1 00:00:06,083 --> 00:00:08,963 ‎(ซีรีส์จาก NETFLIX) 2 00:00:14,083 --> 00:00:17,803 ‎สิ่งที่ผมกำลังเสนอคือ ‎มีบางอย่างที่เราควรยอมรับ 3 00:00:17,883 --> 00:00:22,163 ‎ว่าเป็นอารยธรรมล้ำหน้าที่เคยเกิดขึ้นในยุคน้ำแข็ง 4 00:00:23,003 --> 00:00:25,683 ‎ผมไม่ได้บอกว่าพวกเขาบินไปถึงดวงจันทร์ 5 00:00:29,883 --> 00:00:33,963 ‎สิ่งที่ผมจะพูดคือพวกเขาล้ำหน้า 6 00:00:34,043 --> 00:00:35,843 ‎ในแง่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ 7 00:00:38,123 --> 00:00:40,963 ‎ความรู้เรื่องโลก ความรู้เรื่องจักรวาล 8 00:00:41,043 --> 00:00:42,603 ‎กว่าที่เราถูกสอนไว้ 9 00:00:44,843 --> 00:00:48,083 ‎และความสามารถทางวิศวกรรม ‎อย่างน่าประหลาด 10 00:00:49,363 --> 00:00:52,763 ‎อย่างสถานที่ที่ผมกำลังมุ่งหน้าไป ‎ในแคว้นคัปปาโดเกียของตุรกี 11 00:00:54,443 --> 00:00:58,483 ‎มีหลุมหลบภัยโบราณลึกลงไปใต้ดิน… 12 00:01:02,083 --> 00:01:06,483 ‎ที่สร้างขึ้นเพื่อให้คนหลายพันคน ‎ไม่ใช่แค่ไม่กี่คน 13 00:01:08,243 --> 00:01:11,883 ‎นักประวัติศาสตร์ทั่วไป ‎โต้แย้งถึงวัตถุประสงค์ของมันมานาน 14 00:01:11,963 --> 00:01:14,523 ‎แต่ผมเชื่อว่ามันอาจอธิบายได้ว่า 15 00:01:14,603 --> 00:01:19,843 ‎อารยธรรมโบราณที่หายไปที่ผมตามหา ‎หายไปได้อย่างไร 16 00:01:21,163 --> 00:01:24,203 ‎นี่คือเรื่องราวของเดอรินกูยู 17 00:01:34,203 --> 00:01:39,403 ‎(เหมันต์อันตราย) 18 00:01:42,723 --> 00:01:47,003 ‎ผมมาถึงแคว้นในตุรกีที่เรียกว่าคัปปาโดเกีย 19 00:01:49,603 --> 00:01:55,923 ‎ประมาณ 380 กิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงเหนือ ‎ของกำแพงวงลึกลับแห่งโกเบคลี เทเป… 20 00:01:56,003 --> 00:01:57,283 ‎(โกเบคลี เทเป ตุรกี) 21 00:01:57,363 --> 00:01:59,523 ‎ซึ่งถูกจงใจฝัง 22 00:02:01,083 --> 00:02:05,763 ‎เพื่อรำลึกถึงการเกิดหายนะครั้งใหญ่ ‎ช่วงสิ้นยุคน้ำแข็ง 23 00:02:09,483 --> 00:02:13,643 ‎หลายล้านปีก่อน พื้นที่ในแคว้นนี้เปลี่ยนไป 24 00:02:13,723 --> 00:02:20,363 ‎เพราะภูเขาไฟระเบิดหลายครั้ง ‎ทิ้งไว้เพียงเถ้าถ่านทับซ้อนกัน 25 00:02:20,443 --> 00:02:25,203 ‎ซึ่งกดทับกันหลายพันปี ‎จนกลายเป็นหินเนื้ออ่อนที่เรียกว่าหินทัฟฟ์ 26 00:02:26,963 --> 00:02:29,763 ‎หินที่สึกกร่อนเพราะสภาพอากาศได้ง่าย 27 00:02:29,843 --> 00:02:32,803 ‎จนเกิดสิ่งที่คนท้องถิ่นเรียกว่า ‎"ปล่องไฟนางฟ้า" 28 00:02:33,923 --> 00:02:37,243 ‎แต่หินนั้นยังสามารถก่อสร้าง 29 00:02:37,323 --> 00:02:41,083 ‎หนึ่งในโครงการขนาดใหญ่ ‎ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง 30 00:02:41,163 --> 00:02:46,203 ‎ที่มนุษยชาติเคยพบเจอ ‎ลึกลงไปใต้หินเนื้ออ่อนนี้ได้อีกด้วย 31 00:02:47,283 --> 00:02:49,403 ‎เพียงไม่กี่กิโลเมตรจากจุดที่ผมยืนอยู่ 32 00:02:49,483 --> 00:02:54,483 ‎มีการค้นพบเมืองลึกลับที่ซ่อนอยู่ ‎ซึ่งถูกสร้างขึ้นหลายพันปีก่อน 33 00:02:54,563 --> 00:02:57,883 ‎มันเป็นผลงานของอารยธรรมที่ยังระบุไม่ได้ 34 00:02:57,963 --> 00:03:00,563 ‎แต่เกิดขึ้นเพราะความกลัวอย่างชัดเจน 35 00:03:00,643 --> 00:03:03,803 ‎คำถามสำคัญคือ กลัวอะไร 36 00:03:14,563 --> 00:03:18,203 ‎เดอรินกูยู เมืองที่ใกล้ที่สุดดูไม่โดดเด่นอะไร 37 00:03:20,843 --> 00:03:26,363 ‎แต่ในปี 1963 นักพัฒนา ‎ที่ปรับปรุงบ้านที่นี่ทุบทะลุพื้น 38 00:03:27,963 --> 00:03:33,923 ‎แล้วพบอุโมงค์ลึกที่นำไปสู่โลกที่ถูกลืม 39 00:03:35,403 --> 00:03:39,403 ‎มันยากที่จะเชื่อว่า ‎ขณะที่เดินบนถนนฝุ่นตลบบนเมืองเล็กๆ นี้ 40 00:03:39,883 --> 00:03:43,283 ‎สิ่งที่ถูกเจาะลงไปในหินดานใต้เท้าผม 41 00:03:43,883 --> 00:03:47,643 ‎คือสิ่งก่อสร้างใต้ดินโบราณ ‎ที่ลึกลับ ซับซ้อน และใหญ่โต 42 00:03:50,883 --> 00:03:54,243 ‎ถ้าคุณกลัวที่แคบ ก็ระวังหน่อยแล้วกัน 43 00:03:57,003 --> 00:03:58,763 ‎เราจะเข้าไปใต้ดิน 44 00:04:06,083 --> 00:04:09,123 ‎ที่นี่คือเมืองใต้ดินแห่งเดอรินกูยู 45 00:04:09,203 --> 00:04:12,683 ‎(เดอรินกูยู) 46 00:04:12,763 --> 00:04:15,603 ‎อุโมงค์หินและห้องต่างๆ ต่อเนื่องกัน 47 00:04:15,683 --> 00:04:19,083 ‎ลาดชันลึกลงไป 85 เมตรใต้พื้นผิว… 48 00:04:21,322 --> 00:04:24,083 ‎ทำให้เกิดห้องและอุโมงค์ 18 ชั้น 49 00:04:26,882 --> 00:04:31,363 ‎ทั้งหมดถูกเจาะทะลุหินด้วยขวานมือ 50 00:04:32,723 --> 00:04:34,883 ‎โพรงไม่มีแบบแผน 51 00:04:34,963 --> 00:04:38,003 ‎ที่บางครั้งทะลุไปยังพื้นที่เปิดขนาดใหญ่ 52 00:04:39,123 --> 00:04:44,243 ‎จากด้านใน เป็นไปไม่ได้เลย ‎ที่จะเข้าใจขนาดของสถานที่นี้ 53 00:04:45,723 --> 00:04:48,483 ‎แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองใต้ดินแห่งนี้ ‎ถูกทำเป็นผังขึ้นมา 54 00:04:50,043 --> 00:04:52,963 ‎และถ้าเราไม่นับหินที่อยู่ในพื้นที่ 55 00:04:53,763 --> 00:04:55,883 ‎เราจะเห็นเป็นผังของเมือง 56 00:04:57,243 --> 00:04:59,043 ‎และมันน่าประหลาดใจมาก 57 00:05:02,643 --> 00:05:09,163 ‎มันเป็นเหมือนรังมดขนาดตัวมนุษย์ ‎ที่มีถ้ำและอุโมงค์ใต้ดิน 58 00:05:09,243 --> 00:05:12,723 ‎ครอบคลุมพื้นที่สี่ตารางกิโลเมตร 59 00:05:14,203 --> 00:05:20,043 ‎เพื่อให้มีอากาศถ่ายเท ‎เดอรินกูยูมีท่ออากาศ 15,000 ท่อต่อขึ้นด้านบน 60 00:05:20,123 --> 00:05:22,403 ‎เชื่อมต่อชั้นบนสุดกับพื้นโลก… 61 00:05:25,243 --> 00:05:27,803 ‎และทางเดินแนวตรงกว่า 50 ทาง 62 00:05:27,883 --> 00:05:32,763 ‎บ้างก็ยาวลงไปเจอน้ำต่ำกว่าพื้นผิว 85 เมตร… 63 00:05:36,323 --> 00:05:38,363 ‎อันเป็นที่มาของชื่อสิ่งก่อสร้างซับซ้อนนี้ 64 00:05:38,443 --> 00:05:41,163 ‎เดอรินกูยูหมายความว่า "บ่อน้ำลึก" 65 00:05:45,083 --> 00:05:48,523 ‎ความซับซ้อนทางสถาปัตยกรรม ‎อันชาญฉลาดของมันน่าทึ่งมาก 66 00:05:48,603 --> 00:05:53,683 ‎คำนวณแล้วว่าเดอรินกูยูจุคนได้ถึง 20,000 คน 67 00:05:54,363 --> 00:05:55,603 ‎แต่ยังมีคำถาม 68 00:05:56,283 --> 00:05:59,563 ‎คนที่ไหน เมื่อไหร่ และทำไม 69 00:06:02,643 --> 00:06:04,403 ‎มันยากที่จะรู้ได้อย่างชัดเจน 70 00:06:05,123 --> 00:06:09,883 ‎เพราะเดอรินกูยูเป็นเหมือนจุดเกิดเหตุ ‎ที่ถูกทับถมมาหลายชั่วอายุคน 71 00:06:11,403 --> 00:06:13,243 ‎(ตุรกี ซีเรีย) 72 00:06:13,323 --> 00:06:15,683 ‎หลายวัฒนธรรมที่ผ่านมายังภูมิภาคนี้ของตุรกี 73 00:06:15,763 --> 00:06:16,963 ‎(คัปปาโดเกีย) 74 00:06:17,043 --> 00:06:21,283 ‎หลายศตวรรษที่คัปปาโดเกีย ‎ครอบคลุมสถานที่สำคัญ… 75 00:06:21,363 --> 00:06:22,363 ‎(เนฟเชฮีร์ เดอรินกูยู) 76 00:06:22,443 --> 00:06:26,963 ‎ตามเส้นทางสายไหมอันเป็นตำนาน ‎ซึ่งเชื่อมต่อเอเชียสู่ยุโรป 77 00:06:27,603 --> 00:06:29,923 ‎ในสมัยกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช 78 00:06:30,003 --> 00:06:30,843 ‎(เส้นทางสายไหม) 79 00:06:32,323 --> 00:06:34,523 ‎เซวิม ทอคเดอเมียร์ นักวิชาการตุรกี 80 00:06:34,603 --> 00:06:38,483 ‎เป็นผู้เชี่ยวชาญของอุโมงค์เดอรินกูยู ‎และผู้อยู่อาศัยมากมายของมัน 81 00:06:39,003 --> 00:06:39,923 ‎(เซวิม ทอคเดอเมียร์ ‎ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์) 82 00:06:40,003 --> 00:06:41,683 ‎แคว้นนี้เป็นที่อยู่ของอารยธรรมมากมาย 83 00:06:41,763 --> 00:06:45,123 ‎ถ้าเรานับตั้งแต่ต้น 84 00:06:46,203 --> 00:06:47,483 ‎มีชาวฮิตไทต์ 85 00:06:47,563 --> 00:06:50,123 ‎แล้วก็มีชาวฟรีเจีย แล้วก็ชาวเปอร์เซีย 86 00:06:50,963 --> 00:06:52,643 ‎อาณาจักรคัปปาโดเกีย 87 00:06:52,723 --> 00:06:54,123 ‎อาณาจักรโรมัน 88 00:06:54,203 --> 00:06:57,003 ‎ผู้คนทั้งหมดซึ่งผ่านมาใช้พื้นที่ 89 00:06:57,563 --> 00:07:01,323 ‎มันถูกใช้จนถึงยุคออตโตมัน 90 00:07:01,403 --> 00:07:02,243 ‎(ค.ศ. 1400) 91 00:07:04,843 --> 00:07:06,803 ‎ตอนค้นพบอุโมงค์ครั้งแรก 92 00:07:06,883 --> 00:07:10,483 ‎นักโบราณคดีพบวัตถุโบราณ ‎ที่ชาวคริสเตียนช่วงแรกทิ้งไว้ 93 00:07:12,043 --> 00:07:15,243 ‎และในชั้นที่ลึกลงไป มีห้องประชุมลับ 94 00:07:15,323 --> 00:07:18,243 ‎ที่ขุดโดยมีเพดานโค้งคล้ายโบสถ์ 95 00:07:19,843 --> 00:07:21,403 ‎ทฤษฎีตั้งต้น 96 00:07:21,483 --> 00:07:24,123 ‎ซึ่งนักประวัติศาสตร์ยึดถือจนถึงปัจจุบันคือ 97 00:07:24,723 --> 00:07:26,723 ‎อุโมงค์ใต้เดอรินกูยู 98 00:07:26,803 --> 00:07:30,243 ‎ถูกสร้างขึ้นโดยชาวคริสเตียนในศตวรรษที่เจ็ด… 99 00:07:30,323 --> 00:07:32,163 ‎(ค.ศ. 650) 100 00:07:32,243 --> 00:07:34,963 ‎เพื่อซ่อนตัวจากชาวอาหรับที่กำลังรุกราน 101 00:07:36,483 --> 00:07:38,963 ‎มันเป็นเรื่องเล่าที่ถูกใจนักท่องเที่ยวชาวตะวันตก 102 00:07:39,923 --> 00:07:42,243 ‎แต่มันผิดถนัด 103 00:07:45,203 --> 00:07:49,323 ‎การขุดหลังจากนั้นพบหลักฐานของคน ‎ที่เคยใช้เมืองใต้ดินแห่งนี้ 104 00:07:49,403 --> 00:07:52,043 ‎ย้อนไปไกลถึง 800 ปีก่อนคริสตกาล… 105 00:07:52,123 --> 00:07:52,963 ‎(750 ปีก่อนคริสตกาล) 106 00:07:53,043 --> 00:07:55,763 ‎หลายร้อยปีก่อนชาวคริสเตียนมาถึงที่นี่ 107 00:07:57,883 --> 00:08:01,803 ‎เราพบโบราณสถานแบบนี้ ‎ครั้งแล้วครั้งเล่ารอบโลก 108 00:08:01,883 --> 00:08:06,283 ‎มีความเชื่อสำคัญที่ได้จากข้อมูลจากนักโบราณคดี 109 00:08:06,363 --> 00:08:09,043 ‎และครั้งแล้วครั้งเล่าความเชื่อนั้นไม่ถูกต้อง 110 00:08:09,803 --> 00:08:11,083 ‎ผิดจากความจริง 111 00:08:11,163 --> 00:08:14,683 ‎พิสูจน์ว่าผิดด้วยการขุด แต่ก็ยังไม่ยอมเปลี่ยน 112 00:08:15,243 --> 00:08:18,643 ‎อย่าเชื่อประกาศที่ออกมา ลงมือเองดีกว่า 113 00:08:18,723 --> 00:08:21,243 ‎อย่าพึ่งคนที่เรียกว่าผู้เชี่ยวชาญ 114 00:08:25,123 --> 00:08:28,443 ‎มีหลายวัฒนธรรมที่เคยใช้อุโมงค์เหล่านี้ ‎ในช่วงหลายศตวรรษ 115 00:08:29,523 --> 00:08:33,323 ‎แต่สิ่งที่ผมอยากรู้คือ ‎ใครเป็นคนเริ่มโครงการน่าทึ่งแห่งนี้ 116 00:08:34,483 --> 00:08:36,403 ‎มันเก่าแก่ขนาดไหน 117 00:08:38,443 --> 00:08:43,722 ‎ฮูซาม ซูเลย์มานกิล นักประวัติศาสตร์ ‎สำรวจที่นี่มาหลายทศวรรษ 118 00:08:43,803 --> 00:08:46,443 ‎เพื่อไขที่มาลึกลับของมัน 119 00:08:47,763 --> 00:08:53,763 ‎พอผมได้เห็นเดอรินกูยูและความซับซ้อนของมัน ‎ผมถึงกับฉงน 120 00:08:53,843 --> 00:08:57,723 ‎คุณคิดว่าโครงการนี้เริ่มสร้างเมื่อไหร่ 121 00:08:57,803 --> 00:08:59,723 ‎มีทฤษฎีเกี่ยวกับมันหลายทฤษฎี… 122 00:08:59,803 --> 00:09:00,643 ‎(ฮูซาม ซูเลย์มานกิล ‎นักประวัติศาสตร์) 123 00:09:00,723 --> 00:09:02,803 ‎แต่ไม่มีอันไหนพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้เลย 124 00:09:02,883 --> 00:09:03,723 ‎ครับ 125 00:09:03,803 --> 00:09:05,843 ‎พวกเขาไม่เจอข้อมูลเป็นลายลักษณ์อักษรใดๆ 126 00:09:05,923 --> 00:09:09,963 ‎พวกเขาไม่พบวัตถุของแท้ใดๆ ‎ที่ใช้ระบุช่วงเวลาได้ 127 00:09:10,043 --> 00:09:11,523 ‎มีการระบุช่วงเวลาไว้บ้างมั้ย 128 00:09:11,603 --> 00:09:13,803 ‎เท่าที่ผมรู้ ไม่มีการระบุช่วงเวลาไว้ 129 00:09:13,883 --> 00:09:14,723 ‎มันน่าทึ่งมาก 130 00:09:14,803 --> 00:09:17,283 ‎ดังนั้นช่วงเวลายังเป็นปริศนาสำคัญอยู่ 131 00:09:21,443 --> 00:09:23,443 ‎ผมมีทฤษฎีของผมเอง 132 00:09:23,523 --> 00:09:25,203 ‎แต่ฮูซามเสนอช่วงเวลา 133 00:09:25,283 --> 00:09:29,043 ‎ที่อ้างอิงจากวัฒนธรรมเก่าแก่ที่สุด ‎เท่าที่รู้ว่าเคยใช้ถ้ำเหล่านี้ 134 00:09:29,843 --> 00:09:32,083 ‎ทฤษฎีที่น่าเชื่อถือที่สุดในความคิดของผมคือ 135 00:09:32,163 --> 00:09:35,403 ‎ราว 800 ปีก่อนคริสตกาล 136 00:09:37,243 --> 00:09:39,203 ‎ในเวลานั้น ภูมิภาคนี้ของโลก 137 00:09:39,283 --> 00:09:42,323 ‎มีคนที่เรียกว่าชาวฟรีเจียอาศัยอยู่ 138 00:09:43,443 --> 00:09:47,083 ‎ผู้ซึ่งกำลังถูกรุกราน ‎โดยชาวแอสซีเรียจากอีกอาณาจักรหนึ่ง 139 00:09:49,043 --> 00:09:53,003 ‎เรารู้ว่ามีกองทัพแอสซีเรียจำนวนมาก ‎เดินทางมาทางตะวันออกเฉียงใต้ 140 00:09:55,283 --> 00:09:59,163 ‎ชาวฟรีเจียคงมองดูกองทัพที่รุกราน ‎ด้วยความหวาดกลัว 141 00:10:02,203 --> 00:10:05,283 ‎ชาวแอสซีเรียขึ้นชื่อว่าชอบถลกหนังนักโทษ 142 00:10:05,843 --> 00:10:09,683 ‎เสียบหัวประจาน และเผาเด็กทั้งเป็น 143 00:10:12,843 --> 00:10:14,363 ‎ตามบันทึกในภายหลัง 144 00:10:14,443 --> 00:10:18,043 ‎เมื่อผู้รุกรานชาวแอสซีเรีย ‎เดินเท้าเข้าต่อสู้กับคนในหุบเขาแห่งนี้ 145 00:10:18,683 --> 00:10:22,323 ‎พวกเขาแปลกใจกับ ‎กลยุทธ์อันสร้างสรรค์ของผู้ปกป้องดินแดน 146 00:10:27,963 --> 00:10:31,283 ‎ชาวฟรีเจียสู้กับทหารแอสซีเรีย 147 00:10:31,363 --> 00:10:32,883 ‎ด้วยการรบแบบกองโจร 148 00:10:32,963 --> 00:10:35,483 ‎ด้วยการจู่โจมกองทัพศัตรูในบริเวณที่ไม่คาดคิด 149 00:10:35,563 --> 00:10:37,043 ‎พอกองทัพศัตรูเริ่มไล่พวกเขา 150 00:10:37,123 --> 00:10:39,723 ‎พวกเขาจะเข้ามาที่นี่เพื่อซ่อนตัว 151 00:10:42,643 --> 00:10:45,443 ‎มันเป็นกลยุทธ์การรบแบบกองโจรที่ใช้มายาวนาน 152 00:10:47,883 --> 00:10:51,363 ‎อุโมงค์คล้ายกันถูกขุดพบ ‎ในเวียดกงทางใต้ของเวียดนาม 153 00:10:52,723 --> 00:10:54,923 ‎และกลุ่มขบถอัฟกันใช้วิธีเดียวกัน 154 00:10:55,443 --> 00:10:59,243 ‎เพื่อซ่อนตัวจากทหารโซเวียตที่เหนือกว่า ‎และกองทัพสหรัฐฯ ที่รุกรานหลังจากนั้น 155 00:11:01,963 --> 00:11:03,523 ‎ตำแหน่งทางการแห่งนี้ 156 00:11:03,603 --> 00:11:07,443 ‎ซึ่งชาวฟรีเจียขุดอุโมงค์เหล่านี้ ‎ให้เป็นฐานทัพลับ 157 00:11:08,123 --> 00:11:11,963 ‎ดูเหมือนจะพิสูจน์ได้จาก ‎หนึ่งในลักษณะที่ชาญฉลาดกว่าของที่นี่… 158 00:11:14,123 --> 00:11:17,563 ‎จานหินขนาดใหญ่ที่เลื่อนเข้าไปในตำแหน่งได้ 159 00:11:17,643 --> 00:11:19,163 ‎เพื่อปิดทางเข้าออก 160 00:11:22,203 --> 00:11:26,003 ‎ประตูเลื่อนได้เหล่านี้ ‎มีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวถึงเมตรครึ่ง 161 00:11:26,683 --> 00:11:28,243 ‎และน้ำหนักสูงถึงครึ่งตัน 162 00:11:32,523 --> 00:11:35,603 ‎พื้นผิวด้านในของจานมีรูอยู่ 163 00:11:36,563 --> 00:11:41,443 ‎เมื่อสอดหินล็อกขนาดเล็กกว่าเข้าไป ‎แล้วใช้เป็นมือจับ จะเลื่อนปิดประตูได้ 164 00:11:42,403 --> 00:11:46,083 ‎กลายเป็นสิ่งกีดขวางอันแนบเนียน ‎ที่ยากที่ศัตรูจะฝ่าเข้ามาได้ 165 00:11:54,603 --> 00:11:58,403 ‎แต่ชาวฟรีเจียสร้างประตูชาญฉลาดเหล่านี้จริงๆ 166 00:11:59,683 --> 00:12:01,603 ‎หรือมันมีอยู่แล้วกันแน่ 167 00:12:03,563 --> 00:12:05,923 ‎พวกมันสร้างจากเถ้าถ่านกดทับเดียวกับ 168 00:12:06,003 --> 00:12:07,683 ‎ที่สร้างปล่องไฟนางฟ้า 169 00:12:11,643 --> 00:12:16,763 ‎หินเนื้อนิ่มเดียวกับที่ทำให้ ‎มีคนขุดทั้งหมดนี้ได้ตั้งแต่แรก 170 00:12:18,923 --> 00:12:22,763 ‎พวกมันคือประตูปิดเพื่อกั้นแต่ละชั้นออกจากกัน 171 00:12:22,843 --> 00:12:26,403 ‎ซึ่งต้องใช้วิศวกรรมล้ำสมัยเพื่อสร้างมันให้พอดี 172 00:12:26,483 --> 00:12:28,123 ‎แต่หินมีเนื้อนิ่ม 173 00:12:28,203 --> 00:12:31,203 ‎และผู้บุกรุกที่มีทั้งค้อนและสิ่ว 174 00:12:31,283 --> 00:12:33,163 ‎สามารถพังผ่านเข้ามาได้อย่างง่ายดาย 175 00:12:33,243 --> 00:12:37,443 ‎ทำให้ความพยายาม ‎ในการสร้างสิ่งก่อสร้างหินนี้เปล่าประโยชน์ 176 00:12:37,523 --> 00:12:41,523 ‎ผมเริ่มสงสัยว่าพวกมันถูกออกแบบมา ‎เพื่อใช้กันมนุษย์ผู้รุกรานจริงหรือไม่ 177 00:12:44,283 --> 00:12:48,123 ‎สำหรับผม ตรงนี้ดูไม่เหมือนป้อมเพื่อป้องกันตัว 178 00:12:48,203 --> 00:12:51,643 ‎แต่เหมือนวิธีอันหลักแหลม ‎ในการกันแต่ละส่วนให้มีความเป็นส่วนตัว 179 00:12:53,243 --> 00:12:55,243 ‎หรือเพื่อกันไม่ให้ไฟลาม 180 00:12:57,603 --> 00:13:02,123 ‎แม้ว่าที่นี่จะถูกสร้างเป็นฐานทัพ 181 00:13:02,203 --> 00:13:04,043 ‎ทำไมถึงต้องขุดที่นี่ 182 00:13:06,043 --> 00:13:07,883 ‎ที่นี่ไม่มีอะไรให้ปกป้อง 183 00:13:09,683 --> 00:13:11,603 ‎ไม่มีการตั้งรกราก 184 00:13:12,283 --> 00:13:16,723 ‎บนพื้นดินในเดอรินกูยูจนถึงปี 1830 185 00:13:21,563 --> 00:13:26,123 ‎ความเชื่อที่ว่าที่นี่เป็นสถานที่ซึ่ง ‎ผู้คนมาซ่อนตัวจากกองทัพผู้รุกราน 186 00:13:26,203 --> 00:13:27,883 ‎ไม่ค่อยสมเหตุสมผลสำหรับผม 187 00:13:27,963 --> 00:13:30,603 ‎เมื่อกองทัพที่รุกรานมาถึงดินแดนหนึ่ง 188 00:13:30,683 --> 00:13:33,443 ‎พวกเขามาเพื่อยึดครองดินแดนแห่งนั้น 189 00:13:33,523 --> 00:13:37,323 ‎สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือปิดกั้นทางเข้า ‎แล้วรอจนกว่าคุณจะตายด้วยความหิวโหย 190 00:13:38,203 --> 00:13:41,203 ‎ดังนั้นแนวคิดนั้นจึงไม่สมเหตุสมผลเลย 191 00:13:42,323 --> 00:13:45,563 ‎ในความคิดของผม ‎ผมคิดว่านักวิชาการเลยเถิดไปมาก 192 00:13:45,643 --> 00:13:47,603 ‎ที่บอกว่าที่นี่เก่าแก่ 800 ปีก่อนคริสตกาล 193 00:13:47,683 --> 00:13:50,843 ‎เพราะนั่นเป็นช่วงเวลาแรกสุด ‎ที่เราพบผู้คนที่ใช้มัน 194 00:13:50,923 --> 00:13:51,883 ‎ครับ 195 00:13:51,963 --> 00:13:54,843 ‎แต่เราไม่รู้แน่ชัดว่าพวกเขาสร้างมัน 196 00:13:54,923 --> 00:13:56,843 ‎มันอาจถูกสร้างไว้แล้ว 197 00:13:56,923 --> 00:13:58,723 ‎เป็นไปได้เพราะมันยังเป็นปริศนาอยู่ 198 00:13:58,803 --> 00:14:00,803 ‎- มันเป็นแค่ทฤษฎีที่น่าเชื่อถือที่สุด… ‎- ครับ 199 00:14:00,883 --> 00:14:02,723 ‎ไม่ใช่ทฤษฎีที่ถูกต้องเพียงทฤษฎีเดียว 200 00:14:07,643 --> 00:14:09,563 ‎ช่วงเวลาของเมืองใต้ดินแห่งนี้ 201 00:14:09,643 --> 00:14:13,523 ‎ไม่ชัดเจนพอๆ กับความเป็นไปได้ ‎ที่นักโบราณคดีจะระบุช่วงเวลาให้มัน 202 00:14:15,363 --> 00:14:19,523 ‎ช่วงเวลาที่เสนอมาทั้งหมด ‎มาจากการใช้สถานที่ในยุคต่างๆ 203 00:14:19,603 --> 00:14:21,763 ‎ความจริงที่ว่าผมอยู่ในบ้านหลังหนึ่งในวันนี้ 204 00:14:21,843 --> 00:14:24,163 ‎ไม่ได้แปลว่ามันถูกสร้างทันทีที่ผมย้ายเข้าไปมัน 205 00:14:32,363 --> 00:14:36,563 ‎มันเป็นความเชื่อ ‎ที่ทำให้ผมสงสัยถึงช่วงเวลาของอุโมงค์เหล่านี้ 206 00:14:37,723 --> 00:14:39,163 ‎เป็นไปได้มั้ยที่มันจะเก่าแก่กว่า 207 00:14:39,963 --> 00:14:43,363 ‎เก่าแก่กว่าที่ทฤษฎีที่รู้กันว่าไว้มาก 208 00:14:45,363 --> 00:14:50,443 ‎เหตุผลในการสร้าง ‎ไม่ใช่เพื่อซ่อนตัวจากกองทัพที่รุกราน 209 00:14:51,963 --> 00:14:53,963 ‎แต่เพื่อซ่อนตัวจากอย่างอื่นใช่หรือไม่ 210 00:14:56,323 --> 00:15:00,363 ‎ในชั้นที่เก่าแก่ที่สุด ชั้นที่ใกล้พื้นผิวที่สุด 211 00:15:00,443 --> 00:15:03,283 ‎ห้องไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการป้องกัน 212 00:15:03,363 --> 00:15:04,643 ‎แต่เพื่อใช้ชีวิตประจำวัน 213 00:15:08,283 --> 00:15:14,363 ‎เมืองใต้ดินถูกจัดระเบียบให้มนุษย์ได้พักอาศัย 214 00:15:14,443 --> 00:15:17,843 ‎หรือเรียกว่าเพื่อชีวิตประจำวัน 215 00:15:19,083 --> 00:15:21,683 ‎และเพราะเหตุนี้จึงมีทรัพยากรครบครัน 216 00:15:23,203 --> 00:15:28,083 ‎เริ่มจากครัว พื้นที่เก็บของ ‎ไปจนถึงพื้นที่นั่งเล่น 217 00:15:30,683 --> 00:15:34,043 ‎มีส่วนที่เรารู้ว่าพวกเขาจะใช้ประกอบอาหาร 218 00:15:34,123 --> 00:15:36,763 ‎และเรารู้ว่าพวกเขาสร้างปล่องไฟเล็กๆ ขึ้น 219 00:15:37,803 --> 00:15:41,243 ‎บนชั้นทางเข้า มีบางห้องที่เรียกว่าเป็นคอก 220 00:15:41,883 --> 00:15:45,563 ‎สัตว์ถือเป็นทรัพย์สินมีค่าของคนเหล่านั้น 221 00:15:48,643 --> 00:15:51,683 ‎บริเวณหนึ่งถูกระบุว่าเป็นโรงทำไวน์โบราณ 222 00:15:52,363 --> 00:15:53,803 ‎ที่ซึ่งใช้บดองุ่น 223 00:15:55,883 --> 00:15:58,723 ‎อุโมงค์ใช้เป็นตู้เก็บไวน์ชั้นดีได้เลย 224 00:15:59,643 --> 00:16:01,523 ‎อุณหภูมิอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสบาย 225 00:16:01,603 --> 00:16:04,883 ‎ไม่ว่าบนพื้นดินจะร้อนหรือหนาวแค่ไหน 226 00:16:06,203 --> 00:16:08,603 ‎อาหารจะคงความสดข้างล่างนี่ได้นานกว่า 227 00:16:10,963 --> 00:16:16,723 ‎มันชัดเจนว่าเดอรินกูยูถูกสร้างขึ้น ‎เพื่อใช้งานโดยคนจำนวนมาก 228 00:16:17,643 --> 00:16:18,843 ‎มันเป็นหลุมหลบภัยใต้ดิน 229 00:16:21,643 --> 00:16:22,763 ‎(เชเยนน์เมาเทนคอมเพล็กซ์ สหรัฐอเมริกา) 230 00:16:22,843 --> 00:16:24,563 ‎คิดถึงตัวอย่างสมัยใหม่ 231 00:16:24,643 --> 00:16:28,483 ‎ซึ่งมนุษย์ได้สร้างที่พักอาศัยใต้ดินขนาดใหญ่ 232 00:16:29,283 --> 00:16:31,643 ‎เชเยนน์เมาเทนคอมเพล็กซ์ในโคโลราโด 233 00:16:33,163 --> 00:16:34,443 ‎(ตี้เซียเฉิง ประเทศจีน) 234 00:16:34,523 --> 00:16:38,283 ‎อุโมงค์ตี้เซียเฉิงถูกขุดไว้ใต้ปักกิ่ง 235 00:16:38,843 --> 00:16:40,163 ‎(ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินของประธานาธิบดี ‎สหรัฐอเมริกา) 236 00:16:40,243 --> 00:16:43,563 ‎ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินของประธานาธิบดี ‎ใต้ทำเนียบขาว 237 00:16:45,123 --> 00:16:48,643 ‎ไม่มีอันไหนเลยที่ถูกสร้าง ‎เพื่อป้องกันตัวจากกองทัพที่รุกราน 238 00:16:49,963 --> 00:16:52,163 ‎พวกมันถูกสร้างเป็นที่หลบภัย 239 00:16:52,243 --> 00:16:55,843 ‎เพื่อรักษาชีวิตในกรณีที่มีภัยคุกคามจากข้างบน 240 00:16:58,043 --> 00:17:00,843 ‎ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น… 241 00:17:04,083 --> 00:17:05,323 ‎ที่เดอรินกูยู 242 00:17:07,803 --> 00:17:11,362 ‎แต่ผมยังเชื่ออีกว่าหลุมหลบภัยนี้ ‎ถูกสร้างขึ้นนานกว่า 243 00:17:11,443 --> 00:17:13,963 ‎ที่นักโบราณคดีเต็มใจพิจารณา 244 00:17:15,642 --> 00:17:17,443 ‎มีเหตุการณ์ที่บ่งชี้ว่า 245 00:17:17,523 --> 00:17:20,803 ‎เดอรินกูยูอาจเก่าแก่ถึงยุคน้ำแข็งสุดท้าย 246 00:17:25,362 --> 00:17:29,402 ‎มันเป็นเพราะร่องรอยที่บ่งบอกเรื่องราว ‎ซึ่งถูกทิ้งไว้โดยขวานมือ 247 00:17:29,483 --> 00:17:31,083 ‎บนผนังของเดอรินกูยู 248 00:17:32,803 --> 00:17:35,163 ‎เพียง 1.6 กิโลเมตรนอกเดอรินกูยู 249 00:17:35,243 --> 00:17:38,723 ‎นักโบราณคดีชาวตุรกีที่กำลังสำรวจพื้นแม่น้ำโบราณ 250 00:17:38,803 --> 00:17:41,603 ‎พบขวานมือและเครื่องมือหินหลายชิ้น 251 00:17:42,203 --> 00:17:46,643 ‎ซึ่งเก่าแก่ถึงราว 9,500 ปีก่อนคริสตกาล 252 00:17:47,843 --> 00:17:49,443 ‎ช่วงสิ้นยุคน้ำแข็งสุดท้าย 253 00:17:50,243 --> 00:17:51,563 ‎เครื่องมือชนิดเดียวกับที่ 254 00:17:51,643 --> 00:17:55,603 ‎สร้างห้องที่เก่าแก่และตื้นที่สุดของเดอรินกูยู 255 00:17:58,123 --> 00:17:59,163 ‎(คาราฮาน เทเป ตุรกี) 256 00:17:59,243 --> 00:18:02,963 ‎คิดถึงห้องกึ่งใต้ดินที่คาราฮาน เทเป 257 00:18:03,043 --> 00:18:05,363 ‎ไม่ถึง 500 กิโลเมตรจากที่นี่ 258 00:18:06,083 --> 00:18:08,123 ‎ด้วยเสาที่คล้ายกันกับ 259 00:18:08,203 --> 00:18:11,363 ‎การเกิดตามธรรมชาติ ‎ของปล่องไฟนางฟ้าแห่งคัปปาโดเกีย 260 00:18:14,203 --> 00:18:15,483 ‎เนื่องจากไม่มีใครโต้แย้งว่า 261 00:18:15,563 --> 00:18:18,843 ‎ห้องนี้ถูกสร้างช่วงสิ้นยุคหินสุดท้าย 262 00:18:20,803 --> 00:18:22,443 ‎ไม่มีเหตุผลว่าทำไมเดอรินกูยู 263 00:18:22,523 --> 00:18:24,963 ‎ไม่สามารถถูกสร้างขึ้นในเวลาเดียวกัน 264 00:18:30,003 --> 00:18:33,123 ‎เมื่อเดอรินกูยูเผยให้เห็น ‎ความลึกและความซับซ้อนของมัน 265 00:18:33,203 --> 00:18:37,443 ‎สิ่งที่ยากที่จะมองข้ามคือขนาดอันใหญ่โตของพื้นที่ 266 00:18:38,603 --> 00:18:43,083 ‎และความพยายามมหาศาล ‎ในการสร้างอุโมงค์ตั้งแต่แรก 267 00:18:45,643 --> 00:18:48,843 ‎สิ่งที่ทำให้ผลงานทางวิศวกรรมแห่งนี้ ‎ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกก็คือ 268 00:18:49,563 --> 00:18:53,123 ‎ที่นี่ไม่ใช่เมืองใต้ดินแห่งเดียวในคัปปาโดเกีย 269 00:18:58,243 --> 00:19:01,083 ‎ในปี 2013 คนงานก่อสร้างบังเอิญเจอกับ 270 00:19:01,163 --> 00:19:03,443 ‎อุโมงค์อีกชุดในเนฟเชฮีร์ 271 00:19:05,403 --> 00:19:07,043 ‎ห่างออกไปกว่า 27 กิโลเมตร 272 00:19:08,083 --> 00:19:11,923 ‎สิ่งที่พวกเขาพบคือเมืองใต้ดิน ‎ที่ใหญ่กว่าเดอรินกูยูเสียอีก 273 00:19:14,843 --> 00:19:17,883 ‎จากนั้น เมืองใต้ดินหลายแห่งก็ถูกค้นพบ 274 00:19:19,563 --> 00:19:21,003 ‎(ตุรกี ซีเรีย) 275 00:19:21,083 --> 00:19:23,763 ‎ความจริงอันน่าตกตะลึงอยู่ที่นี่ในคัปปาโดเกีย… 276 00:19:23,843 --> 00:19:24,683 ‎(คัปปาโดเกีย เดอรินกูยู) 277 00:19:24,763 --> 00:19:28,923 ‎นักโบราณคดีพบเมืองใต้ดินเช่นนี้ 36 แห่ง 278 00:19:32,603 --> 00:19:35,123 ‎หากเรานับเมืองที่มีเพียงสองชั้นด้วย 279 00:19:35,643 --> 00:19:37,803 ‎จำนวนเพิ่มขึ้นถึง 200 เมือง 280 00:19:43,243 --> 00:19:47,203 ‎หนึ่งในเมืองใต้ดินเหล่านี้ ‎ที่ห่างจากเดอรินกูยูเพียงแปดกิโลเมตร 281 00:19:47,283 --> 00:19:49,443 ‎มีความลับอันน่าทึ่งซ่อนอยู่ 282 00:19:51,283 --> 00:19:54,043 ‎อุโมงค์ที่ไคมักลีลึกถึงแปดชั้น 283 00:19:54,123 --> 00:19:56,883 ‎บนพื้นที่กว้างกว่าเดอรินกูยู 284 00:19:58,963 --> 00:20:02,683 ‎อ้างอิงตามจำนวนห้องเก็บของ ‎ที่เจาะไว้ในฝาผนัง 285 00:20:02,763 --> 00:20:08,243 ‎นักโบราณคดีเชื่อว่า ‎หลุมหลบภัยแห่งนี้อาจจุคนได้ถึง 3,500 คน 286 00:20:12,643 --> 00:20:18,363 ‎แต่ลักษณะที่น่าทึ่งที่สุดของไคมักลี ‎พบได้ลึกลงไปในชั้นที่สาม 287 00:20:22,963 --> 00:20:26,363 ‎อุโมงค์ใต้ดินที่ยาวไปไกลมาก 288 00:20:32,243 --> 00:20:33,883 ‎ปัจจุบันมันผ่านไปไม่ได้แล้ว 289 00:20:33,963 --> 00:20:39,043 ‎แต่อุโมงค์ตันแห่งนี้ถูกอ้างว่า ‎เชื่อมต่อไคมักลีกับเดอรินกูยู 290 00:20:41,323 --> 00:20:43,883 ‎เป็นทางตรงระยะประมาณแปดกิโลเมตร 291 00:20:48,843 --> 00:20:51,323 ‎ที่จริง นักโบราณคดียืนยันแล้วว่า 292 00:20:51,403 --> 00:20:55,443 ‎เมืองซับซ้อนใต้ดินอย่างน้อยหกแห่ง ‎ในคัปปาโดเกีย 293 00:20:55,523 --> 00:20:59,083 ‎เชื่อมต่อถึงกันโดยทางใต้ดินลักษณะคล้ายกัน 294 00:21:00,803 --> 00:21:03,963 ‎ในความคิดของผม สิ่งนี้เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง 295 00:21:05,243 --> 00:21:09,603 ‎เขาวงกตใต้ดินเหล่านี้ไม่ใช่เพียง ‎หลุมหลบภัยอิสระจากกัน 296 00:21:09,683 --> 00:21:12,763 ‎พวกมันเป็นส่วนหนึ่ง ‎ของโครงการขนาดใหญ่ที่เป็นวงกว้าง 297 00:21:12,843 --> 00:21:16,603 ‎เชื่อมโยงสถานที่คล้ายกันหลายสิบแห่ง ‎ที่กระจัดกระจายอยู่รอบแคว้น 298 00:21:16,683 --> 00:21:17,603 ‎(คัปปาโดเกีย) 299 00:21:17,683 --> 00:21:21,443 ‎มีเพียงวัฒนธรรมที่กระตือรือร้นมากเท่านั้น ‎ที่จะทำงานแบบนี้ได้ 300 00:21:23,803 --> 00:21:27,083 ‎ภัยคุกคามแบบไหนจะน่ากลัว 301 00:21:27,163 --> 00:21:30,283 ‎ถึงขั้นทำให้คนทั้งหมด 302 00:21:30,363 --> 00:21:35,243 ‎น่าจะหลายแสนคน ‎เจาะเมืองใต้ดินเพื่อสร้างชีวิตใหม่ 303 00:21:36,243 --> 00:21:39,283 ‎ต้องมีคำอธิบายอื่นว่า ‎ทำไมสถานที่เหล่านี้ถึงถูกสร้างขึ้น 304 00:21:39,363 --> 00:21:43,163 ‎ที่สมเหตุสมผลกว่า ‎การซ่อนตัวจากกองทัพที่รุกราน 305 00:21:46,203 --> 00:21:50,203 ‎คำตอบอาจอยู่ใน ‎หนึ่งในตำนานเก่าแก่ที่สุดของแคว้นนี้ 306 00:21:51,363 --> 00:21:55,683 ‎ที่เก่าแก่หลายพันปีของชาวโซโรอัสเตรียน 307 00:21:59,043 --> 00:22:02,643 ‎พวกเขาเป็นชาวมุสลิมบางส่วนของคัปปาโดเกีย 308 00:22:07,323 --> 00:22:10,403 ‎ผู้ศรัทธาในศาสนาเรียกว่าซูฟี 309 00:22:14,763 --> 00:22:18,363 ‎หนึ่งในสิ่งที่เหลือไม่กี่อย่าง ‎ของวัฒนธรรมโบราณแห่งโซโรแอสเตรียน 310 00:22:20,843 --> 00:22:25,243 ‎โซโรแอสเตอร์ ศาสดาชาวเปอร์เซียโบราณ ‎ก่อตั้งสิ่งที่บางคนอ้างว่า 311 00:22:25,323 --> 00:22:28,643 ‎เป็นศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดของโลก ‎ที่นับถือกันมาอย่างต่อเนื่อง 312 00:22:32,123 --> 00:22:37,043 ‎ข้อความศักดิ์สิทธิ์ของมัน ‎อ้างอิงถึงเมืองใต้ดินที่เหมือนกับเดอรินกูยู 313 00:22:37,123 --> 00:22:41,323 ‎ซึ่งบอกเราอย่างชัดเจนว่า ‎ทำไมมันถึงถูกสร้างขึ้นและใครสร้างมัน 314 00:22:41,843 --> 00:22:46,683 ‎โซโรแอสเตอร์พูดถึงกษัตริย์พระองค์แรก ‎และผู้ก่อตั้งอารยธรรม 315 00:22:46,763 --> 00:22:48,123 ‎ชายที่มีชื่อว่ายีม่า 316 00:22:54,043 --> 00:22:57,043 ‎วันหนึ่งในขณะที่ยีม่ายืนอยู่ข้างแม่น้ำ 317 00:22:57,123 --> 00:23:01,763 ‎อาฮูรา มาซด้า เทพผู้ยิ่งใหญ่ ‎ปรากฏตัวต่อหน้าเขาพร้อมเตือนถึงลางร้าย 318 00:23:02,843 --> 00:23:06,123 ‎ไม่ใช่อุทกภัย แต่เป็นเหมันต์อันตราย 319 00:23:07,363 --> 00:23:12,203 ‎เขาบอกยีม่าให้สร้างวาร่า ‎ซึ่งก็คือที่พักใต้ดินขนาดใหญ่ 320 00:23:14,083 --> 00:23:17,963 ‎เขาต้องนำชาย หญิง และสัตว์ที่ดีที่สุด 321 00:23:18,043 --> 00:23:19,323 ‎อย่างละสองเข้าไปในนั้น 322 00:23:20,363 --> 00:23:23,643 ‎ยีม่าต้องเก็บเมล็ดของต้นไม้และผลไม้ทุกชนิด 323 00:23:23,723 --> 00:23:27,883 ‎เพื่อให้มีเสบียงไม่รู้จบ ‎จนกว่าเหมันต์อันตรายจะผ่านไป 324 00:23:28,763 --> 00:23:31,723 ‎อ๋อ และข้อความศักดิ์สิทธิ์ยังบอกเราด้วยว่า 325 00:23:31,803 --> 00:23:37,123 ‎การเริ่มต้นของฤดูหนาวแสนอันตรายนี้ ‎จะรู้ได้จากงูบนท้องฟ้า 326 00:23:40,603 --> 00:23:42,763 ‎วาร่าตามตำนานนี้ 327 00:23:42,843 --> 00:23:46,803 ‎ฟังดูเหมือนเมืองใต้ดินที่เราพบในคัปปาโดเกีย 328 00:23:47,843 --> 00:23:50,843 ‎แต่นักประวัติศาสตร์ทั่วไป ‎ปฏิเสธที่จะยอมรับความเชื่อมโยง 329 00:23:51,963 --> 00:23:54,483 ‎ตำนานยีม่าเป็นเพียงหนึ่งในตำนาน 330 00:23:54,563 --> 00:23:56,923 ‎ซึ่งโบราณคดีเห็นว่าไม่มีความหมายอะไร 331 00:23:57,003 --> 00:24:00,603 ‎แต่มันพูดถึงฤดูหนาวอันหนาวเหน็บที่ตามมา 332 00:24:03,363 --> 00:24:05,523 ‎อย่างที่นักธรณีวิทยาได้ยืนยันแล้วว่า 333 00:24:05,603 --> 00:24:09,563 ‎มีช่วงที่เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ ‎ระหว่างที่มียังเกอร์ ดรายอัส 334 00:24:09,643 --> 00:24:12,123 ‎คล้ายกับที่บรรยายไว้ในตำนาน 335 00:24:13,203 --> 00:24:17,283 ‎พวกเขายังกล่าวด้วยว่า ‎หลังจากนั้นอุณหภูมิทั่วโลกตกลง 336 00:24:18,563 --> 00:24:20,283 ‎เหมันต์อันตรายนั่นเอง 337 00:24:21,843 --> 00:24:26,043 ‎แล้วก็มีรายละเอียด ‎ที่เชื่อมโยงการเริ่มต้นเหมันต์อันตราย 338 00:24:26,123 --> 00:24:29,043 ‎กับการปรากฏตัวของงูยักษ์บนท้องฟ้า 339 00:24:30,523 --> 00:24:34,563 ‎เช่นเดียวกับงูที่เราเจอ ‎ในตำนานของแอซเท็กโบราณ 340 00:24:36,043 --> 00:24:37,603 ‎หรือของอีโรควอย 341 00:24:37,683 --> 00:24:40,643 ‎งูมักเกี่ยวข้องกับหายนะ 342 00:24:46,163 --> 00:24:48,963 ‎ผมยังคิดถึงเสาเหล่านั้นที่โกเบคลี เทเป 343 00:24:49,043 --> 00:24:54,283 ‎ที่เต็มไปด้วยภาพแกะสลักของงู ‎ที่คล้ายกับตกลงมาจากท้องฟ้า 344 00:24:55,203 --> 00:24:59,003 ‎หรืองูที่แกะสลักไว้ใน ‎มหาวิหารจกันติยาของมอลตา 345 00:24:59,963 --> 00:25:02,003 ‎หรือเนินพญานาคในทวีปอเมริกาเหนือ 346 00:25:02,923 --> 00:25:07,443 ‎แน่นอน นักโบราณคดีไม่ยอมเชื่อมโยงสัญลักษณ์ ‎และประเพณีโบราณเหล่านี้ 347 00:25:07,523 --> 00:25:10,363 ‎จากแต่ละมุมของโลกเข้าด้วยกัน… 348 00:25:10,443 --> 00:25:11,323 ‎(โซชิคาลโค เม็กซิโก) 349 00:25:11,403 --> 00:25:12,963 ‎อย่าว่าแต่เหตุการณ์เดียวเลย 350 00:25:13,843 --> 00:25:18,043 ‎เราได้เห็นโครงสร้าง ‎ที่ต่างกันและไม่ควรเกี่ยวข้องกัน 351 00:25:18,123 --> 00:25:19,523 ‎ทั่วโลก 352 00:25:19,603 --> 00:25:23,723 ‎ที่ดูจะได้รับประโยชน์จากมรดกความรู้เก่าแก่มาก 353 00:25:23,803 --> 00:25:24,643 ‎(มอลตา) 354 00:25:24,723 --> 00:25:26,603 ‎ความรู้คล้ายกันที่ไม่รู้ต้นกำเนิด 355 00:25:27,803 --> 00:25:30,963 ‎การตีความอันน่าตื่นตะลึงคือ ‎ในยุคน้ำแข็ง 356 00:25:31,043 --> 00:25:35,083 ‎อารยธรรมล้ำหน้าที่มีอิทธิพลไปทั่วโลก 357 00:25:35,163 --> 00:25:39,603 ‎เกิดขึ้นพร้อมกับคนเก็บของป่าล่าสัตว์ ‎ที่เรารู้กันว่ามีตัวตนในช่วงเวลานั้น 358 00:25:40,403 --> 00:25:42,563 ‎อารยธรรมซึ่งถูกทำลายไป 359 00:25:42,643 --> 00:25:45,563 ‎ในหายนะลึกลับของยังเกอร์ ดรายอัส 360 00:25:47,523 --> 00:25:52,043 ‎เป็นไปได้มั้ยที่การอ้างอิงถึงงูเหล่านี้ ‎เป็นส่วนหนึ่งของมรดกนั้นด้วย 361 00:25:52,963 --> 00:25:56,363 ‎คำเตือนที่ทิ้งไว้โดยผู้รอดชีวิต 362 00:26:04,203 --> 00:26:11,083 ‎สำหรับผม สิ่งสำคัญคือมนุษย์เราเป็นเผ่าพันธุ์ที่ขี้ลืม 363 00:26:12,723 --> 00:26:15,523 ‎ลืมแม้กระทั่งหายนะที่เกิดขึ้น 364 00:26:15,603 --> 00:26:17,563 ‎ช่วงสิ้นยุคน้ำแข็งสุดท้าย 365 00:26:17,643 --> 00:26:21,723 ‎ซึ่งเราลืมช่วงเวลาสำคัญในเรื่องราวของเราเอง 366 00:26:23,043 --> 00:26:28,243 ‎และนั่นอาจเป็นปัญหาใหญ่ ‎เพราะเช่นเดียวกับตำนานมากมายเหล่านี้ 367 00:26:28,323 --> 00:26:32,803 ‎เรื่องสุดท้ายเกี่ยวกับยีม่า ‎จบลงด้วยคำเตือนจากเทพ 368 00:26:32,883 --> 00:26:36,803 ‎ว่าวันหนึ่ง หายนะคล้ายกันจะกลับมา 369 00:26:39,163 --> 00:26:40,123 ‎เป็นไปได้มั้ย 370 00:26:41,843 --> 00:26:46,763 ‎นานแล้วที่มันยังคงเป็นความลับว่า ‎อะไรทำให้เกิดอุทกภัย 371 00:26:46,843 --> 00:26:50,203 ‎ไฟไหม้ และอุณหภูมิโลกที่ต่ำลง ‎ของยังเกอร์ ดรายอัส 372 00:26:51,123 --> 00:26:55,163 ‎แต่หลักฐานทางธรณีวิทยาบ่งชี้ ‎ถึงความเป็นไปได้อันน่ากลัว 373 00:26:56,483 --> 00:26:58,803 ‎หลักฐานที่ยังเห็นอยู่ในปัจจุบัน 374 00:26:58,883 --> 00:27:01,883 ‎ในพื้นที่ที่มีร่องรองก่อนยุคประวัติศาสตร์อเมริกา 375 00:27:01,963 --> 00:27:03,483 ‎ที่ซึ่งเป็นจุดหมายถัดไปของผม 376 00:27:04,483 --> 00:27:08,363 ‎ผมค่อนข้างเชื่อว่าต้นกำเนิดของสัญลักษณ์งู 377 00:27:08,443 --> 00:27:11,203 ‎เกี่ยวข้องกับงูบนท้องฟ้า 378 00:27:11,283 --> 00:27:12,883 ‎ที่เราเรียกว่าดาวหาง 379 00:27:41,643 --> 00:27:46,643 ‎คำบรรยายโดย พรทินา ตั้งสัจจะวิฑูรย์