1 00:00:06,083 --> 00:00:08,963 ‎(ซีรีส์จาก NETFLIX) 2 00:00:14,523 --> 00:00:18,043 ‎ในสถานที่รอบโลก เราได้เห็นสิ่งที่ผมเชื่อว่า 3 00:00:18,123 --> 00:00:21,203 ‎เป็นร่องรอยของอารยธรรมที่หายไป 4 00:00:22,403 --> 00:00:24,443 ‎ที่ย้อนกลับไปถึงยุคน้ำแข็งสุดท้าย 5 00:00:25,323 --> 00:00:26,803 ‎ปริศนาสำคัญชิ้นสุดท้ายคือ 6 00:00:26,883 --> 00:00:29,483 ‎เกิดอะไรขึ้นกับอารยธรรมล้ำหน้านี้ 7 00:00:30,923 --> 00:00:34,803 ‎มันอาจมีเบาะแสอยู่ใน ‎ตำนานดั้งเดิมของวัฒนธรรมโบราณ 8 00:00:35,403 --> 00:00:38,563 ‎เพราะตำนานมากมายบอกเล่าเรื่องราวคล้ายกัน 9 00:00:40,723 --> 00:00:42,563 ‎จากตำนานเหล่านี้ 10 00:00:42,643 --> 00:00:44,083 ‎นานมาแล้ว 11 00:00:44,163 --> 00:00:47,723 ‎มนุษยชาติอยู่ร่วมโลกกับสังคมที่ล้ำหน้ากว่า 12 00:00:49,523 --> 00:00:54,203 ‎ไม่ว่าจะเป็นชาวแอตแลนติส ‎ยักษ์ หรือเทพบนโลก 13 00:00:55,643 --> 00:00:58,883 ‎จนเกิดหายนะน่าสะพรึงกลัวขึ้นทั่วโลก 14 00:00:59,563 --> 00:01:00,963 ‎อุทกภัยใหญ่ 15 00:01:02,483 --> 00:01:06,203 ‎มีเพียงไม่กี่คนที่รอดชีวิต ‎เพื่อเพิ่มประชากรโลกอีกครั้ง 16 00:01:06,923 --> 00:01:10,083 ‎ซึ่งภายหลังได้พบกับผู้รอดชีวิตอื่นที่มาเยือน 17 00:01:10,803 --> 00:01:15,163 ‎ครูลึกลับผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเดินทางมาทางทะเล 18 00:01:15,243 --> 00:01:18,723 ‎เพื่อช่วยพวกเขาสร้างรากฐาน ‎สำหรับการเกิดใหม่ของมนุษยชาติ 19 00:01:19,443 --> 00:01:21,843 ‎และอารยธรรมอย่างที่เรารู้กันในปัจจุบัน 20 00:01:24,923 --> 00:01:26,443 ‎วิทยาศาสตร์ยืนยันแล้วว่า 21 00:01:26,523 --> 00:01:29,723 ‎เหตุการณ์ล้างโลกเหล่านี้ 22 00:01:29,803 --> 00:01:34,803 ‎เกิดขึ้นจริงช่วงสิ้นยุคน้ำแข็งสุดท้าย ‎ราว 12,800 ปีก่อน… 23 00:01:37,003 --> 00:01:41,083 ‎เหตุการณ์ที่นักธรณีวิทยา ‎เรียกว่ายังเกอร์ ดรายอัส 24 00:01:48,323 --> 00:01:49,963 ‎มันเพิ่งเกิดขึ้นหลังจากนั้น 25 00:01:50,043 --> 00:01:54,523 ‎ที่จู่ๆ บรรพบุรุษของเราเริ่มทำไร่และเลี้ยงสัตว์ 26 00:01:55,083 --> 00:01:56,323 ‎สร้างสังคม 27 00:01:56,403 --> 00:01:59,083 ‎และสร้างโครงสร้างหินขนาดใหญ่ 28 00:01:59,803 --> 00:02:01,683 ‎ที่มักหันเข้าหาดวงดาว 29 00:02:04,683 --> 00:02:05,843 ‎ทำไมล่ะ 30 00:02:07,203 --> 00:02:11,803 ‎มันเป็นปริศนาที่นักโบราณคดีทั่วไป ‎ไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน 31 00:02:11,883 --> 00:02:13,923 ‎มากไปกว่า "นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นแหละ" 32 00:02:15,323 --> 00:02:17,723 ‎แต่ผมมีข้อเสนอที่แตกต่างสุดขั้ว 33 00:02:18,403 --> 00:02:21,003 ‎เราต้องถามตัวเองว่า ‎นั่นคือจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์จริงๆ 34 00:02:23,163 --> 00:02:24,803 ‎หรือมันเกิดก่อนหน้านั้นตั้งนาน 35 00:02:37,403 --> 00:02:42,723 ‎(หายนะและการอุบัติใหม่) 36 00:02:45,123 --> 00:02:46,363 ‎เป็นไปได้ว่า 37 00:02:46,443 --> 00:02:50,483 ‎ร่องรอยอารยธรรมล้ำหน้าที่หายไปที่ผมตามหา 38 00:02:51,123 --> 00:02:55,043 ‎ถูกทำลายไปแล้วในหายนะของยังเกอร์ ดรายอัส 39 00:02:55,803 --> 00:02:59,563 ‎แต่แน่นอน หลักฐานทางธรณีวิทยา ‎ของช่วงเวลาล้างโลก 40 00:02:59,643 --> 00:03:00,803 ‎น่าจะยังคงอยู่ 41 00:03:02,043 --> 00:03:03,163 ‎และผมเชื่อว่ามันยังอยู่ 42 00:03:05,203 --> 00:03:08,323 ‎ที่นี่ มุมตะวันตกเฉียงเหนือของอเมริกา 43 00:03:08,883 --> 00:03:13,403 ‎ในพื้นที่ทางตะวันออกของรัฐวอชิงตัน ‎ซึ่งรู้จักกันในชื่อดินแดนร่องน้ำขรุขระ 44 00:03:13,483 --> 00:03:17,643 ‎(ดินแดนร่องน้ำขรุขระ) 45 00:03:19,123 --> 00:03:22,403 ‎มันเป็นพื้นที่แปลกตา 46 00:03:22,483 --> 00:03:26,603 ‎สถานที่ตระการตา ‎ที่ครอบคลุมพื้นที่ถึง 5,180 ตารางกิโลเมตร 47 00:03:29,123 --> 00:03:34,003 ‎พื้นที่นี้บ่งบอกถึงหายนะครั้งมหึมา 48 00:03:34,083 --> 00:03:37,043 ‎ที่เลวร้ายจนอธิบายไม่ได้ 49 00:03:42,683 --> 00:03:45,763 ‎มันเป็นพื้นที่ซึ่งทำให้นักธรณีวิทยาหลงใหลมานาน 50 00:03:46,923 --> 00:03:49,123 ‎ด้วยร่องรอยขนาดมหึมาบนหิน 51 00:03:49,723 --> 00:03:54,923 ‎หลุมขนาดใหญ่ และน้ำตกสูงตระหง่าน 52 00:03:58,283 --> 00:04:02,203 ‎ทุกอย่างรวมกันแล้วดูไม่เหมือนโลก 53 00:04:02,283 --> 00:04:03,763 ‎ไม่ใช่โลกใบนี้ 54 00:04:05,483 --> 00:04:07,483 ‎น้ำตกฟอสซิลขนาดมหึมา 55 00:04:08,723 --> 00:04:10,963 ‎ที่มีชื่อเหมาะว่าดรายฟอลส์ 56 00:04:11,043 --> 00:04:14,763 ‎เป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ‎อันดับต้นๆ ของดินแดนร่องน้ำขรุขระ 57 00:04:15,843 --> 00:04:17,203 ‎และของโลกด้วย 58 00:04:19,123 --> 00:04:22,923 ‎มันยิ่งใหญ่จนเกือบเป็นไปไม่ได้ ‎ที่จะเข้าใจขนาดของมัน 59 00:04:25,963 --> 00:04:30,083 ‎ดรายฟอลส์เป็นแค่ส่วนหนึ่งของห้วยลึก 60 00:04:30,163 --> 00:04:33,243 ‎ที่แซะลงไปบนพื้นดินลึกเป็นร้อยเมตร 61 00:04:33,323 --> 00:04:36,603 ‎ยาวกว่า 80 กิโลเมตร ‎และกว้างเกือบห้ากิโลเมตร 62 00:04:37,603 --> 00:04:38,643 ‎เรียกว่าแกรนด์คูลี 63 00:04:40,643 --> 00:04:43,923 ‎นักธรณีวิทยาเชื่อว่าการก่อร่างที่ชัดเจนนี้ 64 00:04:44,003 --> 00:04:45,443 ‎เกิดจากอุทกภัย 65 00:04:46,003 --> 00:04:49,683 ‎ที่เกิดขึ้นในยุคน้ำแข็งสุดท้าย 66 00:04:50,883 --> 00:04:55,083 ‎ในส่วนช่วงเวลาที่เกิดน้ำท่วม ‎และเกิดขึ้นได้อย่างไรยังเป็นปริศนาอยู่ 67 00:04:55,163 --> 00:04:59,003 ‎ปริศนาที่ทำให้เกิดการโต้แย้ง ‎ในหมู่นักธรณีวิทยามาหลายทศวรรษ 68 00:04:59,083 --> 00:05:01,403 ‎เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่ 69 00:05:02,883 --> 00:05:07,643 ‎เป็นไปได้มั้ยที่มันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้น ‎กับอารยธรรมล้ำหน้าที่หายไป 70 00:05:07,723 --> 00:05:09,003 ‎ในยุคน้ำแข็ง 71 00:05:12,523 --> 00:05:14,763 ‎เพื่อให้ผมเข้าใจมากขึ้น 72 00:05:14,843 --> 00:05:17,763 ‎แรนดัลล์ คาร์ลสัน ‎นักธรณีวิทยามือสมัครเล่นและนักเขียน 73 00:05:17,843 --> 00:05:21,363 ‎ซึ่งสำรวจดินแดนขรุขระมาหลายทศวรรษ 74 00:05:21,443 --> 00:05:26,083 ‎พบกับผมในพื้นที่หนึ่งของแกรนด์คูลี ‎ที่เรียกว่าทะเลสาบเลอนอร์ 75 00:05:27,283 --> 00:05:30,363 ‎ไม่ว่าสาเหตุอะไรก็ตาม ไม่ต้องสงสัยเลยว่า… 76 00:05:30,443 --> 00:05:31,283 ‎(แรนดัลล์ คาร์ลสัน ‎นักวิจัยด้านธรณีวิทยาภัยพิบัติ) 77 00:05:31,363 --> 00:05:33,443 ‎ที่นี่เกิดจากหายนะอุทกภัย 78 00:05:33,523 --> 00:05:35,723 ‎ในระดับที่ยากจะเข้าใจ 79 00:05:35,803 --> 00:05:38,243 ‎ความคิดแรกของผมตอนเห็นบนแผนที่ 80 00:05:38,323 --> 00:05:42,123 ‎คือที่นี่เป็นพื้นที่ที่ถูกฉีก แยก และทิ้งร่องรอยไว้ 81 00:05:42,203 --> 00:05:44,243 ‎เรื่องราวของภูมิทัศน์น่าทึ่งแห่งนี้เป็นยังไง 82 00:05:44,323 --> 00:05:46,603 ‎ตอนนี้แบบจำลองทั่วไปส่วนใหญ่บอกว่า 83 00:05:46,683 --> 00:05:48,643 ‎- แหล่งกำเนิดน้ำที่นี่… ‎- ครับ 84 00:05:48,723 --> 00:05:51,763 ‎ที่ก่อให้เกิดดินแดนขรุขระคือทะเลสาบมิสซูลา 85 00:05:51,843 --> 00:05:53,003 ‎(ไอดาโฮ) 86 00:05:53,083 --> 00:05:54,843 ‎(อเมริกาเหนือ - แผ่นน้ำแข็งคอร์ดิลเลอรัน ‎แผ่นน้ำแข็งลอเรนไทด์ - มหาสมุทรแปซิฟิก) 87 00:05:54,923 --> 00:05:56,723 ‎ในยุคน้ำแข็งสุดท้าย 88 00:05:56,803 --> 00:06:00,483 ‎แผ่นน้ำแข็งขนาดมหึมา ‎ปกคลุมครึ่งบนของทวีปอเมริกาเหนือ 89 00:06:00,563 --> 00:06:01,803 ‎จากชายฝั่งด้านหนึ่งถึงอีกด้านหนึ่ง 90 00:06:03,963 --> 00:06:09,203 ‎น้ำแข็งหลายล้านตารางกิโลเมตร ‎กักน้ำพอจะเติมมหาสมุทรได้แห่งหนึ่งเลยทีเดียว 91 00:06:10,683 --> 00:06:12,443 ‎(อเมริกาเหนือ - แผ่นน้ำแข็งคอร์ดิลเลอรัน ‎วอชิงตัน - ออริกอน - ไอดาโฮ - มอนแทนา) 92 00:06:12,523 --> 00:06:14,443 ‎ที่ขอบใต้สุดของแผ่นน้ำแข็ง 93 00:06:14,523 --> 00:06:16,683 ‎ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้น 94 00:06:17,363 --> 00:06:18,443 ‎(ทะเลสาบโคลัมเบีย - ทะเลสาบมิสซูลา) 95 00:06:18,523 --> 00:06:20,963 ‎ทะเลสาบน้ำแข็งมิสซูลาแห่งหนึ่ง 96 00:06:21,043 --> 00:06:25,683 ‎กักน้ำได้ในปริมาณเท่าทะเลสาบเอียรี ‎และออนแทรีโอในปัจจุบันรวมกัน 97 00:06:26,563 --> 00:06:29,923 ‎ครอบคลุมพื้นที่จำนวนมากที่เป็น ‎มอนแทนาตะวันตกเฉียงเหนือในปัจจุบัน 98 00:06:33,123 --> 00:06:36,443 ‎ทฤษฎีปัจจุบันคือทะเลสาบมิสซูลาถูกกัก 99 00:06:36,523 --> 00:06:39,843 ‎โดยเขื่อนน้ำแข็งบางอย่างที่แตก 100 00:06:45,883 --> 00:06:46,963 ‎พอเอาเขื่อนน้ำแข็งออก 101 00:06:47,043 --> 00:06:50,403 ‎น้ำทั้งหมดจะไหลจากที่นี่ไปทางตะวันตกแบบนี้ 102 00:06:50,483 --> 00:06:51,443 ‎(ไอดาโฮ - ทะเลสาบน้ำแข็งมิสซูลา) 103 00:06:53,563 --> 00:06:56,483 ‎และก่อให้เกิดความเสียหายทั้งหมดต่อพื้นที่ 104 00:06:57,083 --> 00:07:03,763 ‎นักธรณีวิทยาตั้งทฤษฎีว่า ‎เขื่อนน้ำแข็งก่อตัวขึ้นและระเบิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า 105 00:07:03,843 --> 00:07:08,803 ‎ซึ่งก่อให้เกิดอุทกภัยหลายสิบครั้ง ‎ในช่วงเวลาหลายพันปี 106 00:07:08,883 --> 00:07:13,003 ‎และค่อยๆ ก่อให้เกิดดินแดนขรุขระ ‎ที่เราเห็นในปัจจุบัน 107 00:07:14,483 --> 00:07:16,323 ‎งั้นทุกอย่างมาจากทะเลสาบมิสซูลา 108 00:07:16,403 --> 00:07:19,243 ‎และเพราะทะเลสาบมิสซูลาแตกครั้งเดียวไม่พอ 109 00:07:19,323 --> 00:07:21,643 ‎พวกเขาสันนิษฐานว่าแตกถึง 80 ถึง 90 ครั้ง 110 00:07:21,723 --> 00:07:22,803 ‎นั่นช่วยอธิบายได้มากครับ 111 00:07:25,163 --> 00:07:30,483 ‎มันเป็นคำอธิบายที่ตั้งไว้อย่างน่าสงสัย ‎สำหรับพื้นที่ตระการตาเช่นนี้ 112 00:07:33,123 --> 00:07:37,603 ‎มีสิ่งที่เรียกว่า "แนวโน้มเอกรูปนิยม" ‎ในทางธรณีวิทยา 113 00:07:37,683 --> 00:07:40,923 ‎นักธรณีวิทยาสมัยใหม่ไม่ชอบหายนะเท่าไหร่ 114 00:07:41,003 --> 00:07:45,163 ‎พวกเขาชอบอธิบายว่า ‎มันเกิดขึ้นยาวนาน ช้าๆ และค่อยๆ เกิด 115 00:07:45,243 --> 00:07:48,003 ‎พวกเขาชอบความเห็นที่ว่าทุกอย่างที่เป็นในวันนี้ 116 00:07:48,083 --> 00:07:49,683 ‎เป็นเหมือนที่เคยเป็นในอดีต 117 00:07:49,763 --> 00:07:52,683 ‎แม้ว่ามันจะฟังดูเป็นความคิดที่น่าขันสิ้นดี 118 00:07:54,083 --> 00:07:56,763 ‎แรนดัลล์เชื่อว่าหลักฐานทางธรณีวิทยาที่นี่ 119 00:07:56,843 --> 00:08:00,123 ‎ไม่เพียงบ่งบอกถึงอุทกภัยที่เกิดขึ้นหลายศตวรรษ 120 00:08:00,203 --> 00:08:06,603 ‎แต่ยังมีอุทกภัยรุนแรงครั้งใหญ่ครั้งเดียว ‎ที่เกิดขึ้นนานสองสามสัปดาห์ 121 00:08:06,683 --> 00:08:09,003 ‎- ไม่ใช่แค่น้ำใช่มั้ย ‎- ไม่ใช่ 122 00:08:09,083 --> 00:08:11,123 ‎- ครับ ‎- ยาวไปไกลเท่าที่ตาเห็นเลย 123 00:08:11,843 --> 00:08:15,683 ‎มันจะต้องเป็นภาพที่รุนแรง ‎เดือดดาล และอลหม่าน 124 00:08:17,443 --> 00:08:20,083 ‎น้ำที่ไหลเต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็งหลายพันก้อน 125 00:08:21,203 --> 00:08:24,043 ‎ทุกอย่างที่อยู่ระหว่างหน้าผาเหล่านั้น ‎ถูกทำลายไปหมด 126 00:08:24,123 --> 00:08:25,283 ‎ครับ 127 00:08:26,563 --> 00:08:30,363 ‎เหตุการณ์รุนแรงใหญ่โตเกินจะจินตนาการได้ 128 00:08:32,883 --> 00:08:34,323 ‎เพื่อให้คุณเห็นภาพ 129 00:08:34,403 --> 00:08:38,243 ‎ถ้าคุณเอาแม่น้ำทุกสายบนโลกจากทุกทวีป 130 00:08:38,323 --> 00:08:40,082 ‎มารวมกัน 131 00:08:40,643 --> 00:08:43,123 ‎คุณยังต้องคูณด้วยอย่างน้อยสิบเท่า 132 00:08:43,202 --> 00:08:45,962 ‎เพื่อให้ได้จำนวนน้ำที่ไหลผ่านที่นี่ 133 00:08:46,043 --> 00:08:48,842 ‎ว้าว ทำให้เห็นภาพจริงๆ 134 00:08:54,643 --> 00:08:57,723 ‎มันเป็นภาพที่น่ากลัว ‎และน่าเกรงขามอย่างแท้จริง 135 00:08:57,803 --> 00:09:00,523 ‎บ่งชี้ถึงวันล้างโลกโบราณสำหรับผม 136 00:09:01,923 --> 00:09:05,843 ‎วันสิ้นโลกในระดับที่ ‎แทบจะจินตนาการไม่ได้ในปัจจุบัน 137 00:09:09,803 --> 00:09:15,043 ‎ในยุคน้ำแข็ง ที่นี่น่าจะเป็นพื้นที่ทุ่งหญ้าสูงต่ำ 138 00:09:15,123 --> 00:09:18,803 ‎ที่มีฝูงละมั่งและช้างมาสโตดอนเดินอยู่เป็นหย่อมๆ 139 00:09:19,963 --> 00:09:22,643 ‎จนเกิดเหตุรุนแรงขึ้น 140 00:09:29,563 --> 00:09:33,403 ‎น้ำที่ท่วมเซาะจนเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ 141 00:09:33,483 --> 00:09:36,403 ‎ซึ่งน่าจะมีขนาดสิบเท่าของน้ำตกไนแอการา 142 00:09:36,483 --> 00:09:39,963 ‎สูงกว่าสองเท่าครึ่ง กว้างกว่าเจ็ดเท่า 143 00:09:40,563 --> 00:09:43,443 ‎และทรงพลังกว่าถึงสามพันเท่า 144 00:09:47,683 --> 00:09:49,243 ‎คุณคิดว่ามันเกิดขึ้นเร็วขนาดไหน 145 00:09:49,323 --> 00:09:51,523 ‎ผมคิดว่ามันเกิดขึ้นเร็วมากๆ 146 00:09:51,603 --> 00:09:54,203 ‎- มันถูกสร้างขึ้นในเวลาไม่กี่สัปดาห์ได้มั้ย ‎- ได้ครับ 147 00:09:58,683 --> 00:10:03,363 ‎หลักฐานที่ชัดเจนที่สุดคือตรงนี้ ‎ในจุดที่เรียกว่าวัลลูลากัป 148 00:10:04,723 --> 00:10:10,043 ‎ซึ่งน้ำที่ท่วมเซาะจนเกิดหุบเขาใหญ่ลึก 365 เมตร 149 00:10:11,723 --> 00:10:15,363 ‎ทิ้งหินงอกบะซอลต์ขนาดใหญ่ไว้… 150 00:10:17,763 --> 00:10:19,523 ‎ที่เรียกว่าทวินซิสเตอร์ส 151 00:10:21,043 --> 00:10:23,163 ‎หลักฐานของความเร็วและความโหดร้าย 152 00:10:24,203 --> 00:10:27,963 ‎ของสิ่งที่อาจเป็นอุทกภัยฉับพลันที่ใหญ่ที่สุด ‎ในประวัติศาสตร์มนุษย์ 153 00:10:32,883 --> 00:10:35,283 ‎งานวิจัยของแรนดัลล์แสดงให้เห็นว่า 154 00:10:35,363 --> 00:10:42,123 ‎การก่อร่างไม่อาจเกิดจากการค่อยๆ กัดเซาะ ‎นานเป็นพันปี ตามที่นักธรณีวิทยาอ้างไว้ 155 00:10:44,603 --> 00:10:47,003 ‎เมื่ออุทกภัยครั้งใหญ่นี้จบลง 156 00:10:47,603 --> 00:10:48,643 ‎น้ำที่ลดลงแล้ว 157 00:10:48,723 --> 00:10:52,843 ‎ไม่เพียงทิ้งหินแข็งตั้งตระหง่าน 158 00:10:54,323 --> 00:10:58,123 ‎ในบริเวณใกล้เคียงที่เรียกกันว่าทุ่งหญ้าคามัส 159 00:10:58,203 --> 00:11:01,123 ‎มีริ้วขนาดใหญ่บนพื้นที่ 160 00:11:02,843 --> 00:11:05,563 ‎ริ้วเหมือนกันและก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ 161 00:11:05,643 --> 00:11:09,163 ‎ใครที่ไปชายหาดแล้วเห็นคลื่นซัดเข้ามา 162 00:11:09,243 --> 00:11:13,723 ‎จะเห็นรอยระลอกแบบเดียวกัน ‎บนทรายเวลาที่น้ำลดแล้ว 163 00:11:13,803 --> 00:11:16,723 ‎รอยระลอกเหล่านั้นอาจสูงครึ่งนิ้ว 164 00:11:16,803 --> 00:11:18,243 ‎และยาวสักหนึ่งเมตร 165 00:11:18,323 --> 00:11:21,443 ‎สิ่งที่เราเห็นที่ทุ่งหญ้าคามัสเป็นระลอกคลื่น 166 00:11:21,523 --> 00:11:26,523 ‎ซึ่งสูงเก้าถึงสิบห้าเมตร ‎และยาวกว่าเก้าสิบเมตร 167 00:11:28,283 --> 00:11:31,723 ‎มันเป็นปรากฏการณ์เดียวกับที่เกิดจากน้ำที่ลด 168 00:11:31,803 --> 00:11:35,123 ‎แต่ริ้วบนพื้นดินบ่งบอกถึงเหตุการณ์ขนาดใหญ่ 169 00:11:35,203 --> 00:11:39,483 ‎และมวลน้ำมหาศาลที่ไหลท่วมพื้นที่นั้นแล้วผ่านไป 170 00:11:40,923 --> 00:11:42,483 ‎แบบวันสิ้นโลกจริงๆ 171 00:11:42,563 --> 00:11:43,843 ‎แบบวันสิ้นโลก ใช่ 172 00:11:43,923 --> 00:11:48,003 ‎ถ้าใครโชคดีรอดชีวิตไปได้ 173 00:11:48,083 --> 00:11:49,763 ‎พวกเขาจะฟื้นขึ้นมาหลังเหตุการณ์ 174 00:11:49,843 --> 00:11:52,443 ‎แล้วคิดว่าทั้งโลกถูกทำลายไปแล้ว 175 00:11:57,403 --> 00:12:02,923 ‎ดินแดนขรุขระแสดงให้เห็นร่องรอยทุกอย่าง ‎ของอุทกภัยทำลายล้างครั้งใหญ่ 176 00:12:03,003 --> 00:12:05,003 ‎ในเวลาที่สั้นมาก 177 00:12:06,723 --> 00:12:09,923 ‎เหมือนที่บรรยายไว้ในตำนานต่างๆ รอบโลก 178 00:12:15,483 --> 00:12:21,403 ‎และน้ำทั้งหมดไม่น่ามาจากทะเลสาบมิสซูลา ‎อย่างที่นักธรณีวิทยาอ้างไว้ 179 00:12:22,003 --> 00:12:23,403 ‎พอเราเอาเขื่อนน้ำแข็งออก 180 00:12:23,963 --> 00:12:27,043 ‎น้ำจะไหลออกตรงนี้ไปทางตะวันตกอย่างนี้… 181 00:12:27,123 --> 00:12:28,003 ‎(ดินแดนร่องน้ำขรุขระ - ไอดาโฮ) 182 00:12:28,083 --> 00:12:30,483 ‎แต่เราพบว่าตามแนวด้านใต้ตรงนี้ 183 00:12:31,203 --> 00:12:33,443 ‎เราเจอกองหินก้อนเล็กๆ ขนาดใหญ่ 184 00:12:34,123 --> 00:12:35,723 ‎น้ำนี้ไหลไปทางใต้ 185 00:12:35,803 --> 00:12:38,203 ‎นั่นคือสิ่งที่คุณเห็นต่างจากคนทั่วไป 186 00:12:38,283 --> 00:12:41,923 ‎คุณเห็นว่าต้นกำเนิดน้ำท่วมอยู่บนพืดน้ำแข็ง ‎ไม่ใช่ทะเลสาบนี้ 187 00:12:42,003 --> 00:12:43,003 ‎ใช่ครับ 188 00:12:43,083 --> 00:12:45,203 ‎มันได้รับการยอมรับและรับรู้แล้วว่า 189 00:12:45,283 --> 00:12:47,963 ‎อาจมีทะเลสาบอื่นอยู่บนนั้น 190 00:12:48,043 --> 00:12:51,843 ‎และสิ่งที่เราต้องทำจริงๆ คือมองไปทางเหนือ 191 00:12:51,923 --> 00:12:53,643 ‎- เพื่อมองไปที่พืดน้ำแข็งเอง ‎- ใช่ครับ 192 00:12:53,723 --> 00:12:55,803 ‎ย้อนกลับมาหาทฤษฎีทั่วไป 193 00:12:55,883 --> 00:12:58,923 ‎พวกเขากำหนดเวลาที่เกิดอุทกภัยเหล่านั้นไว้ 194 00:12:59,003 --> 00:13:02,283 ‎ในช่วง 18,000 ถึง 15,000 ปี 195 00:13:02,363 --> 00:13:06,043 ‎ใช่ ผมคิดว่า ‎เราต้องพิจารณาช่วงเวลานั้นอย่างรอบคอบ 196 00:13:06,123 --> 00:13:08,043 ‎เพราะผมคิดอะไรในช่วงเวลานั้นไม่ออก 197 00:13:08,123 --> 00:13:10,003 ‎ที่จะก่อให้เกิดพลังงานมหาศาล 198 00:13:10,083 --> 00:13:11,683 ‎ที่ใช้ในการปล่อยมวลน้ำขนาดนั้น 199 00:13:13,083 --> 00:13:17,083 ‎สิ่งที่ต้องเกิดขึ้นตอนนี้คือ ‎การปะติดปะต่อทุกอย่างเข้าด้วยกัน… 200 00:13:17,163 --> 00:13:19,203 ‎- ใช่ ‎- เพื่อให้เห็นภาพ 201 00:13:19,283 --> 00:13:20,723 ‎ภาพใหญ่ที่สอดคล้องกัน 202 00:13:24,123 --> 00:13:28,483 ‎ภาพที่ใหญ่กว่าซึ่งแรนดัลล์ต้องการ ‎อาจโผล่ขึ้นมาได้ 203 00:13:30,203 --> 00:13:32,963 ‎แทนที่จะอ้างว่าดินแดนขรุขระ 204 00:13:33,043 --> 00:13:35,523 ‎เป็นปรากฏการณ์น่าสงสัยที่เกิดขึ้นในภูมิภาคเอง 205 00:13:35,603 --> 00:13:38,443 ‎โดยไม่มีสาเหตุภายนอกที่แน่ชัด 206 00:13:38,523 --> 00:13:41,563 ‎ข้อโต้แย้งของแรนดัลล์ทำให้พื้นที่อันตรายนี้ 207 00:13:41,643 --> 00:13:45,483 ‎เกี่ยวข้องกับการล้างโลกที่ใหญ่กว่ามาก 208 00:13:45,563 --> 00:13:47,923 ‎ซึ่งเกิดขึ้นช่วงใกล้สิ้นยุคน้ำแข็งสุดท้าย 209 00:13:49,443 --> 00:13:50,283 ‎(16,000 ก่อนค.ศ.) 210 00:13:50,363 --> 00:13:54,963 ‎ไม่ใช่ 18,000 หรือ 15,500 ปีก่อน… 211 00:13:55,043 --> 00:13:56,483 ‎(13,500 ปีก่อนค.ศ.) 212 00:13:56,563 --> 00:13:59,323 ‎แต่ราว 12,800 ปีก่อน… 213 00:13:59,923 --> 00:14:00,923 ‎(10,800 ปีก่อนค.ศ.) 214 00:14:01,003 --> 00:14:03,003 ‎ช่วงเริ่มต้นของยังเกอร์ ดรายอัส 215 00:14:05,763 --> 00:14:09,243 ‎การทำลายล้างที่ชัดเจนมากในดินแดนขรุขระ 216 00:14:09,323 --> 00:14:12,403 ‎อาจเป็นส่วนหนึ่งของ ‎การล้างโลกโบราณที่ใหญ่กว่า 217 00:14:12,483 --> 00:14:16,803 ‎ที่ผมคิดว่าล้างอารยธรรมล้ำหน้าทั้งหมดไปหรือไม่ 218 00:14:21,683 --> 00:14:24,083 ‎พื้นที่ที่มีร่องรอยของอเมริกาโบราณอีกแห่ง 219 00:14:24,163 --> 00:14:26,203 ‎อาจมีเบาะแสสุดท้าย 220 00:14:29,443 --> 00:14:30,963 ‎กว่า 1,900 กิโลเมตรทางใต้ 221 00:14:31,603 --> 00:14:35,163 ‎ในทะเลทรายตะปุ่มตะป่ำ ‎ตามแนวชายแดนอเมริกา-เม็กซิโก 222 00:14:36,723 --> 00:14:39,363 ‎บนสถานที่ที่เรียกว่าเมอร์เรย์สปริงส์ 223 00:14:39,443 --> 00:14:43,603 ‎(เมอร์เรย์สปริงส์) 224 00:14:44,883 --> 00:14:49,003 ‎อัลเลน เวสต์เป็นหนึ่งในสมาชิก ‎กลุ่มวิจัยสหวิทยาการ 225 00:14:49,083 --> 00:14:52,603 ‎ที่ทำให้ชุมชนวิทยาศาสตร์ตกตะลึงในปี 2007 226 00:14:52,683 --> 00:14:57,203 ‎โดยการตีพิมพ์งานวิจัยเกี่ยวกับการค้นพบสำคัญที่นี่ 227 00:14:58,123 --> 00:15:03,803 ‎ในบริเวณชั้นดินเปลือย ‎ที่มีสิ่งที่เรียกว่า "ชั้นดินสีดำ" 228 00:15:04,523 --> 00:15:06,563 ‎ชั้นดินสีดำที่คุณเห็นอยู่ตรงนี้… 229 00:15:06,643 --> 00:15:07,483 ‎(อัลเลน เวสต์ ‎นักวิจัย ที่ปรึกษาด้านธรณีศาสตร์) 230 00:15:07,563 --> 00:15:09,603 ‎- ครับ ‎- เป็นชั้นดินสัตว์สูญพันธุ์ 231 00:15:09,683 --> 00:15:15,483 ‎ใต้นั้นมีกระดูกแมมมอธและกระดูกม้าอเมริกันอยู่ 232 00:15:15,563 --> 00:15:20,243 ‎อูฐอเมริกัน หมาป่าไดร์วูล์ฟ ‎และแมวเขี้ยวดาบ 233 00:15:20,323 --> 00:15:25,803 ‎จนวันนี้ยังไม่เจอสิ่งเหล่านั้นสักชิ้น ‎ในชั้นดินเหนือกว่านั้น 234 00:15:26,603 --> 00:15:29,043 ‎นอกจากการสูญพันธุ์ของมหพรรณสัตว์ 235 00:15:29,123 --> 00:15:31,283 ‎ยังมีการสูญพันธุ์ของมนุษย์ด้วย 236 00:15:31,363 --> 00:15:35,363 ‎เราคิดว่า 50 ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ของคน 237 00:15:35,443 --> 00:15:38,523 ‎ทั่วซีกโลกเหนือตายในเวลานั้น 238 00:15:38,603 --> 00:15:41,803 ‎ครับ เป็นจำนวนที่เยอะมาก 239 00:15:41,883 --> 00:15:44,363 ‎เรารู้แล้วว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น ‎แต่เราไม่รู้ว่าอะไร 240 00:15:44,443 --> 00:15:46,483 ‎ในทางหนึ่ง คุณเผชิญกับปริศนา… 241 00:15:46,563 --> 00:15:48,883 ‎- ใช่ ครับ ‎- ที่คุณอยากค้นหา 242 00:15:49,403 --> 00:15:50,723 ‎(ปี 1967) 243 00:15:50,803 --> 00:15:54,963 ‎ตอนชั้นดินสีดำถูกค้นพบ ‎และวิเคราะห์ครั้งแรกในช่วงปี 60 244 00:15:56,003 --> 00:16:00,483 ‎นักวิทยาศาสตร์ประเมินว่า ‎มันเกิดขึ้นราว 12,800 ปีก่อน 245 00:16:00,563 --> 00:16:03,843 ‎ช่วงเดียวกับจุดเริ่มต้นของยังเกอร์ ดรายอัส 246 00:16:06,123 --> 00:16:07,803 ‎ซึ่งเป็นเหตุผลที่ผมมาที่นี่ 247 00:16:09,323 --> 00:16:12,123 ‎ชั้นดินสีดำอาจช่วยไขปริศนา 248 00:16:12,203 --> 00:16:16,723 ‎ไม่เพียงสิ่งที่เริ่มเหตุการณ์หายนะตั้งแต่แรก 249 00:16:18,443 --> 00:16:23,443 ‎แต่รวมไปถึงสิ่งที่ก่อให้เกิด ‎อุทกภัยครั้งใหญ่โดยเฉพาะ… 250 00:16:27,323 --> 00:16:29,523 ‎ที่ก่อให้เกิดดินแดนขรุขระ 251 00:16:31,003 --> 00:16:32,563 ‎ส่วนหนึ่งในงานวิจัยของพวกเขา 252 00:16:32,643 --> 00:16:36,803 ‎กลุ่มของอัลเลนวิเคราะห์ชั้นดินสีดำ ‎ด้วยวิธีทางเคมีอย่างละเอียด 253 00:16:38,723 --> 00:16:42,243 ‎คุณมาที่นี่แล้วเริ่มวิเคราะห์ชั้นดินนั่น 254 00:16:42,883 --> 00:16:46,163 ‎สิ่งที่เราพบคือเม็ดแก้วละลาย 255 00:16:46,763 --> 00:16:51,123 ‎นี่คือเบาะแสแรกของเราว่า ‎มีเหตุการณ์ที่อุณหภูมิสูงเกิดขึ้น 256 00:16:52,483 --> 00:16:54,163 ‎แต่เราไม่รู้ว่ามันคืออะไร 257 00:16:55,523 --> 00:16:58,923 ‎อุณหภูมิที่สูงพอละลายพื้นดิน 258 00:16:59,003 --> 00:17:00,203 ‎นั่นคือสิ่งที่คุณกำลังบอกใช่มั้ย 259 00:17:00,283 --> 00:17:02,083 ‎ร้อนพอจะละลายรถทั้งคัน 260 00:17:02,163 --> 00:17:04,723 ‎ให้เป็นกองเหล็กไหลบนพื้นที่จอดรถ 261 00:17:04,803 --> 00:17:05,643 ‎ว้าว ครับ 262 00:17:05,723 --> 00:17:07,123 ‎คุณเจออะไรที่นี่อีก 263 00:17:07,203 --> 00:17:10,362 ‎มีแพลทินัมและอิริเดียมจำนวนมาก 264 00:17:10,443 --> 00:17:13,043 ‎คุณคาดหวังว่าจะเจอ ‎แพลทินัมและอิริเดียมที่นี่หรือเปล่า 265 00:17:13,122 --> 00:17:14,803 ‎ไม่ ไม่เลย 266 00:17:15,642 --> 00:17:18,443 ‎มันเป็นสิ่งที่เราไม่เจอบนโลกใบนี้บ่อยนัก 267 00:17:19,402 --> 00:17:22,563 ‎เราจึงรู้ว่ามีสิ่งเดียวบนโลกที่ทำอย่างนี้ได้ 268 00:17:22,642 --> 00:17:25,083 ‎และนั่นคือบางอย่างตกกระทบจากจักรวาล 269 00:17:25,723 --> 00:17:28,362 ‎บางอย่าง ดาว หรือชิ้นส่วนของดาวหาง 270 00:17:28,443 --> 00:17:31,243 ‎ที่ตกผ่านชั้นบรรยากาศ หรือระเบิดในอากาศ 271 00:17:31,323 --> 00:17:32,963 ‎หรือตกกระแทกลงมาที่พื้นเหรอ 272 00:17:33,043 --> 00:17:33,883 ‎ใช่แล้ว 273 00:17:35,963 --> 00:17:38,843 ‎ดาวหาง ตัวทำลายเผ่าพันธุ์ 274 00:17:40,643 --> 00:17:43,483 ‎มันอธิบายหายนะล้างโลก 275 00:17:43,563 --> 00:17:46,123 ‎ที่เกิดขึ้นตอนสิ้นยังเกอร์ ดรายอัสหรือเปล่า 276 00:17:46,923 --> 00:17:50,363 ‎มันเคยเกิดขึ้นกับไดโนเสาร์มาก่อน 277 00:17:54,603 --> 00:17:57,803 ‎ไม่มีใครเถียงว่าการตกกระทบจากจักรวาล ‎ดาว หรือดาวหาง 278 00:17:57,883 --> 00:18:01,523 ‎ทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์เมื่อ 66 ล้านปีก่อน 279 00:18:03,243 --> 00:18:05,763 ‎เหตุการณ์ครั้งนั้นทิ้งชั้นดินแปลกตา 280 00:18:05,843 --> 00:18:08,203 ‎ซึ่งยังเห็นได้ในบางที่ในปัจจุบัน 281 00:18:08,283 --> 00:18:11,603 ‎และชั้นดินคล้ายกันนี้เห็นได้ในเมอร์เรย์สปริงส์ 282 00:18:14,923 --> 00:18:16,403 ‎เมื่อกลุ่มงานวิจัยของอัลเลน 283 00:18:16,483 --> 00:18:20,323 ‎ตระหนักถึงความหมายของชั้นดินสีดำ ‎ที่เมอร์เรย์สปริงส์แล้ว 284 00:18:21,123 --> 00:18:24,883 ‎พวกเขาจึงเริ่มการสำรวจอย่างหนักในระยะยาว 285 00:18:25,763 --> 00:18:28,043 ‎เพื่อดูว่ามันมีอยู่ที่อื่นอีกมั้ย 286 00:18:29,843 --> 00:18:32,963 ‎คำตอบคือมี ทั่วโลกเลย 287 00:18:36,083 --> 00:18:37,163 ‎(มหาสมุทรแปซิฟิก ‎อเมริกาเหนือ - อเมริกาใต้) 288 00:18:37,243 --> 00:18:38,163 ‎(มหาสมุทรแอตแลนติก ‎แอฟริกา - ยุโรป - เอเชีย) 289 00:18:38,243 --> 00:18:41,403 ‎ปัจจุบัน ชั้นดินสีดำถูกค้นพบทั่วอเมริกาเหนือ 290 00:18:41,483 --> 00:18:44,763 ‎ตั้งแต่แคลิฟอร์เนีย มิชิแกน ไปจนถึงนิวเจอร์ซีย์ 291 00:18:44,843 --> 00:18:49,083 ‎และตั้งแต่เบลเยียมในยุโรปเหนือ ‎จนถึงซีเรียในตะวันออกกลาง 292 00:18:49,163 --> 00:18:50,483 ‎(เบลเยียม - ซีเรีย ‎ทุ่งยังเกอร์ ดรายอัส) 293 00:18:50,563 --> 00:18:53,483 ‎นั่นเป็นพื้นที่ตกกระทบขนาดใหญ่มาก 294 00:18:53,563 --> 00:18:58,483 ‎ย้อนกลับไปในช่วงเวลาเดียวกัน ‎ราว 12,800 ปีก่อน 295 00:19:01,323 --> 00:19:04,683 ‎เราเริ่มรับรู้ว่านี่เป็นเหตุการณ์ที่ใหญ่มาก 296 00:19:04,763 --> 00:19:09,083 ‎เราเริ่มเห็นภาพรวมที่ชัดเจนขึ้นว่า ‎หายนะบางอย่างเกิดขึ้น 297 00:19:11,483 --> 00:19:16,363 ‎แต่ถ้าดาวหางพุ่งชนจริง จุดที่ชนอยู่ไหน 298 00:19:18,043 --> 00:19:20,203 ‎ผมคิดว่าเราเห็นคำตอบของคำถามนั้น… 299 00:19:22,923 --> 00:19:24,603 ‎บนดินแดนขรุขระ 300 00:19:26,883 --> 00:19:29,963 ‎ถ้าจุดกระทบแรก ‎ตอนเริ่มต้นของยังเกอร์ ดรายอัส 301 00:19:30,043 --> 00:19:31,803 ‎อยู่บนพืดน้ำแข็ง 302 00:19:31,883 --> 00:19:35,363 ‎เมื่อน้ำแข็งละลาย จะไม่มีแอ่งเหลือให้เห็น 303 00:19:37,083 --> 00:19:39,083 ‎มันส่งเสริมทฤษฎีของแรนดัลล์ว่า 304 00:19:39,163 --> 00:19:43,803 ‎หายนะอุทกภัยเฉียบพลัน ‎ที่เป็นสาเหตุของดินแดนขรุขระ 305 00:19:43,883 --> 00:19:48,243 ‎ไม่ได้มาจากทะเลสาบนั่น แต่มาจากพืดน้ำแข็ง 306 00:19:50,283 --> 00:19:54,563 ‎มันจะทำให้ประวัติศาสตร์ที่เรารู้มาถูกจารึกใหม่ 307 00:19:54,643 --> 00:19:55,483 ‎ใช่ 308 00:19:57,443 --> 00:20:00,723 ‎การตกกระทบเดียวไม่น่าก่อให้เกิด 309 00:20:00,803 --> 00:20:04,563 ‎พื้นที่ชั้นดินสีดำทั้งหมด ‎ตามที่ทีมวิจัยของอัลเลนระบุไว้ได้ 310 00:20:04,643 --> 00:20:06,363 ‎(ทุ่งยังเกอร์ ดรายอัส) 311 00:20:06,443 --> 00:20:09,003 ‎การค้นพบของพวกเขานำไปสู่แนวคิดน่าตื่นตะลึง 312 00:20:09,083 --> 00:20:13,523 ‎มันอาจไม่ใช่การตกกระทบเดียว ‎ที่ทิ้งร่องรอยทั้งหมดนี้ไว้รอบโลก 313 00:20:13,603 --> 00:20:14,843 ‎แต่หลายการตกกระทบ 314 00:20:14,923 --> 00:20:18,643 ‎พายุเศษซากจากจักรวาลอันรุนแรง ‎ที่โลกต้องเจอ 315 00:20:18,723 --> 00:20:21,843 ‎พวกเขาเรียกมันว่า ‎สมมติฐานการตกกระทบยังเกอร์ ดรายอัส 316 00:20:24,163 --> 00:20:26,923 ‎ผมไม่เชื่อว่าโลกถูกดาวหางพุ่งชนจริงๆ 317 00:20:27,003 --> 00:20:29,963 ‎แต่ถูกเศษซากหลายหมื่นชิ้นตกกระทบ 318 00:20:30,043 --> 00:20:32,963 ‎ประมาณ 12,800 ปีก่อน 319 00:20:33,043 --> 00:20:37,083 ‎โลกเดินทางผ่าน ‎เส้นทางเศษซากของดาวหางขนาดใหญ่ 320 00:20:43,603 --> 00:20:46,963 ‎มันน่าจะเหมือนระเบิดปรมาณูเป็นพันลูกระเบิด 321 00:20:48,243 --> 00:20:53,363 ‎ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ‎เหตุการณ์สะเทือนโลกอย่างแท้จริง 322 00:20:55,283 --> 00:21:00,203 ‎ซึ่งปล่อยไอน้ำและฝุ่นละอองจำนวนมาก ‎ขึ้นปกคลุมท้องฟ้า 323 00:21:00,963 --> 00:21:03,403 ‎ทำให้อุณหภูมิโลกตกลง 324 00:21:04,843 --> 00:21:07,963 ‎ลองนึกภาพว่าใช้ชีวิตในไมแอมี ‎และกำลังสนุกอยู่ที่ชายหาด 325 00:21:09,003 --> 00:21:12,123 ‎แล้วจู่ๆ สภาพอากาศเปลี่ยนไป ‎เป็นแองเคอราจ อลาสกา 326 00:21:13,323 --> 00:21:17,003 ‎- ชั่วข้ามคืนเลยจริงๆ ใช่ ‎- ครับ ในเวลาไม่กี่เดือน 327 00:21:21,043 --> 00:21:21,963 ‎(การมาของดาวหางทำให้เกิดการสูญพันธุ์) 328 00:21:22,043 --> 00:21:23,643 ‎เมื่ออัลเลนและเพื่อนร่วมงานของเขา 329 00:21:23,723 --> 00:21:26,443 ‎จากสิ่งที่ปัจจุบันเรียกว่ากลุ่มงานวิจัยดาวหาง 330 00:21:26,523 --> 00:21:27,883 ‎เผยแพร่ผลการวิจัยเป็นครั้งแรก 331 00:21:27,963 --> 00:21:31,443 ‎พวกเขาถูกหยามและเย้ยหยันตามคาด 332 00:21:31,523 --> 00:21:32,483 ‎(การโต้แย้งเรื่องยุคน้ำแข็งน้อย ‎ทำให้วงการธรณีวิทยาสั่นคลอน) 333 00:21:33,283 --> 00:21:36,723 ‎น่าเสียดายที่นักวิทยาศาสตร์ถูกสอน ‎ให้ชอบดูถูกเรื่องต่างๆ 334 00:21:36,803 --> 00:21:39,323 ‎การสงสัยเป็นเรื่องดี แต่การดูถูกไม่ใช่ 335 00:21:41,043 --> 00:21:43,603 ‎สิ่งที่กวนใจยิ่งกว่าเกี่ยวกับการค้นพบของพวกเขา 336 00:21:43,683 --> 00:21:47,003 ‎คือต้นทางของเศษซากดาวหาง 337 00:21:48,163 --> 00:21:50,003 ‎ฝนดาวตกทอริด 338 00:21:51,963 --> 00:21:55,763 ‎พื้นที่บนท้องฟ้าที่โลกเคลื่อนผ่านปีละสองครั้ง 339 00:21:55,843 --> 00:21:58,163 ‎ปลายเดือนมิถุนายนและตุลาคม 340 00:21:59,123 --> 00:22:02,243 ‎คาดว่ามีวัตถุประมาณ 200 ชิ้น 341 00:22:02,323 --> 00:22:04,163 ‎ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางอย่างน้อยหนึ่งกิโลเมตร 342 00:22:04,243 --> 00:22:06,603 ‎ว่ายเวียนอยู่ในเส้นทางดาวตกทอริด 343 00:22:11,963 --> 00:22:13,163 ‎หลักฐานที่นำเสนอ 344 00:22:13,243 --> 00:22:15,403 ‎โดยนักวิทยาศาสตร์ของกลุ่มงานวิจัยดาวหาง 345 00:22:15,483 --> 00:22:22,243 ‎สรุปทั้งหมดได้ว่าเป็นหายนะโลกครั้งใหญ่ ‎ราว 12,800 ปีก่อน 346 00:22:22,323 --> 00:22:25,763 ‎การล้างโลกที่ใหญ่พอทำลายร่องรอยเกือบทั้งหมด 347 00:22:25,843 --> 00:22:28,443 ‎ของอารยธรรมล้ำหน้าในยุคน้ำแข็ง 348 00:22:28,523 --> 00:22:30,563 ‎และไขปริศนาทั้งหมด 349 00:22:30,643 --> 00:22:33,843 ‎ที่ผมค้นหาตลอด 30 ปีที่ผ่านมา 350 00:22:36,283 --> 00:22:40,283 ‎มันอาจเป็นเหตุผลว่า ‎ทำไมอารยธรรมโบราณที่เกิดขึ้นภายหลัง 351 00:22:40,363 --> 00:22:44,403 ‎จึงเกี่ยวพันทางวิทยาศาสตร์กับท้องฟ้า 352 00:22:45,403 --> 00:22:48,123 ‎ที่นี่คือบริเวณที่เราต้องใส่ใจ 353 00:22:48,203 --> 00:22:50,483 ‎เพราะมีบางสิ่งที่อันตรายบนนั้น 354 00:22:50,563 --> 00:22:52,363 ‎และมันอาจล่มอารยธรรมได้ 355 00:22:55,843 --> 00:22:58,843 ‎ที่โกเบคลี เทเปในตุรกี เราได้เห็นแล้วว่า 356 00:22:58,923 --> 00:23:03,883 ‎คนโบราณบันทึกเหตุการณ์ล้างโลกนี้ไว้ในหิน 357 00:23:03,963 --> 00:23:08,563 ‎โดยการแกะภาพกลุ่มดาวบนท้องฟ้า ‎ในเวลานั้นบนเสาต้นที่ 43 358 00:23:09,763 --> 00:23:12,723 ‎แต่เสาอาจมีข้อความเป็นรหัสอื่นอีก 359 00:23:13,443 --> 00:23:16,123 ‎ซึ่งดร.มาร์ติน สเวตแมนอยากให้ผมเห็น 360 00:23:16,203 --> 00:23:19,043 ‎สิ่งที่เขาเชื่อว่าเป็นบันทึก 361 00:23:19,123 --> 00:23:23,563 ‎ของช่วงเวลาและต้นทางที่ฝนดาวตกเกิดขึ้น 362 00:23:25,883 --> 00:23:28,283 ‎สิ่งที่เราเห็นตรงนี้คืองู… 363 00:23:28,363 --> 00:23:29,483 ‎(ดร.มาร์ติน สเวตแมน ‎มหาวิทยาลัยเอดินบะระ) 364 00:23:29,563 --> 00:23:32,523 ‎ที่เลื้อยออกมาจากร่างและขาของหมาจิ้งจอก 365 00:23:33,483 --> 00:23:35,923 ‎ถ้าเราดูอีกด้านของเสา 366 00:23:36,003 --> 00:23:39,763 ‎เราเห็นงูเลื้อยออกมาจากนกเหล่านี้อีกแล้ว 367 00:23:40,483 --> 00:23:45,483 ‎วัฒนธรรมโบราณเห็นดาวหางเป็นงูบนท้องฟ้า 368 00:23:45,563 --> 00:23:48,123 ‎ไม่มีใครเถียงเรื่องนี้ 369 00:23:48,203 --> 00:23:52,203 ‎เราตีความได้ว่าดาวตกพุ่งออกมา ‎จากกลุ่มดาวเฉพาะกลุ่ม… 370 00:23:52,283 --> 00:23:53,123 ‎ครับ 371 00:23:53,203 --> 00:23:55,883 ‎นกตัวสูงก้มตัวอยู่น่าจะแทนกลุ่มดาวปลาคู่ 372 00:23:55,963 --> 00:23:56,803 ‎ครับ 373 00:23:56,883 --> 00:23:59,643 ‎และตรงนี้มีกลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ 374 00:23:59,723 --> 00:24:01,883 ‎เราคิดว่ามันแทนด้วยหมาจิ้งจอก 375 00:24:01,963 --> 00:24:04,323 ‎ตอนที่โกเบคลี เทเปถูกสร้างขึ้น 376 00:24:04,403 --> 00:24:09,523 ‎ฝนดาวตกทอริดพุ่งออกมาจากกลุ่มดาวเหล่านี้ 377 00:24:10,323 --> 00:24:11,443 ‎พวกเขากำลังบอกว่า 378 00:24:11,523 --> 00:24:15,163 ‎ฝนดาวตกทอริดพุ่งออกมา ‎จากกลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ 379 00:24:15,243 --> 00:24:17,483 ‎แล้วก็จากกลุ่มดาวปลาคู่ 380 00:24:17,563 --> 00:24:20,443 ‎และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในไม่กี่สัปดาห์ 381 00:24:21,363 --> 00:24:25,403 ‎บันทึกเรื่องพายุเศษซากดาวหาง ‎ที่ตกลงมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ 382 00:24:27,643 --> 00:24:31,283 ‎มันเป็นช่วงเวลาที่ตรงกับหลักฐานของหายนะโลก 383 00:24:31,363 --> 00:24:33,883 ‎ที่เกิดขึ้น 12,800 ปีก่อน 384 00:24:34,523 --> 00:24:39,043 ‎รวมไปถึงอุทกภัยรุนแรง ‎ที่ทำให้แผ่นดินแยกในดินแดนขรุขระที่วอชิงตัน 385 00:24:40,923 --> 00:24:43,923 ‎และอาจมีอะไรมากกว่านั้น 386 00:24:44,003 --> 00:24:47,683 ‎ในภาพพระอาทิตย์และกลุ่มดาวบนเสาต้นที่ 43 387 00:24:49,003 --> 00:24:51,283 ‎มันเกิดขึ้นในวันอายัน 388 00:24:51,363 --> 00:24:56,003 ‎เพียงสองครั้งในรอบไม่ถึง 26,000 ปี 389 00:24:56,083 --> 00:24:58,643 ‎การเกิดแต่ละครั้งยาวนานเกือบหนึ่งศตวรรษ 390 00:25:00,523 --> 00:25:01,723 ‎ผมรู้สึกว่ามันน่าขนลุก… 391 00:25:01,803 --> 00:25:02,963 ‎(โกเบคลี เทเป ‎วิหารที่บ่งบอกถึงธรณีวิทยาทางอวกาศโบราณ) 392 00:25:03,043 --> 00:25:05,283 ‎เมื่อพอล เบอร์ลีย์นักดาราศาสตร์โบราณ ‎บอกไว้แต่แรกว่า 393 00:25:05,363 --> 00:25:08,043 ‎ภาพเดียวกันนั้น 394 00:25:08,123 --> 00:25:10,683 ‎ที่เกิดขึ้นในวันครีษมายันราว 12,800 ปีก่อน… 395 00:25:10,763 --> 00:25:11,723 ‎(ผู้สร้างโกเบคลี เทเปก่อสร้างวิหาร) 396 00:25:11,803 --> 00:25:13,043 ‎(ที่บ่งบอกช่วงเวลา 11,600 ปีล่วงหน้า) 397 00:25:13,123 --> 00:25:13,963 ‎(กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน) 398 00:25:14,043 --> 00:25:18,003 ‎กลับมาให้เห็นบนท้องฟ้าในวันเหมายันในปัจจุบัน 399 00:25:20,523 --> 00:25:23,483 ‎เป็นไปได้มั้ยว่าภาพบนเสาต้นที่ 43 ‎อาจเป็นข้อความ 400 00:25:23,563 --> 00:25:27,803 ‎ที่นักดาราศาสตร์ระดับอาจารย์ ‎ในอารยธรรมที่หายไปตั้งใจทิ้งไว้ 401 00:25:29,803 --> 00:25:33,723 ‎เป็นคำเตือนในอนาคต สำหรับเรา 402 00:25:34,483 --> 00:25:36,963 ‎ว่าสิ่งที่ผ่านไปแล้วจะกลับมาอีกใช่หรือไม่ 403 00:25:38,723 --> 00:25:43,643 ‎เมื่อพระอาทิตย์กับดวงดาว ‎เข้าสู่ตำแหน่งอายันอีกครั้ง 404 00:25:43,723 --> 00:25:47,283 ‎การล้างโลกโดยงูบนท้องฟ้า ‎อาจกลับมาอีกครั้งหรือไม่ 405 00:25:51,483 --> 00:25:52,803 ‎ดังนั้นระวังตัวไว้ 406 00:25:54,523 --> 00:25:57,443 ‎ความเชื่อนี้ควรทำให้เราฉุกคิด 407 00:25:58,723 --> 00:26:01,283 ‎ผมไม่อยากเป็นคนแจ้งข่าวร้าย 408 00:26:01,363 --> 00:26:04,243 ‎แต่เราตกอยู่ในอันตราย ‎จากฝนดาวตกทอริดอยู่หรือเปล่า 409 00:26:04,323 --> 00:26:06,283 ‎มันเป็นอันตรายต่อบรรพบุรุษของเรา 410 00:26:06,363 --> 00:26:09,043 ‎มันทำให้เกิดหายนะโลกเมื่อ 12,800 ปีก่อน 411 00:26:09,123 --> 00:26:10,243 ‎มันเกิดขึ้นอีกได้หรือไม่ 412 00:26:10,323 --> 00:26:11,923 ‎เราตกอยู่ในอันตรายแน่นอน 413 00:26:13,123 --> 00:26:16,363 ‎ที่จริง การคำนวณของนักดาราศาสตร์ 414 00:26:16,443 --> 00:26:19,043 ‎คือเราอยู่ในช่วงอันตรายแล้ว 415 00:26:19,123 --> 00:26:23,803 ‎ช่วงที่ส่วนที่หนาที่สุดของทอริด ‎อาจตกกระทบโลกได้ 416 00:26:26,443 --> 00:26:30,883 ‎นักวิทยาศาสตร์ยอมรับสมมติฐานการตกกระทบ ‎ยังเกอร์ ดรายอัสมากขึ้นเรื่อยๆ… 417 00:26:35,323 --> 00:26:40,163 ‎และความสนใจที่เพิ่มมากขึ้นนี้ ‎ไม่ได้จำกัดอยู่แค่นักวิทยาศาสตร์ 418 00:26:44,123 --> 00:26:44,963 ‎(โจ โรแกน ‎นักจัดรายการพอดแคสต์) 419 00:26:45,043 --> 00:26:48,123 ‎ถ้ามีอะไรตกกระทบโลก ‎ราว 12,000 ปีก่อน 420 00:26:48,203 --> 00:26:51,083 ‎แล้วทำให้ต้องเริ่มอารยธรรมใหม่ ‎มันเป็นทฤษฎีที่น่าสนใจ 421 00:26:51,163 --> 00:26:54,003 ‎แต่ผมคิดว่ามันเป็นทฤษฎีที่คุ้มกับการพูดถึง 422 00:26:54,803 --> 00:27:00,083 ‎ผมแค่รู้สึกว่ามีอารมณ์ ‎ที่ผูกติดกับทฤษฎีของคุณเยอะมาก 423 00:27:00,163 --> 00:27:02,843 ‎และมีอารมณ์ที่ผูกติดกับการต่อต้านมากเช่นกัน 424 00:27:02,923 --> 00:27:06,563 ‎โบราณคดีทั่วไปมองข้ามเรื่องแบบนี้ได้ยังไง 425 00:27:06,643 --> 00:27:08,763 ‎เหตุผลทั่วไปในการโต้แย้งคืออะไร 426 00:27:09,403 --> 00:27:12,603 ‎เหตุผลทั่วไปคือ ‎"เราเป็นนักโบราณคดีและเรารู้ดีที่สุด" 427 00:27:12,683 --> 00:27:15,443 ‎มันเป็นการโต้แย้งจากทางการ ‎"คุณต้องยอมรับการคำนวณอายุของเรา 428 00:27:15,523 --> 00:27:18,243 ‎เราสำรวจมาแล้ว ผลเป็นแบบนี้แหละ" 429 00:27:18,323 --> 00:27:24,083 ‎มันแปลกมากที่คนยอมรับและพูดถึงแค่ด้านเดียว 430 00:27:24,163 --> 00:27:27,323 ‎ด้านที่ว่าพวกเขาสรุปมานานแล้ว… 431 00:27:27,403 --> 00:27:28,243 ‎ใช่ 432 00:27:28,323 --> 00:27:29,803 ‎และไม่ยอมให้โต้แย้งเด็ดขาด 433 00:27:30,603 --> 00:27:33,243 ‎เหตุผลส่วนหนึ่งคือมันทำลายความเชื่อที่ว่า 434 00:27:33,323 --> 00:27:36,923 ‎เราเป็นที่สุดและจุดสูงสุด ‎ของเรื่องราวมนุษย์ทั้งหมด 435 00:27:37,003 --> 00:27:40,203 ‎ความเชื่อเรื่องอารยธรรมที่หายไปในอดีต 436 00:27:40,283 --> 00:27:42,123 ‎อาจตั้งคำถามที่ไม่ค่อยสบายใจว่า 437 00:27:42,203 --> 00:27:44,443 ‎เราอาจเป็นอารยธรรมที่หายไป ‎ของอนาคตด้วยก็ได้ 438 00:27:48,923 --> 00:27:53,443 ‎ถ้าเรากำลังจะเผชิญหน้ากับหายนะโลกครั้งใหญ่ 439 00:27:53,523 --> 00:27:55,243 ‎อย่างที่เคยเกิดขึ้น 440 00:27:55,323 --> 00:27:58,083 ‎ที่เรารู้แล้วว่าเกิดขึ้นช่วงสิ้นยุคน้ำแข็งสุดท้าย 441 00:27:58,163 --> 00:28:02,163 ‎ผมคิดว่าอารยธรรมของเราไม่น่าจะรอดไปได้ 442 00:28:05,923 --> 00:28:11,083 ‎มันไม่ยากที่จะจินตนาการว่า ‎อารยธรรมล้ำหน้าก่อนหน้านี้ 443 00:28:11,163 --> 00:28:12,563 ‎อาจถูกทำลายราบคาบ 444 00:28:13,083 --> 00:28:15,003 ‎ถูกลบจากความทรงจำ 445 00:28:15,083 --> 00:28:18,603 ‎ในการล้างโลกโบราณเมื่อ 12,800 ปีก่อน 446 00:28:22,163 --> 00:28:25,603 ‎หลังการตกกระทบจากจักรวาลบนพืดน้ำแข็ง 447 00:28:25,683 --> 00:28:30,203 ‎น้ำทะเลเพิ่มระดับแล้วกลืนกินพื้นที่ต่ำริมทะเล 448 00:28:30,283 --> 00:28:33,243 ‎ซึ่งเคยเป็นดินแดนของวัฒนธรรมล้ำหน้ามาก่อน 449 00:28:34,363 --> 00:28:35,403 ‎(ซุนดาแลนด์) 450 00:28:35,483 --> 00:28:37,363 ‎สถานที่เช่นซุนดาแลนด์… 451 00:28:37,443 --> 00:28:38,683 ‎(อ่าวเบงกอล - มหาสมุทรอินเดีย) 452 00:28:38,763 --> 00:28:39,603 ‎(ซิซิลี - มอลตา) 453 00:28:39,683 --> 00:28:42,163 ‎แหลมมอลตา หรือแกรนด์บาฮามาแบงก์ 454 00:28:42,243 --> 00:28:43,643 ‎(ถนนบิมินิ เกาะบาฮามา) 455 00:28:45,003 --> 00:28:45,923 ‎บางทีในอินโดนีเซีย… 456 00:28:46,003 --> 00:28:46,843 ‎(กูนุงปาดัง อินโดนีเซีย) 457 00:28:46,923 --> 00:28:49,683 ‎ผู้รอดชีวิตเดินทางขึ้นเนินเขา 458 00:28:49,763 --> 00:28:53,803 ‎แล้วทิ้งร่องรอยสถาปัตยกรรมล้ำสมัยน่าค้นหาไว้ 459 00:28:55,083 --> 00:28:57,243 ‎ผู้รอดชีวิตบางคนในตุรกี… 460 00:28:57,323 --> 00:28:58,163 ‎(เดอรินกูยู ตุรกี) 461 00:28:58,243 --> 00:29:00,803 ‎อาจตัดสินใจเจาะลงไปใต้ดินเพื่อซ่อนตัว 462 00:29:00,883 --> 00:29:02,723 ‎เผื่อจะมีดาวตกลงมาอีก 463 00:29:03,883 --> 00:29:05,643 ‎ในเมดิเตอร์เรเนียน บนมอลตา… 464 00:29:05,723 --> 00:29:06,563 ‎(จกันติจา มอลตา) 465 00:29:06,643 --> 00:29:08,283 ‎ผู้รอดชีวิตอาจสร้างวิหาร 466 00:29:08,363 --> 00:29:11,563 ‎ให้หันไปทางดาวดวงใหม่ ‎ที่สว่างที่สุดบนท้องฟ้ายามค่ำคืน… 467 00:29:11,643 --> 00:29:12,483 ‎(มอลตา) 468 00:29:12,563 --> 00:29:15,603 ‎ด้วยเกรงว่าดาวหางดวงต่อไปอาจตกได้ 469 00:29:16,923 --> 00:29:18,123 ‎พวกเขาเดินทางข้ามทะเล… 470 00:29:18,203 --> 00:29:19,043 ‎(บิมินิ บาฮามาส) 471 00:29:19,123 --> 00:29:21,803 ‎และถ่ายทอดความรู้ทางภูมิศาสตร์ให้ผู้อื่น 472 00:29:23,483 --> 00:29:26,523 ‎ลักษณะของพวกเขาถูกบันทึกไว้ในประเพณีโบราณ 473 00:29:26,603 --> 00:29:28,963 ‎และแม้แต่แกะสลักไว้ในหิน 474 00:29:29,963 --> 00:29:30,843 ‎(เนินพญานาค อเมริกา) 475 00:29:30,923 --> 00:29:35,203 ‎พวกเขาสอนให้วัฒนธรรมที่ล้ำหน้าน้อยกว่า ‎รำลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น 476 00:29:35,283 --> 00:29:36,563 ‎ด้วยอนุสรณ์สถานขนาดใหญ่ 477 00:29:36,643 --> 00:29:39,963 ‎ที่ใช้ทั้งการหันทิศทางตามช่วงเวลาเฉพาะ 478 00:29:41,883 --> 00:29:45,483 ‎และอนุสรณ์สถานหินที่บันทึกวันที่เหล่านั้น ‎แล้วฝังไว้เป็นแคปซูลเวลา 479 00:29:45,563 --> 00:29:46,483 ‎(โกเบคลี เทเป ตุรกี) 480 00:29:52,323 --> 00:29:58,043 ‎คนโบราณเหล่านี้ช่วยสร้างมนุษยชาติขึ้นมาอีกครั้ง ‎ในพื้นที่ประสบภัยและเสียหาย 481 00:30:01,923 --> 00:30:04,643 ‎ในการเดินทางและผจญภัยของผม ‎ที่ผ่านมาหลายทศวรรษ 482 00:30:04,723 --> 00:30:09,163 ‎ผมเรียนรู้ที่จะเคารพความฉลาด ‎และความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของคนโบราณ 483 00:30:09,243 --> 00:30:10,443 ‎(ห้อง) 484 00:30:10,523 --> 00:30:12,643 ‎พวกเขาเข้าใจภัยคุกคามจากท้องฟ้า 485 00:30:12,723 --> 00:30:16,403 ‎และใส่ใจกับจักรวาลอย่างใกล้ชิด 486 00:30:16,483 --> 00:30:20,043 ‎และปฏิสัมพันธ์อันตรายของมันเป็นบางครั้ง ‎กับโลกเบื้องล่าง 487 00:30:21,763 --> 00:30:24,323 ‎ตำนานของมันและอนุสรณ์สถานของมัน 488 00:30:24,403 --> 00:30:27,683 ‎ถูกวางทิศทางไว้อย่างดี ‎เข้าหาดวงดาวและพระอาทิตย์ 489 00:30:27,763 --> 00:30:29,523 ‎เป็นหลักฐานของความมุ่งมั่นนี้ 490 00:30:30,723 --> 00:30:33,883 ‎และรำลึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายตอนสิ้นยุคน้ำแข็ง 491 00:30:33,963 --> 00:30:38,843 ‎ซึ่งเปลี่ยนเรื่องราวของมนุษย์ไปตลอดกาล ‎และให้กำเนิดโลกสมัยใหม่ 492 00:30:42,083 --> 00:30:47,963 ‎บางทีอารยธรรมล้ำหน้าของเราเอง ‎ควรฟังคำเตือนของพวกเขา 493 00:30:48,843 --> 00:30:52,523 ‎และระวังว่าเรื่องราวของเรา ‎อาจจบในแบบเดียวกัน 494 00:31:21,643 --> 00:31:26,643 ‎คำบรรยายโดย พรทินา ตั้งสัจจะวิฑูรย์