1 00:00:16,599 --> 00:00:23,148 เป็นเวลาหลายพันล้านปี ที่โลกของเราเผชิญกับการทำลายล้าง 2 00:00:25,442 --> 00:00:29,654 จากสภาพแวดล้อม และพลังธรรมชาติอย่างไร้ความปราณี 3 00:00:34,701 --> 00:00:40,248 แต่นี่คือเรื่องราวของสิ่งที่เกิดขึ้นใต้ท้องทะเล 4 00:00:44,294 --> 00:00:49,758 ที่นี่ เพราะมีพายุปกป้อง ชีวิตจึงเจริญเติบโตได้ 5 00:00:52,510 --> 00:00:57,223 และกำลังจะเปลี่ยนแปลง โลกของเราไปตลอดกาล 6 00:02:13,591 --> 00:02:18,304 (ชีวิตบนโลกของเรา) 7 00:02:23,852 --> 00:02:26,980 (บทที่ 2) 8 00:02:27,063 --> 00:02:32,485 (พรมแดนแรกเกิด) 9 00:02:34,154 --> 00:02:37,991 (สองหมื่นสี่พันล้านปีก่อน) 10 00:02:38,074 --> 00:02:40,368 ย้อนกลับไปในอดีตอันไกลโพ้น 11 00:02:41,035 --> 00:02:44,831 โลกไม่ได้มีสภาพเหมือนโลก ที่เรารู้จักกันในปัจจุบันเลย 12 00:02:50,044 --> 00:02:53,548 พื้นผิวเกือบ 90% เป็นน้ำ 13 00:02:54,299 --> 00:02:57,093 แต่นี่ก็ไม่ใช่ดาวเคราะห์สีน้ำเงิน 14 00:03:00,096 --> 00:03:05,852 กลุ่มก๊าซมีเทนกลับทำให้ ชั้นบรรยากาศเป็นสีเหลือง 15 00:03:12,275 --> 00:03:15,153 บนพื้นดิน สภาพยิ่งเลวร้ายกว่านั้น 16 00:03:25,330 --> 00:03:30,376 ภูเขาไฟระเบิดต่อเนื่องนับล้านๆ ปี 17 00:03:34,923 --> 00:03:36,591 พลังระเบิดของภูเขาไฟ 18 00:03:36,674 --> 00:03:41,012 คือหนึ่งในเสียงไม่กี่อย่างในอาณาจักรที่เงียบงันนี้ 19 00:03:51,356 --> 00:03:56,694 โลกที่มีแต่อากาศพิษและธารลาวา... 20 00:03:59,072 --> 00:04:03,034 ชีวิตอย่างที่เรารู้จักไม่อาจเกิดขึ้นได้เลย 21 00:04:13,294 --> 00:04:15,672 แต่ในทะเลยุคก่อนประวัติศาสตร์ 22 00:04:16,506 --> 00:04:19,008 เกิดบางอย่างที่น่าตื่นเต้น 23 00:04:25,598 --> 00:04:30,520 ใต้ผิวน้ำรายรอบด้วยแพลงก์ตอนจำนวนมหาศาล 24 00:04:37,026 --> 00:04:42,323 เซลล์ขนาดเล็กจิ๋วเหล่านี้ได้พัฒนาสิ่งใหม่ขึ้นมา 25 00:04:43,950 --> 00:04:45,201 การสังเคราะห์แสง 26 00:04:50,415 --> 00:04:53,793 ซึ่งหมายความว่า มันสามารถดึง พลังงานแสงอาทิตย์มาใช้เพื่อเติบโต 27 00:04:55,044 --> 00:04:56,754 ซึ่งเป็นวิวัฒนาการครั้งสำคัญมาก 28 00:04:58,006 --> 00:05:03,094 จนทำให้สักวันแพลงก์ตอน จะให้กำเนิดพืชทุกชนิดบนโลก 29 00:05:08,474 --> 00:05:09,976 แต่ไม่ใช่แค่นั้น 30 00:05:11,352 --> 00:05:15,982 ผลพลอยได้ของการสังเคราะห์แสงคือก๊าซ 31 00:05:17,442 --> 00:05:21,863 องค์ประกอบที่ยังขาดอยู่ สำหรับการดำรงอยู่ของสัตว์... 32 00:05:24,574 --> 00:05:25,575 ออกซิเจน 33 00:05:30,371 --> 00:05:32,707 เป็นเวลาเกือบสองพันล้านปี 34 00:05:32,790 --> 00:05:38,338 ที่แพลงก์ตอนผลิตออกซิเจน มากเสียจนเปลี่ยนโลกของเราได้ 35 00:05:44,886 --> 00:05:49,349 ดาวโลกไม่อันตรายอีกแล้ว มันกลายเป็นโลกใหม่ 36 00:05:51,225 --> 00:05:54,771 ในที่สุดสรรพชีวิตก็เติบโตได้ไร้ขีดจำกัด 37 00:06:03,446 --> 00:06:06,199 ปัจจุบัน หลายล้านปีต่อมา 38 00:06:06,282 --> 00:06:12,413 ยังพอมองเห็นร่องรอยของ คลื่นชีวิตลูกต่อมาในตอนนั้นว่าเป็นอย่างไร 39 00:06:18,836 --> 00:06:21,714 เพราะในพื้นที่ตื้นบางส่วนของท้องทะเลนั้น 40 00:06:24,425 --> 00:06:27,887 ชีวิตยังคงคล้ายที่เป็นในยุคบุพกาล 41 00:06:37,146 --> 00:06:38,481 อาจจะหน้าตาไม่เหมือน... 42 00:06:40,858 --> 00:06:43,027 แต่พวกมันคือสัตว์... 43 00:06:47,115 --> 00:06:50,576 ที่คล้ายมากกับรูปแบบชีวิตที่ซับซ้อนยุคแรก 44 00:06:55,248 --> 00:06:59,710 ส่วนใหญ่มีลำตัวอ่อนนิ่มและหยั่งรากกับพื้นทะเล 45 00:07:03,714 --> 00:07:05,174 ทั้งหมดมีประสาทสัมผัส 46 00:07:06,092 --> 00:07:09,929 และบางพวกก็สามารถมองเห็น สภาพแวดล้อมได้อีกด้วย 47 00:07:14,934 --> 00:07:18,229 จำนวนมากหาอาหารด้วยอวัยวะกรองกิน 48 00:07:19,814 --> 00:07:21,232 คัดกรองแพลงก์ตอน 49 00:07:21,899 --> 00:07:25,611 ซึ่งบางครั้งก็เป็นวิธีที่น่าฉงนที่สุด 50 00:07:33,870 --> 00:07:37,415 แต่ไม่ใช่ว่าสัตว์ทุกตัวนี้จะอยู่ติดที่ 51 00:07:42,503 --> 00:07:43,754 บางตัวสามารถเคลื่อนที่ 52 00:07:44,964 --> 00:07:47,049 สำรวจพื้นทะเล 53 00:07:47,133 --> 00:07:50,887 เหมือนญาติของพวกมัน ที่เป็นนักบุกเบิกเมื่อหลายล้านปีก่อน 54 00:07:58,603 --> 00:08:03,024 แหล่งน้ำตื้นนี้อาจดูเหมือนสวนอีเดน 55 00:08:04,484 --> 00:08:06,194 แหล่งคุ้มภัยของสรรพชีวิต 56 00:08:07,904 --> 00:08:10,615 แต่นี่ไม่ใช่สวรรค์ 57 00:08:17,747 --> 00:08:20,541 สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในบริเวณ ที่เป็นแคลิฟอร์เนียยุคใหม่... 58 00:08:24,170 --> 00:08:27,006 คือทากเปลือยสีรุ้ง 59 00:08:31,135 --> 00:08:34,639 ลักษณะที่เฉื่อยชาของมัน อำพรางความชั่วร้ายเอาไว้... 60 00:08:39,310 --> 00:08:42,063 เหตุผลเดียวกับบรรพบุรุษ 61 00:08:42,647 --> 00:08:44,565 มันมาที่นี่เพื่อล่า 62 00:08:50,655 --> 00:08:53,407 มันปรับตัวให้สมกับชีวิตของนักล่า 63 00:08:54,659 --> 00:08:56,285 และเหยื่อที่มันเลือกก็คือ 64 00:08:57,745 --> 00:08:59,205 ดอกไม้ทะเล 65 00:09:05,336 --> 00:09:08,089 แต่ก็เช่นเดียวกับนักล่ายุคเริ่มแรก 66 00:09:08,172 --> 00:09:11,676 ทากเปลือยยังต้องฝึกปรืออีกเยอะ... 67 00:09:18,182 --> 00:09:21,143 เพราะที่นี่ จังหวะ… 68 00:09:25,064 --> 00:09:26,440 สำคัญที่สุด 69 00:09:30,736 --> 00:09:32,697 โชคดีสำหรับนักล่า 70 00:09:32,780 --> 00:09:35,199 เหยื่อของมันถูกตรึงไว้กับพื้นทะเล 71 00:09:36,033 --> 00:09:38,035 และไม่อาจหลบซ่อนไปได้ตลอด 72 00:09:52,633 --> 00:09:54,385 แล้วชะตากรรมของดอกไม้ทะเลล่ะ 73 00:09:55,011 --> 00:09:57,888 ถูกคว้านกินจนไม่เหลือซาก 74 00:10:07,315 --> 00:10:12,236 (ห้าร้อยสามสิบล้านปีที่แล้ว) 75 00:10:13,154 --> 00:10:18,200 การมาถึงของนักล่าเป็นการเปลี่ยนแปลง ครั้งมโหฬารในทะเลยุคโบราณ 76 00:10:21,871 --> 00:10:23,414 ผู้ถูกล่าต้องปรับตัว 77 00:10:24,290 --> 00:10:25,833 ไม่เช่นนั้นจะเสี่ยงสูญพันธุ์ 78 00:10:30,254 --> 00:10:34,383 และกลุ่มหนึ่งก็ปรับตัวในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน 79 00:10:38,888 --> 00:10:41,891 แม้จะเป็นสัตว์ที่ไม่ต้องสืบพันธุ์ 80 00:10:42,725 --> 00:10:46,812 พวกมันก็สามารถที่จะแตกตัวเป็นแว่นๆ 81 00:10:47,730 --> 00:10:51,025 และหลุดเป็นอิสระ 82 00:10:53,819 --> 00:10:54,820 แมงกะพรุน 83 00:10:55,696 --> 00:10:58,616 ห้าร้อยสามสิบล้านปีที่แล้ว 84 00:10:58,699 --> 00:11:04,622 พวกมันเป็นสัตว์กลุ่มแรกๆ ที่ว่ายน้ำหนีจากก้นทะเล 85 00:11:12,380 --> 00:11:17,134 แต่นักล่าก็มีอยู่แล้วทุกหนแห่ง 86 00:11:34,026 --> 00:11:36,070 ความที่มีอาวุธเป็นฉมวกพิษ 87 00:11:36,570 --> 00:11:39,865 ดอกไม้ทะเลเหล่านี้จึงจัดการ แมงกะพรุนตัวน้อยได้อย่างง่ายดาย 88 00:11:56,132 --> 00:11:57,675 และพวกมันก็มีเยอะเสียด้วย 89 00:11:58,926 --> 00:12:01,554 การหลบหนีดูจะเป็นไปไม่ได้เลย 90 00:12:21,115 --> 00:12:21,949 ถูกจับแล้ว 91 00:12:25,035 --> 00:12:26,203 แต่ไม่นาน 92 00:12:41,135 --> 00:12:43,220 ก็เป็นอิสระในที่สุด 93 00:12:51,771 --> 00:12:53,773 เพราะความที่พวกมันว่ายน้ำได้ 94 00:12:54,899 --> 00:12:58,277 แมงกะพรุนจึงเป็นสัตว์กลุ่มแรก ที่กล้าเสี่ยงออกจากเขตน้ำตื้น 95 00:12:59,820 --> 00:13:01,655 เข้าสู่ท้องทะเลกว้างใหญ่ 96 00:13:23,344 --> 00:13:26,388 ที่นี่ เมื่อปลายังไม่ถือกำเนิด 97 00:13:27,515 --> 00:13:32,144 แมงกะพรุนจึงปลอดภัยจากนักล่าโดยสิ้นเชิง 98 00:13:36,273 --> 00:13:39,193 เวลาผ่านไป สัตว์กลุ่มอื่นจึงตามมา 99 00:13:39,860 --> 00:13:42,488 แต่ห้าร้อยล้านปีก่อนนี้ 100 00:13:43,072 --> 00:13:46,158 มหาสมุทรกว้างใหญ่เป็นของพวกมัน 101 00:13:53,165 --> 00:13:57,211 (ห้าร้อยแปดล้านปีที่แล้ว) 102 00:14:01,966 --> 00:14:04,218 สำหรับพวกที่ยังติดอยู่ก้นทะเล 103 00:14:04,885 --> 00:14:08,848 จะหลบหนีนักล่าได้ต้องใช้วิธีอื่น 104 00:14:21,318 --> 00:14:22,903 สัตว์ขี้สงสัยตัวนี้ 105 00:14:24,196 --> 00:14:25,406 คือไทรโลไบต์ 106 00:14:27,992 --> 00:14:31,745 มันมาพร้อมการปรับตัวสุดล้ำนั่นคือเกราะ 107 00:14:34,248 --> 00:14:38,627 ไทรโลไบต์เป็นสัตว์กลุ่มแรกๆ ในวงศ์ตระกูลที่เกิดใหม่ 108 00:14:40,254 --> 00:14:41,881 สัตว์ขาปล้อง 109 00:14:47,803 --> 00:14:51,098 พวกมันพัฒนาโครงกระดูกให้อยู่ภายนอก 110 00:14:51,640 --> 00:14:56,186 เปลือกที่เหมือนเกราะ ซึ่งคอยปกป้องเนื้อนุ่มด้านใน 111 00:15:00,941 --> 00:15:04,278 และในน่านน้ำเช่นนี้ เกราะเป็นสิ่งจำเป็น 112 00:15:11,160 --> 00:15:13,662 นี่คือ อโนมาโลคาริส 113 00:15:15,039 --> 00:15:16,999 สัตว์หน้าตาประหลาดตัวนี้ 114 00:15:17,082 --> 00:15:21,337 ชื่อของมันแปลว่า "กุ้งประหลาด" 115 00:15:25,382 --> 00:15:29,762 และในบริเวณน้ำตื้นเขตร้อนเมื่อ 508 ล้านปีก่อน 116 00:15:31,764 --> 00:15:34,975 มันคือนักล่าลำดับสูงสุดตัวแรกของโลก 117 00:15:47,488 --> 00:15:52,201 แม้ว่าไทรโลไบต์จะมีเกราะ การหลบให้พ้นสายตาก็น่าจะดีกว่า 118 00:16:00,334 --> 00:16:04,129 แต่พอออกมาจากหุบเขาลึกแล้ว ก็ไม่มีที่หลบซ่อนอีก... 119 00:16:06,507 --> 00:16:09,093 เพราะสิ่งที่ทำให้นักล่าชนิดนี้อยู่สูงสุด... 120 00:16:11,679 --> 00:16:13,764 ก็คือความเร็วของมัน 121 00:16:19,728 --> 00:16:25,943 ไม่เหมือนแมงกะพรุน อโนมาโลคาริสกำหนดทิศทางและความเร็วได้ 122 00:16:28,320 --> 00:16:30,280 แต่นั่นไม่เพียงพอเสมอไป... 123 00:16:35,494 --> 00:16:41,375 เพราะเมื่อจนมุม เกราะของไทรโลไบต์ก็จะแผลงฤทธิ์ 124 00:16:47,131 --> 00:16:52,511 เมื่อม้วนตัวจนกลม ก็จะไม่มีใครสามารถรุกรานเกราะนี้ได้ 125 00:16:55,723 --> 00:16:58,517 แม้แต่เจ้ากุ้งประหลาดนี้ 126 00:17:07,067 --> 00:17:12,656 เมื่อชายฝั่งปลอดภัย ไทรโลไบต์ ก็ออกเดินทางอย่างสบายใจต่อไปอีกครั้ง 127 00:17:17,244 --> 00:17:21,999 มันกำลังค้นหาสถานที่ สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของมหาสมุทรยุคโบราณ 128 00:17:29,840 --> 00:17:32,134 เขตจับคู่ของไทรโลไบต์ 129 00:17:32,718 --> 00:17:36,013 ที่พวกมันหลายพันตัวจะมารวมตัวกันเพื่อผสมพันธุ์ 130 00:17:38,724 --> 00:17:43,145 ในเรื่องราวของชีวิต การมีเกราะสำคัญมากขนาดนั้น 131 00:17:43,228 --> 00:17:46,482 จนทุกวันนี้ สัตว์เกือบ 80% 132 00:17:46,565 --> 00:17:50,694 ซึ่งรวมแมลง แมงมุม และปู 133 00:17:50,778 --> 00:17:53,739 ล้วนเป็นทายาทสัตว์ขาปล้องโบราณชนิดนี้ 134 00:17:57,493 --> 00:18:01,288 แต่เกราะไม่สามารถป้องกันพวกมันจากทุกอย่าง 135 00:18:08,003 --> 00:18:13,592 (สี่ร้อยหกสิบแปดล้านปีที่แล้ว) 136 00:18:18,222 --> 00:18:23,102 สี่สิบล้านปีต่อมา ยุคใหม่ของชีวิตก็ได้เริ่มขึ้น 137 00:18:24,686 --> 00:18:27,815 และหลากหลายมากกว่าที่เคยเป็นมา 138 00:18:32,361 --> 00:18:35,531 ที่นี่ ไทรโลไบต์ยังคงแข็งแกร่ง 139 00:18:36,156 --> 00:18:38,867 แต่เกราะของมันแกร่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ... 140 00:18:42,830 --> 00:18:48,418 เพราะแนวปะการังแห่งนี้ มีอันตรายจากนักล่าพันธุ์ใหม่ 141 00:19:00,931 --> 00:19:04,143 บรรพบุรุษของหมึกยักษ์และปลาหมึกในปัจจุบัน 142 00:19:05,769 --> 00:19:11,483 ยักษ์มีหนวดเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่ง ของวงศ์ตระกูลที่เรียกว่า เซฟาโลพอด 143 00:19:21,160 --> 00:19:25,372 พันธุ์ที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งมีกระดองยาวแปดเมตร 144 00:19:26,498 --> 00:19:28,125 คือ หมึกกระดองยักษ์ 145 00:19:36,133 --> 00:19:39,553 ไทรโลไบต์ดูแคระไปเลย เมื่อเทียบกับนักล่าสูงตระหง่านพันธุ์นี้ 146 00:19:42,431 --> 00:19:45,392 แต่ขนาดตัวไม่ใช่สิ่งที่ทำให้มันเป็นภัยขนาดนั้น 147 00:19:50,814 --> 00:19:55,360 หมึกกระดองยักษ์พัฒนาวิธีจับเหยื่อแบบใหม่… 148 00:19:57,821 --> 00:19:59,615 แม้แต่ตอนที่พวกมันมองไม่เห็น… 149 00:20:08,957 --> 00:20:13,837 เพราะในน่านน้ำนี้ พวกมันล่าโดยไม่ได้ใช้แค่สายตา 150 00:20:15,464 --> 00:20:16,590 แต่ใช้สัมผัสด้วย 151 00:20:28,018 --> 00:20:32,898 ไทรโลไบต์ทำได้แค่พยายามอยู่ห่างๆ 152 00:20:52,417 --> 00:20:53,961 ความที่มีจะงอยปากเหมือนกรรไกร 153 00:20:55,170 --> 00:20:57,589 มันจึงเฉือนเกราะที่แกร่งที่สุดได้ 154 00:20:59,341 --> 00:21:02,511 หมึกกระดองยักษ์จึงครองท้องทะเล 155 00:21:05,138 --> 00:21:08,308 แต่ทว่า มีผู้มาใหม่รายสำคัญอีกพันธุ์หนึ่ง 156 00:21:14,106 --> 00:21:16,817 สัตว์ที่มีหน้าตาเหมือนประหลาดใจอยู่ตลอดนี้ 157 00:21:18,610 --> 00:21:20,988 คือ อรันดาสปิส 158 00:21:23,782 --> 00:21:25,742 ปลาในยุคแรกๆ สายพันธุ์หนึ่ง 159 00:21:30,706 --> 00:21:33,000 มันยังไม่พัฒนาขากรรไกร 160 00:21:33,917 --> 00:21:36,003 มันจึงทำได้แค่ดูดเศษซากเล็กๆ น้อยๆ 161 00:21:40,632 --> 00:21:42,467 แต่สิ่งที่มันพัฒนาขึ้น 162 00:21:43,343 --> 00:21:45,804 จะเปลี่ยนวิถีของประวัติศาสตร์ไปเลย 163 00:21:52,561 --> 00:21:58,150 มันมีโครงกระดูกภายในแบบใหม่ ที่ทำให้มันทั้งเร็วและปราดเปรียว 164 00:22:00,110 --> 00:22:01,486 กระดูกสันหลัง 165 00:22:03,196 --> 00:22:05,574 และแม้อาจจะดูไม่เหมือนนัก 166 00:22:06,158 --> 00:22:10,829 ในวันข้างหน้า ปลาอย่างอรันดาสปิส ก็จะให้กำเนิดสัตว์มีกระดูกสันหลังชนิดอื่น 167 00:22:11,788 --> 00:22:16,418 สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และนก 168 00:22:20,714 --> 00:22:25,469 แต่ตอนนี้ สัตว์มีกระดูกสันหลัง ยังเพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้น 169 00:22:26,219 --> 00:22:29,514 การเดินทางอันแสนยาวนานมากๆ 170 00:22:39,733 --> 00:22:44,946 (สี่ร้อยสี่สิบห้าล้านปีที่แล้ว) 171 00:22:47,616 --> 00:22:52,704 ยี่สิบล้านปีต่อมา ชีวิตเผชิญกับ ความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง... 172 00:22:59,252 --> 00:23:02,881 เมื่อจู่ๆ สภาพภูมิอากาศก็เย็นลง... 173 00:23:08,512 --> 00:23:12,307 เหตุการณ์ซึ่งจะส่งผลกระทบร้ายแรงตามมา 174 00:23:32,035 --> 00:23:36,706 ทะเลเริ่มแข็งตัว ทีละนิด ทีละนิด 175 00:23:52,722 --> 00:23:56,518 สำหรับชีวิตที่เคยอาศัยในน่านน้ำเขตร้อนของโลก 176 00:23:57,436 --> 00:24:00,105 นี่คือหายนะ 177 00:24:19,040 --> 00:24:22,794 เขตทะเลตื้นกลายเป็นสุสานแช่แข็ง 178 00:24:26,673 --> 00:24:29,885 การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ครั้งแรกของโลก 179 00:24:41,188 --> 00:24:46,693 สุสานแช่แข็งเกิดจาก คาร์บอนไดออกไซด์ลดลง 60% 180 00:24:49,946 --> 00:24:52,574 เมื่อไม่มีก๊าซเรือนกระจกที่สร้างความอบอุ่น 181 00:24:52,657 --> 00:24:55,410 ดาวดวงนี้ก็กระโจนเข้าสู่ยุคน้ำแข็ง 182 00:25:01,917 --> 00:25:05,754 ยุคซึ่งจะดำรงต่อไปถึง 200,000 ปี 183 00:25:15,847 --> 00:25:20,101 ในขั้นรุนแรงที่สุด โลกเกือบครึ่งถูกน้ำแข็งห่อหุ้ม 184 00:25:21,019 --> 00:25:26,608 ทำให้ 85% ของชีวิตทั้งหมดถึงแก่ความตาย 185 00:25:27,651 --> 00:25:31,488 หายไปจากผังเครือญาติเราตลอดกาล 186 00:25:38,662 --> 00:25:40,664 เมื่อน่านน้ำตื้นเขตร้อนถูกทำลาย 187 00:25:40,747 --> 00:25:44,501 ผู้รอดชีวิตจำนวนน้อยนิดคือ ผู้ที่สามารถมุ่งสู่เขตน้ำลึกกว่าเดิมได้ 188 00:25:52,133 --> 00:25:54,261 เช่นสัตว์อย่างหอยงวงช้าง 189 00:25:54,344 --> 00:25:57,514 ญาติผู้ตัวเล็กกว่าของหมึกกระดองยักษ์ 190 00:26:04,688 --> 00:26:07,941 มันพัฒนาขึ้นมาครั้งแรกเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน 191 00:26:08,692 --> 00:26:10,819 แต่ยังดำรงอยู่กระทั่งปัจจุบัน 192 00:26:14,322 --> 00:26:19,452 มันยังอยู่มาได้เพราะธรรมชาติ ที่ไม่เปลี่ยนแปลงของมหาสมุทรน้ำลึก 193 00:26:21,371 --> 00:26:26,251 ลึกลงไป 600 เมตร อุณหภูมิแทบไม่ผันผวน 194 00:26:26,334 --> 00:26:29,212 ทำให้มันเป็นแหล่งที่สงบและมั่นคง 195 00:26:32,007 --> 00:26:33,925 เมื่อยุคน้ำแข็งเกิดขึ้น 196 00:26:35,010 --> 00:26:38,221 สัตว์ทุกชนิดมุ่งหน้าสู่ทะเลลึก 197 00:26:40,807 --> 00:26:44,477 แต่ตระกูลที่เติบโตมาได้คือเซฟาโลพอด 198 00:26:52,193 --> 00:26:55,655 ทุกวันนี้ จำนวนมากยังคงสิงสถิตในทะเลลึก... 199 00:26:58,783 --> 00:27:01,953 ซึ่งรวมถึงหมึกยักษ์และหมึก 200 00:27:08,251 --> 00:27:13,131 ร่างกายที่เป็นเจลาตินของพวกมัน ไม่สะทกสะท้านต่อแรงดันมหาศาล 201 00:27:17,260 --> 00:27:22,682 และประสาทสัมผัสที่ยอดเยี่ยม ทำให้พวกมันเดินทางได้ในความมืด 202 00:27:27,145 --> 00:27:29,439 เมื่อไม่ถูกจำกัดอยู่ในกระดองอีกต่อไป 203 00:27:29,939 --> 00:27:34,486 พวกมันจึงพัฒนามีเกือบทุกขนาดและรูปร่าง 204 00:27:42,535 --> 00:27:46,122 แต่โลกที่มืดมิดนี้ไม่ได้เป็นของพวกมันเท่านั้น 205 00:27:51,211 --> 00:27:55,048 สัตว์ขาปล้อง อย่างปูแมงมุมตัวนี้ก็อาศัยอยู่ที่นี่ 206 00:27:58,093 --> 00:28:00,720 มันใช้ประสาทสัมผัสสำรวจทั่วก้นมหาสมุทร 207 00:28:04,474 --> 00:28:06,935 นอกจากพวกนี้ ก็มีสัตว์มีกระดูกสันหลัง 208 00:28:09,854 --> 00:28:14,192 ความที่อาหารมีน้อย ที่นี่จึงพบพวกมันได้ยาก 209 00:28:18,113 --> 00:28:22,742 ปัจจุบันมีปลาประมาณ แค่สิบเปอร์เซ็นต์อาศัยอยู่ในน้ำลึก 210 00:28:26,788 --> 00:28:29,165 นี่ไม่ใช่ที่ที่พวกมันจะได้แสดงความเก่ง 211 00:28:31,626 --> 00:28:37,590 ไม่เหมือนเซฟาโลพอดที่กลายเป็นนักล่า ที่เกือบสมบูรณ์แบบของทะเลลึก... 212 00:28:45,515 --> 00:28:48,810 ซึ่งเป็นสิ่งที่กุ้งตัวนี้อาจได้รู้ในไม่ช้า 213 00:29:01,823 --> 00:29:06,745 รอบตัวมัน ผืนน้ำวิบวับ ไปด้วยแพลงก์ตอนเรืองแสง 214 00:29:09,330 --> 00:29:14,419 การรบกวนแม้เพียงเล็กน้อย ก็ทำให้ตัวมันสว่างวาบขึ้นมาวูบหนึ่ง 215 00:29:20,800 --> 00:29:22,427 แต่กุ้งก็มีเพื่อน 216 00:29:27,515 --> 00:29:29,434 หมึกที่โผล่มาครึ่งตัว 217 00:29:30,435 --> 00:29:32,103 กำลังชมการแสดงอยู่ 218 00:29:34,939 --> 00:29:39,778 ตาโตๆ ของมันทำให้มองเห็น ได้ดีเยี่ยมในความมืด 219 00:29:49,871 --> 00:29:51,831 ความที่แยกแยะจุดแสงได้ 220 00:29:52,540 --> 00:29:55,335 มันจึงสามารถติดตามกุ้งทุกฝีก้าว 221 00:29:57,837 --> 00:30:01,257 เหลือแค่ต้องการจังหวะเหมาะ 222 00:30:22,320 --> 00:30:24,614 กุ้งไม่มีวันทันรู้ตัว 223 00:30:34,499 --> 00:30:36,751 ความที่มีประสาทสัมผัสยอดเยี่ยมขนาดนั้น 224 00:30:37,377 --> 00:30:43,258 จึงไม่น่าประหลาดใจนัก ที่หมึกเจนจัดในโลกที่ทั้งมืดและหนาว 225 00:30:45,969 --> 00:30:48,972 แต่สำหรับพวกที่อาศัยอยู่ในยุคน้ำแข็งโน้น 226 00:30:49,514 --> 00:30:51,891 สิ่งต่างๆ เริ่มจะคุกรุ่น 227 00:30:58,940 --> 00:31:03,194 (444 ล้านปีที่แล้ว) 228 00:31:05,154 --> 00:31:08,408 สองแสนปีหลังการแช่แข็งครั้งใหญ่ 229 00:31:10,451 --> 00:31:13,872 ก็ปรากฏเส้นสายสีน้ำเงินในน้ำแข็ง 230 00:31:19,127 --> 00:31:19,961 น้ำนั่นเอง 231 00:31:22,589 --> 00:31:26,009 ระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กลับคืนมา 232 00:31:27,719 --> 00:31:30,889 ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น 233 00:31:31,764 --> 00:31:34,309 น้ำแข็งเริ่มการละลายครั้งใหญ่ 234 00:31:36,519 --> 00:31:40,398 จากช้าๆ ในตอนแรก จากนั้นก็ละลายอย่างรวดเร็ว 235 00:31:50,658 --> 00:31:55,538 ไม่นานนัก ธารน้ำแข็งสูงหลายร้อยเมตร 236 00:31:55,622 --> 00:31:58,249 ก็หล่นร่วงลงในทะเลอุ่น 237 00:32:07,884 --> 00:32:09,344 ภายในไม่กี่พันปี 238 00:32:10,011 --> 00:32:14,307 น้ำแข็งเกือบครึ่งโลกทยอยละลาย 239 00:32:15,600 --> 00:32:19,771 จากนั้นไม่นาน มันก็หายไปจนหมด 240 00:32:26,194 --> 00:32:29,072 สำหรับพวกที่ลี้ภัยไปยังทะเลลึก 241 00:32:29,155 --> 00:32:31,699 ตอนนี้คือโอกาสที่จะกลับขึ้นมาแล้ว 242 00:32:39,624 --> 00:32:42,251 นอกชายฝั่งออสเตรเลียยุคปัจจุบัน 243 00:32:43,586 --> 00:32:47,006 นี่คือหมึกกระดองยักษ์รุ่นเยาว์ 244 00:32:48,758 --> 00:32:51,386 เช่นเดียวกับบรรพบุรุษยุคน้ำแข็งของมัน 245 00:32:51,469 --> 00:32:54,555 มันมาที่เขตน้ำตื้นเพื่อหาคู่ 246 00:33:00,395 --> 00:33:02,689 แต่มีตัวอื่นมาที่นี่ก่อนแล้ว... 247 00:33:07,402 --> 00:33:10,029 รวมถึงตัวผู้จ่าฝูง... 248 00:33:13,199 --> 00:33:15,910 ซึ่งหวงแหนคู่ที่มันเลือกแล้ว 249 00:33:20,081 --> 00:33:23,584 และมันไม่คิดจะแบ่งใคร 250 00:33:30,508 --> 00:33:33,803 แต่ตัวผู้ที่เล็กกว่าไม่ย่อท้อ 251 00:33:35,888 --> 00:33:38,933 ตรงกันข้าม มันรอเวลา 252 00:33:40,393 --> 00:33:41,519 และเฝ้ามอง 253 00:33:43,479 --> 00:33:46,607 เมื่อมีตัวผู้ตัวใหม่เข้ามาในถิ่น... 254 00:33:48,776 --> 00:33:50,862 และแสดงเจตนาชัดเจน… 255 00:33:53,197 --> 00:33:54,907 ว่าจะท้าทายจ่าฝูง 256 00:34:02,165 --> 00:34:06,753 เมื่อไม่มีใครยอมถอย ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงการต่อสู้... 257 00:34:14,510 --> 00:34:18,473 เปิดโอกาสให้เจ้าหนุ่มรายนี้ทำตามแผน 258 00:34:26,397 --> 00:34:30,026 ขณะที่เคลื่อนเข้าไป มันก็เก็บหนวดของมัน 259 00:34:30,985 --> 00:34:32,695 และเปลี่ยนสี… 260 00:34:34,906 --> 00:34:36,657 เพื่อเลียนแบบตัวเมีย 261 00:34:38,034 --> 00:34:39,368 อย่างแนบเนียน 262 00:34:42,622 --> 00:34:44,999 ความที่มันใช้สมอง ไม่ใช่กำลัง 263 00:34:45,541 --> 00:34:47,919 มันจึงดอดเข้าไปได้ 264 00:34:56,886 --> 00:35:01,474 ตอนนี้จ่าฝูงคิดว่าตัวเองไม่ได้ ปกป้องตัวเมียแค่หนึ่งตัว... 265 00:35:04,477 --> 00:35:05,478 แต่เป็นสองตัว 266 00:35:10,316 --> 00:35:13,611 มันไม่รู้เลยว่าผู้บุกรุกเจ้าเล่ห์ที่ตัวเล็กกว่านี้ 267 00:35:14,487 --> 00:35:18,032 กำลังผสมพันธุ์กับคู่ที่มันเลือกไว้ 268 00:35:32,630 --> 00:35:36,759 ความฉลาดและประสาทสัมผัส อันน่าอัศจรรย์ของพวกมัน 269 00:35:36,843 --> 00:35:41,430 ช่วยให้เซฟาโลพอดตั้งถิ่นฐาน ไปทั่วทุกมหาสมุทรบนโลก 270 00:35:50,982 --> 00:35:52,692 แต่ในเขตน้ำตื้น 271 00:35:52,775 --> 00:35:57,238 พวกมันแทบไม่เคยเป็นนักล่าอันดับต้น อย่างที่บรรพบุรุษร่างยักษ์ของพวกมันเคยเป็น… 272 00:36:01,159 --> 00:36:03,619 เพราะในทะเลยุคโบราณ 273 00:36:04,912 --> 00:36:08,249 ย่อมต้องมีการเปลี่ยนถ่ายอำนาจ 274 00:36:15,673 --> 00:36:21,512 (374 ล้านปีที่แล้ว) 275 00:36:22,430 --> 00:36:25,391 เจ็ดสิบล้านปีหลังการละลายครั้งใหญ่ 276 00:36:25,474 --> 00:36:28,561 ในยุคที่เรียกว่า ดีโวเนียน 277 00:36:28,644 --> 00:36:31,230 สัตว์มีกระดูกสันหลังก้าวเข้ามามีบทบาท 278 00:36:37,737 --> 00:36:40,489 นี่คือ ปลาหัวเกราะ 279 00:36:43,284 --> 00:36:46,787 ผู้สืบเชื้อสายของอรันดาสปิส 280 00:36:49,582 --> 00:36:54,503 แต่ด้วยความที่มีลำตัวยาวเก้าเมตร ปลาตัวนี้ไม่เป็นรองใคร 281 00:36:59,592 --> 00:37:04,764 แม้ยังเด็กอยู่และมีขนาดแทบไม่ถึงครึ่งหนึ่ง ของตัวเต็มวัย มันก็เป็นนักล่าที่น่ากลัวแล้ว 282 00:37:09,435 --> 00:37:13,898 และเจ้าหนุ่มตัวนี้ ก็เห็นบางสิ่งในทะเลสีน้ำเงิน... 283 00:37:17,360 --> 00:37:18,569 แอมโมนอยด์ 284 00:37:19,820 --> 00:37:23,991 ญาติผู้ใกล้ชิดของหอยงวงช้างน้ำลึกในปัจจุบัน 285 00:37:33,042 --> 00:37:34,585 ในฐานะสัตว์มีกระดูกสันหลัง 286 00:37:34,669 --> 00:37:38,631 ปลาหัวเกราะไวพอจะไล่ตามพวกมันทัน 287 00:37:45,763 --> 00:37:49,392 แต่แอมโมนอยด์มีกลเม็ดของตัวเอง 288 00:37:51,936 --> 00:37:53,729 แรงขับเคลื่อนไอพ่น 289 00:37:55,106 --> 00:37:58,276 สิ่งจำเป็นเพียงอย่างเดียว ในการเอาชนะปลาหนุ่ม 290 00:38:06,242 --> 00:38:07,910 เมื่อมันเริ่มว่ายวน... 291 00:38:10,288 --> 00:38:12,290 แอมโมนอยด์ก็ทำอย่างเดียวกัน... 292 00:38:16,002 --> 00:38:18,004 และปกป้องลำตัวด้วยเปลือกแข็ง 293 00:38:25,678 --> 00:38:29,181 เมื่อนานมาแล้ว การป้องกันตัวเช่นนี้คงได้ผล 294 00:38:29,890 --> 00:38:34,020 แต่ปลาหัวเกราะมีอาวุธ ที่บรรพบุรุษตัวเล็กของมันไม่มี... 295 00:38:38,065 --> 00:38:39,066 ขากรรไกร 296 00:38:40,568 --> 00:38:44,113 มันสามารถงับและบดเคี้ยวเหยื่อได้ 297 00:38:49,952 --> 00:38:52,455 ขอเพียงแค่หามุมเหมาะเจาะได้เท่านั้น 298 00:39:10,222 --> 00:39:12,099 โชคดีของแอมโมนอยด์ตัวนี้ 299 00:39:12,183 --> 00:39:15,978 ขากรรไกรของเจ้าหนุ่มตัวนี้ ยังไม่แข็งแรงพอที่จะทำลายเปลือก 300 00:39:19,482 --> 00:39:22,276 แต่ของตัวเต็มวัยทำได้ 301 00:39:37,541 --> 00:39:42,922 การจับคู่กระดูกสันหลังกับขากรรไกร พิสูจน์ว่าเป็นการรวมพลังที่เหนือชั้น 302 00:39:44,090 --> 00:39:47,468 สมบูรณ์แบบเสียจนนับตั้งแต่นั้น 303 00:39:48,135 --> 00:39:52,139 สัตว์มีกระดูกสันหลังมีแต่จะก้าวไปข้างหน้า 304 00:40:02,525 --> 00:40:05,986 ปัจจุบันมีปลามากกว่า 30,000 สายพันธุ์ 305 00:40:11,033 --> 00:40:14,578 จำนวนมากกว่าเซฟาโลพอดถึงสี่สิบเท่า 306 00:40:22,545 --> 00:40:24,880 แม้ว่าพวกมันจะหลากหลายจนน่าทึ่ง... 307 00:40:27,258 --> 00:40:30,136 แต่ละพันธุ์ก็ยังคงมีการจับคู่ที่สมบูรณ์แบบ 308 00:40:33,055 --> 00:40:35,391 กระดูกสันหลังให้ความเร็วและพลัง… 309 00:40:38,060 --> 00:40:39,645 ไม่ว่าจะมีขนาดเท่าใด 310 00:40:43,315 --> 00:40:44,650 ขณะที่ขากรรไกร 311 00:40:45,484 --> 00:40:46,986 ทำให้มันกัดได้ 312 00:40:50,698 --> 00:40:52,950 แต่ขากรรไกรเป็นมากกว่านั้น 313 00:40:55,411 --> 00:40:57,997 ปลาบางตัวใช้ขากรรไกรเพื่อปกป้องไข่ 314 00:41:02,751 --> 00:41:05,087 บางตัวใช้เพื่อมัดใจคู่ 315 00:41:12,720 --> 00:41:15,681 และปลาฟรินจ์เฮดขี้วีนตัวนี้ 316 00:41:21,437 --> 00:41:24,148 มันไม่ได้ใช้ขากรรไกรจับปูเท่านั้น 317 00:41:33,157 --> 00:41:38,370 มันยังใช้ขากรรไกรแสดง นิสัยข่มขู่ดุดันที่สุดแบบหนึ่ง 318 00:41:41,916 --> 00:41:44,793 เพื่อขับไล่คู่แข่ง 319 00:41:53,260 --> 00:41:57,306 สำหรับปลาพวกนี้ ขนาดสำคัญที่สุด 320 00:42:21,539 --> 00:42:25,501 ขากรรไกรขนาดใหญ่เอื้อให้ ปลาฟรินจ์เฮดตัวนี้ครองก้นทะเลแถบนี้ 321 00:42:26,752 --> 00:42:33,217 แต่มันก็ยอมให้ปลากลุ่มหนึ่ง ที่โด่งดังกว่าครองน่านน้ำด้วยเช่นกัน 322 00:42:40,641 --> 00:42:44,770 พวกมันปรากฏตัวครั้งแรก เมื่อกว่า 400 ล้านปีก่อน 323 00:42:45,729 --> 00:42:48,607 และเป็นที่หวาดกลัวตั้งแต่นั้นมา 324 00:42:54,905 --> 00:42:55,823 พวกมันคือ 325 00:42:57,449 --> 00:42:58,617 ฉลาม 326 00:43:03,038 --> 00:43:06,166 นอกจากการจับคู่ที่ยอดเยี่ยม ระหว่างกระดูกสันหลังกับขากรรไกรแล้ว 327 00:43:07,501 --> 00:43:10,087 พวกมันยังมีประสาทสัมผัสที่เฉียบคมมาก 328 00:43:10,170 --> 00:43:13,632 จนสามารถตามรอยเหยื่อ ที่ห่างออกไปหลายร้อยเมตรได้ 329 00:43:16,760 --> 00:43:20,347 ความที่จำนวนมากมีขนาด ที่ใหญ่โตและแข็งแรงประกอบกัน 330 00:43:21,390 --> 00:43:23,517 พวกมันจึงใกล้เคียงกับการเป็นนักล่า 331 00:43:24,518 --> 00:43:27,438 ในมหาสมุทรที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เคยมีมา 332 00:43:41,160 --> 00:43:43,621 ในทะเลนอกชายฝั่งออสเตรเลียตะวันตก 333 00:43:44,204 --> 00:43:47,249 ปลาพวกนี้รวมฝูงกันเพื่อปกป้องตัวเอง 334 00:43:50,336 --> 00:43:52,379 แต่ฉลามกลับล่าถอย... 335 00:43:54,757 --> 00:43:58,344 เพราะพวกมันมีแผนโจมตีที่ไม่ธรรมดา 336 00:44:05,726 --> 00:44:07,645 ดูเหมือนพวกมันจะทำงานกันเป็นทีม 337 00:44:08,270 --> 00:44:13,233 ฉลามบางตัวโผล่มาจากด้านล่าง เพื่อดักล่อปลาไว้ที่ผิวน้ำ 338 00:44:16,820 --> 00:44:18,614 ตัวอื่นๆ เข้ามาจากด้านข้าง 339 00:44:20,324 --> 00:44:25,371 ไล่ต้อนฝูงปลาขนาดมหึมา จากทะเลเปิดไปสูู่เขตน้ำตื้น 340 00:44:33,629 --> 00:44:35,506 ตอนนี้พวกมันมากันเป็นร้อยตัวแล้ว 341 00:44:36,423 --> 00:44:38,175 ฉลามอดทนรอ... 342 00:44:42,012 --> 00:44:45,057 ขณะที่เหยื่อของพวกมันเริ่มอ่อนแรง 343 00:44:58,278 --> 00:45:02,366 นี่คือเทคนิคการล่าที่ใช้เวลาพัฒนามาหลายล้านปี 344 00:45:04,952 --> 00:45:08,539 แต่การสังหารหมู่เริ่มขึ้นในพริบตา 345 00:45:51,123 --> 00:45:54,084 ความที่มันแทบไม่เปลี่ยนแปลงเลย ตั้งแต่การละลายครั้งใหญ่ 346 00:45:55,335 --> 00:45:59,423 ฉลามจึงเป็นหนึ่งในวงศ์ตระกูล ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์ 347 00:46:03,927 --> 00:46:08,640 แต่ความก้าวหน้าของพวกมันเกิดขึ้นได้ เพราะคู่แข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดล่มสลาย 348 00:46:17,274 --> 00:46:21,195 (360 ล้านปีก่อน) 349 00:46:26,742 --> 00:46:29,036 ย้อนกลับไปในทะเลยุคโบราณ 350 00:46:29,119 --> 00:46:33,373 ปลาหัวเกราะครองทะเลอยู่ 20 ล้านปี 351 00:46:37,586 --> 00:46:41,673 เป็นนักล่าที่โหดเหี้ยม จนแม้แต่ฉลามยุคแรกๆ ยังไม่อาจต่อกร 352 00:46:47,554 --> 00:46:51,517 แต่ปลาหัวเกราะกลับเผชิญหายนะ เพราะโชคชะตาที่พลิกผัน 353 00:46:57,648 --> 00:46:59,608 ฝีมือของแพลงก์ตอน 354 00:47:02,820 --> 00:47:04,822 หลายพันล้านปีก่อนหน้านี้ 355 00:47:04,905 --> 00:47:07,699 แพลงก์ตอนเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาชีวิตสัตว์ 356 00:47:11,078 --> 00:47:14,790 แต่ตอนนี้มันแทบจะเป็นตัวนำไปสู่จุดจบ 357 00:47:20,003 --> 00:47:22,673 สารอาหารในมหาสมุทรที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน 358 00:47:23,257 --> 00:47:27,052 ทำให้ประชากรแพลงก์ตอนเพิ่มขึ้น 359 00:47:30,472 --> 00:47:32,474 ในระดับที่ไม่เคยเป็นมาก่อน 360 00:47:40,732 --> 00:47:46,697 เมื่อมันแพร่ไปยังน้ำตื้นที่แดดส่องถึง ซุปข้นนี้ก็เริ่มบูดเน่า... 361 00:47:49,575 --> 00:47:52,494 ทำให้ออกซิเจนในมหาสมุทรลดฮวบ 362 00:48:02,421 --> 00:48:08,135 เมื่อขาดองค์ประกอบสำคัญสำหรับชีวิต สัตว์ก็เริ่มขาดอากาศหายใจ 363 00:48:18,312 --> 00:48:23,775 สำหรับพวกที่หนีจากของเสียนี้ไม่ได้ ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้จึงมีเพียงอย่างเดียว... 364 00:48:26,612 --> 00:48:27,654 สูญพันธุ์ 365 00:48:31,033 --> 00:48:35,370 ปลาหัวเกราะคือหนึ่งใน สัตว์จำนวนหลายชีวิตที่หายไปจากโลกของเรา 366 00:48:47,090 --> 00:48:51,094 ชายฝั่งทั่วโลกเกลื่อนกลาดไปด้วยซากศพ 367 00:49:03,774 --> 00:49:08,028 มีผู้โชคดีเพียงน้อยนิด รวมถึงฉลามยุคแรก 368 00:49:08,111 --> 00:49:09,655 ที่รอดมาได้ 369 00:49:21,917 --> 00:49:27,005 โดยรวมแล้ว 80% ของ สิ่งมีชีวิตในทะเลถูกกวาดหายไปในครั้งนี้ 370 00:49:27,089 --> 00:49:30,300 การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ครั้งที่สองของโลก 371 00:49:35,097 --> 00:49:38,976 แต่นี่ก็เป็นเพียงเรื่องราวครึ่งหนึ่ง 372 00:49:43,480 --> 00:49:46,525 สารอาหารที่ทำให้แพลงก์ตอนแพร่ระบาด 373 00:49:48,068 --> 00:49:50,278 ไม่ได้เริ่มขึ้นในทะเล 374 00:49:53,991 --> 00:49:56,785 พวกมันถูกนำมาจากบนบก... 375 00:50:01,623 --> 00:50:07,754 พืชเป็นผู้ปลดปล่อยมันลงทะเลในช่วง เหตุการณ์ที่น่าทึ่งที่สุดคราวหนึ่ง 376 00:50:15,554 --> 00:50:18,598 เหตุการณ์ที่โลกกลายเป็นสีเขียว 377 00:50:24,396 --> 00:50:26,982 สิ่งที่เคยเป็นดินแดนภูเขาไฟรกร้าง 378 00:50:28,316 --> 00:50:32,070 ตอนนี้กลับท่วมท้นไปด้วยชีวิต 379 00:50:36,450 --> 00:50:40,120 และโลกใหม่นี้ก็หยิบยื่นโอกาส 380 00:50:42,622 --> 00:50:44,916 เมื่อพืชแผ้วถางทางไว้ตรงไหน 381 00:50:45,876 --> 00:50:48,128 สัตว์ก็ตามไปตรงนั้น 382 00:50:51,965 --> 00:50:58,055 อีกไม่นานนัก การช่วงชิงกันครองผืนดินจะเริ่มขึ้น 383 00:52:51,001 --> 00:52:53,545 คำบรรยายโดย เพียรพิไล ธรรมลิขิตชัย