 127 00:08:14,003 --> 00:08:16,243 ‎อยู่ในจุดเดิมเป็นเวลาสองหรือสามวัน 128 00:08:16,323 --> 00:08:20,443 ‎จากนั้นจึงเริ่มถอยกลับ ‎เหมือนชิงช้าลูกตุ้มไปตามขอบฟ้า 129 00:08:20,523 --> 00:08:22,043 ‎เช่นเดียวกับเหมายัน 130 00:08:25,603 --> 00:08:30,043 ‎วิลเลียม โรเมน นักดาราศาสตร์โบราณ ‎ค้นพบว่าวันสำคัญเหล่านี้ 131 00:08:30,123 --> 00:08:34,843 ‎วันอายันทั้งหลาย วันที่ยาวและสั้นที่สุดของปี 132 00:08:34,923 --> 00:08:36,923 ‎ถูกระบุไว้ที่โพเวอร์ตี พอยต์ 133 00:08:37,003 --> 00:08:39,763 ‎ด้วยการเรียงตัวอย่างมีระบบ ‎ที่ออกแบบมาอย่างเชี่ยวชาญ 134 00:08:43,763 --> 00:08:46,683 ‎ถ้าเรายืนอยู่ที่ขอบด้านตะวันตกของพื้นที่รูปไข่ 135 00:08:46,763 --> 00:08:48,483 ‎ที่ใจกลางลาน 136 00:08:48,563 --> 00:08:52,843 ‎พระอาทิตย์ตกในวันครีษมายันตรงกับเนินบีพอดี 137 00:08:52,923 --> 00:08:54,123 ‎ซึ่งเป็นเนินเขาที่เก่าแก่ที่สุด 138 00:08:54,203 --> 00:08:55,403 ‎(เนินบี) 139 00:08:55,483 --> 00:08:57,203 ‎และจากจุดเดียวกัน 140 00:08:57,283 --> 00:09:01,523 ‎พระอาทิตย์ตกในวันเหมายันตรงกับเนินอีพอดี 141 00:09:01,603 --> 00:09:02,723 ‎(เนินอี) 142 00:09:02,803 --> 00:09:05,683 ‎เมื่อย้ายไปที่ขอบด้านตะวันตก ‎ของลานรูปไข่ด้านในอันเดียวกัน 143 00:09:05,763 --> 00:09:10,523 ‎เราจะเห็นว่าพระอาทิตย์ขึ้นในวันครีษมายัน ‎ตรงกับเนินซีพอดี… 144 00:09:10,603 --> 00:09:11,443 ‎(เนินซี) 145 00:09:11,523 --> 00:09:15,443 ‎ในขณะที่พระอาทิตย์ขึ้นในวันเหมายัน ‎ตรงกับเนินดีพอดี 146 00:09:15,523 --> 00:09:16,363 ‎(เนินดี) 147 00:09:17,603 --> 00:09:21,443 ‎และหากเรามองไปทางตะวันตก ‎ผ่านตรงกลางของลาน 148 00:09:21,523 --> 00:09:23,643 ‎ในวันวิษุวัตของฤดูใบไม้ผลิหรือใบไม้ร่วง 149 00:09:24,803 --> 00:09:28,043 ‎พระอาทิตย์จะตกที่ขอบด้านเหนือของเนินเอ 150 00:09:28,123 --> 00:09:30,203 ‎ก่อนจมหายไปในเส้นขอบฟ้า 151 00:09:36,603 --> 00:09:39,003 ‎โพเวอร์ตี พอยต์ ‎อาจมีโครงสร้างที่น่าสนใจขึ้นไปอีก 152 00:09:39,083 --> 00:09:41,443 ‎ซึ่งถูกออกแบบ ‎เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงบนท้องฟ้า 153 00:09:42,683 --> 00:09:44,003 ‎ที่มุมหนึ่งของสถานที่แห่งนี้ 154 00:09:44,083 --> 00:09:47,243 ‎นักโบราณคดีพบหลุมล้อมเป็นวงขนาดใหญ่ 155 00:09:49,363 --> 00:09:51,803 ‎ที่ปัจจุบันมีเสาจำลองสีขาวที่สร้างขึ้นมาใหม่ ‎เป็นสัญลักษณ์ 156 00:09:53,163 --> 00:09:57,003 ‎เราไม่รู้ว่าเสาดั้งเดิมในหลุมเหล่านี้สูงขนาดไหน 157 00:09:57,843 --> 00:10:00,363 ‎แต่รูปแบบและการออกแบบโดยรวมของมัน 158 00:10:00,443 --> 00:10:05,763 ‎ทำให้ผมนึกถึงวูดเฮนจ์ก่อนยุคประวัติศาสตร์ ‎ที่ถูกขุดขึ้นมาใกล้สโตนเฮนจ์ในอังกฤษ 159 00:10:05,843 --> 00:10:06,963 ‎(วูดเฮนจ์ สหราชอาณาจักร) 160 00:10:07,243 --> 00:10:12,443 ‎สิ่งที่ไม่เหมือนใครของโพเวอร์ตี พอยต์คือ ‎จำนวนวูดเฮนจ์ที่มันมี 161 00:10:13,883 --> 00:10:16,203 ‎ที่นี่มีวงกลมเหล่านี้กี่วง 162 00:10:16,803 --> 00:10:19,643 ‎น่าจะมีอย่างน้อย 40 วง 163 00:10:20,603 --> 00:10:22,203 ‎ขนาดล่ะ ตั้งแต่… 164 00:10:22,283 --> 00:10:25,603 ‎บางวงค่อนข้างเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลาง 18 เมตร 165 00:10:25,683 --> 00:10:28,683 ‎บางวงใหญ่กว่า เส้นผ่าศูนย์กลาง 60 เมตร 166 00:10:29,323 --> 00:10:32,043 ‎แต่อายุต่างกันอย่างมาก 167 00:10:33,923 --> 00:10:36,323 ‎พวกมันถูกสร้างขึ้นในระยะเวลาหลายร้อยปี 168 00:10:37,283 --> 00:10:40,123 ‎ผ่านหลายชั่วอายุคนของชาวอเมริกันโบราณ 169 00:10:40,203 --> 00:10:43,283 ‎ซึ่งคงตำแหน่งและขนาดของพวกมันไว้ 170 00:10:44,963 --> 00:10:47,563 ‎มันทำให้ผมคิดถึงมอลตาซึ่งผู้สร้างโครงสร้างหิน 171 00:10:47,643 --> 00:10:49,883 ‎เปลี่ยนทิศทางของวิหารของพวกเขา… 172 00:10:49,963 --> 00:10:50,803 ‎(มอลตา) 173 00:10:50,883 --> 00:10:54,443 ‎ให้หันเข้าหาดาวซิริอุส ก่อให้เกิดจกันติยา 174 00:10:55,603 --> 00:10:57,803 ‎เช่นเดียวกับของโกเบคลี เทเปในตุรกี 175 00:10:57,883 --> 00:10:59,923 ‎ซึ่งคนโบราณสร้างวิหารจำนวนหนึ่ง 176 00:11:00,003 --> 00:11:02,363 ‎ในช่วงเวลาพันปี… 177 00:11:02,443 --> 00:11:03,283 ‎(โกเบคลี เทเป) 178 00:11:03,363 --> 00:11:06,123 ‎ผมยังเชื่ออีกว่า ‎เพื่อติดตามการเคลื่อนที่ของดวงดาว 179 00:11:07,763 --> 00:11:10,243 ‎สิ่งก่อสร้างเหล่านี้ล้วนเป็นโครงการขนาดมหึมา 180 00:11:10,323 --> 00:11:12,803 ‎ที่มีโครงสร้างที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ซ้ำไปซ้ำมา… 181 00:11:12,883 --> 00:11:13,723 ‎(จกันติยา มอลตา) 182 00:11:13,803 --> 00:11:16,483 ‎และเปลี่ยนทิศทางในหลายชั่วอายุคน 183 00:11:17,603 --> 00:11:20,643 ‎เป็นไปได้มั้ยที่ ‎วงที่มีเสามากมายของโพเวอร์ตี พอยต์ 184 00:11:20,723 --> 00:11:23,683 ‎ถูกออกแบบมา ‎ให้ติดตามบางอย่างบนท้องฟ้าเช่นกัน 185 00:11:25,963 --> 00:11:28,923 ‎ความรู้ล้ำสมัย วิทยาศาสตร์ที่แท้จริง 186 00:11:29,003 --> 00:11:32,083 ‎แสดงให้เห็นโดยรูปเรขาคณิต ‎และดาราศาสตร์ของสถานที่นี้ 187 00:11:33,723 --> 00:11:36,403 ‎แต่นักโบราณคดีทั่วไปก็ยังลังเล 188 00:11:36,483 --> 00:11:40,163 ‎ที่จะยอมรับความเกี่ยวข้องทางดาราศาสตร์ ‎ของวงเสาในโพเวอร์ตี พอยต์ 189 00:11:42,643 --> 00:11:45,043 ‎ที่นี่ ผมว่ามันไม่สมเหตุสมผล 190 00:11:45,123 --> 00:11:47,963 ‎ทำไมคนที่เคยอยู่ที่นี่และสร้างสถานที่แห่งนี้ 191 00:11:48,043 --> 00:11:50,243 ‎ทำไมพวกเขาไม่น่าจะสนใจในท้องฟ้า 192 00:11:50,323 --> 00:11:51,843 ‎- ผมไม่ได้บอกว่าพวกเขาไม่สนใจ ‎- ครับ 193 00:11:51,923 --> 00:11:53,163 ‎ผมแน่ใจว่าพวกเขาสนใจ 194 00:11:53,243 --> 00:11:55,403 ‎โอเค งั้นคุณคิดว่าวงพวกนั้นใช้ทำอะไร 195 00:11:56,243 --> 00:11:57,883 ‎เราไม่รู้ เรายังไม่รู้ว่า 196 00:11:57,963 --> 00:11:59,963 ‎พวกมันใช้เพื่อดาราศาสตร์หรือไม่ 197 00:12:00,043 --> 00:12:01,003 ‎ครับ 198 00:12:02,683 --> 00:12:05,683 ‎วัฒนธรรมโบราณยึดมั่นกับท้องฟ้าอย่างมาก 199 00:12:07,083 --> 00:12:09,443 ‎ความเชื่อนั้นไม่อาจโต้เถียงได้ 200 00:12:09,523 --> 00:12:11,683 ‎แต่โบราณคดีมักคิดว่ามันไม่เกี่ยวข้อง 201 00:12:12,643 --> 00:12:14,603 ‎ผมคิดว่าเหตุผลส่วนหนึ่งคือ 202 00:12:14,683 --> 00:12:18,203 ‎เพราะนักโบราณคดีส่วนมาก ‎ไม่เข้าใจดาราศาสตร์เลย 203 00:12:18,283 --> 00:12:20,083 ‎นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาถูกสอนให้เข้าใจ 204 00:12:20,163 --> 00:12:22,603 ‎และอีกอย่าง พวกเขาเห็นมันเป็นการรุกล้ำ 205 00:12:22,683 --> 00:12:26,043 ‎เข้ามาในพื้นที่ของพวกเขาโดยคนภายนอก 206 00:12:30,123 --> 00:12:33,243 ‎ผมไม่ได้อ้างว่าโพเวอร์ตี พอยต์ถูกสร้างขึ้น 207 00:12:33,323 --> 00:12:36,203 ‎โดยอารยธรรมล้ำหน้าที่หายไปที่ผมตามหาอยู่ 208 00:12:38,123 --> 00:12:40,323 ‎แต่ผมสนใจในต้นกำเนิด 209 00:12:40,403 --> 00:12:42,843 ‎ของดาราศาสตร์และเรขาคณิตล้ำสมัย 210 00:12:42,923 --> 00:12:44,243 ‎ที่ถูกปรับใช้ที่นี่ 211 00:12:45,843 --> 00:12:48,523 ‎มีหลักฐานว่าความรู้ด้านสถาปัตยกรรม 212 00:12:48,603 --> 00:12:53,683 ‎การวัดพื้นที่ และดาราศาสตร์ล้ำหน้า ‎ถูกสืบทอดมาจากยุคก่อนหน้า 213 00:12:53,763 --> 00:12:57,323 ‎แต่สืบทอดจากใครและก่อนหน้านานแค่ไหนล่ะ 214 00:12:59,923 --> 00:13:02,203 ‎ผมไม่ได้บอกว่าชาวอเมริกันโบราณที่อยู่ที่นี่ 215 00:13:02,283 --> 00:13:04,963 ‎ไม่สามารถค้นพบหรือรวบรวม 216 00:13:05,043 --> 00:13:09,003 ‎การสังเกตดวงดาว ‎แล้วใช้ในพื้นที่ของพวกเขาเองได้ 217 00:13:09,723 --> 00:13:10,563 ‎ในทางตรงข้าม 218 00:13:11,203 --> 00:13:12,483 ‎ผมคิดว่าเราเลยจุดที่ 219 00:13:12,563 --> 00:13:15,443 ‎เราคิดว่าวัฒนธรรมชนพื้นเมืองอเมริกัน 220 00:13:15,523 --> 00:13:17,203 ‎เป็นเพียงคนหาของป่าล่าสัตว์ 221 00:13:17,283 --> 00:13:21,043 ‎พวกเขาซับซ้อนและล้ำสมัยกว่านั้นมาก 222 00:13:23,243 --> 00:13:26,203 ‎วิสัยทัศน์ของพวกเขา ‎เรื่องตำแหน่งของโลกในจักรวาล 223 00:13:26,283 --> 00:13:28,643 ‎ที่แสดงให้เห็นในการจัดเรียงที่โพเวอร์ตี พอยต์ 224 00:13:28,723 --> 00:13:30,963 ‎เป็นวิสัยทัศน์เดียวกับ 225 00:13:31,043 --> 00:13:33,563 ‎ที่เราเห็นในโบราณสถานอื่นๆ ทั่วโลก… 226 00:13:33,643 --> 00:13:34,483 ‎(มหาพีระมิดแห่งโชลูลา เม็กซิโก) 227 00:13:34,563 --> 00:13:35,403 ‎(มนัจดรา มอลตา) 228 00:13:35,483 --> 00:13:36,483 ‎และมีวัตถุประสงค์เดียวกัน 229 00:13:36,563 --> 00:13:39,043 ‎ในการเชื่อมโยงโลกและสวรรค์เข้าด้วยกัน 230 00:13:39,123 --> 00:13:40,203 ‎(สโตนเฮนจ์ สหราชอาณาจักร) 231 00:13:40,283 --> 00:13:43,523 ‎(คาร์นัก อียิปต์) 232 00:13:45,803 --> 00:13:49,163 ‎โพเวอร์ตี พอยต์เป็นเพียง ‎หนึ่งในสถานที่ 800 แห่งของผู้สร้างเนิน 233 00:13:49,843 --> 00:13:52,323 ‎ที่คงอยู่ทั่วรัฐลุยเซียนา 234 00:13:52,403 --> 00:13:53,243 ‎(ที่ตั้งของคาโฮเกีย อิลลินอยส์) 235 00:13:53,323 --> 00:13:55,323 ‎ในขณะที่ทวีปอเมริกาเหนือทั้งหมด 236 00:13:55,403 --> 00:13:58,403 ‎จากจำนวนเนินดั้งเดิมประมาณหนึ่งล้านแห่ง… 237 00:13:58,483 --> 00:13:59,363 ‎(เนินชนพื้นเมืองอิโตวาห์ จอร์เจีย) 238 00:13:59,443 --> 00:14:02,003 ‎ราว 100,000 แห่งยังคงอยู่ 239 00:14:02,083 --> 00:14:04,083 ‎(เนินภาพจำลอง ไอโอวา) 240 00:14:04,163 --> 00:14:08,643 ‎ในหมู่พวกมันทั้งหมด ‎ตัวอย่างของเนินที่ตระการตาที่สุด 241 00:14:08,723 --> 00:14:11,443 ‎ที่แสดงให้เห็นความเชื่อมโยง ‎ระหว่างโลกกับท้องฟ้า 242 00:14:12,363 --> 00:14:17,963 ‎ตั้งอยู่กว่า 250 กม.ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ‎ของโพเวอร์ตี พอยต์ในโอไฮโอ 243 00:14:19,003 --> 00:14:22,563 ‎สถานที่ซึ่งอาจมีข้อมูลว่าเกิดอะไรขึ้น 244 00:14:22,643 --> 00:14:25,283 ‎กับอารยธรรมที่หายไปที่ผมเฝ้าตามหา 245 00:14:28,323 --> 00:14:30,603 ‎ที่ตั้งอยู่บนขอบป่าหนาทึบ 246 00:14:31,683 --> 00:14:34,563 ‎คือตัวอย่างของเนินจำลองภาพอันน่าทึ่งแห่งหนึ่ง 247 00:14:36,843 --> 00:14:40,563 ‎ศิลปะบนพื้นดินมหึมา ‎ที่มีรูปร่างเหมือนสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง 248 00:14:42,443 --> 00:14:45,603 ‎ในกรณีนี้คืองูยาว 400 เมตร 249 00:14:48,123 --> 00:14:50,243 ‎เรียกกันว่าเนินพญานาค 250 00:14:50,323 --> 00:14:52,723 ‎(เนินพญานาค) 251 00:14:52,803 --> 00:14:54,443 ‎เริ่มจากหางม้วนเป็นวง 252 00:14:54,523 --> 00:14:57,363 ‎ลำตัวคดเจ็ดโค้งจนถึงหัว 253 00:14:58,643 --> 00:15:03,363 ‎ซึ่งขากรรไกรอ้าอยู่ราวกับจะงับ ‎ศิลปะบนพื้นดินรูปวงรีที่แยกออกมา 254 00:15:06,083 --> 00:15:09,643 ‎แม้จะดูจากทางอากาศ ‎ก็ยังยากที่จะเก็บรายละเอียดได้ทั้งหมด 255 00:15:10,523 --> 00:15:14,963 ‎แต่เมื่อรวมเข้ากับการค้นพบใหม่ ‎เกี่ยวกับโครงสร้างดั้งเดิมของมัน 256 00:15:15,043 --> 00:15:16,523 ‎แล้วตัดต้นไม้ออกไป 257 00:15:17,163 --> 00:15:20,523 ‎เราจะเห็นว่าเนินจำลองภาพนี้ ‎หน้าตาเป็นอย่างไรในอดีต 258 00:15:25,483 --> 00:15:28,403 ‎เนินพญานาคกินพื้นที่เกือบครึ่งกิโลเมตร 259 00:15:28,483 --> 00:15:30,243 ‎จากปากทางตะวันตกเฉียงเหนือ 260 00:15:30,323 --> 00:15:33,323 ‎ถึงหางที่มุมตะวันตกเฉียงใต้ของยอดเนินเขา 261 00:15:36,523 --> 00:15:40,243 ‎แต่แรกเคยมีวงกลมหินตั้งอยู่ข้างส่วนหัว 262 00:15:40,323 --> 00:15:41,643 ‎ไม่รู้ไว้ทำอะไร 263 00:15:43,123 --> 00:15:46,923 ‎หลังส่วนหัว มีส่วนต่อขยายสองส่วน 264 00:15:47,003 --> 00:15:48,883 ‎เช่นกัน ไม่รู้ใช้ทำอะไร 265 00:15:55,923 --> 00:15:59,363 ‎เนินพญานาคเป็นโครงสร้างที่ยิ่งใหญ่และสง่างาม 266 00:15:59,443 --> 00:16:02,483 ‎ซึ่งยังคงความมหัศจรรย์แก่ผู้พบเห็น 267 00:16:03,843 --> 00:16:06,763 ‎เห็นได้ชัดว่าเป็นโบราณสถานอันลึกลับ 268 00:16:06,843 --> 00:16:09,363 ‎แต่ใครเป็นผู้สร้างเนินจำลองภาพขนาดใหญ่ ‎และสร้างเพื่ออะไร 269 00:16:12,403 --> 00:16:14,043 ‎(โอไฮโอ - โบราณสถาน ‎เนินพญานาค) 270 00:16:14,123 --> 00:16:17,283 ‎ป้ายสถานที่บอกเราว่า ‎มันสร้างขึ้นราวค.ศ. 1000 271 00:16:17,363 --> 00:16:21,163 ‎โดยชนพื้นเมืองที่เรียกกันว่าชาวฟอร์ตแอนเชียนต์ 272 00:16:22,723 --> 00:16:27,403 ‎แต่เช่นเดียวกับป้ายโบราณสถานมากมาย ‎มันไม่ถูกต้อง 273 00:16:28,923 --> 00:16:33,123 ‎ความจริงคือไม่มีใครรู้ว่า ‎เนินนางพญาเก่าแก่แค่ไหน 274 00:16:35,243 --> 00:16:37,243 ‎วันสร้างในค.ศ. 1000 นั้น 275 00:16:37,323 --> 00:16:40,323 ‎อ้างอิงจากสองตัวอย่างเท่านั้น 276 00:16:40,403 --> 00:16:43,803 ‎ที่ได้มาจากบางส่วนของเนิน ‎ซึ่งอาจสร้างขึ้นภายหลังก็ได้ 277 00:16:45,323 --> 00:16:49,323 ‎เพราะการสำรวจทางโบราณคดีอีกครั้งหนึ่ง ‎พบตัวอย่างจากฐานของตัวงู 278 00:16:49,403 --> 00:16:52,883 ‎ที่เก่าแก่ถึง 321 ปีก่อนคริสตกาล 279 00:16:54,523 --> 00:16:56,723 ‎หลักฐานว่าเนินพญานาค 280 00:16:56,803 --> 00:16:59,683 ‎มีการซ่อมแซมทีหลังชัดเจนมาก 281 00:16:59,763 --> 00:17:03,323 ‎ผมคิดว่าการซ่อมแซมเกิดขึ้นในอดีตย้อนไปไกล 282 00:17:05,083 --> 00:17:08,243 ‎มีปัญหาเพียงอย่างเดียวในการพิสูจน์ทฤษฎีของผม 283 00:17:09,122 --> 00:17:13,362 ‎ผู้ดูแลเนินพญานาคตัดสินใจห้ามผมเข้า 284 00:17:15,843 --> 00:17:20,043 ‎เราพยายามอยู่หลายครั้งเพื่อขออนุญาตถ่ายทำที่นี่ 285 00:17:20,122 --> 00:17:22,122 ‎แต่พวกเขาไม่อนุญาต 286 00:17:22,203 --> 00:17:24,162 ‎(เนินพญานาค) 287 00:17:24,243 --> 00:17:29,243 ‎ผมคิดว่าเป็นเพราะความคิด ‎และเรื่องส่วนตัวมากกว่า 288 00:17:29,323 --> 00:17:31,203 ‎ผมจะอ่านจากอีเมลของพวกเขาให้ฟัง 289 00:17:33,122 --> 00:17:34,643 ‎"หน้าที่ของเราคือทำให้แน่ใจว่า 290 00:17:34,723 --> 00:17:37,283 ‎ศักดิ์ศรีและการคงไว้ซึ่งเนินพญานาค 291 00:17:37,363 --> 00:17:38,403 ‎ทั้งทางกายภาพ 292 00:17:38,483 --> 00:17:41,563 ‎และความเข้าใจ ‎ในประวัติศาสตร์ของมันจะคงอยู่" 293 00:17:42,523 --> 00:17:47,243 ‎"เพราะผู้ดำเนินรายการซีรีส์นี้ แกรห์ม แฮนค็อก 294 00:17:47,323 --> 00:17:51,083 ‎นำเสนอทฤษฎีและเรื่องราวที่ไม่ตรงกับ 295 00:17:51,163 --> 00:17:54,923 ‎สิ่งที่เรารู้ว่าเป็นเรื่องจริงเกี่ยวกับเนินพญานาค 296 00:17:55,003 --> 00:17:57,523 ‎ดังนั้นการร้องขอของคุณจึงถูกปฏิเสธ" 297 00:18:00,323 --> 00:18:05,483 ‎คำที่ถูกต้องของภารกิจที่ว่า ‎เป็นการปกป้องความเข้าใจในสถานที่นี้ 298 00:18:05,563 --> 00:18:07,963 ‎ก็คือการเซ็นเซอร์นั่นเอง 299 00:18:08,043 --> 00:18:10,483 ‎อะไรจะได้ผลดี 300 00:18:10,563 --> 00:18:16,403 ‎สำหรับนักโบราณคดีในการเซ็นเซอร์ จำกัด ‎และหยุดความคิดต่าง 301 00:18:16,483 --> 00:18:20,123 ‎ไปกว่าการปฏิเสธไม่ให้เข้าโบราณสถาน 302 00:18:20,203 --> 00:18:21,803 ‎(แกรห์ม แฮนค็อกเสียสติหรือเปล่า) 303 00:18:21,883 --> 00:18:24,563 ‎ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น 304 00:18:24,643 --> 00:18:29,083 ‎น่าเสียดายที่มันเป็นพฤติกรรม ‎ที่เป็นระบบและเกิดต่อเนื่อง 305 00:18:29,163 --> 00:18:30,243 ‎ในหมู่นักโบราณคดี 306 00:18:30,323 --> 00:18:32,163 ‎พวกเขาชอบเซ็นเซอร์เป็นประจำ 307 00:18:32,243 --> 00:18:37,603 ‎พวกเขาเซ็นเซอร์ด้วยการเย้ยหยัน ‎และด้อยค่าความคิดต่าง 308 00:18:39,803 --> 00:18:43,083 ‎อะไรในทฤษฎีของผม 309 00:18:43,163 --> 00:18:45,403 ‎ที่ดูขัดแย้งนักหนา 310 00:18:46,883 --> 00:18:49,843 ‎ง่ายๆ เลย มันเป็นเพราะผมกล้านำเสนอว่า 311 00:18:49,923 --> 00:18:53,283 ‎แนวคิดเบื้องหลังการออกแบบของเนินพญานาค 312 00:18:53,363 --> 00:18:57,523 ‎เก่าแก่กว่าค.ศ. 300 มาก 313 00:18:58,683 --> 00:19:03,243 ‎เก่าแก่กว่านั้นเป็น 10,000 ปี ‎ในช่วงสิ้นยุคน้ำแข็งสุดท้าย 314 00:19:05,243 --> 00:19:11,003 ‎และสำหรับผม การพิสูจน์ว่าที่นี่ ‎เป็นหนึ่งในหลักฐานที่น่าทึ่งที่สุดของมัน 315 00:19:11,083 --> 00:19:14,403 ‎เป็นสิ่งที่นักโบราณคดีทั่วไปไม่อยากรับรู้ 316 00:19:15,043 --> 00:19:17,923 ‎เพราะมันเกี่ยวกับท้องฟ้าอีกแล้ว 317 00:19:20,003 --> 00:19:25,003 ‎ถ้าเราบินผ่านเนินพญานาคในวันครีษมายัน ‎ประมาณวันที่ 21 มิถุนายน 318 00:19:25,083 --> 00:19:27,843 ‎คุณจะสังเกตเห็นทันทีว่าขากรรไกรของงู 319 00:19:27,923 --> 00:19:32,163 ‎ตรงกับจุดที่พระอาทิตย์ตกเกือบพอดี 320 00:19:34,923 --> 00:19:38,003 ‎นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นตอนพระอาทิตย์ตกในวันครีษมายัน 321 00:19:38,083 --> 00:19:38,923 ‎(บาธ สหราชอาณาจักร ‎วันที่ 6 เมษายน 2019) 322 00:19:39,003 --> 00:19:42,723 ‎เราเห็นหัวของงูหันเข้าหาพระอาทิตย์ 323 00:19:42,803 --> 00:19:45,803 ‎และพระอาทิตย์ก็เริ่มตก เราจะเห็นได้ชัดเจนขึ้น 324 00:19:45,883 --> 00:19:49,563 ‎การหันเข้าหากันอันสวยงามของโลกและท้องฟ้า 325 00:19:49,643 --> 00:19:52,403 ‎และความยิ่งใหญ่ของสถานที่ ‎จะทำให้เราตะลึง 326 00:19:54,363 --> 00:19:57,483 ‎มันชัดเจนสำหรับทุกคนในปัจจุบันว่า 327 00:19:57,563 --> 00:20:01,043 ‎นั่นคือสิ่งที่หัวของงูหันไปหา 328 00:20:01,643 --> 00:20:06,443 ‎แต่แนวคิดนั้นถูกเมินและปฏิเสธ ‎โดยโบราณคดีมาเป็นเวลานานมาก 329 00:20:07,323 --> 00:20:10,003 ‎องค์กรที่จัดการสถานที่ 330 00:20:10,083 --> 00:20:13,843 ‎ปล่อยให้ต้นไม้จำนวนมาก ‎โตขึ้นมาบริเวณหัวของงู 331 00:20:13,923 --> 00:20:17,043 ‎ผมคิดว่าพวกเขาเชื่อว่า ‎มันให้ร่มเงากับนักท่องเที่ยว 332 00:20:17,123 --> 00:20:20,483 ‎แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือมันจำกัดผลกระทบ 333 00:20:20,563 --> 00:20:23,843 ‎จากการเห็นหัวงู ‎ที่ชี้เข้าหาพระอาทิตย์ตกโดยตรง 334 00:20:28,123 --> 00:20:32,083 ‎เจฟฟ์ วิลสันผู้เป็นเจ้าของที่ดินจำนวนมาก ‎ติดกับเนินจำลองภาพโบราณ 335 00:20:32,163 --> 00:20:36,123 ‎เป็นประธานกลุ่มอิสระที่เรียกว่า ‎มิตรแห่งเนินพญานาค 336 00:20:37,203 --> 00:20:41,843 ‎ซึ่งมุ่งมั่นในการรักษาและเผยแพร่ที่นี่ ‎และสถานที่ของชาวอเมริกันพื้นเมืองอื่นๆ 337 00:20:43,043 --> 00:20:46,203 ‎เห็นได้ชัดว่าเนินพญานาคสำคัญกับคุณมาก 338 00:20:46,283 --> 00:20:48,483 ‎ครับ มันสำคัญกับผมโดยตรง 339 00:20:48,563 --> 00:20:51,523 ‎มันเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีจิตวิญญาณที่สุด ‎ที่ผมเคยไปเยือน 340 00:20:51,603 --> 00:20:52,443 ‎(เจฟฟ์ วิลสัน ‎นักประวัติศาสตร์ของเนินพญานาค) 341 00:20:52,523 --> 00:20:53,843 ‎มันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ 342 00:20:53,923 --> 00:20:55,243 ‎พอเราได้เห็นมัน 343 00:20:55,323 --> 00:20:59,483 ‎เราจะจากไปด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป ‎จากประสบการณ์ตอนเรามาที่นี่ 344 00:21:03,003 --> 00:21:06,203 ‎มันเป็นสถานที่แห่งดาราศาสตร์โบราณ ‎อันน่าทึ่งที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ 345 00:21:06,283 --> 00:21:07,123 ‎- แน่นอน ‎- ครับ 346 00:21:09,203 --> 00:21:13,003 ‎สิ่งที่ทำให้เป็นเช่นนั้นคือ ‎การยืนยันเมื่อไม่นานมานี้ว่าเนินพญานาค 347 00:21:13,083 --> 00:21:16,963 ‎มีการใช้เรื่องการหันพื้นดินเข้าหาท้องฟ้า 348 00:21:17,043 --> 00:21:18,683 ‎ในการออกแบบของเนินพญานาค 349 00:21:22,643 --> 00:21:25,083 ‎ตรงกลางของโค้งที่สองหลังหัว 350 00:21:25,163 --> 00:21:28,923 ‎ชี้ไปทางตะวันออก ‎ด้านที่พระอาทิตย์ขึ้นในวันครีษมายัน 351 00:21:31,043 --> 00:21:33,003 ‎และตรงกลางของโค้งถัดไป 352 00:21:33,083 --> 00:21:36,483 ‎หันไปหาพระอาทิตย์ขึ้น ‎ในวันวิษุวัตในฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง 353 00:21:36,563 --> 00:21:39,123 ‎เมื่อกลางคืนและกลางวันยาวเท่ากัน 354 00:21:41,483 --> 00:21:43,523 ‎ในขณะที่กลางโค้งสุดท้าย 355 00:21:43,603 --> 00:21:46,843 ‎หันไปทางพระอาทิตย์ขึ้นในวันเหมายัน 356 00:21:46,923 --> 00:21:48,803 ‎วันที่สั้นที่สุดของปี 357 00:21:50,363 --> 00:21:52,923 ‎ในขณะที่หางที่ม้วนเป็นวง 358 00:21:53,643 --> 00:21:56,883 ‎ถ้าเราวาดเส้นตรงจากตรงกลางของมันพอดี 359 00:21:56,963 --> 00:21:59,083 ‎ผ่านขากรรไกรของงู 360 00:21:59,163 --> 00:22:03,443 ‎เราจะเห็นทิศทางไปสู่ขั้วโลกเหนืออย่างชัดเจน 361 00:22:07,323 --> 00:22:10,283 ‎เพื่อสร้างและวางทิศว่า 362 00:22:10,363 --> 00:22:14,323 ‎จะหันอะไรไปทางไหนในทางดาราศาสตร์ ‎ซึ่งถูกนำมาใช้ในการออกแบบ 363 00:22:14,403 --> 00:22:17,883 ‎- เป็นงานอันน่าทึ่งของอัจฉริยะ… ‎- เป็นงานของอัจฉริยะ ใช่ครับ 364 00:22:17,963 --> 00:22:19,563 ‎จากชาวอเมริกันพื้นเมืองยุคก่อนประวัติศาสตร์ 365 00:22:19,643 --> 00:22:23,203 ‎ใช่ครับ และอัจฉริยะคนนั้นกลับถูกมองข้าม 366 00:22:23,283 --> 00:22:26,603 ‎โบราณคดีเห็นเรื่องดาราศาสตร์ของที่นี่ ‎เป็นเรื่องจริงจังหรือเปล่า 367 00:22:26,683 --> 00:22:29,043 ‎มีนักโบราณคดีจำนวนมากพอมั้ย ‎ที่เห็นมันเป็นเรื่องจริงจัง 368 00:22:29,123 --> 00:22:31,123 ‎ผมคิดว่าไม่นะ 369 00:22:32,483 --> 00:22:37,323 ‎มีน้อยคนมากที่สนใจหรือพิจารณามัน 370 00:22:41,843 --> 00:22:45,043 ‎ราวกับว่านักโบราณคดีทั่วไปอยากให้เราเชื่อว่า 371 00:22:45,123 --> 00:22:48,803 ‎การเรียงตัวทางดาราศาสตร์ทั้งหมดนี้ ‎เกิดขึ้นโดยบังเอิญ 372 00:22:50,243 --> 00:22:55,243 ‎ผมคิดว่ามันยุติธรรมที่จะพูดว่า ‎มีคนในดินแดนอเมริกาพื้นเมืองโบราณ 373 00:22:55,323 --> 00:22:59,803 ‎ที่มีวิธีสำรวจอันล้ำหน้า ‎และความชำนาญด้านเรขาคณิตกับดาราศาสตร์ 374 00:22:59,883 --> 00:23:03,243 ‎และพวกเขานำความชำนาญเหล่านี้มาใช้ ‎ในการสร้างอนุสรณ์สถานมหึมา 375 00:23:03,323 --> 00:23:06,683 ‎ซึ่งน่าเสียดายที่ส่วนใหญ่ถูกทำลายไปแล้ว 376 00:23:08,603 --> 00:23:13,803 ‎การหันเข้าหาพระอาทิตย์อย่างชัดเจน ‎ที่ซ่อนอยู่ในสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่เช่นนี้ 377 00:23:13,883 --> 00:23:16,803 ‎เป็นหลักฐานของความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ‎สำหรับคนเก็บของป่าล่าสัตว์ 378 00:23:16,883 --> 00:23:18,923 ‎ที่มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่สาม 379 00:23:20,483 --> 00:23:24,123 ‎แต่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าสันเขาที่เนินพญานาคตั้งอยู่ 380 00:23:24,203 --> 00:23:27,963 ‎มีความศักดิ์สิทธิ์มาหลายพันปีก่อนหน้านั้น 381 00:23:29,643 --> 00:23:33,403 ‎ทุกๆ วัฒนธรรมที่เคยอยู่ที่นี่ 382 00:23:33,483 --> 00:23:37,923 ‎ย้อนกลับไปถึงยุคน้ำแข็งสุดท้าย ‎ทิ้งซากวัฒนธรรมไว้ที่เนินพญานาค 383 00:23:38,003 --> 00:23:41,123 ‎มันบอกผมว่า ‎การอยู่อาศัยของมนุษย์อย่างต่อเนื่องที่นี่ 384 00:23:41,803 --> 00:23:45,643 ‎บ่งชี้ว่าที่นี่ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มานานมากแล้ว 385 00:23:45,723 --> 00:23:46,563 ‎ครับ 386 00:23:46,643 --> 00:23:48,803 ‎สำหรับผม มันควรถูกนำไปพูดถึง 387 00:23:48,883 --> 00:23:50,563 ‎ตามหลักโบราณคดี 388 00:23:50,643 --> 00:23:52,683 ‎มันควรเป็นส่วนหนึ่ง ‎ของเรื่องราวของเนินพญานาค 389 00:23:52,763 --> 00:23:53,603 ‎ใช่ครับ 390 00:23:56,563 --> 00:24:00,403 ‎นักโบราณคดีเคยคิดผิดและอาจคิดผิดอีก 391 00:24:01,003 --> 00:24:05,763 ‎ทั้งหมดนี้ มันชัดเจนแล้วว่า ‎ต้นกำเนิดของเนินพญานาคนั้นซับซ้อน 392 00:24:07,123 --> 00:24:12,123 ‎ถ้าค.ศ. 321 ไม่ใช่ปีที่ก่อสร้างเนินพญานาค 393 00:24:12,803 --> 00:24:15,363 ‎แต่เป็นปีที่เกิดการซ่อมแซมครั้งหนึ่งล่ะ 394 00:24:17,643 --> 00:24:20,603 ‎อย่าลืมว่าเรากำลังพูดถึงงูอยู่ 395 00:24:20,683 --> 00:24:24,923 ‎และสัตว์เหล่านี้เป็นที่รู้กันว่า ‎มีความสามารถในการลอกคราบ 396 00:24:26,843 --> 00:24:31,243 ‎มันคือความเป็นไปได้ที่เห็นได้ ‎จากการเรียงตัวที่ไม่เหมือนใครของเนินพญานาค 397 00:24:32,123 --> 00:24:34,843 ‎อย่างที่เห็น มันไม่สมบูรณ์แบบเท่าไหร่ 398 00:24:36,963 --> 00:24:40,523 ‎ปัจจุบัน พระอาทิตย์ในวันครีษมายัน ‎ที่เห็นได้จากเนินพญานาค 399 00:24:40,603 --> 00:24:44,723 ‎ตกห่างจากกลางขากรรไกรไปประมาณสององศา 400 00:24:45,883 --> 00:24:47,923 ‎ใกล้พอที่จะเห็นได้ด้วยตาเปล่า 401 00:24:49,883 --> 00:24:54,123 ‎แต่ยากที่จะเชื่อว่าคนที่คิดและสร้าง 402 00:24:54,203 --> 00:24:58,283 ‎เนินภาพจำลองอันล้ำหน้าแห่งนี้ ‎ซึ่งติดตามช่วงเวลาตามปฏิทินทั้งหมดนี่ 403 00:24:58,923 --> 00:25:02,883 ‎จะยอมลำบากสร้าง แต่ไม่หันไปให้ตรงเป๊ะ 404 00:25:04,603 --> 00:25:06,483 ‎ผมคิดว่าพวกเขาหันได้ตรงเป๊ะ 405 00:25:08,323 --> 00:25:12,283 ‎มันเป็นเรื่องของการที่แนวโลกเคลื่อนทุกพันปี 406 00:25:13,843 --> 00:25:16,283 ‎ในปรากฏการณ์ที่รู้จักกันมายาวนาน ‎ในหมู่นักดาราศาสตร์ 407 00:25:16,883 --> 00:25:20,163 ‎ที่เรียกมันว่าความเอียงของสุริยวิถี 408 00:25:21,123 --> 00:25:22,483 ‎พูดง่ายๆ ก็คือ 409 00:25:22,563 --> 00:25:24,763 ‎อย่างที่รู้กันว่าโลกมีแกนที่เอียง 410 00:25:24,843 --> 00:25:27,163 ‎และการเอียงนั้นแก้ไขไม่ได้ ‎และเกิดอย่างต่อเนื่อง 411 00:25:27,243 --> 00:25:30,723 ‎มันเปลี่ยนไปทุกๆ 41,000 ปี 412 00:25:30,803 --> 00:25:33,563 ‎มันเอียงไปประมาณสององศาครึ่งในหนึ่งครั้ง 413 00:25:33,643 --> 00:25:35,163 ‎มันโคลงเคลงไปข้างหน้าและข้างหลัง 414 00:25:35,843 --> 00:25:40,083 ‎และมันทำมีผลกับ ‎ตำแหน่งพระอาทิตย์ขึ้นในวันครีษมายัน 415 00:25:42,683 --> 00:25:44,763 ‎แทนที่จะถามว่าทำไมขากรรไกรของงู 416 00:25:44,843 --> 00:25:48,123 ‎หันไม่ตรงกับพระอาทิตย์ตกในวันครีษมายัน 417 00:25:49,843 --> 00:25:52,123 ‎ถ้าถามคำถามอื่นแทนล่ะ 418 00:25:53,403 --> 00:25:57,763 ‎ถ้าพิจารณาถึงความเอียงของสุริยวิถีแล้ว 419 00:25:57,843 --> 00:26:01,723 ‎ขากรรไกรกับพระอาทิตย์ตกตรงกันพอดีตอนไหน 420 00:26:05,843 --> 00:26:08,003 ‎ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่พันปีก่อน… 421 00:26:08,083 --> 00:26:08,923 ‎(ค.ศ. 1000) 422 00:26:09,003 --> 00:26:10,723 ‎หรือแม้แต่ 2,300 ปีก่อน 423 00:26:10,803 --> 00:26:14,283 ‎ช่วงเวลาที่นักโบราณคดียืนกรานว่า ‎เนินพญานาคถูกสร้างขึ้น 424 00:26:15,243 --> 00:26:18,843 ‎ปากของงูตรงกับพระอาทิตย์พอดี 425 00:26:18,923 --> 00:26:21,963 ‎ราว 12,800 ปีก่อน… 426 00:26:22,043 --> 00:26:23,003 ‎(10,800 ปีก่อนคริสตกาล) 427 00:26:23,083 --> 00:26:24,843 ‎ตอนสิ้นยุคน้ำแข็งสุดท้าย… 428 00:26:27,323 --> 00:26:29,123 ‎เมื่อสันเขาที่งูพาดอยู่ 429 00:26:29,203 --> 00:26:33,483 ‎เป็นจุดที่สำคัญอย่างมาก 430 00:26:37,883 --> 00:26:42,443 ‎ในช่วงรุ่งเรืองของยุคน้ำแข็ง ‎ราว 20,000 ปีก่อน… 431 00:26:42,523 --> 00:26:43,803 ‎(มหาสมุทรแปซิฟิก - แผ่นน้ำแข็งคอร์ดิลเลอแรน ‎อเมริกาเหนือ - แผ่นน้ำแข็งลอเรนไทด์) 432 00:26:43,883 --> 00:26:48,043 ‎ทวีปอเมริกาส่วนใหญ่ ‎ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งหนาหลายกิโลเมตร 433 00:26:51,083 --> 00:26:55,643 ‎ปัจจุบัน หุบเขาเนินพญานาคของโอไฮโอ ‎เป็นธรรมชาติที่ปกคลุมไปด้วยป่า 434 00:26:56,243 --> 00:26:58,363 ‎แต่ต้องไม่มองมันในแบบที่เป็นอยู่ปัจจุบัน 435 00:26:59,243 --> 00:27:02,763 ‎ลองมองมันในแบบที่เป็นในยุคน้ำแข็งสุดท้ายดู 436 00:27:04,163 --> 00:27:08,123 ‎หุบเขาแห่งนี้ที่งูขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้น 437 00:27:08,203 --> 00:27:12,603 ‎ทำสัญลักษณ์ส่วนใต้สุด ‎ที่แผ่นน้ำแข็งในอเมริกาเหนือคลุมไปถึง 438 00:27:13,803 --> 00:27:17,283 ‎หน้าผาน้ำแข็งมหึมาที่มีเพียงสันเขานี้โผล่ขึ้นมา 439 00:27:17,363 --> 00:27:20,283 ‎น่าจะดูเหมือนสิ่งที่เห็นในเทพนิยาย 440 00:27:21,443 --> 00:27:23,763 ‎สำหรับคนที่ใช้ชีวิตผ่านยุคนั้นมา 441 00:27:23,843 --> 00:27:27,403 ‎มันคงดูเหมือนมีการใช้พลังวิเศษบางอย่าง 442 00:27:29,283 --> 00:27:32,843 ‎แต่การเฉลิมฉลองการสิ้นสุดของน้ำแข็ง ‎ที่ปกคลุมน่าจะอยู่ได้ไม่นาน 443 00:27:34,203 --> 00:27:37,323 ‎เพราะช่วงเวลาหนึ่งราว 12,800 ปีก่อน 444 00:27:38,003 --> 00:27:41,763 ‎เมื่องูหันหน้าได้ตรงเป๊ะกับวันครีษมายัน 445 00:27:41,843 --> 00:27:45,123 ‎เกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่ไปทั่วโลก 446 00:27:46,603 --> 00:27:48,803 ‎เหตุการณ์ล้างโลก 447 00:27:50,603 --> 00:27:52,283 ‎ที่เรียกว่ายังเกอร์ ดรายอัส 448 00:27:53,643 --> 00:27:57,723 ‎มันเป็นช่วงที่สภาพอากาศ ‎เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงและน้ำทะเลสูงขึ้น 449 00:27:59,843 --> 00:28:02,523 ‎มนุษยชาติแทบไม่รอดชีวิต 450 00:28:09,443 --> 00:28:14,363 ‎ผมพบว่าการหันเข้าหาพระอาทิตย์ตก ‎ในวันครีษมายันน่าสนใจว่า 451 00:28:15,123 --> 00:28:19,843 ‎เนินพญานาคเป็นเหมือนป้าย การประทับตราวันที่ 452 00:28:19,923 --> 00:28:24,483 ‎ที่ดึงดูดความสนใจของเราสู่ท้องฟ้า ‎เมื่อ 12,800 ปีก่อน 453 00:28:24,563 --> 00:28:28,003 ‎ช่วงเวลาที่เรารู้ว่าเกิดมหันตภัยทั่วโลก 454 00:28:28,083 --> 00:28:31,043 ‎ที่ใหญ่พอทำลายอารยธรรมล้ำหน้า 455 00:28:34,643 --> 00:28:37,043 ‎มันทำให้ผมคิดถึงโกเบคลี เทเปอีกครั้ง 456 00:28:37,123 --> 00:28:40,803 ‎ภาพของสัตว์ที่แกะลงบนเสาที่สวยงามที่สุดต้นหนึ่ง 457 00:28:41,443 --> 00:28:45,203 ‎ดูเหมือนเป็นตำแหน่งของดวงดาวในวันครีษมายัน 458 00:28:45,283 --> 00:28:47,283 ‎ในช่วงที่เกิดยังเกอร์ ดรายอัส 459 00:28:48,963 --> 00:28:53,243 ‎ในความคิดของผม ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ‎ที่การวางตำแหน่งทางอายันของงู 460 00:28:53,323 --> 00:28:56,443 ‎บ่งชี้ถึงมหันตภัยครั้งเดียวกัน 461 00:28:57,883 --> 00:28:59,363 ‎แต่ทำไมต้องเป็นงู 462 00:29:04,403 --> 00:29:06,163 ‎ผมคิดว่ามันเกี่ยวข้องกับ 463 00:29:06,243 --> 00:29:08,763 ‎ตำนานและธรรมเนียมคนอเมริกันพื้นเมืองมากมาย 464 00:29:08,843 --> 00:29:14,003 ‎ซึ่งงูยักษ์เกี่ยวข้องกับ ‎การเปลี่ยนแปลงหายนะของโลก 465 00:29:16,803 --> 00:29:19,163 ‎มีตำนานโบราณของชาวอิโรควอย 466 00:29:19,243 --> 00:29:23,563 ‎ซึ่งอาณาเขตของพวกเขาในยุคเรืองอำนาจ ‎ขยายลึกเข้าไปในโอไฮโอ 467 00:29:23,643 --> 00:29:27,483 ‎ปิศาจในตำนานนี้คืองูยักษ์มีเขา 468 00:29:30,923 --> 00:29:34,563 ‎นานมาแล้ว หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ‎ถูกโจมตีโดยงูยักษ์ 469 00:29:34,643 --> 00:29:36,283 ‎ที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบใกล้เคียง 470 00:29:37,123 --> 00:29:41,563 ‎ดวงวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่บนท้องฟ้า ‎จึงส่งวีรบุรุษผู้หนึ่งลงมาปราบมัน 471 00:29:43,283 --> 00:29:47,123 ‎ในการต่อสู้อันดุเดือด ‎สายฟ้าฟาดลงมายังงู 472 00:29:48,483 --> 00:29:52,043 ‎เสียงนั้นทำให้โลกสั่นไหวและแสงไฟเจิดจ้า 473 00:29:52,123 --> 00:29:56,803 ‎จนผู้คนต้องบังตาบังหูไว้ และหลบด้วยความกลัว 474 00:29:58,563 --> 00:30:02,363 ‎กลุ่มดาวถูกขับลงมาจากท้องฟ้า 475 00:30:02,443 --> 00:30:07,283 ‎และตกลงมายังโลก ‎ด้วยแรงระเบิดและความร้อนอย่างรุนแรง 476 00:30:07,363 --> 00:30:10,763 ‎ดาวดวงหนึ่งตกลงไปในทะเลสาบ ‎ทำให้งูมีเขาบาดเจ็บ 477 00:30:13,083 --> 00:30:15,963 ‎งูยักษ์ฟาดหางด้วยความเจ็บปวด 478 00:30:16,043 --> 00:30:17,643 ‎ทำให้เกิดคลื่นสูงเกือบ 30 เมตร 479 00:30:17,723 --> 00:30:20,883 ‎ซัดหุบเขาและเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่หลายครั้ง 480 00:30:22,643 --> 00:30:26,843 ‎ชนพื้นเมืองส่วนใหญ่ไม่รอด ‎แต่งูถูกขับออกไปได้ 481 00:30:28,923 --> 00:30:30,803 ‎(คาราฮาน เทเป ตุรกี) 482 00:30:30,883 --> 00:30:35,643 ‎เราได้เห็นภาพงูเช่นนี้ ‎ในอนุสรณ์สถานโบราณทั่วโลก 483 00:30:35,723 --> 00:30:37,163 ‎(โซชิคาลโค เม็กซิโก) 484 00:30:37,243 --> 00:30:38,323 ‎ที่วิหารในเม็กซิโก 485 00:30:38,403 --> 00:30:41,803 ‎ซึ่งอุทิศให้เควตซาลโคลาเทิล งูขนนก… 486 00:30:42,403 --> 00:30:43,243 ‎(จกันติยา มอลตา) 487 00:30:43,323 --> 00:30:45,523 ‎ที่ถูกแกะสลักไว้ที่วิหารจกันติยาในมอลตา 488 00:30:46,243 --> 00:30:49,843 ‎และร่วงลงมาจากท้องฟ้า ‎บนเสาของโกเบคลี เทเป 489 00:30:49,923 --> 00:30:51,123 ‎(โกเบคลี เทเป ตุรกี) 490 00:30:51,203 --> 00:30:52,923 ‎มันเป็นสัญลักษณ์อันทรงพลัง 491 00:30:53,003 --> 00:30:56,283 ‎ที่พบในสถานที่ซึ่งชวนให้เรามองขึ้นไปยังท้องฟ้า 492 00:30:56,363 --> 00:30:57,643 ‎(มหาพีระมิดแห่งโชลูลา เม็กซิโก) 493 00:30:57,723 --> 00:30:58,563 ‎ทำไมล่ะ 494 00:31:00,803 --> 00:31:05,003 ‎ผมคิดว่าตำนานอิโรควอยนี้มีมากกว่าแก่นความจริง 495 00:31:05,083 --> 00:31:06,483 ‎บางทีดวงดาว 496 00:31:06,563 --> 00:31:10,203 ‎หรือบางอย่างที่คล้ายดาวตกลงมายังโลกจริงๆ 497 00:31:10,283 --> 00:31:12,523 ‎แล้วจึงเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ตามมา 498 00:31:12,603 --> 00:31:16,483 ‎เป็นส่วนหนึ่งของหายนะแผ่นดินไหว ‎ของยังเกอร์ ดรายอัส 499 00:31:18,603 --> 00:31:20,683 ‎ถ้าเนินพญานาคดั้งเดิม 500 00:31:20,763 --> 00:31:25,283 ‎ถูกออกแบบมาในช่วงสิ้นสุดยุคน้ำแข็งสุดท้าย ‎อย่างที่ผมเชื่อ 501 00:31:25,363 --> 00:31:29,643 ‎บางทีมันอาจตั้งใจให้ส่งข้อความสู่อนาคต 502 00:31:29,723 --> 00:31:34,323 ‎คำเตือนว่าอะไรเป็นสาเหตุ ‎ของเหตุการณ์ล้างโลกเหล่านั้น 503 00:31:34,403 --> 00:31:36,643 ‎ราว 12,800 ปีก่อน 504 00:31:37,283 --> 00:31:42,043 ‎คำเตือนให้มองขึ้นไปบนฟ้าเผื่อมีดาวตกลงมา 505 00:31:46,123 --> 00:31:48,083 ‎ข้ามไปครึ่งโลก 506 00:31:48,163 --> 00:31:51,683 ‎มีหลักฐานว่า ‎คนโบราณอีกกลุ่มใช้ชีวิตด้วยความกลัว 507 00:31:51,763 --> 00:31:53,603 ‎ภัยคุกคามจากเบื้องบนเช่นกัน 508 00:31:54,563 --> 00:31:56,763 ‎และลงมือปกป้องตนเอง 509 00:31:56,843 --> 00:32:00,403 ‎ลึกเข้าไปในใจกลางคัปปาโดเกีย ‎ในตุรกีในปัจจุบัน 510 00:32:01,163 --> 00:32:03,123 ‎ซึ่งเป็นปลายทางถัดไปของผม 511 00:32:27,643 --> 00:32:32,643 ‎คำบรรยายโดย พรทินา ตั้งสัจจะวิฑูรย์