1 00:00:23,043 --> 00:00:26,363 ‎(อุทยานแห่งชาติลูอังโก ประเทศกาบอง) 2 00:00:29,563 --> 00:00:31,363 ‎อรุณเบิกฟ้าในป่า 3 00:00:32,563 --> 00:00:35,163 ‎และสำหรับลิงชิมแปนซีฝูงนี้ 4 00:00:35,243 --> 00:00:37,083 ‎ได้เวลาลุกจากเตียง 5 00:00:37,163 --> 00:00:39,443 ‎และเริ่มต้นวันใหม่แล้ว 6 00:00:46,003 --> 00:00:49,763 ‎แต่เมื่อเรานอนในรังที่อยู่สูงจากพื้น 40 เมตร 7 00:00:51,123 --> 00:00:53,363 ‎มันก็อาจลำบากเล็กน้อย 8 00:01:12,923 --> 00:01:17,163 ‎กิจวัตรยามเช้านี้ได้ดำเนินมาอย่างราบรื่น 9 00:01:18,603 --> 00:01:20,563 ‎ต่อเนื่องยาวนานหลายชั่วรุ่นแล้ว 10 00:01:25,723 --> 00:01:30,283 ‎จังหวะที่ขับเคลื่อนโดย ‎หนึ่งในคุณสมบัติที่ลึกลับที่สุดในจักรวาลของเรา 11 00:01:38,203 --> 00:01:39,043 ‎เวลา 12 00:01:41,963 --> 00:01:46,843 ‎และเวลาก็มีบทบาทสำคัญเป็นพิเศษ ‎สำหรับลิงชิมแปนซีตัวเมียตัวหนึ่ง 13 00:01:49,363 --> 00:01:51,163 ‎เซเลสต์อายุ 30 กลางๆ 14 00:01:52,763 --> 00:01:55,403 ‎และในตัวมันมีนาฬิกาที่กำลังเดินอยู่ 15 00:01:59,883 --> 00:02:04,163 ‎นาฬิกาที่ถูกตั้งไว้เมื่อ 13,800 ล้านปีมาแล้ว 16 00:02:14,763 --> 00:02:17,043 ‎จากปรากฏการณ์บิ๊กแบงได้ถือกำเนิดอะตอม 17 00:02:20,083 --> 00:02:21,043 ‎และพลังงาน 18 00:02:22,483 --> 00:02:26,163 ‎ซึ่งเดินทางข้ามห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่ไพศาล 19 00:02:31,323 --> 00:02:33,243 ‎และวัตถุดิบเหล่านี้ 20 00:02:34,083 --> 00:02:35,763 ‎ตอนนี้กำลังรวมตัวกัน… 21 00:02:38,563 --> 00:02:40,763 ‎เพื่อสร้างชีวิตใหม่ 22 00:02:44,643 --> 00:02:49,003 ‎ในครรภ์ของเซเลสต์ ‎ลิงชิมแปนซีตัวจิ๋วกำลังเติบโต 23 00:02:53,003 --> 00:02:57,363 ‎ต้องรออีก 150 วันกว่าลิงน้อยตัวนี้จะลืมตาดูโลก 24 00:03:00,003 --> 00:03:01,483 ‎นั่นคือเวลาที่ต้องใช้ 25 00:03:04,363 --> 00:03:06,163 ‎และหากไร้ซึ่งกาลเวลา 26 00:03:06,243 --> 00:03:09,723 ‎ก็จะไม่มีอะไรถือกำเนิดขึ้นในจักรวาลของเรา 27 00:03:12,763 --> 00:03:14,963 ‎ตั้งแต่ลิงชิมแปนซีอายุน้อยที่สุด… 28 00:03:16,963 --> 00:03:18,923 ‎ไปจนถึงหลุมดำที่เก่าแก่ที่สุด 29 00:03:23,723 --> 00:03:27,323 ‎แต่กาลเวลาเริ่มขึ้นได้อย่างไรตั้งแต่แรก 30 00:03:29,283 --> 00:03:32,523 ‎ทุกสิ่งทุกอย่างรับรู้เวลาเหมือนกันหรือเปล่า 31 00:03:35,043 --> 00:03:38,643 ‎แล้วนาฬิกาของจักรวาลเรา ‎จะมีวันหยุดเดินหรือไม่ 32 00:04:02,563 --> 00:04:07,043 ‎(นาฬิกาจักรวาล) 33 00:04:09,483 --> 00:04:13,243 ‎ชิมแปนซีก็เริ่มต้นวันใหม่คล้ายๆ กับเรานั่นแหละ 34 00:04:16,323 --> 00:04:17,243 ‎อาหารเช้า 35 00:04:23,723 --> 00:04:25,323 ‎อาหารมื้อสำคัญ 36 00:04:26,203 --> 00:04:27,643 ‎เมื่อต้องกินให้สองชีวิต 37 00:04:35,843 --> 00:04:39,043 ‎เซเลสต์เป็นแม่ที่มีประสบการณ์อยู่แล้ว 38 00:04:42,163 --> 00:04:46,803 ‎อพอลโล่ ลูกตัวแรกของมันเป็นตัวผู้จ่าฝูง 39 00:04:48,843 --> 00:04:52,003 ‎และในยามเช้ามันอาจอืดอาดยืดยาดนิดหน่อย 40 00:04:59,163 --> 00:05:01,883 ‎ชิมแปนซีแต่ละตัวอายุไม่เท่ากัน 41 00:05:04,683 --> 00:05:07,003 ‎แต่ละตัวมีบุคลิกเฉพาะตน 42 00:05:09,763 --> 00:05:13,163 ‎แต่ทุกตัวล้วนต้องมีกิจวัตร 43 00:05:17,563 --> 00:05:22,163 ‎ชีวิตของมันถูกควบคุมด้วยเวลาที่ดำเนินไป 44 00:05:24,563 --> 00:05:25,883 ‎ซึ่งเรามองไม่เห็น 45 00:05:28,083 --> 00:05:29,083 ‎และไม่ได้ยิน 46 00:05:30,803 --> 00:05:33,443 ‎เราไม่สามารถไปกำหนดมันได้แต่อย่างใด 47 00:05:34,283 --> 00:05:39,523 ‎แต่ทว่าทุกจังหวะการเต้นหัวใจ ‎ทุกทางเลือกและการกระทำ 48 00:05:39,603 --> 00:05:45,843 ‎และทุกการนิ่งเฉย ‎ล้วนเป็นผลจากกาลเวลาที่ไหลไปเรื่อยๆ 49 00:05:47,203 --> 00:05:50,443 ‎มันอาจผ่านไปไว หรือเชื่องช้า 50 00:05:51,523 --> 00:05:54,083 ‎แต่เวลาจะเดินไปข้างหน้าไม่หยุด 51 00:05:55,363 --> 00:05:57,683 ‎ดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ถือกำเนิด 52 00:05:58,483 --> 00:05:59,563 ‎แก่ตัวลง 53 00:06:00,363 --> 00:06:01,403 ‎และดับสูญ 54 00:06:02,483 --> 00:06:05,443 ‎เมื่อดวงหนึ่งตาย ดวงใหม่ก็ถือกำเนิดขึ้นมา 55 00:06:05,523 --> 00:06:07,763 ‎และบางครั้งในกรณีที่หาได้ยาก 56 00:06:07,843 --> 00:06:11,643 ‎วัตถุลึกลับที่สุดในจักรวาลจะบังเกิด 57 00:06:13,163 --> 00:06:14,363 ‎หลุมดำ 58 00:06:22,083 --> 00:06:25,123 ‎เวลาคือผู้ควบคุมจักรวาล 59 00:06:27,643 --> 00:06:30,563 ‎ไม่มีอะไรหนีเงื้อมมือมันได้ 60 00:06:44,723 --> 00:06:49,563 ‎ถึงแม้เราจะมีเครื่องมือที่ติดตามและวัดเวลาได้ 61 00:06:54,963 --> 00:06:55,843 ‎แต่ชิมแปนซีไม่มี 62 00:07:04,323 --> 00:07:08,043 ‎เซเลสต์และครอบครัวมัน ‎ใช้ดวงอาทิตย์ในการดูเวลา 63 00:07:11,843 --> 00:07:15,003 ‎ซึ่งทะยานข้ามท้องฟ้า 64 00:07:19,163 --> 00:07:20,083 ‎ขณะที่มันเคลื่อนไป 65 00:07:23,243 --> 00:07:24,123 ‎ชิมแปนซีก็เคลื่อนตัว 66 00:07:32,003 --> 00:07:35,243 ‎น้อยครั้งที่ชิมแปนซีจะนอนรังเดิมซ้ำสอง 67 00:07:36,003 --> 00:07:39,323 ‎ทุกเช้ามันจะออกหาผลไม้สดใหม่ 68 00:07:41,683 --> 00:07:45,323 ‎เดินจากพื้นที่หนึ่งในอาณาเขตไปยังอีกพื้นที่ 69 00:07:49,163 --> 00:07:52,563 ‎แต่ตอนนี้ ผลไม้ที่สุกที่สุด… 70 00:07:54,883 --> 00:07:57,923 ‎อยู่ข้ามทุ่งหญ้านี้ไป 71 00:08:02,523 --> 00:08:06,283 ‎อพอลโล่กับลิงตัวที่แข็งแรงที่สุดในฝูงนำไปก่อน 72 00:08:07,203 --> 00:08:09,523 ‎เพื่อดูว่าปลอดภัยให้ตัวอื่นข้ามไปไหม 73 00:08:12,323 --> 00:08:13,483 ‎ในที่โล่ง 74 00:08:13,563 --> 00:08:17,283 ‎มันอ่อนแอ ตกเป็นเป้าให้นักล่า ชิมแปนซีฝูงอริ 75 00:08:18,203 --> 00:08:20,043 ‎และโดนแดดใกล้เที่ยงวันแผดเผา 76 00:08:24,203 --> 00:08:25,603 ‎มันต้องรีบแล้ว 77 00:08:26,883 --> 00:08:28,883 ‎เวลาไม่คอยท่า 78 00:08:33,763 --> 00:08:36,963 ‎ดวงอาทิตย์ที่เคลื่อนตัวข้ามท้องฟ้า 79 00:08:37,043 --> 00:08:39,843 ‎เป็นหน่วยเวลาพื้นฐานของชิมแปนซี 80 00:08:43,723 --> 00:08:47,683 ‎ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้น ‎ตกดิน และกลับขึ้นมาอีกครั้ง 81 00:08:49,563 --> 00:08:51,163 ‎วันที่ยาวนาน 24 ชั่วโมง 82 00:08:54,243 --> 00:08:57,643 ‎แต่แท้จริงแล้วหนึ่งวันไม่ใช่หน่วยวัดของเวลาเลย 83 00:08:59,203 --> 00:09:02,243 ‎มันใช้วัดการเคลื่อนไหว 84 00:09:08,683 --> 00:09:11,523 ‎ขณะที่โลกของเราหมุนรอบแกนตัวเอง 85 00:09:11,603 --> 00:09:18,483 ‎ป่าจะเคลื่อนตัวไปในอวกาศ ‎ด้วยความเร็ว 1,600 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 86 00:09:20,403 --> 00:09:25,683 ‎โลกต้องใช้เวลา 24 ชั่วโมงในการหมุนหนึ่งรอบ 87 00:09:28,323 --> 00:09:32,123 ‎ทำให้ชิมแปนซีมีเวลาเคลื่อนไหว 24 ชั่วโมง 88 00:09:33,163 --> 00:09:36,923 ‎กลางแดด 12 ชั่วโมง ‎และในความมืดอีก 12 ชั่วโมง 89 00:09:38,603 --> 00:09:41,723 ‎ครั้งแล้วครั้งเล่า 90 00:09:46,843 --> 00:09:52,203 ‎การหมุนอย่างสม่ำเสมอนี้เอง ‎ที่เป็นตัวตั้งนาฬิกาหลักของโลก 91 00:09:55,083 --> 00:09:58,243 ‎และมันคือเครื่องจับเวลาที่ไว้ใจได้ของชิมแปนซี 92 00:10:02,523 --> 00:10:05,323 ‎แต่วัฏจักรสำคัญที่เราไม่เห็นคุณค่านี้… 93 00:10:07,363 --> 00:10:08,963 ‎ไม่ใช่สิ่งสากลทั่วจักรวาล 94 00:10:15,883 --> 00:10:18,523 ‎ทันทีที่ออกจากดาวบ้านเกิดของเรา 95 00:10:20,323 --> 00:10:23,123 ‎หนึ่งวันก็ไม่ได้มี 24 ชั่วโมงอีกต่อไป 96 00:10:28,003 --> 00:10:29,883 ‎ดาวที่บินใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด… 97 00:10:32,123 --> 00:10:33,563 ‎ก็คือดาวพุธ 98 00:10:33,643 --> 00:10:35,123 ‎(ดาวพุธ) 99 00:10:35,203 --> 00:10:39,043 ‎เทียบกับเราแล้ว มันหมุนช้าเหมือนหอยทาก 100 00:10:41,043 --> 00:10:44,243 ‎(หนึ่งวันมี 1408 ชั่วโมง) 101 00:10:44,563 --> 00:10:49,803 ‎ดาวศุกร์ เพื่อนบ้านเราหมุนช้ากว่านั้นอีก 102 00:10:51,443 --> 00:10:54,243 ‎มันใช้เวลาหมุนรอบแกน 103 00:10:55,563 --> 00:10:58,123 ‎นานกว่าโคจรรอบดวงอาทิตย์เสียอีก 104 00:11:00,963 --> 00:11:06,083 ‎ทำให้หนึ่งวันบนดาวศุกร์ยาวนานกว่าหนึ่งปีของมัน 105 00:11:09,723 --> 00:11:12,883 ‎ดาวเคราะห์แต่ละดวง ‎มีระยะเวลาหนึ่งวันที่แตกต่างกันไป 106 00:11:15,923 --> 00:11:19,603 ‎(ดาวอังคาร หนึ่งวันมี 25 ชั่วโมง) 107 00:11:21,563 --> 00:11:25,723 ‎(ดาวเสาร์ หนึ่งวันมี 11 ชั่วโมง) 108 00:11:27,203 --> 00:11:30,643 ‎(ดาวเนปจูน หนึ่งวันมี 17 ชั่วโมง) 109 00:11:32,363 --> 00:11:36,083 ‎รวมถึงดาวเคราะห์ ‎ที่อยู่ไกลจากระบบสุริยะของเรา 110 00:11:40,403 --> 00:11:42,483 ‎ห่างออกไป 63 ปีแสง 111 00:11:43,563 --> 00:11:45,363 ‎ดาวที่โคจรรอบดาวฤกษ์อ่อนวัย 112 00:11:46,403 --> 00:11:48,683 ‎คือเบตา พิคทอริส บี 113 00:11:52,563 --> 00:11:55,523 ‎มันหมุนเร็วมาก 114 00:11:58,763 --> 00:12:01,043 ‎จนป่องออกมาด้านข้าง 115 00:12:04,643 --> 00:12:08,203 ‎มันเป็นดาวที่หมุนเร็วที่สุดที่เรารู้จัก 116 00:12:10,243 --> 00:12:13,163 ‎ที่นี่ หนึ่งวันมีเพียงแปดชั่วโมงเท่านั้น 117 00:12:13,243 --> 00:12:17,203 ‎(หนึ่งวันมี 8 ชั่วโมง) 118 00:12:18,523 --> 00:12:23,163 ‎ดาวเคราะห์ทุกดวงในจักรวาลของเรา ‎หมุนด้วยความเร็วเฉพาะตัว 119 00:12:26,403 --> 00:12:27,803 ‎ดาวนับพันล้านดวง 120 00:12:28,923 --> 00:12:30,643 ‎แต่ละดวงมีนาฬิกาของตัวเอง 121 00:12:31,803 --> 00:12:33,923 ‎ที่เดินตามจังหวะที่แตกต่างกันไป 122 00:12:35,403 --> 00:12:41,083 ‎แต่ทุกเรือนล้วนเดินไปข้างหน้า ‎ตามเวลาจักรวาลอันเป็นสากล 123 00:12:58,603 --> 00:12:59,683 ‎กลับมาที่โลก 124 00:13:00,683 --> 00:13:03,403 ‎ตอนนี้ดวงอาทิตย์เกือบตรงหัวพอดี 125 00:13:05,123 --> 00:13:07,803 ‎ชิมแปนซีจึงรู้ว่าเป็นเวลาอะไร 126 00:13:17,203 --> 00:13:18,403 ‎นี่เป็นเวลากินมื้อเที่ยง 127 00:13:31,203 --> 00:13:35,963 ‎และพวกมันกะเวลา ‎ข้ามทุ่งหญ้าสะวันนาได้เหมาะเจาะทีเดียว 128 00:13:42,723 --> 00:13:44,643 ‎เจอรางวัลใหญ่แล้ว 129 00:13:51,803 --> 00:13:54,963 ‎ผลเบอร์รีหวานฉ่ำบนต้นองุ่นแอฟริกันเหล่านี้ 130 00:13:56,443 --> 00:13:58,603 ‎จะอยู่บนต้นแค่ไม่กี่สัปดาห์ 131 00:14:05,123 --> 00:14:08,643 ‎ของขวัญตามฤดูกาลที่หาได้ยากยิ่งจากผืนป่า 132 00:14:12,723 --> 00:14:16,323 ‎ที่ซึ่งตอนกลางวันเป็นช่วงเวลาที่ก่อให้เกิดผลมาก 133 00:14:20,883 --> 00:14:25,203 ‎สัตว์น้อยใหญ่ต่างทำกิจวัตรประจำวันของตน 134 00:14:30,043 --> 00:14:32,923 ‎และแต่ละตัวรับรู้เวลาได้ไม่เหมือนกัน 135 00:14:37,163 --> 00:14:41,003 ‎สำหรับสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ที่ว่องไวและอายุสั้น 136 00:14:45,643 --> 00:14:49,203 ‎ช่วงมื้อเที่ยงอาจรู้สึกยาวนานเหมือนทั้งชีวิต 137 00:14:54,723 --> 00:14:57,643 ‎สำหรับสิ่งมีชีวิตที่เชื่องช้าและอายุยืนกว่า 138 00:14:58,163 --> 00:15:01,523 ‎หนึ่งชั่วโมงอาจผ่านไปในชั่วพริบตาเดียว 139 00:15:08,363 --> 00:15:11,523 ‎แต่ไม่ว่าเราจะใช้ชีวิตด้วยความเร็วสูง 140 00:15:12,403 --> 00:15:14,163 ‎หรือแบบสโลว์โมชั่น 141 00:15:16,003 --> 00:15:21,443 ‎ทุกชีวิตในป่าล้วนมีเวลา 24 ชั่วโมงในหนึ่งวัน 142 00:15:23,763 --> 00:15:26,083 ‎และเมื่อโลกหมุนไปเรื่อยๆ 143 00:15:29,443 --> 00:15:31,843 ‎วันเวลาก็จะเดินหน้าต่อไป 144 00:15:33,643 --> 00:15:38,003 ‎คอยบงการชีวิตของลิงชิมแปนซีทุกตัว 145 00:15:41,483 --> 00:15:42,803 ‎โดยเฉพาะตัวหนึ่ง 146 00:15:50,003 --> 00:15:52,163 ‎อายุครรภ์แค่ 15 สัปดาห์ 147 00:15:52,923 --> 00:15:57,163 ‎เจ้าลิงน้อยตัวนี้เล็กพอจะอยู่ในกำมือแม่ได้เลย 148 00:16:00,603 --> 00:16:02,483 ‎หากจะเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ 149 00:16:02,563 --> 00:16:06,123 ‎ต้องเกิดเหตุการณ์หลายอย่างขึ้นตามกำหนดเวลา 150 00:16:08,203 --> 00:16:10,403 ‎ในอีก 130 วันข้างหน้า 151 00:16:11,163 --> 00:16:15,523 ‎ทุกนาที ทุกเสี้ยววินาที มีความสำคัญยิ่ง 152 00:16:24,243 --> 00:16:30,403 ‎เซลล์ใหม่แบ่งตัวและเติบโต ‎ด้วยความเร็วและความแม่นยำน่าทึ่ง 153 00:16:34,243 --> 00:16:35,243 ‎ในตอนนี้ 154 00:16:36,203 --> 00:16:41,963 ‎เซลล์สมองเพิ่มจำนวน ‎ด้วยอัตรา 15 ล้านเซลล์ต่อชั่วโมง 155 00:16:51,803 --> 00:16:54,843 ‎ตั้งแต่วินาทีแรกของชีวิต พวกเราทุกคน 156 00:16:55,843 --> 00:17:00,203 ‎ล้วนมีความสัมพันธ์ทางชีวภาพที่ลึกซึ้งกับกาลเวลา 157 00:17:17,403 --> 00:17:19,163 ‎เมื่อแสงตะวันลับขอบฟ้า 158 00:17:21,803 --> 00:17:24,483 ‎ชิมแปนซีจะเปลี่ยนเกียร์โดยอัตโนมัติ 159 00:17:27,883 --> 00:17:29,203 ‎เข้าโหมดยามค่ำ 160 00:17:39,163 --> 00:17:42,123 ‎ทั้งฝูงได้รับเสียงสัญญาณเรียกให้ทำรัง 161 00:17:44,443 --> 00:17:47,603 ‎ได้เวลาหาที่ปลอดภัยเพื่อพักค้างแรมกันแล้ว 162 00:18:01,443 --> 00:18:03,643 ‎เตียงนอนต้องนุ่ม 163 00:18:04,643 --> 00:18:05,803 ‎แต่มั่นคง 164 00:18:12,243 --> 00:18:14,683 ‎แล้วถ้าอร่อยด้วยก็ไม่เสียหาย 165 00:18:18,923 --> 00:18:21,843 ‎กิจวัตรของทุกวันในป่า 166 00:18:21,923 --> 00:18:25,403 ‎ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า 167 00:18:34,603 --> 00:18:37,283 ‎แต่สัญชาตญาณการรู้เวลาของชิมแปนซี 168 00:18:38,243 --> 00:18:41,123 ‎มาจากสิ่งที่อยู่ข้างในตัว 169 00:18:49,723 --> 00:18:53,883 ‎ลึกลงไปในสมองมีนาฬิกาชีวภาพของมันอยู่ 170 00:18:56,603 --> 00:18:59,603 ‎กลุ่มเซลล์ประสาททำหน้าที่เป็นลูกตุ้ม… 171 00:19:01,883 --> 00:19:06,443 ‎ที่ถูกควบคุมโดยยีนที่เปิดปิดมันสลับไปมา 172 00:19:08,563 --> 00:19:13,003 ‎เป็นวงจรที่วนซ้ำทุก 24 ชั่วโมง 173 00:19:16,283 --> 00:19:21,363 ‎ยีนนาฬิกาเหล่านี้สร้างจังหวะรอบวันในร่างกาย 174 00:19:22,123 --> 00:19:28,243 ‎ซึ่งขึ้นและลงตามการหมุนของโลก 175 00:19:30,643 --> 00:19:32,203 ‎มันควบคุมฮอร์โมน 176 00:19:36,563 --> 00:19:37,483 ‎อัตราการเต้นหัวใจ 177 00:19:38,843 --> 00:19:40,803 ‎และความสดชื่น 178 00:19:46,243 --> 00:19:50,803 ‎และในตอนนี้ นาฬิกาชีวิต ‎ของชิมแปนซีกำลังบอกมันว่า 179 00:19:52,203 --> 00:19:54,763 ‎"ได้เวลาง่วงแล้ว" 180 00:19:58,003 --> 00:19:59,843 ‎แต่ใช่ว่าทุกตัวจะทำได้ 181 00:20:14,363 --> 00:20:17,523 ‎สมองของลูกเซเลสต์ยังไม่สมบูรณ์ดีนัก 182 00:20:20,683 --> 00:20:23,603 ‎ในเมื่อมันยังไม่มีนาฬิกาในตัว 183 00:20:23,683 --> 00:20:27,283 ‎จึงต้องอาศัยฮอร์โมนของแม่เพื่อประสานเวลา 184 00:20:29,643 --> 00:20:33,723 ‎แต่ลูกน้อยไม่ได้เข้าใจเสมอไป 185 00:20:37,523 --> 00:20:39,163 ‎โชคดีของเซเลสต์ 186 00:20:39,243 --> 00:20:41,603 ‎ที่เนื่องจากลูกต้องออกแรงเติบโตอีกเยอะ 187 00:20:41,683 --> 00:20:44,683 ‎จึงผล็อยหลับไปในที่สุด 188 00:20:59,643 --> 00:21:03,723 ‎ขณะที่ชิมแปนซีนอนหลับอยู่บนต้นไม้สูง 189 00:21:07,323 --> 00:21:11,163 ‎สัตว์ป่าตัวอื่นๆ เพิ่งจะตื่นนอน 190 00:21:22,763 --> 00:21:25,443 ‎นาฬิกาชีวิตเดินไปเรื่อยๆ 191 00:21:25,523 --> 00:21:30,043 ‎ในเซลล์ของพืชและสัตว์ทั่วทั้งป่า 192 00:21:38,363 --> 00:21:43,563 ‎ยีนนาฬิกาวิวัฒนาการขึ้นมา ‎เมื่อ 2,500 ล้านปีที่แล้ว 193 00:21:43,643 --> 00:21:45,643 ‎ในเซลล์มีชีวิตชนิดแรก 194 00:21:48,123 --> 00:21:53,123 ‎เซลล์ที่สามารถรับรู้ถึงแสงสว่าง ‎และความมืดของวันจะได้เปรียบ 195 00:21:56,203 --> 00:21:57,963 ‎และเมื่อสิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการมากขึ้น 196 00:21:59,283 --> 00:22:02,043 ‎จึงประสานตัวเองกับการเคลื่อนไหวของโลก 197 00:22:02,923 --> 00:22:04,723 ‎ทำให้ทุกวันนี้ 198 00:22:04,803 --> 00:22:09,443 ‎นาฬิกาเหล่านี้มีอยู่ในตัวสิ่งมีชีวิตแทบทุกตัวในโลก 199 00:22:13,683 --> 00:22:16,483 ‎ถึงแม้ว่าสัตว์บางตัวจะชอบกลางวัน ‎และบางตัวชอบกลางคืน 200 00:22:22,363 --> 00:22:26,203 ‎แต่ทุกชีวิตล้วนเต้นรำไปตามจังหวะเดียวกัน 201 00:22:28,763 --> 00:22:31,003 ‎ต้องขอบคุณนาฬิกาเซลล์ 202 00:22:31,083 --> 00:22:36,363 ‎ที่เดินตรงกับการหมุนของโลกเรา 203 00:22:53,043 --> 00:22:55,283 ‎ขณะที่เมื่อวานกลายเป็นความทรงจำ 204 00:22:58,083 --> 00:23:00,643 ‎วันใหม่ก็เริ่มต้นขึ้นในป่าพงไพร 205 00:23:09,603 --> 00:23:11,043 ‎วัฏจักรใหม่ 206 00:23:12,803 --> 00:23:17,203 ‎แต่ทว่าก็ไม่มีนาฬิกาใดที่ตั้งค่าใหม่ได้อย่างแท้จริง 207 00:23:24,763 --> 00:23:29,883 ‎และมีเบาะแสแอบซ่อนอยู่ทั่วทั้งป่า ‎ที่เผยเหตุผลนั้น 208 00:23:32,483 --> 00:23:38,083 ‎วันนี้ ไม่มีสิ่งใดเหมือนกับเมื่อวาน 209 00:23:42,243 --> 00:23:44,883 ‎โดยเฉพาะอพอลโล่ 210 00:23:45,763 --> 00:23:49,203 ‎ที่ดูเหมือนจะกินรังแตนตั้งแต่ในฝัน 211 00:23:57,643 --> 00:23:59,443 ‎เวลามันอารมณ์ไม่ดี 212 00:24:03,243 --> 00:24:07,883 ‎ตัวอื่นๆ ในฝูงต้องเจียมตัวเอาไว้ 213 00:24:26,763 --> 00:24:29,883 ‎แต่ในไม่ช้ามันก็ไปหาที่ลงอารมณ์ได้ 214 00:24:40,723 --> 00:24:44,163 ‎เช้านี้ชิมแปนซีอายุน้อยบางตัวได้ไปเจอน้ำผึ้ง 215 00:24:56,723 --> 00:25:00,283 ‎แต่ลืมชวนอพอลโล่ไปกินด้วย 216 00:25:14,683 --> 00:25:19,723 ‎เราได้เรียนรู้ในไม่ช้าว่า ‎อย่าริอาจไปกระตุกหนวดตัวผู้จ่าฝูงเชียว 217 00:25:26,923 --> 00:25:28,643 ‎มันโดนกัดลึกมาก 218 00:25:32,323 --> 00:25:34,963 ‎แต่เคราะห์ดีที่บาดเจ็บไม่ร้ายแรง 219 00:25:43,243 --> 00:25:46,683 ‎ดูแลสักหน่อย เดี๋ยวแผลก็หาย 220 00:25:49,403 --> 00:25:53,203 ‎แต่บาดแผลมักจะทิ้งรอยแผลเป็น 221 00:25:54,203 --> 00:25:56,163 ‎ที่ฝังในร่างกายชิมแปนซี 222 00:25:57,443 --> 00:26:03,843 ‎ร่องรอยถาวรของอดีต ‎ที่เผยสัจธรรมอันเป็นสากลของเวลา 223 00:26:07,323 --> 00:26:08,603 ‎มันมีทิศทาง 224 00:26:10,683 --> 00:26:13,043 ‎เราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ 225 00:26:14,683 --> 00:26:17,363 ‎ได้แค่เดินหน้าสู่อนาคต 226 00:26:20,843 --> 00:26:22,963 ‎นี่คือลูกศรกาลเวลา 227 00:26:24,243 --> 00:26:27,883 ‎และมันทิ้งร่องรอยไว้บนทุกสิ่ง 228 00:26:28,563 --> 00:26:29,523 ‎ทั่วโลก… 229 00:26:31,283 --> 00:26:32,203 ‎และไกลกว่านั้น 230 00:26:41,203 --> 00:26:46,563 ‎ดวงจันทร์ของเรามีหลุมรอยแผลเป็น ‎จากการต่อสู้ที่บอกเล่าเรื่องราวสมัยโบราณกาล 231 00:26:56,523 --> 00:26:57,883 ‎ดาวเคราะห์ต่างๆ ก็เช่นกัน 232 00:26:59,563 --> 00:27:01,643 ‎(ดาวพุธ) 233 00:27:01,723 --> 00:27:08,683 ‎พื้นผิวของมันเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ‎ถูกดาวเคราะห์น้อยและดาวหางถล่มมาทั้งชีวิต 234 00:27:08,763 --> 00:27:10,763 ‎(ดาวอังคาร) 235 00:27:15,083 --> 00:27:19,323 ‎แต่หลุมอุกกาบาต ‎ที่อาจน่าประทับใจที่สุดในระบบสุริยะของเรา 236 00:27:20,723 --> 00:27:23,283 ‎อยู่บนดวงจันทร์ของดาวอังคาร 237 00:27:23,363 --> 00:27:24,443 ‎(ไมมัส) 238 00:27:24,523 --> 00:27:25,523 ‎ไมมัส 239 00:27:27,923 --> 00:27:32,603 ‎หลุมอุกกาบาตเฮอร์เชล ‎มีเส้นผ่าศูนย์กลางกว้าง 130 กิโลเมตร 240 00:27:38,323 --> 00:27:41,043 ‎อะไรก็ตามที่สร้างแผลเป็นขนาดมหึมานี้ 241 00:27:43,043 --> 00:27:46,523 ‎มันต้องเกือบทำให้ ‎ดวงจันทร์นี้แตกเป็นเสี่ยงๆ แน่ๆ 242 00:28:04,043 --> 00:28:06,123 ‎ไมมัสรอดมาเล่าเรื่องราว 243 00:28:07,883 --> 00:28:10,563 ‎แต่เหตุการณ์แบบนี้ย้อนกลับไม่ได้ 244 00:28:15,363 --> 00:28:19,403 ‎และมันแยกระหว่างอดีตกับปัจจุบัน 245 00:28:22,203 --> 00:28:24,643 ‎หลุมอุกกาบาตคือตราประทับเวลา 246 00:28:26,403 --> 00:28:28,883 ‎ที่จารึกช่วงเวลาพิเศษในประวัติศาสตร์ 247 00:28:28,963 --> 00:28:32,923 ‎(อายุ 21,000 ปี) 248 00:28:33,003 --> 00:28:36,763 ‎(สหรัฐอเมริกา) 249 00:28:37,443 --> 00:28:40,403 ‎เราไม่สามารถย้อนกลับไปเห็น ‎ช่วงเวลาที่มันเกิดขึ้นได้ 250 00:28:40,483 --> 00:28:43,923 ‎(อายุ 50,000 ปี) 251 00:28:44,003 --> 00:28:47,923 ‎แต่เราสามารถปะติดปะต่อ ‎ชิ้นส่วนเรื่องราวในอดีต 252 00:28:49,123 --> 00:28:51,523 ‎และวาดแผนที่ย้อนเวลากลับไปได้ 253 00:28:51,603 --> 00:28:53,723 ‎(อายุ 142 ล้านปี) 254 00:28:56,683 --> 00:28:57,923 ‎ก่อนมีหลุมอุกกาบาต 255 00:28:59,683 --> 00:29:00,963 ‎ก่อนมีดาวเคราะห์ 256 00:29:01,883 --> 00:29:03,123 ‎ก่อนมีดาวฤกษ์ 257 00:29:05,043 --> 00:29:07,803 ‎ย้อนกลับไปถึงยุคก่อนมีกาลเวลา 258 00:29:11,043 --> 00:29:14,363 ‎(อายุ 13,800 ล้านปี) 259 00:29:14,443 --> 00:29:17,443 ‎จักรวาลของเรามีจุดเริ่มต้น 260 00:29:21,883 --> 00:29:25,003 ‎ระเบิดบิ๊กแบงที่ดังกระหึ่ม 261 00:29:27,403 --> 00:29:29,843 ‎ซึ่งสร้างปริภูมิสามมิติ 262 00:29:31,323 --> 00:29:32,603 ‎และเวลาขึ้นมา 263 00:29:36,923 --> 00:29:40,283 ‎แต่ปริภูมิและเวลาไม่ใช่สองสิ่งที่แยกจากกันได้ 264 00:29:41,843 --> 00:29:45,323 ‎เวลาถูกถักทอเข้าไปในใยจักรวาล 265 00:29:49,043 --> 00:29:54,163 ‎ยึดเข้ากับปริภูมิ เป็นมิติที่สี่ของจักรวาลเรา 266 00:29:56,523 --> 00:29:59,603 ‎ปรากฏการณ์บิ๊งแบงทำให้นาฬิกาจักรวาลเริ่มเดิน 267 00:30:02,963 --> 00:30:05,323 ‎และขับเคลื่อนทุกอย่างไปสู่อนาคต 268 00:30:09,083 --> 00:30:13,163 ‎มันได้สร้างลูกศรกาลเวลา 269 00:30:18,683 --> 00:30:22,083 ‎ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของจักรวาลเรา… 270 00:30:32,403 --> 00:30:34,683 ‎มันดันเราทั้งหมดสู่อนาคต 271 00:30:35,763 --> 00:30:38,243 ‎ทำให้ทุกอย่างเติบโต 272 00:30:39,683 --> 00:30:40,523 ‎แก่ตัว 273 00:30:42,483 --> 00:30:43,443 ‎และเปลี่ยนแปลง 274 00:30:45,603 --> 00:30:49,163 ‎จากวัยเด็กสู่วัยผู้ใหญ่ 275 00:30:50,443 --> 00:30:54,123 ‎ชีวิตของทุกคนล้วนดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน 276 00:30:55,683 --> 00:30:58,363 ‎แก่ตัวลงทุกวัน 277 00:31:00,003 --> 00:31:02,843 ‎และอายุที่มากขึ้นก็มาพร้อมปัญญา 278 00:31:04,243 --> 00:31:08,283 ‎ความไร้เดียงสาวัยเด็กถูกแทนที่ด้วยประสบการณ์ 279 00:31:13,163 --> 00:31:17,563 ‎ลูกศรกาลเวลาพาเราผ่านทุกช่วงเวลาในชีวิต 280 00:31:21,923 --> 00:31:23,123 ‎มันหล่อหลอมเรา 281 00:31:25,803 --> 00:31:27,483 ‎กำหนดตัวตนของเรา 282 00:31:31,043 --> 00:31:32,563 ‎ตั้งแต่ช่วงเวลาแรก 283 00:31:34,723 --> 00:31:35,843 ‎ไปจนถึงคราวสุดท้าย 284 00:31:41,923 --> 00:31:44,523 ‎ชิมแปนซีมักจะอยู่ได้ไม่เกิน 40 ปี 285 00:31:49,243 --> 00:31:50,963 ‎ไม่มีอะไรเป็นอมตะ 286 00:31:58,523 --> 00:32:03,563 ‎ทุกอย่างที่มีอยู่ในจักรวาลของเรา ‎ล้วนมีอายุขัยจำกัด 287 00:32:08,723 --> 00:32:12,123 ‎รวมถึงตัวจักรวาลเองด้วย 288 00:32:19,643 --> 00:32:23,603 ‎ปัจจุบันมีดาวเต็มกาแล็กซี 289 00:32:27,323 --> 00:32:33,363 ‎แต่ 95% ของดาวที่จะมีอยู่นั้นได้เกิดมาแล้ว 290 00:32:38,763 --> 00:32:41,443 ‎ดังนั้นขณะที่จักรวาลของเราเคลื่อนสู่อนาคต 291 00:32:42,843 --> 00:32:47,843 ‎ดาวจะดับไป ทีละดวง 292 00:32:50,363 --> 00:32:55,363 ‎ทิ้งให้จักรวาลต้องเผชิญหน้า ‎กับอนาคตอันมืดมนขึ้นเรื่อย 293 00:32:56,923 --> 00:32:58,723 ‎ทอดยาวหลายพันล้านปี 294 00:32:59,443 --> 00:33:02,963 ‎ที่จริงแล้วหลายล้านล้านปีทีเดียว 295 00:33:09,443 --> 00:33:11,683 ‎ยุคแห่งแสงดาว 296 00:33:11,763 --> 00:33:16,323 ‎จะตามมาด้วยยุคมืดแห่งหลุมดำ 297 00:33:22,963 --> 00:33:28,043 ‎ปีศาจยักษ์เหล่านี้กลืนกิน ‎เศษซากดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ 298 00:33:29,603 --> 00:33:31,083 ‎และเมื่อกินเข้าไปแล้ว 299 00:33:31,163 --> 00:33:36,323 ‎แรงโน้มถ่วงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ‎จะสร้างบาดแผลในเส้นใยจักรวาล 300 00:33:43,123 --> 00:33:46,443 ‎บิดเบือนทั้งปริภูมิและเวลา 301 00:33:48,803 --> 00:33:53,123 ‎ขอบของหลุมดำที่เรียกว่า "เส้นขอบเหตุการณ์" 302 00:33:54,283 --> 00:33:57,443 ‎เป็นพื้นที่ที่มีแรงโน้มถ่วงมหาศาล 303 00:33:58,283 --> 00:34:03,923 ‎จนเวลาเดินช้าลง ถึงขั้นแทบหยุดนิ่ง 304 00:34:09,003 --> 00:34:12,483 ‎แต่แม้กระทั่งหลุมดำก็ไม่อาจหนีพ้นลูกศรกาลเวลา 305 00:34:15,083 --> 00:34:16,963 ‎ในอนาคตอันไกลโพ้น 306 00:34:21,123 --> 00:34:24,523 ‎เมื่อไม่เหลือดาวฤกษ์ ‎หรือดาวเคราะห์ให้กลืนกินแล้ว 307 00:34:25,963 --> 00:34:27,643 ‎มันจะเริ่มอดอยาก 308 00:34:32,843 --> 00:34:34,043 ‎และมันก็จะค่อยๆ… 309 00:34:36,723 --> 00:34:37,963 ‎หดเล็กลง… 310 00:34:39,763 --> 00:34:40,883 ‎อย่างช้าๆ 311 00:34:46,403 --> 00:34:48,043 ‎เมื่อมันดับสูญไปแล้ว 312 00:34:48,123 --> 00:34:50,763 ‎ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป 313 00:34:52,963 --> 00:34:58,243 ‎แต่นั่นอาจเป็นจุดจบของจักรวาลของเราก็ได้ 314 00:35:07,443 --> 00:35:12,203 ‎บนโลก ไม่มีใครชะลอเวลาให้ช้าลงได้ 315 00:35:16,043 --> 00:35:20,523 ‎และป้าของเซเลสต์ตัวหนึ่งกำลังจะหมดเวลา 316 00:35:24,323 --> 00:35:28,363 ‎มันปลีกตัวออกมาจากฝูง ‎แล้วมุ่งหน้าเข้าป่าตามลำพัง 317 00:35:35,843 --> 00:35:37,963 ‎มันอยู่มานานหลายปี 318 00:35:41,243 --> 00:35:44,323 ‎แต่วันนี้จะเป็นวันสุดท้าย 319 00:36:03,803 --> 00:36:06,563 ‎ขณะที่โลกยังคงหมุนต่อไป 320 00:36:07,963 --> 00:36:11,163 ‎ร่างของมันนอนแน่นิ่ง 321 00:36:23,363 --> 00:36:26,363 ‎แต่กาลเวลาไม่เพียงพาเราไปสู่จุดจบเท่านั้น 322 00:36:30,403 --> 00:36:32,643 ‎มันสร้างจุดเริ่มต้นด้วย 323 00:36:37,323 --> 00:36:39,083 ‎เมื่อวันผันเปลี่ยนเป็นสัปดาห์ 324 00:36:39,163 --> 00:36:41,003 ‎และสัปดาห์กลายเป็นเดือน 325 00:36:42,603 --> 00:36:45,643 ‎เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ‎สำหรับชิมแปนซีตัวพิเศษ 326 00:36:59,643 --> 00:37:01,683 ‎ทักทายน้องคอสโม่สิ 327 00:37:06,083 --> 00:37:09,003 ‎ตอนนี้สมองและแขนขาของมันสมบูรณ์แล้ว 328 00:37:10,763 --> 00:37:13,443 ‎และดวงตาก็พร้อมจะเห็นโลก 329 00:37:21,923 --> 00:37:25,123 ‎เราไม่มีทางรู้เวลาคลอดที่แน่นอนได้ 330 00:37:26,603 --> 00:37:29,763 ‎แต่มันอาจได้ลืมตาดูโลกในเร็ววันนี้ 331 00:37:36,043 --> 00:37:38,883 ‎มันอยู่ในครรภ์มานานแปดเดือน 332 00:37:40,283 --> 00:37:43,843 ‎แต่การเดินทางนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อนานมาแล้ว 333 00:37:46,043 --> 00:37:50,683 ‎สสารที่ประกอบสร้างเป็นตัวมัน ‎มาจากดวงดาวที่กำลังดับสลาย 334 00:37:52,563 --> 00:37:54,963 ‎น้ำที่ไหลผ่านร่างกาย… 335 00:37:56,563 --> 00:37:58,363 ‎มาจากโลกอันไกลโพ้น 336 00:38:00,443 --> 00:38:06,843 ‎พลังงานที่ทำให้กล้ามเนื้อมีเรี่ยวแรง ‎มาจากใจกลางดวงอาทิตย์ 337 00:38:09,763 --> 00:38:13,083 ‎หากแต่เป็นวัตถุดิบที่ลึกลับที่สุด 338 00:38:13,763 --> 00:38:18,243 ‎วัตถุดิบที่เริ่มเดินเมื่อ 13,800 ล้านปีที่แล้ว 339 00:38:22,323 --> 00:38:26,963 ‎ที่นำพาเอาส่วนผสมทั้งหมดมาสู่ช่วงเวลานี้ 340 00:38:30,163 --> 00:38:31,283 ‎ณ ที่นี่ 341 00:38:34,003 --> 00:38:35,243 ‎บนโลกใบนี้ 342 00:38:44,763 --> 00:38:47,963 ‎ดวงอาทิตย์ขึ้นอีกครั้ง เช้าวันใหม่อีกวัน 343 00:38:53,283 --> 00:38:57,563 ‎และเช้าวันนี้พิเศษสุด 344 00:39:08,163 --> 00:39:10,563 ‎ยินดีต้อนรับสู่โลกนะ คอสโม่ 345 00:39:15,483 --> 00:39:18,723 ‎ช่วงเวลาที่ล้ำค่านี้จะไม่เกิดขึ้นอีกสำหรับเซเลสต์ 346 00:39:19,523 --> 00:39:23,243 ‎แต่การเดินทางของคอสโม่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น 347 00:39:26,043 --> 00:39:28,323 ‎ต้องใช้เวลาประมาณสามเดือน 348 00:39:28,403 --> 00:39:32,163 ‎กว่านาฬิกาชีวิตของมัน ‎จะประสานเข้ากับจังหวะของโลก 349 00:39:33,883 --> 00:39:36,443 ‎อีกหนึ่งปีกว่ามันจะสื่อสารกับใครได้จริง 350 00:39:38,123 --> 00:39:42,723 ‎และอาจอีกนานถึง 15 ปีกว่ามันจะโตเต็มวัย 351 00:39:45,803 --> 00:39:47,683 ‎อนาคตมีอะไรรออยู่เพียบ 352 00:39:56,363 --> 00:39:57,643 ‎เช่นเดียวกับคอสโม่ 353 00:39:58,363 --> 00:40:01,403 ‎จักรวาลของเรายังอยู่ในวัยแรกเกิด 354 00:40:02,443 --> 00:40:06,683 ‎ระยะเริ่มต้นของอายุขัย ‎ที่ยืนยาวเหนือจินตนาการ 355 00:40:08,723 --> 00:40:11,963 ‎เราอยู่ในยุคแห่งแสงดาว 356 00:40:14,243 --> 00:40:19,203 ‎ช่วงเวลาที่ลูกศรกาลเวลา ‎เติมเต็มจักรวาลด้วยความงดงาม… 357 00:40:22,483 --> 00:40:23,443 ‎และความพิศวง 358 00:40:32,403 --> 00:40:34,563 ‎แต่นี่เป็นช่วงเวลาสั้นๆ 359 00:40:35,483 --> 00:40:39,243 ‎ที่จะไม่มีวันเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง ‎ในประวัติศาสตร์จักรวาลของเรา 360 00:40:45,363 --> 00:40:47,883 ‎ไม่มีใครทำให้เวลาเดินช้าลงได้ 361 00:40:49,123 --> 00:40:50,203 ‎และก็ไม่ควรพยายามทำ 362 00:40:55,323 --> 00:40:56,963 ‎เพราะหากไม่มีกาลเวลา 363 00:40:58,163 --> 00:40:59,563 ‎ก็คงไม่มีปัจจุบัน 364 00:41:06,763 --> 00:41:08,203 ‎ไม่มีช่วงเวลาอาบแสงอาทิตย์ 365 00:41:17,243 --> 00:41:18,963 ‎ไม่มีเวลาใดๆ ทั้งสิ้น 366 00:41:24,643 --> 00:41:25,763 ‎หากไร้ซึ่งกาลเวลา 367 00:41:27,803 --> 00:41:29,243 ‎ก็ไร้ซึ่งชีวิต 368 00:41:41,363 --> 00:41:44,163 ‎ต่อไปในเรื่องราวปริศนาจักรวาล 369 00:41:45,843 --> 00:41:47,483 ‎ฤดูกาลของโลก 370 00:41:49,003 --> 00:41:51,803 ‎เหมือนกับแม่หมีที่เลี้ยงดูลูกน้อย 371 00:41:53,163 --> 00:41:56,723 ‎เราต่างต้องเจอกับ ‎การเปลี่ยนแปลงของโลกเราตลอดทั้งปี 372 00:41:59,803 --> 00:42:02,323 ‎แต่ฤดูกาลบนโลกเกิดจากอะไร 373 00:42:05,803 --> 00:42:08,883 ‎มันสัมพันธ์กับกำเนิดดวงจันทร์ของเราอย่างไร 374 00:42:09,923 --> 00:42:15,723 ‎และเหตุใดจึงมีเพียงโลกของเรา ‎ที่มีสภาพแวดล้อมเอื้อต่อสิ่งมีชีวิต 375 00:42:48,523 --> 00:42:50,523 ‎คำบรรยายโดย นันทวัน ริดเดล