1 00:00:06,382 --> 00:00:09,552 ‎(ภาพยนตร์สารคดีจาก NETFLIX) 2 00:00:10,053 --> 00:00:15,349 ‎(ทำไมฉันถึงกังวลตลอดเวลา) 3 00:00:15,892 --> 00:00:17,894 ‎(คนอื่นๆ ถามว่า ‎มียาที่กินแล้วหายกังวลไหม) 4 00:00:17,977 --> 00:00:21,189 ‎(หนีจากกับดักความกังวล ‎เทคโนโลยีทำให้เกิดความกังวลอย่างไร) 5 00:00:21,272 --> 00:00:23,566 ‎(หนีจากกับดักความกังวล) 6 00:00:23,983 --> 00:00:26,110 ‎(งานวิจัยใหม่พบว่า ‎คนรุ่นมิลเลนเนียลกังวลมากที่สุด) 7 00:00:26,527 --> 00:00:28,404 ‎(เทคโนโลยีทำให้เกิดความกังวลอย่างไร) 8 00:00:28,488 --> 00:00:30,615 ‎(โทรศัพท์ทำให้คุณกังวลหรือซึมเศร้าหรือเปล่า) 9 00:00:30,698 --> 00:00:32,909 ‎(โจเซฟ ฟราสซิน่า ‎นี่ เป็นยังไงบ้าง คุณยัง…) 10 00:00:32,992 --> 00:00:34,494 ‎(นัดหมอฟัน - วันนี้ 13:00 น.) 11 00:00:34,577 --> 00:00:35,787 ‎(แจ้งเตือน - ให้อาหารแมว) 12 00:00:35,870 --> 00:00:37,205 ‎(ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี) 13 00:00:37,288 --> 00:00:39,499 ‎(แค่อยากถามว่าคุณได้เปิดแจ้งเตือนไหม) 14 00:00:39,582 --> 00:00:41,417 ‎(นัดพบเอลเลียต แมนเดอร์ ‎วันนี้ 15:00 น.) 15 00:00:41,501 --> 00:00:43,669 ‎คุณรับมือกับความเครียดยังไง 16 00:00:43,753 --> 00:00:46,881 ‎เรามียาที่แก้เครียดได้ในห้านาที 17 00:00:46,964 --> 00:00:49,509 ‎มันทำอะไรกันแน่ มันทำให้เรารู้สึกยังไง 18 00:00:49,592 --> 00:00:51,427 ‎มันบรรเทาความเครียดให้คนนับล้าน 19 00:00:51,511 --> 00:00:55,431 ‎ฉันพกซาแน็กซ์ติดตัวตลอดเวลา ‎ตอนนี้มันอยู่ในกระเป๋า 20 00:00:55,515 --> 00:00:59,435 ‎ผมรู้ว่าผมมียาวิเศษอยู่เสมอ ‎ผมค้นพบวิธีการที่ใช้ได้ผล 21 00:00:59,519 --> 00:01:02,396 ‎อย่างแรกที่เราทำเวลามีคนพูดว่า 22 00:01:02,480 --> 00:01:04,607 ‎"เครียดจัง นอนไม่หลับเลย" 23 00:01:04,690 --> 00:01:06,609 ‎คือ "กินยาตัวนี้สิ มันจะช่วยให้นอนหลับ 24 00:01:06,692 --> 00:01:08,653 ‎มันจะทำให้รู้สึกสงบ ลาก่อน" 25 00:01:08,736 --> 00:01:11,030 ‎ปริมาณการใช้ซาแน็กซ์เพิ่มขึ้นมาก 26 00:01:11,114 --> 00:01:13,908 ‎การสั่งยาพุ่งสูงภายในยี่สิบปีที่ผ่านมา 27 00:01:13,991 --> 00:01:16,702 ‎ผู้ใหญ่ชาวอเมริกันประมาณหนึ่งในแปดคนใช้ยานี้ 28 00:01:16,786 --> 00:01:18,621 ‎มีการสั่งยาเยอะมาก 29 00:01:18,704 --> 00:01:21,207 ‎ที่จริงมันก็มีมานานแล้วนะ 30 00:01:21,290 --> 00:01:22,708 ‎เราถามเพื่อนได้เสมอ 31 00:01:22,792 --> 00:01:25,211 ‎"มีซาแน็กซ์ไหม หรือรู้จักคนที่มีซาแน็กซ์ไหม" 32 00:01:25,294 --> 00:01:27,713 ‎เป็นเพราะประเทศของเรา ‎กังวลมากขึ้นหรือเปล่าคะ 33 00:01:27,797 --> 00:01:28,881 ‎เราตระหนักรู้มากขึ้น 34 00:01:28,965 --> 00:01:31,759 ‎หรือเป็นเพราะมียาให้ใช้มากขึ้น 35 00:01:31,843 --> 00:01:35,388 ‎ความกังวลเป็นสัญญาณเตือนว่ามีบางอย่างผิดปกติ 36 00:01:35,471 --> 00:01:36,973 ‎ตอนนี้มีบางอย่างผิดปกติอย่างมาก 37 00:01:37,056 --> 00:01:40,059 ‎สำหรับสมองและร่างกาย เราไม่เคยพักผ่อน 38 00:01:40,143 --> 00:01:42,687 ‎เราทำงานตลอดเวลา 39 00:01:43,271 --> 00:01:46,065 ‎ฉันรู้สึกดีที่สุดเวลากินซาแน็กซ์ครึ่งเม็ด 40 00:01:46,149 --> 00:01:50,570 ‎มันคือความมึนเมาแบบที่ฉันคิดว่า ‎คนอื่นๆ รู้สึกเป็นปกติ 41 00:01:50,653 --> 00:01:52,530 ‎เดี๋ยวนะ ได้เวลาซาแน็กซ์แล้ว 42 00:01:53,447 --> 00:01:57,285 ‎ยาเป็นทางออกที่เรียบง่าย 43 00:01:57,368 --> 00:02:01,706 ‎ที่เราสร้างโครงสร้างพื้นฐานขึ้นมารองรับ 44 00:02:01,789 --> 00:02:05,585 ‎แต่ตอนนี้แพทย์เตือนว่ามันมีฤทธิ์ ‎ทำให้เสพติดและอันตรายกว่าที่คิดไว้ 45 00:02:05,668 --> 00:02:07,879 ‎ครั้งแรกที่ฉันกินมัน 46 00:02:07,962 --> 00:02:11,591 ‎ฉันพูดว่า "ฉันรู้เลยว่าทำไมคนถึงติดมัน" 47 00:02:13,342 --> 00:02:15,720 ‎ฉันต้องระวังยาตัวนี้ ไม่ต้องสงสัยเลย 48 00:02:15,803 --> 00:02:17,430 ‎ถ้าตอนนั้นผมรู้แบบนี้ 49 00:02:17,513 --> 00:02:20,808 ‎ผมไม่มีวันกินยาเม็ดแรก 50 00:02:21,392 --> 00:02:22,268 ‎ไม่มีวัน 51 00:02:22,351 --> 00:02:25,271 ‎เวลาเราไปหาหมอและคาดหวังว่า ‎จะได้รับความช่วยเหลือ 52 00:02:25,354 --> 00:02:28,107 ‎สิ่งที่เราไม่รู้คือถ้าปัญหาไม่ทำให้เรากลัว 53 00:02:28,191 --> 00:02:29,650 ‎รอจนกว่าจะเห็นวิธีแก้ก่อนเถอะ 54 00:02:29,734 --> 00:02:31,611 ‎เราติดอยู่ในบ่วงเดิมๆ 55 00:02:31,694 --> 00:02:33,321 ‎แก้ปัญหาที่เกิดไปแล้ว 56 00:02:33,404 --> 00:02:36,032 ‎แทนที่จะสร้างภูมิต้านทานตั้งแต่แรก 57 00:02:41,579 --> 00:02:45,333 ‎เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของชีวิตในยุคใหม่ 58 00:02:45,416 --> 00:02:49,462 ‎คือเราใช้เวลาในหัวตัวเองมากแค่ไหน 59 00:02:49,545 --> 00:02:53,841 ‎ตอนนี้ชีวิตของเราส่วนใหญ่ดำเนินไป 60 00:02:53,925 --> 00:02:56,719 ‎ในสมองของเรา 61 00:02:56,802 --> 00:03:01,057 ‎เราไม่ได้วิ่งหนีเสือ ในบางแง่ ‎การวิ่งหนีเสือเรียบง่ายกว่ามาก 62 00:03:01,140 --> 00:03:04,685 ‎เมื่อ 2,000 ปีก่อน ‎คนเดินทางด้วยวิธีไหนเป็นหลัก 63 00:03:04,769 --> 00:03:08,648 ‎ความกลัว สัตว์จะคำรามแล้วงับขาเรา 64 00:03:08,731 --> 00:03:10,066 ‎เราวิ่งได้นาทีหนึ่งเป็นกิโล 65 00:03:10,149 --> 00:03:12,276 ‎- ความกลัวทำให้… ‎- ความกลัวทำให้เราเคลื่อนที่ 66 00:03:12,360 --> 00:03:13,736 ‎- เข้าใจล่ะ ‎- ความกลัวผลักดันเรา 67 00:03:13,819 --> 00:03:16,614 ‎เวลาเรารู้สึกกังวล สิ่งที่เกิดขึ้น ‎ในร่างกายจะคล้ายคลึงกับ 68 00:03:16,697 --> 00:03:18,282 ‎สิ่งที่เกิดขึ้นเวลาเรากลัว 69 00:03:19,200 --> 00:03:23,287 ‎ในสมองของมนุษย์เกือบทุกคน ‎รวมถึงวานร สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 70 00:03:23,371 --> 00:03:27,041 ‎และแม้แต่สัตว์เลื้อยคลาน ‎มีศูนย์กลางความกลัวที่เรียกว่าอะมิกดะลา 71 00:03:27,541 --> 00:03:30,127 ‎ในมนุษย์จะมีสองข้าง มันสมมาตรกัน 72 00:03:30,211 --> 00:03:32,630 ‎อยู่ตรงกลางๆ รูปร่างคล้ายอัลมอนด์ 73 00:03:33,422 --> 00:03:38,427 ‎อะมิกดะลาจะทำงาน ‎ถ้ามีอะไรที่ทำให้กังวลหรือกลัว 74 00:03:38,511 --> 00:03:40,346 ‎มันคือการตอบสนองโดยสู้หรือหนี 75 00:03:40,429 --> 00:03:44,308 ‎ระบบประสาทซิมพาเทติก ‎กำลังเตรียมร่างกายให้พร้อมลงมือ 76 00:03:44,392 --> 00:03:47,144 ‎เลือดสูบฉีด หัวใจเต้นรัว 77 00:03:47,228 --> 00:03:48,938 ‎กล้ามเนื้อถูกกระตุ้น 78 00:03:49,021 --> 00:03:52,149 ‎ความวิตกกังวลเป็นพลังงานรูปแบบหนึ่ง 79 00:03:52,900 --> 00:03:57,571 ‎และพลังงาน ถ้าใช้ในทางที่เหมาะสม ‎ก็เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก 80 00:03:57,655 --> 00:04:01,659 ‎มันทำให้เรามีพลังที่จะไขว่คว้า ‎ทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จ 81 00:04:03,035 --> 00:04:07,665 ‎เราฉลาดขึ้น มีสมาธิมากขึ้น ‎มีแรงผลักดัน ทะเยอทะยาน มีความหวัง 82 00:04:08,165 --> 00:04:12,503 ‎ถ้าเรามีความกังวลในระดับที่พอดี ‎ระดับที่เรายอมรับและจัดการได้ 83 00:04:12,586 --> 00:04:15,214 ‎เวลาคิดถึงโรควิตกกังวล 84 00:04:15,715 --> 00:04:18,551 ‎ฉันคิดว่าคนที่เป็นโรคนี้มีแนวโน้ม 85 00:04:18,634 --> 00:04:21,429 ‎ที่จะเกิดอะดรีนาลีนพลุ่งพล่าน 86 00:04:21,512 --> 00:04:23,723 ‎และมันทำให้พวกเขาเป็นอัมพาต 87 00:04:24,223 --> 00:04:28,477 ‎ไม่ว่าจะเป็นอัมพาตทางความคิด ‎อัมพาตทางกาย หรือทั้งสองอย่าง 88 00:04:28,561 --> 00:04:30,813 ‎เวลาที่ฉันวิตกกังวลอย่างหนัก 89 00:04:30,896 --> 00:04:34,066 ‎อย่างแรกที่ฉันรู้สึกคือความร้อนและแรงกดดัน 90 00:04:34,150 --> 00:04:38,112 ‎เหมือนอากาศมันหนาแน่นและกดทับบนตัวฉัน 91 00:04:38,195 --> 00:04:40,906 ‎เหมือนผ้าห่มที่ร้อนและหนักมากๆ 92 00:04:40,990 --> 00:04:42,867 ‎หัวใจเต้นเร็วและแรง 93 00:04:42,950 --> 00:04:45,578 ‎ลมหายใจเริ่มกระชั้น 94 00:04:45,661 --> 00:04:48,456 ‎และรู้สึกเหมือนมีอะไรรัดหน้าอกจนแน่น 95 00:04:48,539 --> 00:04:52,043 ‎ฉันรู้สึกเหมือนต้องหายใจถี่ขึ้น 96 00:04:52,126 --> 00:04:54,628 ‎ถึงจะได้รับออกซิเจนเพียงพอต่อการเอาชีวิตรอด 97 00:04:54,712 --> 00:04:56,964 ‎ฉันหายใจไม่ทันเลย 98 00:04:57,048 --> 00:04:59,133 ‎รูม่านตาขยาย เหงื่อเริ่มออก 99 00:04:59,216 --> 00:05:01,886 ‎เลือดไหลจากกระเพาะไปที่แขนขา 100 00:05:01,969 --> 00:05:05,014 ‎และมันทำให้ผมรู้สึกว่า "พระเจ้า ปวดท้องจัง 101 00:05:05,097 --> 00:05:07,266 ‎จะเป็นยังไงต่อ ฉันจะอ้วกไหม" 102 00:05:07,350 --> 00:05:11,812 ‎กล้ามเนื้อของฉันเขม็งเกลียว ‎จนเกร็งไปหมดทุกส่วน 103 00:05:11,896 --> 00:05:14,398 ‎ส่วนที่มีเหตุผลคิดว่า "นี่มันบ้าชัดๆ 104 00:05:14,482 --> 00:05:17,735 ‎ไม่มีอะไรสักหน่อย" ‎แต่เราคิดอะไรเป็นเหตุเป็นผลไม่ได้เลย 105 00:05:17,818 --> 00:05:23,407 ‎เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ‎ที่สามารถวัดได้จนถึงระดับโมเลกุล 106 00:05:23,491 --> 00:05:25,117 ‎นั่นคือการเปลี่ยนแปลงทางกาย 107 00:05:25,201 --> 00:05:29,372 ‎ยังมีการเปลี่ยนแปลงทางจิตวิทยาอีก ‎เรารู้สึกยังไง หวาดหวั่น 108 00:05:29,455 --> 00:05:30,998 ‎ความกังวลนี้ 109 00:05:31,082 --> 00:05:34,710 ‎ความกลัว จากนั้นฉันก็กินซาแน็กซ์ 110 00:05:34,794 --> 00:05:37,505 ‎และสามหรือสี่นาทีต่อมา 111 00:05:37,588 --> 00:05:39,465 ‎ฉันก็กลับมาเป็นปกติ 112 00:05:39,548 --> 00:05:43,386 ‎ผมแทบรู้สึกเลยว่ามันออกฤทธิ์ตอนไหน 113 00:05:43,469 --> 00:05:45,846 ‎นั่นทำให้มันเหมือนยาวิเศษสำหรับผม 114 00:05:45,930 --> 00:05:48,265 ‎ก่อนอื่นเลย มันทำให้ร่างกายฉันผ่อนคลาย 115 00:05:48,349 --> 00:05:52,561 ‎ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันต้องการเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ 116 00:05:52,645 --> 00:05:55,481 ‎ผ่อนคลายมือ ผ่อนคลายลมหายใจ 117 00:05:55,564 --> 00:06:00,736 ‎และปลดเปลื้องแรงกดดันที่รุนแรง 118 00:06:00,820 --> 00:06:04,073 ‎ขณะที่ฉันพยายามตั้งสติ 119 00:06:04,156 --> 00:06:06,742 ‎ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนั้นมาก่อน 120 00:06:11,872 --> 00:06:15,042 ‎มันทำให้เราสามารถปล่อยวาง 121 00:06:15,126 --> 00:06:18,462 ‎ปล่อยวางความเครียดทั้งหมด ‎ความกังวลทั้งหมดในวันนั้น 122 00:06:18,546 --> 00:06:21,549 ‎ความหนักใจทั้งหมดหายไป 123 00:06:23,050 --> 00:06:27,054 ‎ผมไม่รู้ว่ามีใครในที่นี้เคยลอง ‎ซาแน็กซ์ไหม แต่มันวิเศษมาก 124 00:06:27,638 --> 00:06:29,640 ‎ซาแน็กซ์ได้รับเสียงปรบมือเบามาก 125 00:06:30,850 --> 00:06:35,396 ‎ไม่มีใครร้อง "วู้" มีแต่ "ช่าย" 126 00:06:35,479 --> 00:06:36,772 ‎เบ็นโซไดอาเซพีน 127 00:06:36,856 --> 00:06:39,817 ‎มันคือประเภทของยา ‎คนรู้จักยากลุ่มนี้ในชื่ออะไรคะ 128 00:06:40,484 --> 00:06:42,445 ‎แวเลียม ซาแน็กซ์ 129 00:06:42,945 --> 00:06:47,450 ‎คลอโนพิน อาติแวน ‎หนึ่งในยาตัวแรกๆ ชื่อว่าลิเบรียม 130 00:06:47,533 --> 00:06:50,453 ‎ยาเหล่านี้มีกลไกการทำงาน ‎ทางเภสัชวิทยาเหมือนกัน 131 00:06:50,536 --> 00:06:55,416 ‎เบ็นโซไดอาเซพีนกระตุ้นสารสื่อประสาท ‎ในสมองที่เรียกว่ากาบา 132 00:06:55,499 --> 00:06:57,042 ‎จะคิดว่าเป็นสารกดประสาทก็ได้ 133 00:06:58,961 --> 00:07:02,965 ‎มันลดการสื่อสารระหว่างเซลล์สมองแต่ละเซลล์ 134 00:07:03,048 --> 00:07:05,050 ‎มันทำให้สมองสงบลง 135 00:07:05,134 --> 00:07:06,594 ‎เหมือนกับ… นึกออกไหม 136 00:07:07,970 --> 00:07:12,099 ‎มันระงับการตอบสนองโดยสู้หรือหนีของเรา 137 00:07:12,183 --> 00:07:15,144 ‎มันทำให้เราหายใจช้าลง หัวใจเต้นช้าลง 138 00:07:15,227 --> 00:07:18,856 ‎มันลดการกระตุ้นทั้งหมดนั่น 139 00:07:19,690 --> 00:07:21,025 ‎และผลก็คือ 140 00:07:21,108 --> 00:07:24,612 ‎พอร่างกายสงบลง ‎อารมณ์ของเราก็สงบตามไปด้วย 141 00:07:24,695 --> 00:07:27,823 ‎ผมสมองปลอดโปร่ง ความคิดลื่นไหล 142 00:07:27,907 --> 00:07:30,367 ‎มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนเป็นตัวเองในแบบที่ดีขึ้น 143 00:07:30,451 --> 00:07:32,286 ‎และผมว่าในบางแง่ ผมก็ดีขึ้นจริงๆ 144 00:07:35,039 --> 00:07:38,667 ‎ตั้งแต่อยู่เกรดสอง ‎ผมก็รู้แล้วว่าผมเป็นเด็กขี้กังวล 145 00:07:39,418 --> 00:07:43,047 ‎ผมรู้ตัวว่าท้องไส้ปั่นป่วนง่าย และผมไม่ชอบเลย 146 00:07:43,130 --> 00:07:45,758 ‎ตั้งแต่ยังเด็ก ผมเริ่มมีความกลัว 147 00:07:45,841 --> 00:07:48,052 ‎แบบเดียวกับแม่ผม คือกลัวการอาเจียน 148 00:07:48,135 --> 00:07:54,308 ‎ซึ่งเป็นความกลัวที่แปลก ‎แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่าไม่ได้แปลกขนาดนั้น 149 00:07:54,391 --> 00:07:58,771 ‎ตั้งแต่อายุหกขวบ ผมใช้ชีวิต ‎อย่างหวาดกลัวการอาเจียน 150 00:07:58,854 --> 00:08:03,692 ‎ซึ่งนำไปสู่ความกลัวเชื้อโรค ‎อาหาร และภาวะอาหารเป็นพิษ 151 00:08:03,776 --> 00:08:07,738 ‎เวลาที่ผมใช้ไปกับการตรวจสอบสภาพแวดล้อม 152 00:08:07,821 --> 00:08:11,534 ‎ว่ามีอันตรายต่อชีวิตผมไหม มันบ้ามาก 153 00:08:11,617 --> 00:08:16,330 ‎พอโตขึ้น ผมก็เริ่มมีอาการตื่นตระหนก 154 00:08:17,790 --> 00:08:19,083 ‎สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับขึ้นเครื่อง 155 00:08:19,166 --> 00:08:22,711 ‎การขึ้นเครื่องบินยังทำให้ผม ‎กังวลจนเกิดอาการทางกายอย่างรุนแรง 156 00:08:22,795 --> 00:08:25,673 ‎กรุณาสังเกตทางออกที่อยู่ใกล้กับท่านที่สุด 157 00:08:25,756 --> 00:08:30,344 ‎ถ้าต้องพูดในที่สาธารณะ ‎ผมก็กังวลจนเกิดอาการทางกายอย่างรุนแรง 158 00:08:30,427 --> 00:08:36,725 ‎ขณะที่ผมทำงานด้านข่าวสาร ‎การเขียน และเป็นบรรณาธิการ 159 00:08:36,809 --> 00:08:39,645 ‎ผมต้องขึ้นเครื่องบินและพูดในที่สาธารณะบ่อยขึ้น 160 00:08:39,728 --> 00:08:41,855 ‎ตั้งแต่อายุสามสิบจนสี่สิบกว่า 161 00:08:41,939 --> 00:08:44,650 ‎ผมตีพิมพ์หนังสือสองเล่ม ‎ซึ่งทำให้ผมต้องพูดในที่สาธารณะ 162 00:08:44,733 --> 00:08:48,779 ‎และนั่นทำให้ผมเรียนรู้ว่าจะปรับขนาดยายังไง 163 00:08:48,862 --> 00:08:49,947 ‎ผมยังรู้สึกกังวลอยู่ 164 00:08:50,030 --> 00:08:52,992 ‎แต่ไม่ถึงขนาดซินดี้ เบรดี้ในเดอะเบรดี้บันช์ 165 00:08:53,075 --> 00:08:54,493 ‎พอไฟแดงดวงนี้ติด 166 00:08:54,577 --> 00:08:57,371 ‎เราจะออกอากาศ และคนทุกบ้านจะเห็นเรา 167 00:08:57,454 --> 00:09:01,083 ‎พอไฟแดงตรงกล้องติด เธอก็ตัวแข็งทื่อ 168 00:09:02,167 --> 00:09:06,005 ‎ในปี 2014 ผมตีพิมพ์หนังสือเรื่อง ‎มายเอจออฟแองไซตี้ 169 00:09:06,088 --> 00:09:06,964 ‎(มายเอจออฟแองไซตี้) 170 00:09:07,172 --> 00:09:10,968 ‎ซึ่งพูดถึงปัญหาความกังวลของผม ‎และผมคิดว่ามันอาจจะช่วยผม 171 00:09:11,051 --> 00:09:13,887 ‎เพราะนั่นคงเป็นฉากจบที่ดีที่สุด ‎ที่ผมฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ 172 00:09:13,971 --> 00:09:16,140 ‎อย่างแรก ผมจะหายดี นั่นคือประเด็น 173 00:09:16,223 --> 00:09:18,976 ‎อย่างที่สอง หนังสือของผมจะยิ่งขายดี 174 00:09:19,059 --> 00:09:22,646 ‎เพราะมันบอกว่า "ต้องทำแบบนี้นะ" ‎แต่มันกลับกลายเป็น "ผมยังกังวลอยู่" 175 00:09:22,730 --> 00:09:26,775 ‎ไม่ใช่ตอนจบที่น่าพอใจหรือมีประโยชน์ 176 00:09:26,859 --> 00:09:29,862 ‎ลองคิดดูว่าคุณไม่สามารถ ‎ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ 177 00:09:29,945 --> 00:09:31,655 ‎เพราะความกลัวและกังวล 178 00:09:31,739 --> 00:09:33,991 ‎สกอตต์ สตอสเซลต่อสู้กับ ‎ความกังวลมาทั้งชีวิต 179 00:09:34,074 --> 00:09:38,704 ‎ผู้เขียน สกอตต์ สตอสเซลเป็นบรรณาธิการ ‎ของเดอะแอตแลนติก และจบจากฮาร์วาร์ด 180 00:09:38,787 --> 00:09:40,956 ‎เขายังเป็นสามีและพ่อลูกสอง 181 00:09:41,040 --> 00:09:43,459 ‎ผมคิดว่าในระยะสั้น มันส่งผลตรงข้าม 182 00:09:43,542 --> 00:09:45,419 ‎คือมันทำให้ผมยิ่งกังวล 183 00:09:45,502 --> 00:09:49,840 ‎ผมใช้เบ็นโซไดอาเซพีนมากขึ้น 184 00:09:49,923 --> 00:09:53,344 ‎คุณกับคนอีก 40 ล้านคน ‎รักษาโรควิตกกังวลแบบนี้ยังไง 185 00:09:53,427 --> 00:09:56,513 ‎ผมเคยลองมาหลายอย่าง 186 00:09:56,597 --> 00:09:58,599 ‎แต่ผมกินยา ขอย้ำอีกครั้งว่า 187 00:09:58,682 --> 00:10:00,851 ‎นี่เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยบอกใคร ‎เพราะผมอับอาย 188 00:10:00,934 --> 00:10:04,438 ‎แต่ผมกินยาแก้ซึมเศร้า ‎และเบ็นโซไดอาเซพีน ซึ่ง… 189 00:10:05,648 --> 00:10:08,776 ‎- อย่างซาแน็กซ์เหรอครับ ‎- ซาแน็กซ์ ซึ่งเป็นยาแก้กังวล… 190 00:10:08,859 --> 00:10:11,111 ‎ได้เอามาเผื่อคนทั้งห้องส่งไหม 191 00:10:12,112 --> 00:10:14,114 ‎ผมมีนะ อยากให้แบ่งไหม 192 00:10:14,198 --> 00:10:17,534 ‎เรื่องหนึ่งที่ผมพยายามหาคำตอบ ‎ตอนเขียนหนังสือเล่มนี้คือ 193 00:10:17,618 --> 00:10:21,747 ‎"ต้นตอของความกังวล ‎เกิดจากพันธุกรรมหรือเปล่า 194 00:10:21,830 --> 00:10:25,668 ‎หรือเป็นบาดแผลทางใจตั้งแต่สมัยเด็ก" 195 00:10:26,460 --> 00:10:29,546 ‎อารมณ์พื้นฐานส่วนใหญ่ของเรา 196 00:10:29,630 --> 00:10:31,256 ‎การตอบสนองต่อโลก 197 00:10:31,340 --> 00:10:33,425 ‎ส่วนใหญ่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด 198 00:10:34,385 --> 00:10:36,929 ‎มีงานวิจัยที่หลากหลายเกี่ยวกับฝาแฝด 199 00:10:37,012 --> 00:10:39,682 ‎และมันแสดงให้เห็นว่าพันธุกรรมส่งผลอย่างลึกซึ้ง 200 00:10:40,724 --> 00:10:43,769 ‎มันส่งผลอย่างลึกซึ้งแต่ก็ไม่ได้เป็นตัวชี้ขาด 201 00:10:43,852 --> 00:10:46,105 ‎ไม่อย่างนั้น แฝดเหมือนแต่ละคู่ 202 00:10:46,188 --> 00:10:48,607 ‎จะต้องมีความวิตกกังวลเท่ากันเสมอ 203 00:10:48,691 --> 00:10:50,526 ‎และมันไม่ได้เป็นแบบนั้นทุกคู่ 204 00:10:51,026 --> 00:10:53,946 ‎ประสบการณ์ของเรามีผลกระทบอย่างมาก 205 00:11:03,580 --> 00:11:06,792 ‎เตะไวๆ แบบฮิปฮอป เตะ ผมอยากให้คุณเตะขา 206 00:11:12,172 --> 00:11:16,427 ‎ฉันมีอาการวิตกกังวลครั้งแรกสมัยเรียน 207 00:11:17,177 --> 00:11:19,430 ‎เพราะฉันถูกกลั่นแกล้งตลอดช่วงที่เรียนอยู่ 208 00:11:19,513 --> 00:11:23,100 ‎ในโรงเรียนประถมที่ฉันเรียนมีคนดำแค่สามคน 209 00:11:23,183 --> 00:11:26,353 ‎ฉันเลยเป็นคนดำคนเดียวในชั้นเรียนเสมอ 210 00:11:26,437 --> 00:11:28,689 ‎และมีการกลั่นแกล้งเพราะเชื้อชาติเยอะมาก 211 00:11:28,772 --> 00:11:31,191 ‎ฉันกลัวคาบพัก 212 00:11:31,275 --> 00:11:34,153 ‎เพราะนั่นเป็นตอนที่มีการกลั่นแกล้งหนักที่สุด 213 00:11:34,653 --> 00:11:39,616 ‎ฉันโตมาในฟลอริดาตอนใต้ ‎และมาจากครอบครัวที่ยากจน 214 00:11:39,700 --> 00:11:41,535 ‎พ่อแม่ฉันมีเงินไม่มาก 215 00:11:42,411 --> 00:11:44,455 ‎ฉันเข้ากองทัพทันทีที่เรียนจบมัธยมปลาย 216 00:11:44,538 --> 00:11:46,707 ‎เพราะฉันรู้ว่าฉันอยากเรียนวิทยาลัย 217 00:11:46,790 --> 00:11:48,876 ‎ฉันต้องหาทางจ่ายค่าเทอมเอง 218 00:11:48,959 --> 00:11:51,378 ‎ฉันอยู่ในอิรักประมาณ 15 เดือน 219 00:11:51,462 --> 00:11:55,758 ‎ฉันโชคดีมากที่การไปปฏิบัติหน้าที่ ‎ของฉันไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น 220 00:11:55,841 --> 00:11:58,969 ‎แต่ในทางกลับกัน ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศ 221 00:11:59,052 --> 00:12:02,723 ‎ระหว่างที่อยู่ในกองทัพและนั่นเป็นสาเหตุหนึ่ง 222 00:12:02,806 --> 00:12:05,684 ‎ที่ทำให้ฉันมีปัญหาหลายอย่างหลังจากออกมา 223 00:12:05,768 --> 00:12:07,644 ‎หายใจเข้าลึกๆ รู้สึกตึงไหม 224 00:12:12,691 --> 00:12:13,650 ‎เจ็ดสิบห้าไหม 225 00:12:18,197 --> 00:12:19,490 ‎เกือบแล้ว 226 00:12:19,990 --> 00:12:21,241 ‎หลังออกจากกองทัพ 227 00:12:21,325 --> 00:12:24,119 ‎ฉันตัดสินใจย้ายไปนิวยอร์กซิตี้เพื่อเข้าวิทยาลัย 228 00:12:24,203 --> 00:12:26,330 ‎ฉันอยากเรียนด้านแฟชั่น 229 00:12:26,413 --> 00:12:29,416 ‎ฉันรู้สึกห่างเหินจากนักเรียนที่เรียนด้วยกัน 230 00:12:29,500 --> 00:12:31,251 ‎เพราะฉันแก่กว่าพวกเขา 231 00:12:31,335 --> 00:12:33,754 ‎และเคยเจอเหตุการณ์แบบที่พวกเขาไม่เคยเจอ 232 00:12:33,837 --> 00:12:35,923 ‎เราต่อกันไม่ติด 233 00:12:36,006 --> 00:12:38,258 ‎และสำหรับฉัน การนั่งอยู่ในห้องเรียน 234 00:12:38,342 --> 00:12:40,677 ‎เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ฉันจะทำในวันนั้น 235 00:12:40,761 --> 00:12:44,890 ‎เพราะฉันเดิมพันทั้งชีวิต ‎เพื่อโอกาสที่จะได้นั่งตรงนั้น 236 00:12:46,183 --> 00:12:50,521 ‎และสมองของฉันก็บังคับให้ฉันเผชิญหน้ากับ 237 00:12:50,604 --> 00:12:52,606 ‎เรื่องที่เกิดขึ้นตอนอยู่ในกองทัพ 238 00:12:52,689 --> 00:12:54,983 ‎ทุกอย่างประเดประดังเข้ามาในเวลาเดียวกัน 239 00:12:55,067 --> 00:12:57,110 ‎นั่นเป็นครั้งแรกที่หมอสั่งยาให้ฉัน 240 00:12:57,194 --> 00:13:00,072 ‎และมันช่วยฉันได้มากในตอนนั้น 241 00:13:00,155 --> 00:13:01,865 ‎ที่ฉันอยู่ในจุดวิกฤต 242 00:13:01,949 --> 00:13:04,409 ‎และเอาชีวิตแทบไม่รอด 243 00:13:12,042 --> 00:13:14,294 ‎ก่อนเข้านอนเมื่อคืน ฉันคิดว่า 244 00:13:14,378 --> 00:13:16,213 ‎"ฉันต้องทำยังไงจิตใจถึงจะสงบ" 245 00:13:17,214 --> 00:13:19,216 ‎ฉันต้องการความแน่นอน 246 00:13:19,299 --> 00:13:22,135 ‎นั่นเป็นเรื่องที่ฉันมักจะมีปัญหา 247 00:13:22,219 --> 00:13:26,390 ‎ฉันต้องรู้ ฉันต้องรู้อนาคต ‎ฉันสงสัยว่า "มันจะเป็นไปด้วยดีไหม" 248 00:13:26,473 --> 00:13:30,310 ‎ไม่ๆ หมอ… ฉันต้องคุยกับหมอหรือไม่ก็ร่างทรง 249 00:13:30,394 --> 00:13:31,979 ‎ฉันจำเป็นต้องรู้ 250 00:13:33,730 --> 00:13:37,401 ‎สองอาทิตย์หลังเกิดโรคระบาด ฉันตกงาน 251 00:13:37,901 --> 00:13:41,363 ‎ฉันจำได้ว่าคิดว่า "ฉันจะจ่ายค่าเช่ายังไง 252 00:13:41,446 --> 00:13:45,701 ‎จะจ่ายค่าใช้จ่ายอื่นๆ ยังไง ‎จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป" 253 00:13:46,326 --> 00:13:49,705 ‎ฉันเตรียมตัวย้ายไปอยู่กับแฟน 254 00:13:50,664 --> 00:13:54,042 ‎จากนั้นฉันก็ได้รู้ว่าเขานอกใจฉัน 255 00:13:54,126 --> 00:13:56,211 ‎ฉันเลยย้ายกลับไปอยู่บ้านแม่ 256 00:13:56,295 --> 00:13:58,005 ‎ฉันต้องอยู่บ้าน 257 00:13:58,088 --> 00:13:59,548 ‎ไม่มีงานทำ 258 00:14:00,048 --> 00:14:01,592 ‎ไม่มีรถ 259 00:14:01,675 --> 00:14:04,303 ‎และพ่อแม่ฉันทำงาน ฉันเลยอยู่คนเดียว 260 00:14:04,386 --> 00:14:08,432 ‎ฉันต้องปิดบังความเจ็บปวดอันใหญ่หลวง 261 00:14:08,515 --> 00:14:11,768 ‎เพราะฉันไม่อยากให้พ่อแม่เสียใจ 262 00:14:11,852 --> 00:14:13,687 ‎พวกท่านเสียใจและไม่สบายใจมาก 263 00:14:14,271 --> 00:14:16,565 ‎นั่นคือจุดที่ฉันคิดว่า "ฉันกำลังวิตกกังวล" 264 00:14:16,648 --> 00:14:19,902 ‎ฉันจำได้ว่าคิดว่า ‎"ไม่อยากให้กลางคืนมาถึงเลย" 265 00:14:19,985 --> 00:14:21,236 ‎ทุกคืนเลย 266 00:14:21,320 --> 00:14:24,489 ‎และฉันมีเพื่อนคนหนึ่งที่มีซาแน็กซ์ ฉันบอกว่า 267 00:14:24,573 --> 00:14:28,785 ‎"ฉันต้องทำให้ตัวเองด้านชา จะได้นอนหลับ" 268 00:14:29,536 --> 00:14:31,204 ‎ฉันถามนักบำบัดคนเก่า 269 00:14:31,288 --> 00:14:35,792 ‎และแปลกใจที่เธอบอกว่ามันขึ้นอยู่กับฉัน 270 00:14:35,876 --> 00:14:37,169 ‎ฉันก็แบบ "อะไรวะ" 271 00:14:37,252 --> 00:14:41,757 ‎ฉันนึกว่านักบำบัดจะช่วยยืนยันว่า 272 00:14:41,840 --> 00:14:46,053 ‎"ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก ‎คุณไม่ได้กังวลจนต้องกินซาแน็กซ์" 273 00:14:46,136 --> 00:14:47,262 ‎แต่เธอกลับบอกว่า 274 00:14:47,346 --> 00:14:50,098 ‎"ได้ ถ้าคุณสนใจ เราจะลองดูก็ได้" 275 00:14:50,182 --> 00:14:54,186 ‎ฉันก็แบบ "ต้องตัดสินใจเองจริงๆ สินะ" 276 00:14:54,269 --> 00:14:58,357 ‎มันเหมือนกระจกที่เราทุบเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน 277 00:14:58,440 --> 00:15:01,401 ‎แต่เราต้องเลือกเหตุฉุกเฉินให้ดี 278 00:15:03,904 --> 00:15:06,782 ‎ปริมาณการสั่งยาเบ็นโซไดอาเซพีนเพิ่มขึ้น 279 00:15:06,865 --> 00:15:09,159 ‎ในช่วงสองถึงสามทศวรรษที่ผ่านมา 280 00:15:09,242 --> 00:15:12,663 ‎ถ้าเราดูจำนวนคนที่มีปัญหาด้านความกังวล 281 00:15:12,746 --> 00:15:15,040 ‎คนหนึ่งในสามมีอาการอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต 282 00:15:15,123 --> 00:15:17,834 ‎และนั่นคือคนที่กังวลจนส่งผลต่อการใช้ชีวิต 283 00:15:17,918 --> 00:15:23,423 ‎และได้รับการวินิจฉัยว่า ‎เป็นโรควิตกกังวล ก็คือคนที่อาการหนัก 284 00:15:23,507 --> 00:15:26,385 ‎ผมคิดว่าคุณมีอาการตื่นตระหนก 285 00:15:26,468 --> 00:15:28,303 ‎ไม่หรอก มันไม่มีจริง 286 00:15:28,387 --> 00:15:30,389 ‎มันเป็นแค่แผนประชาสัมพันธ์ดารา 287 00:15:30,472 --> 00:15:33,558 ‎เชื่อฉัน ฉันรู้จักดาราหลายคน 288 00:15:33,642 --> 00:15:35,727 ‎ไม่ มันมีจริงแน่นอน 289 00:15:35,811 --> 00:15:39,690 ‎ฉันว่าเราถูกสอนมาผิดๆ ว่าทุกคนสุขภาพจิตดี 290 00:15:39,773 --> 00:15:43,694 ‎"ฉันเป็นคนเดียวที่ลำบาก เป็นคนเดียวที่มีปัญหา" 291 00:15:44,403 --> 00:15:46,697 ‎คนอื่นๆ แค่ใช้ชีวิตอย่างราบรื่น 292 00:15:46,780 --> 00:15:47,656 ‎(พลังบวกเท่านั้น) 293 00:15:47,739 --> 00:15:50,450 ‎ฉันมีปัญหาอะไรถึงทำแบบนั้นไม่ได้ 294 00:15:50,534 --> 00:15:54,037 ‎มันเป็นความรู้สึกที่วนเวียนกลับมาเป็นครั้งคราว 295 00:15:54,121 --> 00:15:56,790 ‎ส่วนหนึ่งของปัญหาคือความคาดหวัง 296 00:15:56,873 --> 00:16:00,293 ‎มีความคาดหวังว่า ‎เราสามารถสร้างสรรค์อะไรสักอย่าง 297 00:16:00,377 --> 00:16:03,797 ‎ไม่ใช่แค่สร้างสรรค์ แต่บันทึกลง ‎โซเชียลมีเดียที่มีผู้ติดตามนับล้าน 298 00:16:03,880 --> 00:16:07,551 ‎โซเชียลมีเดียจะทำให้เรากังวล ‎ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ 299 00:16:07,634 --> 00:16:11,304 ‎เรากำลังเปรียบเทียบ ‎อารมณ์ความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง 300 00:16:11,388 --> 00:16:14,433 ‎กับภาพลักษณ์ภายนอก ‎ที่ผ่านการคัดเลือกและตกแต่งของคนอื่น 301 00:16:14,516 --> 00:16:15,726 ‎เราไม่มีทางเทียบได้ 302 00:16:15,809 --> 00:16:18,186 ‎มีปัญหาสังคมใหม่ๆ หลายอย่าง 303 00:16:18,270 --> 00:16:20,564 ‎ไม่มีเส้นแบ่งระหว่างที่ทำงานกับบ้าน 304 00:16:20,647 --> 00:16:24,317 ‎เดี๋ยวนี้คนมองไอโฟนมากกว่าสบตาคนอื่น 305 00:16:24,401 --> 00:16:26,778 ‎ถ้าเรามัวแต่ครุ่นคิด ใช้มือถือ 306 00:16:26,862 --> 00:16:29,531 ‎หรือใช้แล็ปท็อป เราไม่ได้อยู่กับร่างกายตัวเอง 307 00:16:29,614 --> 00:16:30,782 ‎เราอยู่ที่อื่น 308 00:16:30,866 --> 00:16:33,201 ‎วัยรุ่นไปเที่ยวกับเพื่อนๆ น้อยกว่าสมัยก่อน 309 00:16:33,285 --> 00:16:36,204 ‎เราถูกแยกจากร่างกาย ถูกแยกจากคนอื่นๆ 310 00:16:36,288 --> 00:16:38,123 ‎ถูกแยกจากธรรมชาติ 311 00:16:38,206 --> 00:16:41,043 ‎ทุกคนแค่ดูมือถือและอยู่ตัวคนเดียว 312 00:16:41,126 --> 00:16:43,879 ‎- รู้ตัวอีกทีก็หมดวันแล้ว ‎- เราใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับมัน 313 00:16:43,962 --> 00:16:49,468 ‎ยาออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ‎อาจเป็นวิธีปรับตัวให้เข้ากับโลก 314 00:16:49,551 --> 00:16:51,553 ‎ที่ในบางแง่ก็ไม่เหมาะกับเรา 315 00:16:51,636 --> 00:16:53,221 ‎(ระเบิดครั้งใหญ่สะเทือนเบรุต) 316 00:16:53,305 --> 00:16:57,267 ‎เราถูกกระตุ้นตลอดเวลาด้วยเหตุการณ์เลวร้าย 317 00:16:57,350 --> 00:16:59,144 ‎ที่เกิดขึ้นทั่วโลก 318 00:16:59,227 --> 00:17:01,688 ‎เรากำลังเห็นจุดเริ่มต้นของ ‎สงครามโลกครั้งที่สามหรือเปล่าคะ 319 00:17:01,772 --> 00:17:07,152 ‎ผมโตมาในยุคที่มีรายการข่าวแค่วันละสามครั้ง 320 00:17:07,235 --> 00:17:08,612 ‎อาวุธนิวเคลียร์… 321 00:17:08,695 --> 00:17:12,240 ‎เดี๋ยวนี้เราดูข่าวได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน 322 00:17:12,324 --> 00:17:13,700 ‎มันเหมือนเสียงพื้นหลัง 323 00:17:13,784 --> 00:17:16,161 ‎ที่เราไม่ได้นึกถึงทุกวัน แต่มันอยู่กับเรา 324 00:17:16,244 --> 00:17:17,788 ‎ความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม 325 00:17:17,871 --> 00:17:19,539 ‎การแพร่ระบาดของความโดดเดี่ยว 326 00:17:19,623 --> 00:17:21,333 ‎โรคเครียดจากการเลือกตั้ง 327 00:17:21,416 --> 00:17:24,377 ‎ชาวอเมริกันหลายล้านคนบอกว่า ‎พวกเขารู้สึกกังวลและเครียด 328 00:17:24,461 --> 00:17:26,338 ‎ฉันจะไปหยิบซาแน็กซ์ในห้องนอน 329 00:17:26,421 --> 00:17:27,672 ‎ขอสักหกเม็ดได้ไหม 330 00:17:27,756 --> 00:17:29,800 ‎- เอามาทั้งขวดเลยแล้วกัน ‎- โอเค 331 00:17:30,300 --> 00:17:34,679 ‎ก่อนโควิด 19 จะระบาด ‎สุขภาพจิตของเราก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว 332 00:17:34,763 --> 00:17:39,559 ‎โรควิตกกังวลกลายเป็น ‎คำวินิจฉัยยอดฮิตแทนโรคซึมเศร้า 333 00:17:39,643 --> 00:17:41,728 ‎เห็นได้ชัดว่าโรคระบาดทำให้มันแย่ลง 334 00:17:41,812 --> 00:17:43,855 ‎มันเป็นหนึ่งในการระเบิดอารมณ์ ‎อันน่าตกตะลึงหลายครั้ง 335 00:17:43,939 --> 00:17:47,818 ‎การดูแลเด็กเป็นหนึ่งใน ‎แหล่งความเครียดที่ใหญ่ที่สุด 336 00:17:47,901 --> 00:17:51,446 ‎ทางออกเดียวของฉันคือเข้าไปในตู้เสื้อผ้า 337 00:17:51,530 --> 00:17:52,948 ‎คุกเข่า นั่งคุกเข่า 338 00:17:53,031 --> 00:17:55,992 ‎ร้องไห้และภาวนาขอให้ฉันผ่านเรื่องนี้ไปได้ 339 00:17:56,076 --> 00:17:58,829 ‎แม่กลุ่มหนึ่งพบวิธีที่ไม่ธรรมดาในการรับมือ 340 00:17:58,912 --> 00:18:00,831 ‎กับความเครียดและแรงกดดัน 341 00:18:00,914 --> 00:18:02,749 ‎การบำบัดด้วยการกรีดร้องสุดเสียง 342 00:18:03,250 --> 00:18:05,377 ‎นักวิทยาศาสตร์ไม่อยากเชื่อว่า… 343 00:18:05,460 --> 00:18:07,963 ‎มีปัจจัยหลายอย่างที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะเจาะ 344 00:18:08,046 --> 00:18:10,924 ‎ที่ทำให้ทุกวันนี้เราเป็นกังวลมากกว่าแต่ก่อน 345 00:18:11,007 --> 00:18:12,259 ‎(ชีวิตคนดำมีความหมาย) 346 00:18:12,342 --> 00:18:13,760 ‎(กราดยิงโรงเรียนดับ 17 ศพ) 347 00:18:13,844 --> 00:18:15,053 ‎(ไม่มีทางรอด) 348 00:18:19,015 --> 00:18:23,937 ‎(เกิดเหตุขัดข้องทางเทคนิค กรุณารอสักครู่) 349 00:18:24,020 --> 00:18:26,565 ‎ถ้าคุณขึ้นไทม์แมชชีนแล้วย้อนเวลากลับไปในอดีต 350 00:18:26,648 --> 00:18:28,733 ‎ผมอยากไปด้วย 351 00:18:28,817 --> 00:18:31,778 ‎คนอเมริกันเคยดื่มเหล้า ดื่มหนักมาก 352 00:18:33,405 --> 00:18:37,117 ‎ไม่ว่าคนจะบรรเทาความเครียดด้วยเหล้า 353 00:18:37,200 --> 00:18:39,578 ‎หรือว่ายา 354 00:18:40,453 --> 00:18:45,041 ‎ผู้คนต่างก็บำบัดด้วยการให้ยาตัวเอง 355 00:18:45,125 --> 00:18:49,754 ‎วิธีที่มนุษย์ใช้รับมือกับ ‎สิ่งที่เราเรียกว่าความกังวลในปัจจุบัน 356 00:18:49,838 --> 00:18:52,090 ‎ก็เหมือนกับวิธีที่เราใช้มาหลายหมื่นปี 357 00:18:52,174 --> 00:18:54,885 ‎แต่ก่อนเราเรียกมันว่าภาวะซึมเศร้ารุนแรง 358 00:18:55,385 --> 00:18:57,804 ‎โรคไอระเหย โรคอังกฤษ 359 00:18:57,888 --> 00:19:02,475 ‎โรคประสาท วิตกจริต ‎อาการทางประสาท โรคอ่อนเพลีย 360 00:19:02,559 --> 00:19:06,980 ‎โรคอ่อนเพลียเป็น ‎โรคประจำระบอบทุนนิยมในยุคทองชุบ 361 00:19:07,480 --> 00:19:08,523 ‎มันแพร่หลายมาก 362 00:19:08,607 --> 00:19:10,275 ‎คนได้รับการวินิจฉัยเป็นว่าเล่น 363 00:19:11,151 --> 00:19:14,070 ‎พวกเขามองว่าโรคอ่อนเพลียเป็นโรคชนิดใหม่ 364 00:19:14,154 --> 00:19:15,739 ‎ที่เกิดจากชีวิตสมัยใหม่ 365 00:19:16,823 --> 00:19:19,910 ‎คนย้ายมาอยู่ในเมือง โรงงานเปิดตัว 366 00:19:19,993 --> 00:19:23,580 ‎ผู้หญิงเริ่มทำงานและพึ่งพาตัวเองได้ 367 00:19:23,663 --> 00:19:27,751 ‎เครื่องจักรไอน้ำ หนังสือพิมพ์รายวัน ‎และการไหลเวียนของข้อมูล 368 00:19:27,834 --> 00:19:29,586 ‎ข่าวแพร่ไปเร็วมาก 369 00:19:29,669 --> 00:19:32,714 ‎ในตอนเช้า คนจะอ่านหนังสือพิมพ์ 370 00:19:32,797 --> 00:19:35,675 ‎เกี่ยวกับเหตุภูเขาไฟระเบิดในอีกซีกโลก 371 00:19:35,759 --> 00:19:37,969 ‎จากนั้นก็จมอยู่กับมันทั้งวัน 372 00:19:38,053 --> 00:19:41,473 ‎เฝ้าคิดว่าภูเขาไฟทำลายเมืองทั้งเมืองได้ 373 00:19:41,556 --> 00:19:43,266 ‎ความกังวลที่เกิดจากเทคโนโลยี 374 00:19:43,350 --> 00:19:46,937 ‎ไม่ได้เกิดขึ้นกับพวกเราเท่านั้น ‎เราไม่ใช่คนกลุ่มแรกที่เผชิญกับมัน 375 00:19:47,520 --> 00:19:51,608 ‎อาการโดยทั่วไปคือหยุดความคิดไม่ได้ 376 00:19:51,691 --> 00:19:54,819 ‎คิดเรื่องน่ากลัว นอนไม่หลับ 377 00:19:54,903 --> 00:19:56,613 ‎ปัญหาทางเดินอาหาร 378 00:19:56,696 --> 00:19:58,198 ‎อาการปวดต่างๆ 379 00:19:58,281 --> 00:20:01,117 ‎มีคนปวดหลังเยอะมาก 380 00:20:01,201 --> 00:20:04,454 ‎เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ฟันผุ 381 00:20:05,205 --> 00:20:06,081 ‎ฟันผุ 382 00:20:06,873 --> 00:20:09,626 ‎เกิดช่องทางทำธุรกิจกำไรงาม 383 00:20:09,709 --> 00:20:12,254 ‎และนั่นต้องอาศัยการโฆษณาอย่างหนัก 384 00:20:12,754 --> 00:20:14,339 ‎"ถ้าคุณรู้สึกแบบนี้ 385 00:20:14,422 --> 00:20:17,467 ‎คุณอาจเป็นโรคนี้ และนี่คือยารักษา" 386 00:20:17,550 --> 00:20:20,178 ‎สำหรับครอบครัวชนชั้นกลางที่มีเกียรติทั้งหลาย 387 00:20:20,262 --> 00:20:22,389 ‎การดื่มเหล้าถือเป็นบาป 388 00:20:22,472 --> 00:20:25,308 ‎ในทางกลับกัน ยาก็คือยา 389 00:20:25,809 --> 00:20:27,477 ‎สมัยนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น 390 00:20:27,560 --> 00:20:30,272 ‎เราคุยกับเพื่อน แล้วเพื่อนก็พูดว่า 391 00:20:30,355 --> 00:20:33,233 ‎"ฉันไม่เสพยา" แต่เขาใช้ยา 392 00:20:33,984 --> 00:20:35,860 ‎และ… ใช่ 393 00:20:39,197 --> 00:20:41,658 ‎ผมรู้สึกว่าผมรู้มาตลอดว่าตัวเองขี้กังวล 394 00:20:41,741 --> 00:20:44,828 ‎แต่ผมไม่ถือว่าตัวเองเป็นโรควิตกกังวล 395 00:20:44,911 --> 00:20:50,041 ‎ผมไม่อยากเลือกทางที่ทำให้ผมอ่อนแอลง 396 00:20:50,542 --> 00:20:51,543 ‎ผมสบายดี 397 00:20:51,626 --> 00:20:55,297 ‎ใช่ ผมมีนิสัยแปลกๆ อะไรพวกนั้น ‎แต่นั่นไม่ใช่ตัวตนของผม 398 00:20:55,380 --> 00:20:59,384 ‎ผมเคยดูซีรีส์เกิร์ลเฟรนส์ และมีตอนหนึ่งที่ดีมาก 399 00:20:59,467 --> 00:21:03,847 ‎เกี่ยวกับปฏิกิริยาของคนดำและคนผิวสีต่อ 400 00:21:03,930 --> 00:21:05,265 ‎การบำบัดและสุขภาพจิต 401 00:21:05,890 --> 00:21:07,475 ‎เธอไปบำบัดเหรอ 402 00:21:07,559 --> 00:21:11,479 ‎โจนจ๋า คนดำไม่ไปบำบัดหรอก ‎สาวน้อย พวกเขาไปโบสถ์ 403 00:21:11,563 --> 00:21:15,150 ‎และผมคิดว่าสำหรับพวกเราหลายคน ‎เราแค่ภาวนาให้มันหายไป 404 00:21:15,233 --> 00:21:17,777 ‎ภาวนาให้หายป่วย ภาวนาเรื่องนั้นเรื่องนี้ 405 00:21:17,861 --> 00:21:21,239 ‎เราภาวนาให้ทุกอย่างหายไปได้ ‎ก็อย่างที่มีหลักฐานให้เห็น 406 00:21:22,532 --> 00:21:24,576 ‎สมัยยังเด็ก ผมเสียงดัง ขี้กังวล 407 00:21:24,659 --> 00:21:28,788 ‎ผมต้องเป็นคนคุมทุกอย่าง แต่ผมก็มีความสุขดี 408 00:21:28,872 --> 00:21:31,583 ‎ผมคิดว่า "ใช่ สนุกดี นี่คือตัวตนของฉัน" 409 00:21:32,083 --> 00:21:35,045 ‎นี่คือการอาละวาดในแบบของผม ‎ผมจู้จี้ไปหมดทุกเรื่อง 410 00:21:36,254 --> 00:21:40,216 ‎แต่ผมว่าผมตลกนะ ผมคิดว่าตัวเองเป็นเด็กตลก 411 00:21:40,842 --> 00:21:44,220 ‎พ่อแม่ให้ผมเล่นสเกตลีลา ‎ผมก็แบบ "ฉันจะเป็นนักกีฬาโอลิมปิก 412 00:21:44,304 --> 00:21:47,974 ‎นี่เป็นกีฬาที่เหมาะสำหรับฉัน ‎มันต้องใช้ความแม่นยำ ของถนัดฉันเลย" 413 00:21:48,475 --> 00:21:50,310 ‎จนกระทั่งผมเข้าวัยรุ่น 414 00:21:50,393 --> 00:21:53,438 ‎ผมน้ำหนักขึ้นซึ่งทำให้ผมสติแตก ‎จากนั้นผมก็คิดว่า 415 00:21:53,521 --> 00:21:57,192 ‎"ตายแล้ว ฉันเป็นเกย์ด้วยเหรอ ‎พระเจ้า งานเข้าหลายอย่างเลย" 416 00:21:57,275 --> 00:22:00,445 ‎ผมก็แบบ "โอเค เรื่องพวกนี้เป็นปัญหา 417 00:22:00,528 --> 00:22:02,697 ‎ดังนั้นฉันต้องทำให้ทุกอย่างออกมาดี" 418 00:22:02,781 --> 00:22:05,450 ‎ผมกลายเป็นเด็กเรียนเก่ง เป็นคนเจ้าระเบียบ 419 00:22:06,785 --> 00:22:10,497 ‎ตอนเรียนวิทยาลัย ปาร์ตี้ทำให้ผมผ่อนคลาย 420 00:22:11,081 --> 00:22:14,751 ‎พอเข้าปีสอง ผมก็ไม่สามารถ 421 00:22:14,834 --> 00:22:17,504 ‎ทำทุกอย่างพร้อมกันได้อีกต่อไป นั่นคือตอนที่ 422 00:22:18,046 --> 00:22:21,633 ‎ผมคิดว่า "ใช่ เป็นเพราะฉันไม่มีสมาธิ 423 00:22:21,716 --> 00:22:25,136 ‎ทุกคนกินแอดเดอรอล ดังนั้นฉันจะไปหาหมอ 424 00:22:25,220 --> 00:22:27,514 ‎ฉันจะกินแอดเดอรอล แล้วทุกอย่างจะดีเอง 425 00:22:27,597 --> 00:22:30,809 ‎เพราะฉันจะทำทุกอย่างได้" ‎แต่หลังจากนั้นไม่นาน 426 00:22:30,892 --> 00:22:33,853 ‎ความกังวลก็กำเริบ เพราะนั่นคือปัญหาที่แท้จริง 427 00:22:33,937 --> 00:22:36,856 ‎มันคือความกังวลและการต่อสู้กับความกังวล 428 00:22:36,940 --> 00:22:40,485 ‎ที่ทำลายทุกอย่างระหว่างทาง 429 00:22:40,568 --> 00:22:44,280 ‎เพราะมันต้องใช้แรงใจอย่างมากในการควบคุม 430 00:22:44,364 --> 00:22:47,742 ‎ผมไปหาหมอแล้วบอกว่า ‎"เดี๋ยวนี้ผมนอนไม่หลับเลย" ผม… 431 00:22:47,826 --> 00:22:50,161 ‎และมันทำให้ทุกอย่างพังทลาย 432 00:22:50,245 --> 00:22:54,082 ‎หมอบอกว่า "โอเค คุณรู้สึกกังวล ‎หรืออะไรแบบนั้นไหม" ผมตอบว่า 433 00:22:54,165 --> 00:22:57,961 ‎"ไม่รู้จะเรียกว่ากังวลได้ไหม ‎แต่ผมกระสับกระส่ายแน่นอน" 434 00:22:58,044 --> 00:22:59,963 ‎เขาก็บอกว่า "ลองกินซาแน็กซ์ดู" 435 00:23:00,046 --> 00:23:04,509 ‎ผมหลับสบายที่สุดตอนกินซาแน็กซ์ 436 00:23:05,093 --> 00:23:10,557 ‎ไม่ฝันเลย แค่หลับเป็นตาย ซึ่งยอดมาก 437 00:23:10,640 --> 00:23:13,393 ‎แต่ผมไม่เคยจัดการกับความกังวล 438 00:23:13,476 --> 00:23:15,478 ‎และไม่คิดว่าตัวเองเป็นโรควิตกกังวล 439 00:23:15,562 --> 00:23:18,690 ‎เลยกลายเป็นว่า ‎"ไม่นะ แอดเดอรอลทำให้ฉันกังวล" 440 00:23:19,524 --> 00:23:21,526 ‎มันไม่ใช่ต้นตอของปัญหา 441 00:23:21,609 --> 00:23:25,321 ‎ผมคิดอยู่นานว่ามันเป็นผลจากอย่างอื่น 442 00:23:25,405 --> 00:23:27,031 ‎จากนั้น พอผมเจอคนมากขึ้น 443 00:23:27,115 --> 00:23:30,285 ‎โดยเฉพาะคนจากนิวยอร์กซิตี้ 444 00:23:30,368 --> 00:23:34,164 ‎เมืองหรือบริเวณที่ค่อนข้างร่ำรวย ‎ทุกคนพูดเหมือนกันว่า 445 00:23:34,247 --> 00:23:37,208 ‎"ใช่ ทุกคนไปหานักบำบัด ทุกคนกินยา 446 00:23:37,292 --> 00:23:41,337 ‎ชีวิตห่วยแตก เราไม่สบาย ‎ก็ต้องรับมือแบบนี้แหละ" 447 00:23:46,759 --> 00:23:49,554 ‎การเริ่มต้นใช้การรักษาทางการแพทย์ 448 00:23:49,637 --> 00:23:52,015 ‎และยาบรรเทาอาการที่มีประสิทธิภาพ 449 00:23:52,098 --> 00:23:54,851 ‎ทำให้มุมมองต่อโรคเปลี่ยนไป 450 00:23:54,934 --> 00:23:57,687 ‎ถ้าเราเป็นต้อและมีปัญหาด้านการมองเห็น 451 00:23:57,770 --> 00:24:00,732 ‎เราก็กินยารักษาต้อ มันทำให้เรามองเห็น 452 00:24:00,815 --> 00:24:03,526 ‎ถ้าเราเป็นเบาหวาน ‎และมีความผิดปกติเกี่ยวกับอินซูลิน 453 00:24:03,610 --> 00:24:05,153 ‎เราก็ควบคุมอินซูลิน 454 00:24:05,236 --> 00:24:08,114 ‎การที่ตับอ่อนของผมทำงานไม่ปกติ ‎ไม่ได้เป็นความผิดของผม 455 00:24:08,198 --> 00:24:10,992 ‎การที่ตาของผมทำงานไม่ปกติ ‎ไม่ได้เป็นความผิดของผม 456 00:24:11,075 --> 00:24:16,039 ‎แล้วทำไมการที่ผมตื่นตระหนกง่าย ‎ถึงเป็นความผิดของผม 457 00:24:16,122 --> 00:24:19,751 ‎ถ้ามีปัญหาทางชีวภาพ เราก็แก้ไขมันซะ 458 00:24:19,834 --> 00:24:23,963 ‎เบ็นโซไดอาเซพีนถูกคิดค้นใน ‎ยุค 1950 ถึงต้นยุค 60 459 00:24:24,047 --> 00:24:27,592 ‎ผู้คนตื่นเต้นกันมาก ‎เพราะมันจะมาแทนที่บาร์บิทูเรต 460 00:24:27,675 --> 00:24:30,762 ‎มีความเป็นไปได้สูงว่าในตู้ยาของคุณ 461 00:24:30,845 --> 00:24:33,848 ‎มียาที่อาจทำให้คุณเสพติดอย่างหนัก 462 00:24:33,932 --> 00:24:37,185 ‎และส่งผลร้ายต่อคุณพอๆ กับเฮโรอีนหรือมอร์ฟีน 463 00:24:37,894 --> 00:24:39,854 ‎ผมกำลังพูดถึงบาร์บิทูเรต 464 00:24:39,938 --> 00:24:43,358 ‎สาเหตุอันดับหนึ่ง ‎ของการตายด้วยสารพิษในอเมริกา 465 00:24:43,441 --> 00:24:46,611 ‎คุณตื่นขึ้นมาหลังผ่านไปสองสามชั่วโมง ‎และจำไม่ได้ว่ากินยาไปเท่าไร 466 00:24:49,405 --> 00:24:50,865 ‎สามเม็ดแล้วกัน 467 00:24:50,949 --> 00:24:52,992 ‎เบ็นโซไดอาเซพีนปลอดภัยกว่ามาก 468 00:24:53,076 --> 00:24:54,994 ‎(ผู้ป่วยบางคนใช้บาร์บิทูเรตจนวันตาย) 469 00:24:55,078 --> 00:24:58,957 ‎พอถึงยุค 1970 เบ็นโซไดอาเซพีนก็กลายเป็น 470 00:24:59,040 --> 00:25:01,209 ‎ยาที่มีการสั่งบ่อยที่สุดอันดับหนึ่ง 471 00:25:01,292 --> 00:25:03,461 ‎ในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก 472 00:25:04,170 --> 00:25:05,964 ‎เป็นความจริงที่ว่า 473 00:25:06,047 --> 00:25:08,341 ‎นี่คือวิธีให้ยากับคนหมู่มาก 474 00:25:08,424 --> 00:25:12,303 ‎มันคือฝิ่นของคนหมู่มาก ‎เบ็นโซไดอาเซพีนของคนหมู่มาก 475 00:25:12,387 --> 00:25:14,055 ‎มีใครมีแวเลียมบ้าง 476 00:25:20,186 --> 00:25:22,939 ‎ในระดับบุคคล แม่บ้านที่ไม่มีความสุข 477 00:25:23,022 --> 00:25:26,859 ‎หรือทนายที่ไม่มีความสุขที่อาจจะอยากทำอาชีพอื่น 478 00:25:26,943 --> 00:25:29,237 ‎แทนที่จะพิจารณาทางเลือกที่ดีกว่าในชีวิต 479 00:25:29,320 --> 00:25:32,574 ‎พวกเขากลับกลบเกลื่อนความไม่สบายใจ 480 00:25:32,657 --> 00:25:34,450 ‎ด้วยยาตัวนั้น 481 00:25:34,534 --> 00:25:37,704 ‎หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ พวกคุณยังมีแก่ใจจะกินอีก 482 00:25:37,787 --> 00:25:41,499 ‎- ก็เราประหม่า จะให้ทำยังไง ‎- กินแวเลียมเหมือนคนปกติสิ 483 00:25:41,583 --> 00:25:44,377 ‎แต่ใครจะไปคิด พอเวลาผ่านไป 484 00:25:44,460 --> 00:25:47,505 ‎เราก็ตระหนักว่าเราสามารถ ‎กินยาพวกนี้มากเกินไปได้ 485 00:25:47,589 --> 00:25:50,049 ‎และมีผลข้างเคียงที่เป็นปัญหาหลายอย่าง 486 00:25:50,133 --> 00:25:52,135 ‎จากการใช้เบ็นโซไดอาเซพีนเป็นเวลานาน 487 00:25:52,218 --> 00:25:56,431 ‎วันนี้คณะอนุกรรมการด้านสุขภาพ ‎ของวุฒิสภาได้ฟังเรื่องเลวร้าย 488 00:25:56,514 --> 00:25:58,516 ‎จากบรรดาผู้เสพติดแวเลียม 489 00:25:58,600 --> 00:26:01,978 ‎แพทย์จากแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า ‎การเลิกใช้ยาทำให้เขารู้สึก 490 00:26:02,061 --> 00:26:05,565 ‎เหมือนมีคนราดน้ำมันใต้ผิวหนังเขาแล้วจุดไฟ 491 00:26:06,149 --> 00:26:08,901 ‎แวเลียมเป็นยาที่มีการใช้มากที่สุดในอเมริกา 492 00:26:08,985 --> 00:26:12,780 ‎องค์การอาหารและยาเตือนแพทย์ ‎ไม่ให้สั่งยาสำหรับความเครียดทั่วไป 493 00:26:13,948 --> 00:26:15,408 ‎จากนั้นก็มีซาแน็กซ์ 494 00:26:16,659 --> 00:26:19,829 ‎นักวิทยาศาสตร์ของอัพจอห์น ‎ประสบความสำเร็จในการสร้างโมเลกุล 495 00:26:19,912 --> 00:26:22,248 ‎ที่ช่วยควบคุมโรควิตกกังวล 496 00:26:23,291 --> 00:26:25,376 ‎มันส่งผลต่อเซลล์ประสาทในสมอง 497 00:26:25,460 --> 00:26:27,629 ‎ส่วนที่ทำหน้าที่ควบคุมอารมณ์และความกังวล 498 00:26:27,712 --> 00:26:30,048 ‎ยาตัวนี้ออกฤทธิ์ตรงจุดมากกว่า 499 00:26:30,131 --> 00:26:32,675 ‎ทำให้เกิดผลข้างเคียงน้อยกว่ายาตัวก่อนๆ 500 00:26:32,759 --> 00:26:35,887 ‎ซาแน็กซ์มีการสั่งยาหลายล้านครั้ง 501 00:26:35,970 --> 00:26:39,307 ‎ผมเกรงว่าการสั่งยามากเกินควร ‎แบบที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน 502 00:26:39,974 --> 00:26:44,270 ‎การเข้าถึงยาง่ายเกินไปแบบที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน 503 00:26:45,313 --> 00:26:47,315 ‎กำลังเกิดขึ้นกับยาตัวนี้ 504 00:26:47,398 --> 00:26:51,444 ‎จากนั้นเหตุการณ์ 11 กันยายน ‎ก็ทำให้เกิดความกังวลอย่างล้นหลาม 505 00:26:52,028 --> 00:26:54,864 ‎ทุกคนเสียขวัญ ทุกคนตึงเครียด 506 00:26:54,947 --> 00:26:58,701 ‎ความเจ็บปวดจากการโจมตีอเมริกา ‎ส่งผลร้ายในหลายๆ ด้าน 507 00:26:58,785 --> 00:26:59,911 ‎รวมถึงสุขภาพจิตด้วย 508 00:27:00,912 --> 00:27:02,747 ‎เราจะหายดีได้ยังไง 509 00:27:02,830 --> 00:27:07,126 ‎มหันตภัยครั้งนี้ยังเป็นหายนะด้านสุขภาพจิต 510 00:27:07,210 --> 00:27:09,170 ‎ในวงกว้างอีกด้วย 511 00:27:09,837 --> 00:27:16,511 ‎การสั่งยาแก้กังวลเพิ่มขึ้น 23 เปอร์เซ็นต์ ‎ในนิวยอร์ก และแปดเปอร์เซ็นต์ทั่วประเทศ 512 00:27:17,387 --> 00:27:21,015 ‎แถมยังมีการโฆษณาเพิ่มขึ้นด้วย โฆษณาที่บอกว่า 513 00:27:21,099 --> 00:27:24,727 ‎"คุณรู้สึกกังวลมากขึ้นหรือเปล่า ‎ยาของเราทำให้รู้สึกดีขึ้นได้" 514 00:27:24,811 --> 00:27:26,646 ‎พวกเขามีรูปผู้หญิง 515 00:27:26,729 --> 00:27:30,483 ‎พร้อมข้อความเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ‎ที่ทำให้พวกเธอกังวล 516 00:27:31,442 --> 00:27:32,944 ‎และผู้หญิงก็ตอบสนอง 517 00:27:34,028 --> 00:27:37,073 ‎จำนวนผู้หญิงที่เริ่มใช้ยาแก้ซึมเศร้า 518 00:27:37,156 --> 00:27:41,577 ‎ยาแก้วิตกกังวล และยานอนหลับ ‎หลังเหตุการณ์ 11 กันยายนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 519 00:27:43,830 --> 00:27:47,500 ‎ไม่ได้จะพูดเหมารวมนะ ‎แต่ฉันคิดว่าผู้หญิงหลายคน 520 00:27:47,583 --> 00:27:52,130 ‎มักจะลืมใส่ใจตัวเองและไม่หาเวลาให้ตัวเอง 521 00:27:52,213 --> 00:27:57,051 ‎และนั่นทำให้อาการวิตกกังวลของฉันกำเริบ 522 00:27:58,302 --> 00:28:01,848 ‎ฉันเป็นคนรุ่นที่ใครๆ ก็บอกว่า ‎เราสามารถมีได้ทุกอย่าง 523 00:28:01,931 --> 00:28:06,728 ‎แต่ไม่บอกว่าต้องทำยังไง ‎แม่ของฉันอยู่บ้านเลี้ยงลูก 524 00:28:07,603 --> 00:28:13,693 ‎และฉันเคยคิดว่าฉันคงจะอยู่บ้านเป็นหลัก 525 00:28:13,776 --> 00:28:16,863 ‎เพราะนั่นคือภาพที่ฉันเห็นตอนโตขึ้นมา แต่แล้ว 526 00:28:17,405 --> 00:28:22,243 ‎ฉันก็มีลูกชายตอนอายุ 34 ‎ตอนนั้นฉันมีอาชีพการงานอยู่แล้ว 527 00:28:22,326 --> 00:28:26,164 ‎กู้เงินซื้อบ้านไปแล้ว จัดการชีวิตจนลงตัวแล้ว 528 00:28:26,247 --> 00:28:29,834 ‎แต่กลายเป็นว่าฉันต้องทำงาน ‎และต้องจัดสรรเวลาใหม่ 529 00:28:29,917 --> 00:28:33,379 ‎ใครจะพาลูกฉันไปเรียนพิเศษ 530 00:28:33,463 --> 00:28:35,339 ‎หรือไม่ก็เลิกงานเร็วเพื่อพาลูกไปส่ง 531 00:28:35,423 --> 00:28:39,677 ‎ฉันต้องกลับบ้านไปทำอาหารเย็น ‎และฉันรู้สึกเหมือนใช้ชีวิต 532 00:28:39,761 --> 00:28:43,848 ‎ที่ระดับความเครียดสูงตลอดเวลา 533 00:28:43,931 --> 00:28:47,602 ‎เราคิดว่า "โอเค เยี่ยมเลย ‎ฉันจะทำงานให้เสร็จแล้วดื่มไวน์สักแก้ว" 534 00:28:47,685 --> 00:28:51,814 ‎และโดยรวมแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพกาย 535 00:28:51,898 --> 00:28:56,277 ‎และสุขภาพจิตของฉันอย่างมาก ‎สำหรับบางคน มันก็ได้ผลดี 536 00:28:56,360 --> 00:28:59,113 ‎แต่มันทำให้ฉันเครียดหนักกว่าเดิม 537 00:29:02,450 --> 00:29:04,452 ‎ประมาณสองปีก่อน 538 00:29:05,536 --> 00:29:08,539 ‎ทุกอย่างประเดประดังเข้ามาพร้อมกัน 539 00:29:09,290 --> 00:29:13,586 ‎แม่สามีฉันสมองเสื่อม 540 00:29:13,669 --> 00:29:16,881 ‎และอยู่ในบ้านพักคนชราที่อยู่คนละรัฐกับเรา 541 00:29:17,381 --> 00:29:20,551 ‎ลูกชายฉันเข้าสู่ชีวิตวัยรุ่นอีกขั้น 542 00:29:20,635 --> 00:29:24,180 ‎มันทำให้ความสัมพันธ์ของเราเปลี่ยนไป 543 00:29:24,263 --> 00:29:26,349 ‎และฉันต้องหัดเว้นระยะห่าง 544 00:29:26,849 --> 00:29:30,603 ‎เรื่องงานเครียดสุดๆ 545 00:29:30,686 --> 00:29:35,274 ‎และวัยทองอาจทำให้ทุกอย่างพังหมด 546 00:29:35,358 --> 00:29:37,693 ‎เรากำลังเดินหน้าอย่างมั่นคง 547 00:29:37,777 --> 00:29:41,197 ‎ใช้ชีวิตปกติดีจนกระทั่งอายุ 50 กว่า 548 00:29:41,697 --> 00:29:47,453 ‎และมันทำให้ฮอร์โมนกับชีวิตเราเสียสมดุล 549 00:29:47,537 --> 00:29:48,871 ‎ฉันคิดว่าคงไม่ผิดถ้าจะพูดว่า 550 00:29:48,955 --> 00:29:52,750 ‎ร่างกายของผู้หญิงกับผู้ชายไม่เหมือนกันซะทีเดียว 551 00:29:52,834 --> 00:29:56,754 ‎และร่างกายทั้งสองแบบมีฮอร์โมนที่ต่างกันมาก 552 00:29:56,838 --> 00:29:59,257 ‎แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ 553 00:29:59,340 --> 00:30:01,926 ‎ผู้หญิงมีผู้หญิงคนอื่นๆ เป็นต้นแบบ 554 00:30:02,009 --> 00:30:05,388 ‎ที่ทำให้เรารู้จักวิธีแสดงความกังวล ‎ในแบบที่เป็นที่ยอมรับ 555 00:30:06,305 --> 00:30:12,103 ‎เราสอนให้เด็กผู้หญิงแสดงอารมณ์มากกว่า 556 00:30:12,186 --> 00:30:16,315 ‎เราช่วยเหลือเด็กผู้หญิงที่ร้องไห้ 557 00:30:16,399 --> 00:30:21,487 ‎และต้องการความสนใจเป็นพิเศษ 558 00:30:21,571 --> 00:30:24,866 ‎แต่กับเด็กผู้ชาย เราบอกให้พวกเขา ‎ออกไปเล่นข้างนอก 559 00:30:24,949 --> 00:30:29,287 ‎ออกไปสู้ ทำตัวเข้มแข็ง และเลิกร้องไห้ 560 00:30:30,079 --> 00:30:32,582 ‎ทีนี้ก็สั่งน้ำมูกแล้วเช็ดน้ำตาซะ 561 00:30:33,666 --> 00:30:36,419 ‎เราคงไม่อยากให้ไมค์กับแม่เขาเห็นลูกในสภาพนี้ 562 00:30:38,713 --> 00:30:41,591 ‎ฉันเป็นนักบำบัดมา 16 หรือ 17 ปี 563 00:30:41,674 --> 00:30:44,510 ‎ฉันเคยทำงานในโรงเรียน ‎ฉันเคยไปบำบัดตามบ้าน 564 00:30:44,594 --> 00:30:47,388 ‎ในที่สุดฉันก็เปิดคลินิกของตัวเอง ‎ประมาณห้าปีก่อน 565 00:30:47,471 --> 00:30:52,226 ‎และระหว่างที่ทำงาน ฉันรู้สึกว่า ‎มีผู้ชายเข้ารับการบำบัดไม่มากเท่าที่ควร 566 00:30:52,310 --> 00:30:55,021 ‎ดังนั้น ระหว่างที่ฉันพยายามทำความเข้าใจว่า 567 00:30:55,104 --> 00:30:57,481 ‎"ทำไมผู้ชายไม่มาบำบัด" 568 00:30:57,565 --> 00:31:01,944 ‎ฉันก็หาข้อมูลและพบว่าสาเหตุหนึ่งคือเรื่องเงิน 569 00:31:02,028 --> 00:31:06,115 ‎พวกเขาอาจมีประกันที่ไม่ครอบคลุม ‎ไม่ได้ทำประกัน หรือมีเงินไม่มากพอ 570 00:31:06,198 --> 00:31:09,243 ‎นั่นเป็นเหตุผลใหญ่ที่หลายๆ คนไม่ไปบำบัด 571 00:31:09,327 --> 00:31:12,830 ‎แต่สำหรับผู้ชายผิวดำ จะมีปัญหาเรื่อง 572 00:31:12,914 --> 00:31:15,082 ‎"การเข้าสู่ระบบที่ไม่ได้สร้างมาเพื่อฉัน" 573 00:31:15,166 --> 00:31:16,500 ‎ซึ่งเป็นความจริง 574 00:31:16,584 --> 00:31:19,795 ‎ระบบไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อคนผิวสี 575 00:31:19,879 --> 00:31:22,757 ‎ฉันเคยบำบัดคนผิวสีคนหนึ่ง 576 00:31:22,840 --> 00:31:25,509 ‎ฉันคิดว่า "แบบนี้ไม่ได้ผลแน่" 577 00:31:25,593 --> 00:31:27,011 ‎ฉันพูดแบบนั้นไม่ได้ 578 00:31:27,094 --> 00:31:30,014 ‎ตัวอย่างที่ดีที่สุดคือ 579 00:31:30,097 --> 00:31:34,185 ‎คำถามข้อหนึ่งในแบบสอบถามเบื้องต้นของฉันคือ 580 00:31:34,268 --> 00:31:36,103 ‎"คุณเคยประสบเหตุสะเทือนอารมณ์ไหม" 581 00:31:36,187 --> 00:31:40,775 ‎ผู้ป่วยคนนี้ตอบว่าไม่สองสามครั้ง 582 00:31:40,858 --> 00:31:42,693 ‎วันหนึ่ง ตอนตอบคำถาม 583 00:31:42,777 --> 00:31:46,864 ‎เขาพูดว่า "ขอคิดก่อน ‎นั่นมันก่อนหรือหลังผมถูกยิงนะ" 584 00:31:46,948 --> 00:31:49,450 ‎ฉันก็แบบ "คุณพูดว่า 'ถูกยิง' เหรอ 585 00:31:49,533 --> 00:31:51,577 ‎คุณไม่เคยบอกว่าถูกยิง" 586 00:31:51,661 --> 00:31:54,330 ‎รู้ไหมเขาตอบว่ายังไง "ก็คุณไม่ได้ถาม" 587 00:31:54,914 --> 00:31:57,291 ‎ฉันก็บอกว่า "ฉันจะถามในแบบสอบถามว่า 588 00:31:57,375 --> 00:32:00,211 ‎'คุณเคยถูกยิงไหม' ไม่ได้ ‎เพราะมันเฉพาะเจาะจงเกินไป" 589 00:32:00,294 --> 00:32:02,838 ‎เขาตอบว่า "มันไม่ได้เฉพาะเจาะจงขนาดนั้น 590 00:32:02,922 --> 00:32:06,092 ‎ผมรู้จักคนที่เคยถูกยิงเยอะแยะ" ‎ตอนนั้นเองที่ฉันรู้ว่า 591 00:32:06,175 --> 00:32:10,930 ‎ฉันต้องเปลี่ยนแม้แต่วิธีตั้งคำถาม 592 00:32:11,013 --> 00:32:12,181 ‎หรือทำการประเมิน 593 00:32:12,264 --> 00:32:15,726 ‎บางทีถ้าเราอยู่ในสภาพแวดล้อม 594 00:32:16,227 --> 00:32:20,272 ‎ที่ความเป็นมนุษย์ของเรา 595 00:32:20,356 --> 00:32:25,695 ‎ความปลอดภัย ความมั่นคง ‎สวัสดิภาพ ถูกคุกคามอยู่ตลอดเวลา 596 00:32:26,529 --> 00:32:28,572 ‎เราต้องแสดงความแข็งแกร่ง 597 00:32:28,656 --> 00:32:30,616 ‎ดังนั้นการยอมรับว่า 598 00:32:31,117 --> 00:32:35,621 ‎ตัวเองกำลังลำบากหรือมีปัญหาทางจิต… 599 00:32:36,706 --> 00:32:39,417 ‎ไม่ มันเป็นไปไม่ได้ 600 00:32:39,500 --> 00:32:43,295 ‎ผมเคยเรียนวิทยาลัยอยู่เทอมครึ่ง ‎ผมเลยเข้าใจฟรอยด์ 601 00:32:43,379 --> 00:32:45,631 ‎ผมเข้าใจแนวคิดของการบำบัด 602 00:32:45,715 --> 00:32:51,762 ‎แต่ในชีวิตจริง มันไม่เป็นแบบนั้น ‎ผมมีความสุขกว่านี้ได้ไหม ได้ ก็เหมือนทุกคน 603 00:32:52,304 --> 00:32:55,558 ‎แต่ฉันจะบอกว่าในฐานะจิตแพทย์ที่รักษาผู้ชาย 604 00:32:55,641 --> 00:32:57,518 ‎ผู้ชายหลายคนก็กังวล 605 00:32:57,601 --> 00:33:01,147 ‎ฉันคิดว่าผู้ชายหลายคนเริ่มสบายใจ ‎กับการยอมรับว่าตัวเองกังวล 606 00:33:01,230 --> 00:33:03,149 ‎พูดถึงความกังวลต่อการเข้าสังคม 607 00:33:03,232 --> 00:33:04,859 ‎ความกังวลโดยทั่วไป 608 00:33:04,942 --> 00:33:07,862 ‎หรืออะไรอย่างความกลัวโรคติดต่อ เป็นต้น 609 00:33:07,945 --> 00:33:10,364 ‎มันกำลังเปลี่ยนไป ‎ฉันคิดว่ามีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ 610 00:33:10,448 --> 00:33:13,784 ‎เพราะทุกคนพูดถึงสุขภาพจิต ‎เดี๋ยวนี้เรามีชาร์เลอมาญ ดา ก็อด 611 00:33:13,868 --> 00:33:15,953 ‎ทุกอย่างอยู่ที่จิตใจ ทุกอย่างเริ่มต้นที่ความคิด 612 00:33:16,037 --> 00:33:18,330 ‎ถ้าจิตใจไม่ปกติ ทุกอย่างก็ไม่ปกติ 613 00:33:18,414 --> 00:33:19,665 ‎เรามีเจย์ซี 614 00:33:19,749 --> 00:33:23,961 ‎พอเราโตขึ้น เราก็ตระหนักถึงความไร้สาระ 615 00:33:24,045 --> 00:33:26,047 ‎ของมุมมองด้านลบเกี่ยวกับเรื่องนี้ 616 00:33:26,130 --> 00:33:29,675 ‎"ทำไมเราไม่เอาปัญหา ‎ไปปรึกษาใครล่ะ" นึกออกไหม 617 00:33:29,759 --> 00:33:32,511 ‎นั่นช่วยให้ผู้ชายมองมันเป็นเรื่องปกติ 618 00:33:32,595 --> 00:33:34,889 ‎กลุ่มผู้ป่วยโดยทั่วไปที่อาจได้รับ 619 00:33:34,972 --> 00:33:38,017 ‎ยาเบ็นโซไดอาเซพีนกำลังกว้างขึ้น 620 00:33:38,100 --> 00:33:42,605 ‎ดังนั้น แม้ว่าผู้ใช้ยาส่วนใหญ่ 621 00:33:42,688 --> 00:33:45,566 ‎เมื่อ 30 ปีก่อนจะเป็นผู้หญิงวัยกลางคน 622 00:33:45,649 --> 00:33:48,110 ‎เดี๋ยวนี้มีผู้ใช้ยาที่อายุน้อยลงเรื่อยๆ 623 00:33:48,194 --> 00:33:52,656 ‎มีผู้สูงอายุที่นอกจากจะได้รับเบ็นโซไดอาเซพีน 624 00:33:52,740 --> 00:33:55,534 ‎ยังใช้ยาเป็นเวลานานขึ้นด้วย 625 00:33:55,618 --> 00:33:57,828 ‎การอบรมเกี่ยวกับการใช้ยาเหล่านี้ 626 00:33:57,912 --> 00:33:59,789 ‎บางครั้งก็ไม่จริงจังเท่าที่ควร 627 00:33:59,872 --> 00:34:03,501 ‎มันเป็นยาที่ควรใช้ในระยะสั้นเท่านั้น 628 00:34:03,584 --> 00:34:05,836 ‎ไม่เกินหนึ่งเดือนหรือประมาณนั้น 629 00:34:05,920 --> 00:34:08,881 ‎ซึ่งมันน่าตกใจมากเมื่อคำนึงถึงความจริงที่ว่า 630 00:34:08,964 --> 00:34:14,053 ‎คนจำนวนมากที่เริ่มใช้เบ็นโซไดอาเซพีน 631 00:34:14,136 --> 00:34:17,723 ‎ใช้ยาต่อไปเป็นเวลาหลายปีหรือหลายสิบปี 632 00:34:27,108 --> 00:34:29,944 ‎ตอนที่ฉันมีอาการตื่นตระหนกครั้งแรก 633 00:34:30,027 --> 00:34:32,446 ‎ฉันคิดจริงๆ ว่าฉันกำลังจะเป็นบ้า 634 00:34:34,490 --> 00:34:38,911 ‎ฉันคิดว่า "จับฉันไปขังที ‎เพราะฉันไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น" 635 00:34:41,080 --> 00:34:43,457 ‎ตอนนั้นฉันน่าจะอายุ 14 หรือ 15 636 00:34:43,541 --> 00:34:46,502 ‎สมัยเด็กฉันเดินทางบ่อยและชอบขึ้นเครื่องบิน 637 00:34:47,002 --> 00:34:52,675 ‎แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ‎วันนั้นตอนที่เครื่องบินกำลังจะออก 638 00:34:52,758 --> 00:34:56,971 ‎อยู่ๆ ฉันก็… รู้สึกเหมือนตัวเริ่มละลายจากข้างใน 639 00:34:57,054 --> 00:35:00,015 ‎ฉันหายใจไม่ออก ฉันคิดว่าต้องตายแน่ๆ 640 00:35:00,933 --> 00:35:05,771 ‎หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นสองปี 641 00:35:06,438 --> 00:35:08,149 ‎ตอนฉันจะขึ้นปีสี่ 642 00:35:08,232 --> 00:35:10,818 ‎หน้าร้อนก่อนฉันจะขึ้นมัธยมปลายปีสี่ 643 00:35:10,901 --> 00:35:13,737 ‎ตอนนั้นฉันทำงานที่พาเนร่า ฉันเป็นแคชเชียร์ 644 00:35:13,821 --> 00:35:17,283 ‎ฉันกำลังพูดคุยกับลูกค้า แล้วฉันก็ร้องไห้โฮ 645 00:35:17,366 --> 00:35:21,370 ‎ต่อหน้าคู่รักที่เข้ามาในร้าน ฉันอับอายสุดๆ 646 00:35:21,453 --> 00:35:23,581 ‎มันน่าขายหน้ามาก 647 00:35:23,664 --> 00:35:26,083 ‎แต่ฉันรู้สึกว่า "ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น" 648 00:35:26,167 --> 00:35:28,335 ‎ฉันเคยไปที่ร้านเป็นร้อยๆ ครั้ง 649 00:35:28,419 --> 00:35:31,213 ‎ทำไมถึง… ฉันเป็นอะไรไป 650 00:35:32,089 --> 00:35:35,509 ‎มันแย่ลงจนถึงจุดที่ฉันไม่สามารถ ‎ทำเรื่องในชีวิตประจำวันได้ 651 00:35:35,593 --> 00:35:38,053 ‎โดยไม่สติแตก 652 00:35:38,137 --> 00:35:41,223 ‎ฉันไปร้านขายของชำไม่ได้ ขับรถตามถนนไม่ได้ 653 00:35:41,307 --> 00:35:44,393 ‎เรื่องง่ายๆ ที่ปกติเราทำอยู่ทุกวัน 654 00:35:44,476 --> 00:35:47,688 ‎เรารู้สึกเหมือนถูกขัง และมัน… ‎ใครจะอยากรู้สึกแบบนั้นกัน 655 00:35:47,771 --> 00:35:50,274 ‎เราจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้รู้สึกแบบนั้น 656 00:35:52,526 --> 00:35:55,446 ‎ฉันกับพ่อคล้ายกันอย่างไม่น่าเชื่อ 657 00:35:56,030 --> 00:35:59,617 ‎เรามีภาษาที่ไม่ต้องพูด 658 00:36:00,117 --> 00:36:03,787 ‎และท่านเคยเป็นโรควิตกกังวลในวัยผู้ใหญ่ตอนต้น 659 00:36:03,871 --> 00:36:06,540 ‎ก็เลยสังเกตเห็นสัญญาณต่างๆ ทันที 660 00:36:06,624 --> 00:36:09,293 ‎ท่านแค่ไม่มีคุณวุฒิพอจะให้ในสิ่งที่ฉันต้องการ 661 00:36:10,044 --> 00:36:14,465 ‎ฉันรู้เรื่องเกี่ยวกับยาทางจิตเวชไม่มากนัก 662 00:36:14,548 --> 00:36:16,717 ‎ตอนที่เริ่มบำบัด 663 00:36:16,800 --> 00:36:19,511 ‎แต่หมอพูดถึงยาตัวหนึ่งที่ชื่อโซลอฟท์ 664 00:36:19,595 --> 00:36:21,972 ‎ซึ่งสุดท้ายฉันก็ใช้มาจนถึงทุกวันนี้ 665 00:36:22,056 --> 00:36:28,604 ‎เราไม่ได้พูดถึงซาแน็กซ์จนกระทั่ง ‎ฉันต้องขึ้นเครื่องบินอีกครั้ง 666 00:36:28,687 --> 00:36:32,524 ‎ฉันบอกจิตแพทย์ว่า "นี่ ฉันไม่มีวัน 667 00:36:32,608 --> 00:36:34,610 ‎ขึ้นเครื่องบินอีกเด็ดขาด 668 00:36:34,693 --> 00:36:38,280 ‎ฉันยอมขับรถสามวันติดถ้าจำเป็น ‎ฉันจะไม่ขึ้นเครื่องบิน" 669 00:36:38,364 --> 00:36:41,951 ‎แล้วเธอก็ถามว่า ‎"คุณเคยคิดจะทานซาแน็กซ์ไหม" 670 00:36:43,953 --> 00:36:47,831 ‎พอเครื่องลงจอด ฉันอยากขึ้นไปบนยอดเขา 671 00:36:47,915 --> 00:36:49,833 ‎แล้วตะโกนให้โลกรู้ว่าฉันทำสำเร็จ 672 00:36:49,917 --> 00:36:52,169 ‎ฉันไม่ร้องไห้ ไม่หายใจเกิน 673 00:36:52,253 --> 00:36:54,922 ‎ไม่ตื่นตระหนก ฉันสบายดีจริงๆ 674 00:36:55,631 --> 00:36:59,426 ‎ฉันเริ่มจากกินซาแน็กซ์แค่บางสถานการณ์ 675 00:36:59,510 --> 00:37:02,846 ‎จากนั้นฉันก็ตัดสินใจกินทุกวัน 676 00:37:02,930 --> 00:37:04,765 ‎เพราะมันได้ผลดีสำหรับฉัน 677 00:37:04,848 --> 00:37:08,352 ‎ฉันต้องการความผ่อนคลายเพื่อที่จะนอนให้หลับ 678 00:37:08,435 --> 00:37:09,687 ‎ฉันคิดว่า 679 00:37:10,354 --> 00:37:14,441 ‎ตอนนั้นฉันตามหลังเพื่อนๆ 680 00:37:14,525 --> 00:37:18,821 ‎และความสามารถในการใช้ชีวิต ‎ของพวกเขาอยู่เยอะ 681 00:37:19,405 --> 00:37:23,534 ‎ฉันจะทนอยู่แบบนั้นทำไมถ้ามีของที่ช่วยได้ 682 00:37:24,660 --> 00:37:26,287 ‎ยาทุกตัว ยาอะไรก็ตาม 683 00:37:26,370 --> 00:37:29,039 ‎จะต้องมีการวิเคราะห์ความเสี่ยง ‎และประโยชน์ ใช่ไหม 684 00:37:29,123 --> 00:37:30,582 ‎สำหรับเบ็นโซส 685 00:37:30,666 --> 00:37:34,211 ‎ความเสี่ยงและการวิเคราะห์ ‎ความเสี่ยงและประโยชน์ต้องดูหลายๆ อย่าง 686 00:37:34,295 --> 00:37:38,799 ‎ผลข้างเคียงที่พบบ่อยคือความอ่อนเพลีย 687 00:37:38,882 --> 00:37:39,842 ‎ง่วงซึม 688 00:37:40,426 --> 00:37:44,763 ‎หมอจึงมักจะสั่งยาตัวนี้เพื่อช่วยให้คนนอนหลับ 689 00:37:44,847 --> 00:37:47,808 ‎ขาดความยับยั้งชั่งใจ มึนงง ง่วงนิดหน่อย 690 00:37:47,891 --> 00:37:49,435 ‎อาจตัดสินใจได้ไม่ดี 691 00:37:49,518 --> 00:37:54,106 ‎ไม่มีใครอยากเล่ารายละเอียดเน้นๆ ‎เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเวลากินยา 692 00:37:54,189 --> 00:37:56,567 ‎สำหรับฉัน พอกินยาแล้วเห็นอะไรก็ตลกไปหมด 693 00:37:56,650 --> 00:37:58,610 ‎(ประสบการณ์ของฉันกับยาซาแน็กซ์) 694 00:37:58,694 --> 00:38:00,821 ‎ซึ่งคงไม่ดีเท่าไร 695 00:38:00,904 --> 00:38:03,907 ‎ถ้าฉันไปสัมภาษณ์งานหรือทำธุระสำคัญ 696 00:38:03,991 --> 00:38:06,201 ‎แล้วดันหัวเราะตลอดเวลา 697 00:38:06,285 --> 00:38:10,164 ‎สำหรับบางคน ฤทธิ์กดประสาท ‎ทำให้พวกเขาขาดความยับยั้งชั่งใจ 698 00:38:10,247 --> 00:38:13,500 ‎พวกเขาผ่อนคลาย สบายใจ ตลก ขาดเหตุผล 699 00:38:13,584 --> 00:38:18,464 ‎ฉันรู้สึกเหมือนตื่นเต้น และผ่อนคลาย ฉัน… 700 00:38:18,547 --> 00:38:23,802 ‎พร้อมจะปาร์ตี้แล้ว 701 00:38:23,886 --> 00:38:27,639 ‎เบ็นโซไดอาเซพีนก็เหมือนกับเหล้าในรูปยาเม็ด 702 00:38:27,723 --> 00:38:29,725 ‎ปัญหาอย่างหนึ่งของเบ็นโซส 703 00:38:29,808 --> 00:38:33,062 ‎คือมันส่งผลต่อความทรงจำระยะสั้น 704 00:38:33,145 --> 00:38:37,024 ‎การรับความทรงจำใหม่ ‎และการนึกถึงความทรงจำต่างๆ 705 00:38:37,107 --> 00:38:39,151 ‎ทุกอย่างจะเลือนรางนิดหน่อย 706 00:38:39,234 --> 00:38:42,029 ‎จำอะไรไม่ได้หลังจากกินยา 707 00:38:42,946 --> 00:38:47,368 ‎ใช่ แน่นอนว่ามันแย่มากถ้าเรากำลังขับรถ 708 00:38:47,451 --> 00:38:50,662 ‎เรารู้ความเสี่ยงของการใช้ ‎เบ็นโซไดอาเซพีนในระยะยาวดี 709 00:38:50,746 --> 00:38:54,083 ‎แต่เราเพิ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับ ‎โรคอัลไซเมอร์และโรคสมองเสื่อม 710 00:38:54,166 --> 00:38:56,126 ‎ภายในไม่กี่ปีที่ผ่านมา 711 00:38:56,627 --> 00:38:58,295 ‎และมันมีความเสี่ยงสูง 712 00:38:58,379 --> 00:39:00,297 ‎เรากินยาที่มีฤทธิ์กดประสาท 713 00:39:00,381 --> 00:39:02,633 ‎พอเราใช้สมองน้อยลง 714 00:39:02,716 --> 00:39:06,053 ‎ก็มีโอกาสที่เซลล์สมองบางส่วนจะเริ่มตาย 715 00:39:06,136 --> 00:39:07,805 ‎ทำให้การใช้สมองโดยรวมลดลง 716 00:39:07,888 --> 00:39:11,392 ‎นอกจากนี้ยังมีผลข้างเคียงทั่วไป 717 00:39:11,475 --> 00:39:13,394 ‎ที่เราเรียกว่าการชินยา 718 00:39:13,894 --> 00:39:18,482 ‎การชินยาหมายความว่าเรา ‎ต้องใช้ยามากขึ้นถึงจะได้ผลเท่าเดิม 719 00:39:18,565 --> 00:39:23,278 ‎มันเคยเป็นหนึ่งในอุปกรณ์สำคัญของผม ‎ผมพกเบ็นโซสตลอดเวลา 720 00:39:23,362 --> 00:39:25,656 ‎ที่จริงผมทำแบบนั้นอยู่ 30 ปี 721 00:39:25,739 --> 00:39:28,700 ‎มันเปลี่ยนระดับความกังวลโดยรวมของผม 722 00:39:28,784 --> 00:39:31,286 ‎เพราะผมรู้ว่าผมมียาวิเศษอยู่เสมอ 723 00:39:31,370 --> 00:39:33,330 ‎ผมค้นพบวิธีการที่ใช้ได้ผล 724 00:39:33,414 --> 00:39:37,668 ‎ผมขึ้นเครื่องบินได้ ผมพูดในที่สาธารณะได้ 725 00:39:37,751 --> 00:39:39,461 ‎ด้วยยาซาแน็กซ์และคลอโนพิน 726 00:39:39,545 --> 00:39:44,174 ‎ก่อนหน้านั้น ผมใช้เวลาหลายสัปดาห์ ‎หลายเดือนกับการหวาดกลัวเรื่องพวกนี้ 727 00:39:44,258 --> 00:39:47,761 ‎ฝันร้าย เหงื่อแตกพลั่ก ไม่อีกต่อไป 728 00:39:47,845 --> 00:39:50,013 ‎ถ้ามีช่วงไหนที่ผมกังวลเป็นพิเศษ 729 00:39:50,097 --> 00:39:52,766 ‎ผมจะจงใจกินยาเพิ่ม 730 00:39:53,851 --> 00:39:57,271 ‎ผมจะกินยามากขึ้นแล้วค่อยๆ ลดลงหลังจากนั้น 731 00:39:57,354 --> 00:40:01,567 ‎และผมรู้สึกได้เลย มันมีอาการทางกายตามมา 732 00:40:01,650 --> 00:40:03,652 ‎บางครั้งผมก็กังวลมากขึ้น 733 00:40:03,735 --> 00:40:07,656 ‎ตัวรับกาบาของผมกำลังถามว่า ‎"นี่ ซาแน็กซ์หายไปไหน" 734 00:40:07,739 --> 00:40:11,493 ‎ฝันร้ายของผมเริ่มเปลี่ยนไป ผมจะฝันว่า 735 00:40:11,577 --> 00:40:14,329 ‎"พระเจ้า มีงานต่อหลังพูดเสร็จ ‎แต่ฉันทำซาแน็กซ์หาย" 736 00:40:14,413 --> 00:40:17,583 ‎หรือไม่ผมก็อยู่บนเครื่องบินและสับสน 737 00:40:17,666 --> 00:40:21,587 ‎เห็นได้ชัดว่าตั้งแต่นั้น ผมก็มีภาวะติดยาทางจิตใจ 738 00:40:21,670 --> 00:40:22,504 ‎เพราะเบ็นโซส 739 00:40:22,588 --> 00:40:24,506 ‎ยาเบ็นโซไดอาเซพีนไม่ได้เหมือนกันทุกตัว 740 00:40:24,590 --> 00:40:28,802 ‎ดูอย่างซาแน็กซ์ มันออกฤทธิ์เร็วกว่า ‎เบ็นโซไดอาเซพีนส่วนใหญ่ 741 00:40:28,886 --> 00:40:31,763 ‎และหมดฤทธิ์เร็วกว่าเบ็นโซไดอาเซพีนส่วนใหญ่ 742 00:40:31,847 --> 00:40:35,642 ‎สารที่ออกฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ในทันที 743 00:40:35,726 --> 00:40:38,896 ‎แต่หมดฤทธิ์เร็ว ทำให้เราเกิดอารมณ์ละเหี่ย 744 00:40:38,979 --> 00:40:41,899 ‎และอยากยา สารพวกนี้ ‎มักจะทำให้คนเสพติดง่ายกว่า 745 00:40:44,234 --> 00:40:46,445 ‎ครอบครัวฉันมีประวัติการเสพติด 746 00:40:46,528 --> 00:40:51,283 ‎ฉันเลยพยายามไม่ใช้สารเสพติดแม้แต่น้อย 747 00:40:51,366 --> 00:40:54,077 ‎ฉันไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ 748 00:40:54,161 --> 00:40:56,580 ‎ฉันไม่เคยเสพยาเพราะฉันกลัว 749 00:40:56,663 --> 00:40:59,708 ‎ว่าครอบครัวฉันอาจมีอะไรบางอย่าง 750 00:40:59,791 --> 00:41:01,376 ‎ที่ทำให้คนเสพติดสารต่างๆ 751 00:41:02,377 --> 00:41:03,212 ‎ใช่ 752 00:41:04,463 --> 00:41:05,422 ‎เก่งมาก 753 00:41:05,506 --> 00:41:09,259 ‎แต่เราคุยกันว่าจะเริ่มจากยาปริมาณน้อย 754 00:41:09,343 --> 00:41:12,054 ‎คุยว่ามีอาการแบบไหนที่ต้องระวัง 755 00:41:12,137 --> 00:41:14,181 ‎และที่ตอนแรกฉันกลัวว่า 756 00:41:14,264 --> 00:41:17,601 ‎จะต้องกินยามากขึ้นเรื่อยๆ ‎สุดท้ายก็ไม่เป็นแบบนั้น 757 00:41:17,684 --> 00:41:20,729 ‎ฉันรู้สึกดีขึ้นมากด้วยยาปริมาณค่อนข้างน้อย 758 00:41:20,812 --> 00:41:25,150 ‎และฉันคิดว่าความกลัว ‎ว่าจะติดยาในระดับที่เหมาะสม 759 00:41:25,234 --> 00:41:27,903 ‎ทำให้ฉันมีสมาธิกับความคิดที่ว่า 760 00:41:27,986 --> 00:41:30,864 ‎"ยาเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ฉันสามารถ 761 00:41:30,948 --> 00:41:34,034 ‎แก้ไขเรื่องต่างๆ ในชีวิตที่ไม่เกี่ยวกับยา" 762 00:41:36,245 --> 00:41:39,790 ‎ถ้าเราใช้ยาอย่างรอบคอบ ‎นานๆ ครั้งเวลารู้สึกกังวลเฉียบพลัน 763 00:41:39,873 --> 00:41:42,000 ‎ก็อาจไม่มีปัญหาเท่าไร 764 00:41:42,084 --> 00:41:44,920 ‎แต่ถ้ากินยาทุกวัน วันละหลายครั้ง 765 00:41:45,003 --> 00:41:48,715 ‎การหยุดยากะทันหันจะทำให้ไม่สบายตัวมาก 766 00:41:48,799 --> 00:41:51,301 ‎ผลที่ตามมาอาจร้ายแรง 767 00:41:51,385 --> 00:41:54,096 ‎คนอาจเป็นโรคจิต มีอาการชัก 768 00:41:54,179 --> 00:41:57,015 ‎วิตกกังวลอย่างรุนแรง นอนไม่หลับ 769 00:41:57,099 --> 00:42:00,477 ‎ผมเคยเห็นอาการของ ‎การขาดยาเบ็นโซไดอาเซพีน 770 00:42:00,561 --> 00:42:03,689 ‎ทำให้คนคิดฆ่าตัวตาย ‎หรือถึงขั้นพยายามฆ่าตัวตาย 771 00:42:03,772 --> 00:42:05,190 ‎ถ้าตอนนั้นผมรู้แบบนี้ 772 00:42:05,899 --> 00:42:08,819 ‎ผมไม่มีวันกินยาเม็ดแรก 773 00:42:09,319 --> 00:42:10,362 ‎ไม่มีวัน 774 00:42:10,445 --> 00:42:11,572 ‎มันเป็นความผิดพลาด… 775 00:42:12,489 --> 00:42:14,741 ‎มันเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตผม 776 00:42:15,659 --> 00:42:18,287 ‎ผมย้ายมาโคโลราโดเพราะผมรักธรรมชาติ 777 00:42:18,370 --> 00:42:23,000 ‎ผมชอบเล่นสกี ชอบปีนหน้าผา ชอบเดินเขา 778 00:42:23,083 --> 00:42:26,211 ‎ผมชอบล่องแก่งและพายเรือคายัค 779 00:42:26,295 --> 00:42:32,217 ‎ที่จริงผมชอบกีฬาที่มีความเสี่ยงสูง ‎และทำให้อะดรีนาลีนสูบฉีดมาก 780 00:42:33,010 --> 00:42:34,886 ‎จนทำให้ผมสงสัยว่า 781 00:42:34,970 --> 00:42:38,348 ‎ผมได้รับการวินิจฉัยว่า ‎เป็นโรควิตกกังวลตั้งแต่แรกได้ยังไง 782 00:42:44,104 --> 00:42:46,315 ‎ไง ลูกรัก ขอดูผลงานหน่อย 783 00:42:46,940 --> 00:42:48,483 ‎- พ่อคะ ‎- ว่าไงจ๊ะ 784 00:42:48,567 --> 00:42:50,402 ‎นี่คือต้นคริสต์มาส 785 00:42:50,485 --> 00:42:53,280 ‎เหรอ ต้นสูงจัง 786 00:42:53,363 --> 00:42:55,157 ‎นี่คือมนุษย์หิมะ 787 00:42:55,782 --> 00:42:56,992 ‎พ่อชอบมากเลย ลูกรัก 788 00:42:57,701 --> 00:43:02,831 ‎ผมคิดว่าตอนเรียนวิทยาลัย ผมใช้ ‎ซาแน็กซ์หนึ่งมิลลิกรัมหรือครึ่งมิลลิกรัม 789 00:43:04,166 --> 00:43:08,170 ‎และในช่วงหลายปีหลังจากนั้น ‎มันค่อยๆ เพิ่มเป็นหนึ่งมิลลิกรัม 790 00:43:08,253 --> 00:43:11,715 ‎สองมิลลิกรัม สุดท้ายก็สามมิลลิกรัม 791 00:43:11,798 --> 00:43:14,426 ‎และผมก็ใช้ยาปริมาณนั้น 792 00:43:14,509 --> 00:43:18,180 ‎อยู่ 12 หรือ 15 ปี 793 00:43:18,263 --> 00:43:23,560 ‎และผมไม่เคยกินยามากกว่า ‎ปริมาณที่กำหนดในแต่ละวัน 794 00:43:24,269 --> 00:43:26,938 ‎ประมาณปี 2013 795 00:43:27,439 --> 00:43:31,902 ‎ผมจำได้ว่าผมบอกจิตแพทย์ว่า ‎ชีวิตผมกำลังไปได้สวย 796 00:43:33,111 --> 00:43:37,366 ‎เคลลี่ตั้งท้องลูกคนแรกของเรา ‎และผมรอแทบไม่ไหวที่จะเป็นพ่อคน 797 00:43:38,867 --> 00:43:44,498 ‎หมอลดปริมาณซาแน็กซ์ของผม ‎จากสามมิลลิกรัมเหลือสองมิลลิกรัมครึ่ง 798 00:43:44,581 --> 00:43:46,166 ‎จากนั้นอยู่ดีๆ 799 00:43:46,249 --> 00:43:50,379 ‎ผมก็เริ่มมีอาการทางกายแปลกๆ 800 00:43:50,879 --> 00:43:54,549 ‎เช่น รู้สึกว่าเสียงหรือกลิ่นรุนแรงเกินไป 801 00:43:54,633 --> 00:43:57,344 ‎ผมมีอาการใจสั่น 802 00:43:57,928 --> 00:44:00,722 ‎ผิวที่แขนรู้สึกเหมือนถูกไฟเผา 803 00:44:00,806 --> 00:44:05,727 ‎กล้ามเนื้อกระตุกโดยไม่มีเหตุผล สมองล้าสุดๆ 804 00:44:06,311 --> 00:44:09,439 ‎ความอ่อนล้าทางกายเป็นหนึ่งในอาการที่แย่ที่สุด 805 00:44:11,066 --> 00:44:13,276 ‎ผมกับภรรยาเริ่มกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ 806 00:44:13,360 --> 00:44:15,612 ‎นี่เป็นเรื่องร้ายแรง 807 00:44:16,488 --> 00:44:18,782 ‎ผมไปหาหมอรักษาโรคไขข้อ 808 00:44:18,865 --> 00:44:21,159 ‎หมอหัวใจ หมอระบบประสาท 809 00:44:21,243 --> 00:44:23,328 ‎และหมอเฉพาะทางทุกประเภท 810 00:44:23,412 --> 00:44:28,291 ‎ในที่สุด หมอคนหนึ่งก็บอกว่า ‎"รู้อะไรไหม คุณตรวจครบทุกอย่างแล้ว" 811 00:44:28,375 --> 00:44:31,294 ‎เขาบอกว่า "ผมจะเขียน ‎หนังสือส่งตัวคุณไปเมโยคลินิก 812 00:44:31,378 --> 00:44:33,338 ‎เพราะหมอที่นั่นเก่งที่สุดแล้ว" 813 00:44:34,005 --> 00:44:37,342 ‎ผมพาทั้งครอบครัวบินไปมินนิโซตา 814 00:44:37,426 --> 00:44:43,265 ‎หมอระบบประสาทที่เมโยบอกว่า "อาจเป็น ‎โรคสมองอักเสบจากภาวะแพ้ภูมิต้านทาน 815 00:44:43,348 --> 00:44:46,518 ‎เป็นอาการสมองอักเสบที่รักษาได้ 816 00:44:47,102 --> 00:44:50,522 ‎อาจจะไม่สบายตัวนิดหน่อย ‎ต้องให้ยาทางหลอดเลือดดำ" 817 00:44:50,605 --> 00:44:55,694 ‎ผมรับยาทางหลอดเลือด ‎อยู่แปดสัปดาห์ และไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลย 818 00:44:55,777 --> 00:44:57,362 ‎ที่จริงผมรู้สึกแย่ลงอีก 819 00:44:57,446 --> 00:45:00,532 ‎และระหว่างนั้น ผมก็เริ่มถามพวกหมอ 820 00:45:00,615 --> 00:45:03,994 ‎นานๆ ทีผมจะถามว่า ‎"นี่เกี่ยวข้องกับยาที่ผมใช้หรือเปล่า" 821 00:45:04,703 --> 00:45:06,913 ‎"ยาของผมทำให้เกิดอาการพวกนี้หรือเปล่า" 822 00:45:06,997 --> 00:45:10,292 ‎และทุกครั้งหมอจะตอบว่า ‎"ไม่หรอก ไม่เกี่ยวกับยาแน่นอน" 823 00:45:10,792 --> 00:45:12,335 ‎"ไม่เกี่ยวกับยาหรอก" 824 00:45:12,419 --> 00:45:16,423 ‎ถึงตอนนั้น จิตแพทย์ให้ผมเปลี่ยนยา 825 00:45:16,506 --> 00:45:18,967 ‎จากซาแน็กซ์เป็นแวเลียม 826 00:45:19,050 --> 00:45:21,970 ‎จะเรียกว่าสัญชาตญาณก็ได้ หรือ… 827 00:45:22,053 --> 00:45:24,014 ‎ผมไม่รู้จะหันไปทางไหนแล้ว 828 00:45:24,097 --> 00:45:27,434 ‎ผมเลยขอให้หมอค่อยๆ ลดปริมาณยา 829 00:45:36,401 --> 00:45:38,987 ‎ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2018 830 00:45:39,070 --> 00:45:44,367 ‎ผมตื่นมาตอนเช้า ‎และมีบางอย่างผิดปกติอย่างมาก 831 00:45:45,452 --> 00:45:47,412 ‎ผมได้ยินเสียงลูกๆ จากชั้นล่าง 832 00:45:47,496 --> 00:45:51,708 ‎แต่เสียงลูกๆ เล่นกันกลับดังแสบหู 833 00:45:52,709 --> 00:45:55,462 ‎ผิวหนังแสบร้อน ในอกก็แสบร้อน 834 00:45:58,632 --> 00:46:03,011 ‎ผมทนไม่ไหวอีกต่อไป ผมผลุนผลันออกจากบ้าน 835 00:46:03,512 --> 00:46:08,183 ‎แล้วเริ่มขับรถเร็วมาก ขับไปสะเปะสะปะ 836 00:46:08,266 --> 00:46:12,020 ‎เสียงในหัวผมบอกว่า "ฉันต้องหนี" 837 00:46:12,729 --> 00:46:15,857 ‎แล้วผมก็เห็นเนินเขาข้างทาง 838 00:46:15,941 --> 00:46:18,777 ‎สูงประมาณ 90 เมตร ด้านหนึ่งเป็นหน้าผา 839 00:46:19,986 --> 00:46:21,696 ‎แล้วผมก็พูดว่า 840 00:46:22,364 --> 00:46:25,075 ‎"ฉันจะขึ้นไปบนเนินนั่นแล้วกระโดด" 841 00:46:26,451 --> 00:46:33,375 ‎ขณะที่ปีนขึ้นไป ผมเห็นภาพลูกๆ ในหัว 842 00:46:35,377 --> 00:46:38,088 ‎ผมทรุดลงนั่งคุกเข่า 843 00:46:39,381 --> 00:46:41,925 ‎และพูดว่า "จอห์น นี่ไม่ใช่ตัวนาย 844 00:46:42,425 --> 00:46:44,094 ‎นายไม่ใช่คนแบบนี้" 845 00:46:44,177 --> 00:46:48,139 ‎ภรรยาผมได้ยินเสียงจอดรถหน้าบ้าน ‎และออกมาเจอผมที่ประตู 846 00:46:49,266 --> 00:46:51,101 ‎ผมมองเธอแล้วบอกว่า 847 00:46:51,726 --> 00:46:55,564 ‎"ต้องเป็นแวเลียมแน่ๆ" 848 00:46:56,940 --> 00:47:01,695 ‎แล้วภรรยาผมก็เริ่มกูเกิล ‎"แวเลียมกับการฆ่าตัวตาย" 849 00:47:01,778 --> 00:47:05,615 ‎"อาการขาดยาแวเลียม" ‎"อาการขาดยาซาแน็กซ์" 850 00:47:08,118 --> 00:47:11,872 ‎น่าเสียดายที่ผู้ป่วยสังเกตเห็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ 851 00:47:11,955 --> 00:47:15,000 ‎ยาเบ็นโซไดอาเซพีนก่อนบุคลากรทางการแพทย์ 852 00:47:15,083 --> 00:47:18,169 ‎ทั้งการเสพติด การชินยา และอาการขาดยา 853 00:47:18,253 --> 00:47:22,007 ‎ข้อมูลเหล่านั้นมาจากยุค 1970 ‎และได้รับการแจกแจงลักษณะ 854 00:47:22,090 --> 00:47:24,175 ‎โดยดร.เฮเธอร์ แอชตัน นักจิตวิทยา 855 00:47:24,259 --> 00:47:27,512 ‎ที่เปิดคลินิกสำหรับเลิกยา ‎เบ็นโซไดอาเซพีนในสหราชอาณาจักร 856 00:47:27,596 --> 00:47:30,307 ‎มีการอบรมด้านเภสัชวิทยาคลินิก… 857 00:47:30,390 --> 00:47:32,142 ‎(ดร.เฮเธอร์ แอชตัน - นักจิตเภสัชวิทยา) 858 00:47:32,225 --> 00:47:34,311 ‎และการจัดการอาการขาดยาไม่มากพอ 859 00:47:34,394 --> 00:47:37,480 ‎การฟังผู้ป่วยกลายเป็นศาสตร์ที่สาบสูญ 860 00:47:37,564 --> 00:47:41,318 ‎และหมอก็หลงใหลไปกับความคิดที่ว่า 861 00:47:41,401 --> 00:47:44,195 ‎ยาคือหนทางรักษาโรคจิตเวช 862 00:47:44,279 --> 00:47:46,823 ‎เธอเขียนหนังสือที่ชื่อว่าดิแอชตันแมนนวล 863 00:47:46,907 --> 00:47:50,702 ‎ซึ่งสามารถหาอ่านได้ในอินเทอร์เน็ต ‎มันเป็นเอกสารที่ดีมาก 864 00:47:51,202 --> 00:47:55,582 ‎อยู่ๆ เราก็เจอดิแอชตันแมนนวล 865 00:47:55,665 --> 00:48:00,921 ‎เราเจออาการทุกอย่างที่ผมเล่าให้หมอทุกคนฟัง 866 00:48:01,004 --> 00:48:03,006 ‎ทีละอย่าง 867 00:48:03,089 --> 00:48:05,884 ‎ผมกับภรรยามองหน้ากันแบบ… 868 00:48:07,177 --> 00:48:08,678 ‎"เป็นไปได้ยังไง 869 00:48:09,763 --> 00:48:15,352 ‎ที่เราไปหาหมอ 32 คนและไม่มีใครตระหนักว่า 870 00:48:15,435 --> 00:48:20,023 ‎การที่ผมลดยาเบ็นโซไดอาเซพีน ‎ทำให้ผมมีอาการขาดยา" 871 00:48:20,106 --> 00:48:23,318 ‎ผู้ป่วยบางคนก็ไม่มีปัญหาเลย ขณะที่บางคนไวต่อ 872 00:48:23,401 --> 00:48:26,446 ‎การปรับหรือลดขนาดยาแค่เล็กน้อย 873 00:48:26,529 --> 00:48:31,326 ‎โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ขณะที่เราแก่ตัว ‎สมองจะมีความยืดหยุ่นลดลง 874 00:48:31,826 --> 00:48:33,620 ‎ดังนั้นเมื่อคนอายุเกิน 50 ปี 875 00:48:33,703 --> 00:48:38,124 ‎และใช้เบ็นโซไดอาเซพีน ‎มานานหลายสิบปี มันเลิกยากมาก 876 00:48:38,208 --> 00:48:40,585 ‎มีคนรู้ถึงความเสี่ยงเหล่านี้น้อยเกินไป 877 00:48:40,669 --> 00:48:44,381 ‎มีหมอรู้ถึงความเสี่ยงเหล่านี้น้อยเกินไป 878 00:48:44,881 --> 00:48:46,967 ‎ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องแปลกในยุคนี้ 879 00:48:47,050 --> 00:48:51,012 ‎ยาเหล่านี้เป็นเครื่องมือ ‎ที่มีประโยชน์ ฉันดีใจมากที่มีมัน 880 00:48:51,513 --> 00:48:54,474 ‎ฉันรู้สึกขอบคุณคนที่คิดค้นมัน 881 00:48:54,557 --> 00:48:59,187 ‎ปัญหาคือเราใช้มันบ่อยเกินไป 882 00:48:59,270 --> 00:49:01,648 ‎และใช้นานเกินไป 883 00:49:02,983 --> 00:49:05,110 ‎ถ้าเราพิจารณาปัจจัยเสี่ยงทั้งหมด 884 00:49:05,193 --> 00:49:06,528 ‎ของการติดยา 885 00:49:06,611 --> 00:49:10,365 ‎หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือการเข้าถึงยา 886 00:49:11,282 --> 00:49:14,995 ‎เราอยู่ในยุคที่มีการสั่งยาเกินจำเป็น ‎และมีปริมาณยามากเกินจำเป็น 887 00:49:15,078 --> 00:49:19,040 ‎ซึ่งหมายความว่ามีโอกาสสูง ‎ที่คนจะลองใช้ยาและติด 888 00:49:20,750 --> 00:49:25,338 ‎ฉันเป็นจิตแพทย์มาตั้งแต่กลางยุค 90 ‎และสมัยนั้น ถ้ามีคนมาหาฉัน 889 00:49:25,422 --> 00:49:28,216 ‎และมีอาการของโรควิตกกังวลหรือโรคซึมเศร้า 890 00:49:28,299 --> 00:49:31,428 ‎ฉันต้องอธิบายว่า "คุณเป็นโรคซึมเศร้านะ" 891 00:49:31,511 --> 00:49:33,847 ‎หรือ "นี่คืออาการตื่นตระหนก" 892 00:49:33,930 --> 00:49:38,018 ‎และฉันต้องใช้เวลา ‎ในนัดครั้งแรกหรือนัดครั้งที่สอง 893 00:49:38,101 --> 00:49:41,646 ‎อธิบายให้ผู้ป่วยเลิกมองการกินยาในแง่ร้าย 894 00:49:42,689 --> 00:49:46,818 ‎ตั้งแต่ปี 1997 ที่อย.ตัดสินใจว่า 895 00:49:46,901 --> 00:49:50,196 ‎บริษัทยาสามารถโฆษณาต่อประชาชนโดยตรง 896 00:49:50,280 --> 00:49:52,907 ‎คุณจะแค่หยุดเป็นโรคซึมเศร้าไม่ได้ 897 00:49:52,991 --> 00:49:55,118 ‎ไม่มีใครทำได้เพราะมันเป็นโรคที่มีอยู่จริง 898 00:49:55,201 --> 00:49:57,579 ‎คุณอาจรู้สึกกังวล ถึงขั้นนอนไม่หลับ 899 00:49:57,662 --> 00:50:00,373 ‎เรารู้ว่าความกังวลต่อการเข้าสังคมเป็นยังไง 900 00:50:00,457 --> 00:50:02,459 ‎สารเคมีไม่สมดุลอาจเป็นต้นเหตุ 901 00:50:02,542 --> 00:50:04,085 ‎คุณจะได้ชีวิตกลับคืนมา 902 00:50:04,169 --> 00:50:06,337 ‎ได้ใช้ชีวิตเหมือนมีชีวิตอีกครั้ง 903 00:50:06,421 --> 00:50:10,300 ‎ฉันไม่จำเป็นต้องสอน อธิบาย หรือค่อยๆ แนะนำ 904 00:50:10,383 --> 00:50:14,888 ‎เพราะมีคนมาหาฉันแล้วถามว่า ‎"จะกินเวลล์บิวทรินหรือเอฟเฟกเซอร์ดี" 905 00:50:14,971 --> 00:50:17,640 ‎หรือ "ครูสอนพิลาทิสของฉันกินแพ็กซิล 906 00:50:17,724 --> 00:50:21,352 ‎แต่ทันตานามัยของฉันบอกว่า ‎โซลอฟท์ดีกว่า มันต่างกันยังไง" 907 00:50:21,436 --> 00:50:25,231 ‎ไม่มีการติดตามผลเลย ไม่มีการถามว่า 908 00:50:25,315 --> 00:50:28,318 ‎"รู้สึกยังไงบ้าง ความคิดเป็นยังไง 909 00:50:28,401 --> 00:50:32,030 ‎อารมณ์ความรู้สึกเป็นยังไง" มันเป็นแค่ธุรกิจ 910 00:50:32,113 --> 00:50:34,824 ‎การแพทย์กลายเป็นอุตสาหกรรม 911 00:50:34,908 --> 00:50:39,788 ‎จนถึงจุดที่หมอทำหน้าที่เป็นคนงานในสายการผลิต 912 00:50:39,871 --> 00:50:44,584 ‎หลังจากเขา จิตแพทย์ของผมทุกคน ‎ก็ทำเหมือนมันเป็นแค่ธุรกิจ 913 00:50:44,667 --> 00:50:47,378 ‎ผมไปหาหมอที่สนใจแต่ธุรกิจ เพราะผมรู้สึกว่า 914 00:50:47,462 --> 00:50:50,715 ‎"ฉันไม่อยากพูดเรื่องความรู้สึก ‎ไม่อยากพูดถึงมัน" 915 00:50:50,799 --> 00:50:54,719 ‎มีแรงกดดันอย่างหนักให้หมอรีบพบผู้ป่วย 916 00:50:54,803 --> 00:50:57,722 ‎รับเข้ามา ส่งออกไป สั่งยา 917 00:50:57,806 --> 00:51:00,058 ‎เพราะนั่นคือค่าใช้จ่ายที่บริษัทประกันชดเชยให้ 918 00:51:00,141 --> 00:51:03,603 ‎หมอคนหนึ่งบอกว่า "ช่วยเล่าเรื่อง ‎ชีวิตวัยเด็กในเท็กซัสให้ฟังหน่อย" 919 00:51:03,686 --> 00:51:06,731 ‎ผมก็แบบ "ผมไม่อยากเล่า สั่งยาเลยได้ไหม" 920 00:51:06,815 --> 00:51:10,026 ‎แล้วเราก็ถามผู้ป่วยว่า "คุณพอใจกับบริการไหม" 921 00:51:10,110 --> 00:51:12,153 ‎หมออยากได้คะแนนสูงๆ 922 00:51:12,237 --> 00:51:15,907 ‎เพราะความก้าวหน้าทางอาชีพ ‎ของพวกเขาขึ้นอยู่กับแบบสอบถามนี้ 923 00:51:16,741 --> 00:51:19,953 ‎ด้วยแรงจูงใจซ่อนเร้นเหล่านี้ ‎จึงเป็นเรื่องธรรมดา 924 00:51:20,036 --> 00:51:23,456 ‎ที่หมอจะสั่งยาตามที่ผู้ป่วยต้องการ 925 00:51:23,540 --> 00:51:26,626 ‎ปัญหาอีกอย่างคือในระยะสั้น ‎ยาพวกนี้ใช้ได้ผลจริงๆ 926 00:51:26,709 --> 00:51:30,839 ‎ฉันไปหานักบำบัดในนิวแฮมป์เชอร์ตอนอายุ 13 ปี 927 00:51:30,922 --> 00:51:32,298 ‎(ซาราห์ ซิลเวอร์แมน ‎นักแสดงตลก) 928 00:51:33,633 --> 00:51:36,386 ‎ซึ่งวันที่ฉัน… 929 00:51:36,469 --> 00:51:40,807 ‎วันแรกที่ฉันไป เขาบอกว่า… ‎ตอนนั้นน่าจะประมาณปี 84 930 00:51:40,890 --> 00:51:44,185 ‎เขาบอกว่า "ผมจะเขียนใบสั่งยาให้ 931 00:51:44,269 --> 00:51:47,438 ‎ทุกครั้งที่รู้สึกเศร้า ให้คุณกินยาเม็ดหนึ่ง" 932 00:51:47,522 --> 00:51:48,565 ‎มันคือซาแน็กซ์ 933 00:51:48,648 --> 00:51:52,902 ‎ฉันต้องระวัง ฉันไม่อยากพูดเหมือน ‎ยาเบ็นโซไดอาเซพีนหรือยาเลวร้ายไปหมด 934 00:51:52,986 --> 00:51:56,030 ‎ที่ฉันรู้ก็คือมีการสั่งยามากเกินไป ‎อย่างเช่นยาโอปิออยด์ 935 00:51:56,114 --> 00:51:57,282 ‎มันเป็นยาแก้ปวดทั้งคู่ 936 00:51:57,365 --> 00:51:59,701 ‎ตัวหนึ่งแก้ความปวดทางอารมณ์ ‎อีกตัวแก้ความปวดทางกาย 937 00:52:00,285 --> 00:52:04,205 ‎เกิดวิกฤตซาแน็กซ์ครั้งใหญ่ในหลายชุมชน 938 00:52:04,789 --> 00:52:07,125 ‎เราอยู่ท่ามกลางการแพร่ระบาดของยาตามใบสั่ง 939 00:52:07,208 --> 00:52:09,919 ‎ส่วนใหญ่คนจะคิดถึงแต่ยาโอปิออยด์ 940 00:52:10,003 --> 00:52:11,546 ‎แต่ไม่ได้มีแค่ยาโอปิออยด์ 941 00:52:12,172 --> 00:52:17,177 ‎แร็ปเปอร์ลิลซาน ย่อมาจากซาแน็กซ์ ‎เป็นหนึ่งในศิลปินมากกว่า 50 คน 942 00:52:17,260 --> 00:52:19,804 ‎ที่เราพบว่าเอ่ยถึงซาแน็กซ์ในเพลงของพวกเขา 943 00:52:19,888 --> 00:52:21,347 ‎ตอนนั้นผมน่าจะกิน… 944 00:52:21,431 --> 00:52:22,265 ‎(ลิลซาน - แร็ปเปอร์) 945 00:52:22,348 --> 00:52:25,143 ‎ยาเม็ดสองมิลลิกรัมวันละ 12 ถึง 14 เม็ด 946 00:52:26,060 --> 00:52:26,978 ‎ว้าว 947 00:52:27,562 --> 00:52:28,980 ‎มันแย่มาก 948 00:52:29,063 --> 00:52:31,524 ‎ฉันได้ยินเสียงในหัว 949 00:52:31,608 --> 00:52:34,027 ‎มันบอกให้ฉันยอมแพ้ 950 00:52:34,110 --> 00:52:36,279 ‎ฉันเจอซาแน็กซ์บนเตียง 951 00:52:36,362 --> 00:52:38,698 ‎กินแล้วกลับไปนอน 952 00:52:38,781 --> 00:52:44,621 ‎มันเป็นดาบสองคม การยอมรับ ‎ความปวด หรือความกังวล 953 00:52:44,704 --> 00:52:47,498 ‎หรืออะไรก็ตาม โดยไม่ทำให้มันดูเย้ายวน 954 00:52:47,999 --> 00:52:53,671 ‎มันเป็นดาบสองคมที่คมมาก ‎เป็นเรื่องยากที่จะเดินทางสายกลาง 955 00:52:53,755 --> 00:52:56,925 ‎และเราไม่ได้เตรียมคนหนุ่มสาว ‎ให้พร้อมรับมือกับเรื่องนี้ 956 00:52:57,008 --> 00:52:59,469 ‎ในไม่ช้าบ็อบบี้ก็เลียนแบบไอดอลของเขา 957 00:52:59,552 --> 00:53:02,096 ‎และกินยาเม็ดแรกตอนอยู่เกรดสิบ 958 00:53:02,805 --> 00:53:04,599 ‎ผมติดตั้งแต่เม็ดแรก 959 00:53:04,682 --> 00:53:07,185 ‎แค่โทรครั้งเดียว ส่งข้อความ ‎ครั้งเดียวก็หายาได้ ใช่ 960 00:53:07,268 --> 00:53:08,519 ‎ยาทุกประเภท 961 00:53:08,603 --> 00:53:13,858 ‎โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือสำคัญ ‎สำหรับซื้อยาเหล่านี้ในอินเทอร์เน็ต 962 00:53:13,942 --> 00:53:17,278 ‎เป็นไปได้ว่านี่… นี่อาจเป็นคนขายยาของคุณ 963 00:53:17,362 --> 00:53:21,157 ‎แค่พิมพ์อะไรนิดหน่อยก็หาซาแน็กซ์ได้ง่ายๆ 964 00:53:21,241 --> 00:53:23,618 ‎มียาพวกนี้อยู่ทั่วไปหมด 965 00:53:23,701 --> 00:53:27,455 ‎ฉันเจอบัญชีนี้ที่มีผู้ค้ายา 104 คน 966 00:53:27,538 --> 00:53:29,165 ‎ที่ใช้สแนปแชต 967 00:53:29,249 --> 00:53:31,584 ‎ที่เราสามารถติดต่อได้เพียงแค่พิมพ์ชื่อ 968 00:53:31,668 --> 00:53:33,753 ‎พูดง่ายๆ คือรายชื่อผู้ค้ายา 969 00:53:33,836 --> 00:53:36,297 ‎ทุกวันนี้มีคนมากมายในห้องแล็บใต้ดิน 970 00:53:36,381 --> 00:53:37,924 ‎ห้องแล็บผิดกฎหมาย 971 00:53:38,007 --> 00:53:41,052 ‎ที่ผลิตยาเบ็นโซไดอาเซพีนชนิดรุนแรง 972 00:53:41,135 --> 00:53:43,304 ‎ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับยาอันตราย 973 00:53:43,388 --> 00:53:48,643 ‎มันเป็นยาเม็ดเล็กสีขาวที่ออกแบบ ‎ให้ดูเหมือนยาแก้วิตกกังวล ซาแน็กซ์ 974 00:53:49,143 --> 00:53:51,771 ‎แต่มันมีส่วนผสมของโอปิออยด์ฤทธิ์แรง 975 00:53:51,854 --> 00:53:52,855 ‎ที่เรียกว่าเฟนทานิล 976 00:53:52,939 --> 00:53:55,608 ‎คนสามารถเข้าอินเทอร์เน็ต ‎และซื้อเครื่องตอกเม็ดยาได้ 977 00:53:55,692 --> 00:53:57,235 ‎ซื้อสีย้อมยาได้ 978 00:53:57,318 --> 00:54:01,239 ‎นี่คือเฟนทานิลผสมกับสารเจือจางอะไรก็ได้ 979 00:54:01,322 --> 00:54:03,783 ‎แล้วพอฉันหมุนวงล้อ… 980 00:54:04,867 --> 00:54:07,245 ‎เม็ดยาก็ขึ้นมา 981 00:54:07,328 --> 00:54:10,415 ‎เราอาจซื้อยาสองเม็ดจากคนขาย 982 00:54:10,498 --> 00:54:13,084 ‎แล้วเม็ดหนึ่งมีเฟนทานิลมากกว่าอีกเม็ดนิดหน่อย 983 00:54:13,167 --> 00:54:15,461 ‎และยาเม็ดนั้นจะทำให้เราตาย 984 00:54:15,545 --> 00:54:20,174 ‎เดี๋ยวนี้ยาที่ส่งมาจากเม็กซิโก ‎ถูกผลิตด้วยความชำนาญ 985 00:54:20,258 --> 00:54:24,512 ‎เราแยกไม่ออกเลย ‎สีเหมือนเป๊ะ สัญลักษณ์ก็ดูปกติ 986 00:54:24,595 --> 00:54:26,222 ‎และเนื้อสัมผัสของยา… 987 00:54:26,306 --> 00:54:29,100 ‎มันเหมือนของจริงไม่มีผิด น่ากลัวมาก 988 00:54:29,183 --> 00:54:33,938 ‎นักบำบัดชื่อดังทางทีวี ลอร่า เบอร์แมน ‎เปิดเผยว่าลูกชายวัยรุ่นของเธอเสียชีวิต 989 00:54:34,022 --> 00:54:36,065 ‎จากการใช้ยาเกินขนาดเมื่อวันอาทิตย์ 990 00:54:36,149 --> 00:54:38,401 ‎คุณบอกว่าคิดว่ามันเป็นเฟนทานิล ‎ผสมกับอะไรบางอย่าง 991 00:54:38,484 --> 00:54:42,363 ‎เขามีอาการปวดที่ทำให้ต้องใช้ยาไหมคะ 992 00:54:42,447 --> 00:54:45,908 ‎- คิดว่าเขารู้ตัวไหมว่ากินยาอะไร ‎- ไม่ เขา… ไม่ค่ะ 993 00:54:45,992 --> 00:54:48,328 ‎ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เรามักจะเห็น 994 00:54:48,411 --> 00:54:51,539 ‎ว่าการใช้ยาเกินขนาดส่วนใหญ่ ‎ไม่ได้เกิดจากสารตัวเดียว 995 00:54:51,622 --> 00:54:54,000 ‎ปกติแล้วจะเกิดจากยาหลายตัวผสมกัน 996 00:54:54,083 --> 00:54:57,754 ‎การใช้เบ็นโซไดอาเซพีนปริมาณมาก ‎แค่อย่างเดียวไม่อันตรายมากนัก 997 00:54:57,837 --> 00:54:59,714 ‎แต่พอใช้ร่วมกับโอปิออยด์ 998 00:54:59,797 --> 00:55:02,633 ‎มันกลายเป็นยาสลบและอันตรายมาก 999 00:55:02,717 --> 00:55:04,927 ‎เพราะมันจะมีฤทธิ์กดประสาทเป็นสองเท่า 1000 00:55:05,011 --> 00:55:09,432 ‎อาจเกิดภาวะฉุกเฉินเกี่ยวกับหัวใจ ‎เราอาจตายได้ เราอาจหยุดหายใจ 1001 00:55:10,016 --> 00:55:11,434 ‎เขาอายุแค่ 21 ปี 1002 00:55:11,517 --> 00:55:14,562 ‎ยูทูบเบอร์ดาวดังและแร็ปเปอร์หน้าใหม่ 1003 00:55:14,645 --> 00:55:17,190 ‎ลิลพีป เสียชีวิตเมื่อคืน 1004 00:55:17,273 --> 00:55:19,817 ‎มีข่าวการตายมากมาย 1005 00:55:20,443 --> 00:55:23,071 ‎ที่เกี่ยวข้องกับยาแก้ปวดหรือเบ็นโซไดอาเซพีน 1006 00:55:23,154 --> 00:55:25,323 ‎พวกเขาเผชิญกับส่วนผสมที่เหมาะเจาะ 1007 00:55:25,406 --> 00:55:28,534 ‎ของความปวดและความกังวล ‎และต้องหาทางบรรเทาเพื่อผ่านไปให้ได้ 1008 00:55:29,994 --> 00:55:33,748 ‎ผมมองกระจกและตอนนั้นเองที่ผมรู้ว่า 1009 00:55:33,831 --> 00:55:35,917 ‎ถ้าขืนทำแบบนี้ต่อไป ผมต้องตายไวแน่ 1010 00:55:36,000 --> 00:55:38,753 ‎ผมเลยเลิกแบบหักดิบ 1011 00:55:38,836 --> 00:55:42,173 ‎สุดท้ายผมก็ชักสองสามรอบ 1012 00:55:42,256 --> 00:55:43,758 ‎และต้องเข้าโรงพยาบาล 1013 00:55:43,841 --> 00:55:47,011 ‎หลังจากพยายามอยู่หลายครั้ง ‎ซานบอกเราว่าเขาเลิกยาแล้ว 1014 00:55:47,095 --> 00:55:49,764 ‎ผมอยากจัดตั้งขบวนการซานาร์คี 1015 00:55:49,847 --> 00:55:53,017 ‎เพื่อต่อต้านการใช้ยาซาแน็กซ์ 1016 00:55:53,101 --> 00:55:54,977 ‎และนั่นคือเรื่องที่ผมอยากรณรงค์ 1017 00:55:55,061 --> 00:55:58,272 ‎เราต้องเริ่มรับผิดชอบ ‎และผลักดันให้คนอื่นๆ รับผิดชอบ… 1018 00:55:58,356 --> 00:55:59,273 ‎(วิค เมนซ่า - แร็ปเปอร์) 1019 00:55:59,357 --> 00:56:03,069 ‎ที่พวกเราเชิดชูวัฒนธรรมการเสพยา ผมพูดจริงๆ 1020 00:56:03,152 --> 00:56:08,449 ‎อย่าเอาซาแน็กซ์ให้ฉันตอนนี้ หรือตอนไหนก็ตาม 1021 00:56:08,533 --> 00:56:11,536 ‎ฉันไม่ชอบที่ต้องโตมากับคนที่รัก 1022 00:56:11,619 --> 00:56:13,746 ‎แล้วพวกเขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน 1023 00:56:13,830 --> 00:56:16,916 ‎มันแปลกมากที่ต้องทนดู ‎ฉันไม่อยากให้มีใครตายอีกแล้ว 1024 00:56:16,999 --> 00:56:18,251 ‎ฉันไม่อยากให้มีใครตาย 1025 00:56:18,334 --> 00:56:20,253 ‎ตอนนี้เด็กๆ เป็นสัญญาณเตือนภัย 1026 00:56:20,336 --> 00:56:24,298 ‎พวกเขาเป็นสัญญาณว่าโลกของเราไม่ปกติ 1027 00:56:24,382 --> 00:56:27,718 ‎คลินิกของฉันกลายเป็น ‎คลินิก "เลิกยา" ประมาณครึ่งหนึ่ง 1028 00:56:27,802 --> 00:56:29,971 ‎หมายความว่ามีผู้ป่วยจำนวนมากขึ้นที่เข้ามา 1029 00:56:30,054 --> 00:56:36,102 ‎หรือถูกส่งตัวมาเพื่อเลิกใช้ยาโอปิออยด์ ‎หรือเบ็นโซไดอาเซพีน หรือทั้งคู่ 1030 00:56:36,185 --> 00:56:38,354 ‎ผู้ป่วยเองก็สับสนเหมือนกัน 1031 00:56:38,438 --> 00:56:40,940 ‎เพราะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องพึ่งยา 1032 00:56:41,023 --> 00:56:44,569 ‎และใช้ยามาเป็นเวลานาน ‎พวกเขานึกภาพชีวิตที่ไม่มียาไม่ออก 1033 00:56:44,652 --> 00:56:46,737 ‎ไม่สำคัญเลยว่าพวกเขาวิตกกังวล 1034 00:56:46,821 --> 00:56:48,156 ‎หรือสบายดี 1035 00:56:48,239 --> 00:56:51,325 ‎พวกเขาแค่ใช้ชีวิตโดยไม่มียาไม่ได้ 1036 00:56:51,409 --> 00:56:53,703 ‎ความคิดนั้นน่ากลัวมากสำหรับพวกเขา 1037 00:56:53,786 --> 00:56:55,788 ‎และนั่นคืออาการขาดยาของจริง 1038 00:56:55,872 --> 00:56:58,124 ‎นั่นคือลักษณะของการชินยาและการขาดยา 1039 00:57:18,019 --> 00:57:21,647 ‎ดีนะที่ผมเรียนเคมีสมัยวิทยาลัย 1040 00:57:26,360 --> 00:57:30,198 ‎นี่ไม่ใช่เรื่องที่หมอคนไหนจะสอนให้เราทำ 1041 00:57:32,116 --> 00:57:34,744 ‎มันคือการลดยาระดับต่ำด้วยยาน้ำ 1042 00:57:36,078 --> 00:57:40,541 ‎และมันทำให้เราสามารถลดปริมาณการใช้ยา 1043 00:57:40,625 --> 00:57:45,755 ‎ทีละน้อยๆ ทุกวัน 1044 00:57:46,506 --> 00:57:48,174 ‎ถ้าลดเร็วเกินไป 1045 00:57:49,175 --> 00:57:53,638 ‎เราอาจเกิดอาการหวาดผวาได้ 1046 00:57:57,850 --> 00:58:00,102 ‎สารเคมีพวกนี้ฤทธิ์แรงมาก 1047 00:58:00,603 --> 00:58:05,441 ‎แม้แต่การลดยาช้าๆ แบบนี้ก็ต้องใช้เวลาหลายปี 1048 00:58:13,115 --> 00:58:17,912 ‎(ทางข้ามทางรถไฟ) 1049 00:58:19,830 --> 00:58:22,416 ‎จากเส้นกลางถึงด้านบนรางล่ะ 1050 00:58:22,500 --> 00:58:24,293 ‎- 155 เซนติเมตร ‎- 155 1051 00:58:24,377 --> 00:58:26,003 ‎ถ้าพร้อมทำเบอร์หนึ่งก็บอกนะ 1052 00:58:26,087 --> 00:58:27,338 ‎โอเค เอาเลย 1053 00:58:27,421 --> 00:58:30,550 ‎เอาล่ะ จากตรงนี้ก็ประมาณ 76 เซนติเมตร 1054 00:58:30,633 --> 00:58:31,801 ‎เจ็ดสิบหก 1055 00:58:33,844 --> 00:58:35,596 ‎ฉันทำงานกับรัฐมิชิแกน 1056 00:58:35,680 --> 00:58:38,975 ‎ฉันอยู่ในโครงการฝึกวิศวกรโยธา 1057 00:58:39,058 --> 00:58:45,606 ‎ฉันทำงานนี้มาสามปีแล้ว มันเป็นงานจริงจัง 1058 00:58:45,690 --> 00:58:47,650 ‎ฉันเริ่มทำตอนอายุ 18 1059 00:58:48,818 --> 00:58:52,738 ‎และฉันก็รู้สึกดีที่มีคนพึ่งพาฉันในบางเรื่อง 1060 00:58:52,822 --> 00:58:54,323 ‎แน่นอนว่ามันเครียด 1061 00:58:54,407 --> 00:58:57,410 ‎แต่เป็นความเครียดในระดับที่พอดี ‎ซึ่งผลักดันให้ฉันทำงานจนเสร็จ 1062 00:58:57,493 --> 00:58:59,370 ‎ไม่มากจนเกินไป 1063 00:59:00,121 --> 00:59:02,873 ‎คนที่ต่อต้านซาแน็กซ์มากๆ ส่วนใหญ่ 1064 00:59:02,957 --> 00:59:06,794 ‎รู้สึกแบบนั้นเพราะการใช้ยาเพื่อสันทนาการ 1065 00:59:06,877 --> 00:59:10,464 ‎สำหรับคนอย่างฉัน เวลาเห็นคนใช้ยา 1066 00:59:10,548 --> 00:59:12,133 ‎ในทางที่ผิด เราคิดว่า 1067 00:59:12,216 --> 00:59:15,678 ‎พวกเขาไม่รู้ว่ามันมีประโยชน์แค่ไหน ‎สำหรับคนที่ต้องการมันจริงๆ 1068 00:59:18,639 --> 00:59:20,600 ‎ฉันกินยาวันละหนึ่งมิลลิกรัม 1069 00:59:20,683 --> 00:59:24,854 ‎ตอนที่เริ่มก็กินเท่านี้ ฉันกินเท่านี้มาตลอด 1070 00:59:26,272 --> 00:59:29,609 ‎มันทำให้เสพติดได้ แต่ไม่ใช่ในกรณีของฉัน 1071 00:59:30,484 --> 00:59:34,155 ‎แต่ถ้าเป็นด้านจิตใจก็ใช่ 1072 00:59:34,238 --> 00:59:37,241 ‎ฉันคิดเสมอว่า "ถ้าไม่มียาจะทำยังไง" 1073 00:59:37,325 --> 00:59:43,289 ‎มันง่ายมากที่จะติดยาโดยสมบูรณ์ 1074 00:59:43,372 --> 00:59:44,498 ‎และฉันไม่… 1075 00:59:44,999 --> 00:59:48,628 ‎ต่อให้เป็นยาที่มีประโยชน์ ‎มันก็เป็นความคิดที่น่ากลัว 1076 00:59:48,711 --> 00:59:51,172 ‎ถ้ายาหมดล่ะ ถ้ามีคนเอาไปล่ะ 1077 00:59:51,255 --> 00:59:53,466 ‎ถ้าลืมกินล่ะ จะทำยังไง 1078 00:59:53,966 --> 00:59:55,926 ‎และความคิดนั้นทำให้ฉันกลัว 1079 00:59:56,010 --> 01:00:00,306 ‎การใช้ยาอาจเป็นเรื่องสำคัญ ‎สำหรับหลายๆ คน และฉันไม่อยาก 1080 01:00:00,389 --> 01:00:02,475 ‎ด้อยค่าคุณประโยชน์ของมัน 1081 01:00:02,558 --> 01:00:05,102 ‎ในการช่วยคนรับมือกับความกังวลที่รุนแรง 1082 01:00:05,186 --> 01:00:07,188 ‎มันทำให้เรากลับมาเป็นปกติ 1083 01:00:07,271 --> 01:00:09,065 ‎กลับมาเป็นตัวเอง 1084 01:00:09,148 --> 01:00:12,318 ‎แต่ทันทีที่เราเลิกยา ถ้าไม่รักษาด้วยวิธีอื่น 1085 01:00:12,985 --> 01:00:14,528 ‎ความกังวลจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง 1086 01:00:15,321 --> 01:00:20,743 ‎ตอนที่แม่ผมป่วย เราพบว่า ‎ท่านเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะลุกลาม 1087 01:00:20,826 --> 01:00:22,161 ‎รีบไปสนามบิน 1088 01:00:22,244 --> 01:00:26,499 ‎เราอยู่ในบอสตัน ผม พ่อกับน้องสาว 1089 01:00:27,375 --> 01:00:30,002 ‎ทุกครั้งที่ออกนอกเมือง ‎ผมคิดว่า "แม่จะเป็นอะไรไหม" 1090 01:00:30,086 --> 01:00:32,838 ‎และผมหยุดความคิดพวกนั้นไม่ได้ 1091 01:00:32,922 --> 01:00:36,217 ‎ซึ่งทำให้ผมมีอาการตื่นตระหนกครั้งแรก 1092 01:00:36,300 --> 01:00:38,594 ‎ตอนนั้นผมต้องไปทำงาน 1093 01:00:38,678 --> 01:00:42,973 ‎ผมควรจะนำเสนองาน แต่ผมกลับสติแตก 1094 01:00:43,057 --> 01:00:45,643 ‎เข้าไปหลบในห้องน้ำของบริษัท 1095 01:00:45,726 --> 01:00:48,187 ‎หายใจเร็ว ผมคิดว่าตัวเองหัวใจวาย 1096 01:00:48,270 --> 01:00:50,731 ‎ผมคิดว่า "นี่มัน… พระเจ้า" 1097 01:00:51,524 --> 01:00:54,276 ‎มันเป็นภวังค์ที่เราออกมาเองไม่ได้ 1098 01:00:56,153 --> 01:00:59,156 ‎ก่อนที่แม่ผมจะเสีย ท่านเขียนจดหมายฉบับหนึ่ง 1099 01:00:59,240 --> 01:01:02,952 ‎ท่านเขียนจดหมายถึงผม ‎น้องชาย น้องสาว และพ่อ 1100 01:01:03,577 --> 01:01:07,998 ‎ในจดหมายของผม ท่านเขียนว่า ‎"แม่ขอโทษที่ตีกรอบให้ลูก 1101 01:01:08,082 --> 01:01:11,293 ‎ขอโทษที่ทำให้ลูกรู้สึกเหมือนต้องเป็น 1102 01:01:11,377 --> 01:01:15,256 ‎ในสิ่งที่ลูกไม่อาจเป็น" พอได้อ่านแล้ว ผม… 1103 01:01:15,339 --> 01:01:20,344 ‎ผมร้องไห้ ผมคิดว่า "ใช่" ‎นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกเครียด 1104 01:01:20,428 --> 01:01:22,263 ‎และกังวลมานาน 1105 01:01:22,346 --> 01:01:25,725 ‎เพราะเราถูกคาดหวัง ‎ให้ทำตามกรอบ สำหรับผม มันคือ 1106 01:01:25,808 --> 01:01:28,811 ‎"โอเค ลูกไม่ควรทำตัวฉูดฉาดเท่าที่ต้องการ" 1107 01:01:28,894 --> 01:01:30,855 ‎"ลูกเป็นคนผิวสี ทำไมถึงพูดจาแบบนั้น 1108 01:01:30,938 --> 01:01:33,399 ‎ต้องพูดแบบนี้ต่างหาก แม่คาดหวังสิ่งนี้" 1109 01:01:33,482 --> 01:01:35,568 ‎แม่ผมเสียเมื่อเดือนสิงหาคม 1110 01:01:35,651 --> 01:01:38,028 ‎นั่นคือตอนที่… 1111 01:01:38,904 --> 01:01:40,990 ‎ความรู้สึกต่างๆ ชัดเจนขึ้นมา 1112 01:01:41,574 --> 01:01:43,743 ‎ผมแค่รู้สึกว่า 1113 01:01:43,826 --> 01:01:46,871 ‎"ผมยังมีชีวิตอยู่และต้องหาทางแก้ปัญหานี้" 1114 01:01:49,206 --> 01:01:51,208 ‎นั่นคือตอนที่ผมคิดว่า "ฉันต้องไปบำบัด" 1115 01:01:52,001 --> 01:01:54,336 ‎ถ้าเรารู้ว่ามีเรื่องที่ทำให้ตัวเองกังวล 1116 01:01:54,420 --> 01:01:55,880 ‎และมันไม่หายไปไหน 1117 01:01:55,963 --> 01:01:59,675 ‎สิ่งสำคัญคือเราต้องไม่ลืมเรื่องพื้นฐาน 1118 01:01:59,759 --> 01:02:01,302 ‎อย่างแรก หายใจ 1119 01:02:04,013 --> 01:02:06,515 ‎นอนหลับให้เพียงพอ 1120 01:02:08,184 --> 01:02:10,770 ‎ฉันสนับสนุนให้คนนอนเยอะๆ 1121 01:02:10,853 --> 01:02:12,104 ‎ออกกำลังกาย 1122 01:02:13,856 --> 01:02:17,067 ‎และออกไปข้างนอกให้มากที่สุด 1123 01:02:17,818 --> 01:02:23,115 ‎ออกกำลังกาย รับแสงแดด ‎ทำอะไรอย่างโยคะหรือนั่งสมาธิ 1124 01:02:23,199 --> 01:02:25,409 ‎การนั่งสมาธิช่วยฉันได้มาก 1125 01:02:25,493 --> 01:02:30,331 ‎เรารู้ว่ามันทำให้ร่างกายอยู่ในสภาวะผ่อนคลาย 1126 01:02:30,414 --> 01:02:33,083 ‎มันระงับประสบการณ์ที่น่ากังวล 1127 01:02:33,167 --> 01:02:37,213 ‎เราไม่สามารถผ่อนคลาย ‎และกังวลไปด้วยในเวลาเดียวกัน 1128 01:02:37,296 --> 01:02:41,258 ‎ยังมียาอีกหลายตัวที่กินแล้ว ‎ไม่ทำให้เสพติดในลักษณะเดียวกัน 1129 01:02:41,342 --> 01:02:43,552 ‎ยากลุ่มที่ยับยั้งการเก็บกลับเซโรโทนิน 1130 01:02:43,636 --> 01:02:45,930 ‎มันไม่ได้บรรเทาความกังวลในช่วงเวลาหนึ่ง 1131 01:02:46,013 --> 01:02:50,100 ‎แต่มันลดระดับความกังวลโดยรวม 1132 01:02:50,184 --> 01:02:52,895 ‎เพื่อทำให้คนเกิดอาการตื่นตระหนกน้อยลง 1133 01:02:52,978 --> 01:02:54,980 ‎ฉันเป็นจิตแพทย์ในนิวยอร์กซิตี้ 1134 01:02:55,064 --> 01:02:57,858 ‎และแน่นอนว่าฉันสั่งยาแก้ซึมเศร้า 1135 01:02:57,942 --> 01:02:59,527 ‎และยาแก้วิตกกังวล 1136 01:03:00,319 --> 01:03:03,405 ‎แต่ฉันก็มักจะคุยกับผู้ป่วย ‎เรื่องสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ 1137 01:03:03,489 --> 01:03:06,033 ‎เพราะมันช่วยลดความกังวลได้ดี 1138 01:03:07,159 --> 01:03:10,246 ‎เราจะไม่ขาดความยับยั้งชั่งใจ ‎สมองไม่พร่าเบลอ 1139 01:03:10,329 --> 01:03:12,414 ‎เรายังมีสติสัมปชัญญะ 1140 01:03:12,498 --> 01:03:15,000 ‎แต่รับมือกับความเครียดได้ดีขึ้นนิดหน่อย 1141 01:03:15,084 --> 01:03:17,711 ‎เรามีความรู้มากมาย ‎เกี่ยวกับการรักษาโรคเหล่านี้ 1142 01:03:17,795 --> 01:03:20,589 ‎และการรักษาที่ได้ผลดีที่สุด ‎และอิงหลักฐานมากที่สุด 1143 01:03:20,673 --> 01:03:23,092 ‎คือการบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม 1144 01:03:23,175 --> 01:03:28,138 ‎เทคนิคนี้จะมุ่งเน้นที่ระบบนิสัยในการคิด 1145 01:03:28,222 --> 01:03:29,932 ‎การประพฤติตัว การตัดสินใจ 1146 01:03:30,015 --> 01:03:32,643 ‎และฉันคิดว่ามันสร้างทัศนคติใหม่ 1147 01:03:32,726 --> 01:03:35,145 ‎เกี่ยวกับวิธีที่เราคิดถึงความทุกข์ 1148 01:03:36,063 --> 01:03:39,441 ‎การมีเสียงเล็กๆ อีกเสียง 1149 01:03:39,525 --> 01:03:42,611 ‎ที่เกิดจากการบำบัด ‎คอยบอกเราว่า "ไม่เป็นไรนะ 1150 01:03:42,695 --> 01:03:45,948 ‎นี่คือความรู้สึกของเราในตอนนี้ ‎การมีความรู้สึกเป็นเรื่องปกติ 1151 01:03:46,031 --> 01:03:49,076 ‎ความรู้สึกไม่ใช่ข้อเท็จจริง ‎ความคิดไม่ใช่ข้อเท็จจริง 1152 01:03:49,618 --> 01:03:51,829 ‎ที่เราต้องทำคือผ่านวันนี้ไปให้ได้ 1153 01:03:51,912 --> 01:03:53,289 ‎แล้ววันพรุ่งนี้จะมาถึง 1154 01:03:53,372 --> 01:03:55,332 ‎และในที่สุด จะมีวันพรุ่งนี้มากพอ 1155 01:03:55,416 --> 01:03:59,837 ‎จนเราไม่รู้สึกแบบนี้อีก" ‎มันเพียงพอให้เรามีชีวิตอยู่ต่อไป 1156 01:03:59,920 --> 01:04:01,881 ‎เพราะสุดท้ายแล้ว เวลาเราเผชิญกับ 1157 01:04:01,964 --> 01:04:05,551 ‎ช่วงเวลาที่ยากลำบาก ‎เราก็แค่ก็ต้องพยายามต่อไป 1158 01:04:07,261 --> 01:04:10,180 ‎มันชัดเจนขึ้นมากตอนที่เกิดโรคระบาด 1159 01:04:10,264 --> 01:04:13,726 ‎แต่การเชื่อมต่อทางสังคม ‎เป็นหนึ่งในวิธีที่ทรงพลังที่สุด 1160 01:04:13,809 --> 01:04:15,519 ‎ในการระงับความกังวล 1161 01:04:17,271 --> 01:04:21,317 ‎ความโดดเดี่ยวเป็นหนึ่งในสิ่งที่ส่งผลร้ายที่สุด 1162 01:04:21,400 --> 01:04:23,319 ‎ต่อสุขภาพจิตและสุขภาพกาย 1163 01:04:25,112 --> 01:04:27,281 ‎ปีนี้ฉันเพิ่งหย่าร้าง 1164 01:04:27,364 --> 01:04:31,160 ‎และเรื่องที่ฉันได้รู้ซึ่งเป็นเหตุให้หย่า 1165 01:04:31,243 --> 01:04:33,996 ‎ร่วมกับการต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง 1166 01:04:34,079 --> 01:04:36,999 ‎ทำให้ฉันเข้าสู่วัฏจักรซึมเศร้าและกังวลอีกครั้ง 1167 01:04:38,000 --> 01:04:39,251 ‎ฉันไม่ได้บอกแม่ 1168 01:04:39,335 --> 01:04:42,630 ‎ไม่ได้บอกเพื่อนสนิทว่า ‎เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตแต่งงานของฉัน 1169 01:04:42,713 --> 01:04:45,966 ‎ฉันพยายามจดจ่อกับการนั่งสมาธิและจดบันทึก 1170 01:04:46,050 --> 01:04:47,092 ‎และไปบำบัด 1171 01:04:47,176 --> 01:04:50,679 ‎และทำทุกอย่างที่ฉันทำได้เพื่อรับมือกับเรื่องนี้ 1172 01:04:50,763 --> 01:04:54,516 ‎ทั้งที่ความจริงฉันควรหันไปพึ่งผู้หญิงที่ฉันรู้จัก 1173 01:04:54,600 --> 01:04:56,518 ‎ที่รักฉันมากพอจะช่วยให้ฉันผ่านมันไปได้ 1174 01:05:00,814 --> 01:05:04,193 ‎ไม่ว่าเราจะสร้างสายสัมพันธ์ที่แท้จริง ‎กับคนอื่นๆ ด้วยวิธีไหน 1175 01:05:04,276 --> 01:05:09,281 ‎ลืมเรื่องอื่นที่ฉันพูดไปได้เลย ‎นั่นอาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำได้ 1176 01:05:09,365 --> 01:05:14,161 ‎แต่ความจริงที่ไม่จำเป็นต้องพูด ‎คือการตอบสนองตามปกติ 1177 01:05:14,662 --> 01:05:18,207 ‎ต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่ปกติ ถือเป็นโรคอย่างหนึ่ง 1178 01:05:18,290 --> 01:05:19,708 ‎ในบางแง่ 1179 01:05:19,792 --> 01:05:24,213 ‎แทนที่จะแก้ไขโลกของเราและปัญหาที่แท้จริง 1180 01:05:24,713 --> 01:05:27,091 ‎เรากลับใช้ยาออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท 1181 01:05:27,174 --> 01:05:30,761 ‎เพื่อทำให้คนยอมรับ 1182 01:05:30,844 --> 01:05:33,639 ‎โลกที่แตกสลายที่เรามอบให้พวกเขา 1183 01:05:33,722 --> 01:05:34,765 ‎การลาออกครั้งใหญ่ 1184 01:05:34,848 --> 01:05:38,018 ‎คือคำที่ผู้เชี่ยวชาญบางคน ‎เรียกแนวโน้มที่คนงานจะลาออก 1185 01:05:38,102 --> 01:05:39,269 ‎หรือเปลี่ยนอาชีพมากขึ้น 1186 01:05:39,353 --> 01:05:42,690 ‎และคนอเมริกันยังเกษียณมากขึ้นด้วย 1187 01:05:42,773 --> 01:05:45,901 ‎การผลักดันให้ลดวันทำงานจากห้าวันเป็นสี่วัน 1188 01:05:45,985 --> 01:05:47,528 ‎กำลังได้รับความนิยมทั่วโลก 1189 01:05:47,611 --> 01:05:50,155 ‎เห็นได้ชัดว่าโรคระบาดครั้งนี้ได้เปลี่ยน 1190 01:05:50,239 --> 01:05:55,577 ‎วิธีที่คนอเมริกันอยากทำงาน ‎และงานที่พวกเขายินดีทำ 1191 01:05:55,661 --> 01:05:59,248 ‎เรากำลังรณรงค์เพื่อรับมือกับ ‎ปัญหาสุขภาพจิตในอเมริกา 1192 01:05:59,999 --> 01:06:04,753 ‎เราอยากสร้างสังคม ‎ที่ไม่มีใครรู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยว 1193 01:06:04,837 --> 01:06:07,006 ‎และละอายใจเพราะปัญหาของพวกเขา 1194 01:06:07,089 --> 01:06:10,884 ‎เราอยากสร้างโลกที่คนที่ต้องการ ‎ความช่วยเหลือจะได้รับมัน 1195 01:06:10,968 --> 01:06:13,387 ‎เราไม่ควรตอบสนอง ‎ต่อโรคจิตเวชเพียงอย่างเดียว 1196 01:06:13,470 --> 01:06:15,889 ‎เราต้องสร้างสุขภาวะทางจิตด้วยวิธีเชิงรุก 1197 01:06:15,973 --> 01:06:17,474 ‎นักกีฬารุ่นใหม่ 1198 01:06:17,558 --> 01:06:21,478 ‎รวมถึงซิโมน ไบลส์และนาโอมิ โอซากะ ‎ได้ออกมาพูดถึงสุขภาพจิต 1199 01:06:21,562 --> 01:06:23,772 ‎เราเผชิญกับปัญหาของตัวเอง และมันยากมาก 1200 01:06:23,856 --> 01:06:26,734 ‎คุณคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณช่วยคนไว้มากแค่ไหน 1201 01:06:26,817 --> 01:06:29,778 ‎แม้ว่าตัวคุณเองจะอยู่ในสถานการณ์ลำบาก 1202 01:06:29,862 --> 01:06:32,656 ‎สุขภาพจิตเกี่ยวข้องกับ 1203 01:06:32,740 --> 01:06:37,411 ‎ทุกอย่างตั้งแต่การใช้ชีวิต การหายใจ 1204 01:06:37,494 --> 01:06:40,706 ‎และสิ่งที่เราทำสำเร็จในชีวิต 1205 01:06:40,789 --> 01:06:44,418 ‎ไม่ว่าสถานการณ์จะเข้าข้างเรา 1206 01:06:44,501 --> 01:06:46,128 ‎หรือไม่เข้าข้างเราก็ตาม 1207 01:06:46,211 --> 01:06:48,088 ‎สุขภาพจิตคือทุกสิ่งทุกอย่าง 1208 01:06:48,172 --> 01:06:51,008 ‎พระเจ้า ฉันไม่ไหวแล้ว ‎ขอทำใจเย็นๆ ก่อน เขาบอกว่า 1209 01:06:51,091 --> 01:06:53,969 ‎"ขอบคุณที่ให้พื้นที่ปลอดภัย ‎กับคนอย่างผม" ฉันไม่ไหวแล้ว 1210 01:06:56,180 --> 01:06:57,347 ‎น่ารักจัง 1211 01:06:58,182 --> 01:07:03,187 ‎เราเริ่มจากโพสต์ในอินสตาแกรม ‎ที่เขียนว่า "บำบัดฟรีสำหรับชายผิวดำ" 1212 01:07:03,270 --> 01:07:05,856 ‎ฉันนึกว่าคงยากที่จะชวนผู้ชายผิวดำมาบำบัด 1213 01:07:05,939 --> 01:07:09,109 ‎เพราะนั่นคือสิ่งที่สื่อต่างๆ อยากให้เราเชื่อ 1214 01:07:09,193 --> 01:07:12,780 ‎และมันไม่จริงเลย ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ 1215 01:07:12,863 --> 01:07:16,033 ‎เพราะพอเราประกาศว่า ‎มีการบำบัดฟรีสำหรับชายผิวดำ 1216 01:07:16,116 --> 01:07:20,162 ‎ภายในสองวันแรก มีผู้ชาย 50 คนที่บอกว่า 1217 01:07:20,245 --> 01:07:22,664 ‎"ผมอยากบำบัดฟรี" ‎จนเราต้องบอกว่า "เดี๋ยวนะ 1218 01:07:22,748 --> 01:07:24,666 ‎เราไม่ได้คิดให้ดีก่อน" 1219 01:07:25,250 --> 01:07:27,127 ‎เราให้พวกเขาบำบัดแบบเดี่ยวฟรีแปดครั้ง 1220 01:07:27,711 --> 01:07:31,423 ‎ตอนนี้มีผู้ป่วย 75 เปอร์เซ็นต์ที่รับการบำบัดต่อ 1221 01:07:31,507 --> 01:07:33,258 ‎แม้จะต้องจ่ายค่ารักษา 1222 01:07:33,842 --> 01:07:36,678 ‎มันเหมือนกับเราเอาน้ำให้พวกเขาดื่ม 1223 01:07:36,762 --> 01:07:39,306 ‎และน้ำแก้วนั้นสอนพวกเขา 1224 01:07:39,389 --> 01:07:42,142 ‎"ให้ตายสิ ไม่รู้ตัวเลยว่าคอแห้งขนาดนี้" ใช่ไหม 1225 01:07:42,226 --> 01:07:45,312 ‎ทีนี้ พอเราจะเอาน้ำคืนมา 1226 01:07:45,395 --> 01:07:48,732 ‎พวกเขาก็บอกว่า "แต่เดี๋ยวนะ" ‎ใช่ น่าจะพิมพ์บนเสื้อยืดรุ่นต่อไป 1227 01:07:50,234 --> 01:07:52,986 ‎เรื่องหนึ่งที่ฉันคุยกับผู้ป่วยในช่วงนี้ 1228 01:07:53,070 --> 01:07:54,571 ‎คือแนวคิดของกระแส 1229 01:07:54,655 --> 01:07:58,117 ‎คือเราสามารถมีสมาธิกับการทำอะไรก็ได้ 1230 01:07:58,200 --> 01:08:01,495 ‎จะเป็นอะไรก็ได้ แต่ไม่ว่าจะทำอะไร 1231 01:08:01,578 --> 01:08:05,999 ‎เราต้องทำให้เต็มที่และมีสมาธิไปกับมัน 1232 01:08:06,083 --> 01:08:07,626 ‎และมีบางอย่างที่ทรงพลังกว่าตัวเรา 1233 01:08:12,840 --> 01:08:17,136 ‎เมื่อ 12 ปีก่อน เราไปที่ฟาร์มม้าแห่งหนึ่ง 1234 01:08:17,219 --> 01:08:21,140 ‎ที่นั่นมีภารกิจช่วยเหลือม้า 1235 01:08:21,640 --> 01:08:24,852 ‎ฉันคิดว่ามีม้าที่ถูกช่วยมา 60 ตัว 1236 01:08:24,935 --> 01:08:29,565 ‎ซึ่งส่วนใหญ่เคยอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย ‎ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง 1237 01:08:29,648 --> 01:08:32,025 ‎แล้วเราก็รู้ว่าพวกเขากำลังหาอาสาสมัคร 1238 01:08:32,109 --> 01:08:34,903 ‎ฉันคิดว่า "โอเค ท่ามกลางโรคระบาด 1239 01:08:34,987 --> 01:08:38,866 ‎ขณะที่โรงยิมปิด เราไปกินข้าวตามร้านไม่ได้ 1240 01:08:38,949 --> 01:08:42,244 ‎ทำอะไรไม่ได้เลย เราเข้าสังคมไม่ได้ 1241 01:08:42,828 --> 01:08:47,958 ‎งานอาสาสมัครกลางแจ้งนี่อาจเป็นเรื่องดีก็ได้" 1242 01:08:48,041 --> 01:08:51,837 ‎อาสาสมัครมาทำความสะอาดคอกม้า 1243 01:08:51,920 --> 01:08:54,423 ‎แปรงขนให้พวกม้าและพาพวกมันไปเดินเล่น 1244 01:08:55,174 --> 01:08:59,511 ‎การได้อยู่กลางแจ้ง ทำงานใช้แรงเพื่อการกุศล 1245 01:08:59,595 --> 01:09:01,930 ‎ได้สร้างสายสัมพันธ์กับสัตว์อีกครั้ง 1246 01:09:02,014 --> 01:09:06,018 ‎ทุกอย่างเกี่ยวกับงานนี้ทำให้ฉัน 1247 01:09:06,101 --> 01:09:09,188 ‎ออกจากบ้าน เลิกคิดฟุ้งซ่าน 1248 01:09:09,271 --> 01:09:11,398 ‎ทำงานใช้แรง 1249 01:09:11,481 --> 01:09:12,858 ‎และสูดอากาศบริสุทธิ์ 1250 01:09:12,941 --> 01:09:15,736 ‎การกอดม้าหลังจากเจอเรื่องแย่ๆ มา 1251 01:09:15,819 --> 01:09:17,946 ‎เป็นอะไรที่วิเศษมาก 1252 01:09:22,910 --> 01:09:26,663 ‎ผมต้องมีสิ่งกระตุ้นภายนอกถึงจะมีสมาธิ 1253 01:09:27,706 --> 01:09:30,292 ‎ผมเลยเรียนจัดดอกไม้ 1254 01:09:32,294 --> 01:09:35,088 ‎การจัดดอกไม้มีบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกสงบ 1255 01:09:35,172 --> 01:09:37,341 ‎ตั้งแต่การไปเลือกดอกไม้ 1256 01:09:37,424 --> 01:09:41,470 ‎ดูดอกไม้ ดูสีสัน มันต้องใช้การสัมผัสอย่างมาก 1257 01:09:41,553 --> 01:09:45,224 ‎ผมรู้ว่าผมต้องการของที่มีเนื้อสัมผัสต่างๆ 1258 01:09:45,307 --> 01:09:47,684 ‎เพื่อรับมือกับความทุกข์และทำใจให้สงบ 1259 01:09:50,938 --> 01:09:53,815 ‎ความกังวลของผมส่วนใหญ่มีรากฐานจาก 1260 01:09:53,899 --> 01:09:57,444 ‎ความรู้สึกว่าผมไม่มีวันทำอะไรสำเร็จ 1261 01:09:57,527 --> 01:10:00,489 ‎หรือสิ่งที่ผมทำมันผิด 1262 01:10:01,907 --> 01:10:04,910 ‎สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกสงบคือสิ่งที่ 1263 01:10:04,993 --> 01:10:06,411 ‎ผมแค่ทำเพื่อตัวเอง 1264 01:10:06,495 --> 01:10:10,999 ‎จะไม่มีใครเห็นแล้วตัดสินหรือวิจารณ์มัน 1265 01:10:12,334 --> 01:10:13,669 ‎ความคาดหวัง 1266 01:10:14,753 --> 01:10:16,588 ‎มันเป็นอะไรที่หนักหน่วง 1267 01:10:16,672 --> 01:10:19,967 ‎และถ้าเราสามารถปล่อยวางมันนิดหนึ่ง 1268 01:10:20,467 --> 01:10:22,386 ‎ก็จะรู้สึกเป็นอิสระ 1269 01:10:22,469 --> 01:10:25,806 ‎ดูไม่ดีเลย ใช่ ก็ต้องลองผิดลองถูกกันไป 1270 01:10:26,640 --> 01:10:28,267 ‎ความวิตกกังวลส่งผลต่อทุกอย่าง 1271 01:10:28,350 --> 01:10:31,228 ‎มันบอกเราว่าจิตใจและร่างกายเป็นหนึ่งเดียวกัน 1272 01:10:31,311 --> 01:10:33,605 ‎นั่นคือความรู้ที่เราได้จากความกังวล 1273 01:10:33,689 --> 01:10:36,733 ‎ร่างกายและจิตใจของเราพึ่งพากันและกัน 1274 01:10:36,817 --> 01:10:37,859 ‎มันตอบสนองกัน 1275 01:10:37,943 --> 01:10:42,489 ‎ข้อเสียของการกินซาแน็กซ์ทุกครั้งที่รู้สึกกังวล 1276 01:10:42,572 --> 01:10:45,492 ‎คือเราไม่ได้เสริมสร้างเกราะให้จิตใจ 1277 01:10:45,575 --> 01:10:48,704 ‎ที่ทำให้เราทนต่อความกังวลมากขึ้น 1278 01:10:48,787 --> 01:10:52,374 ‎เพราะถ้าเราระงับ ‎ประสบการณ์เกี่ยวกับความกังวล 1279 01:10:52,457 --> 01:10:56,295 ‎เราจะพลาดโอกาสในการเรียนรู้ ‎ที่จะรับมือกับมันด้วยตัวเอง 1280 01:10:56,378 --> 01:10:58,338 ‎ดังนั้น เบ็นโซไดอาเซพีนมีค่าเสียโอกาส 1281 01:10:58,422 --> 01:11:00,966 ‎ฉันว่าฉันน่าจะกินยาเท่าที่จำเป็น 1282 01:11:02,134 --> 01:11:03,927 ‎เดือนละสองสามครั้ง 1283 01:11:04,011 --> 01:11:07,556 ‎ตอนนี้ฉันแค่รู้สึกว่า ‎"ถ้าเกิดจำเป็นต้องใช้ ฉันมีมันอยู่" 1284 01:11:07,639 --> 01:11:10,726 ‎ถ้าอาหาร การออกกำลังกาย งานอาสาสมัคร 1285 01:11:10,809 --> 01:11:13,061 ‎ถ้าวิธีอื่นๆ ของฉันไม่ได้ผล 1286 01:11:13,145 --> 01:11:16,064 ‎หรือชีวิตเกิดวุ่นวายจนคุมไม่อยู่ 1287 01:11:16,148 --> 01:11:17,774 ‎ฉันก็มีตัวช่วยอีกอย่าง 1288 01:11:18,775 --> 01:11:22,529 ‎สำหรับผม การใช้ซาแน็กซ์ ‎ไม่ได้ช่วยเรื่องความกังวลระยะยาว 1289 01:11:22,612 --> 01:11:24,823 ‎ที่ผมรู้สึกอยู่ตลอดเวลา 1290 01:11:24,906 --> 01:11:27,534 ‎ครั้งแรกที่ผมลองคลอโนพิน ‎ความรู้สึกมันต่างกันเลย 1291 01:11:27,617 --> 01:11:30,579 ‎จะว่ามันเป็นยาแก้กังวลแบบค่อยเป็นค่อยไปก็ได้ 1292 01:11:30,662 --> 01:11:33,957 ‎เทียบกับซาแน็กซ์ที่กะทันหันกว่า มันออกฤทธิ์เร็ว 1293 01:11:34,041 --> 01:11:38,337 ‎นั่นคือเหตุผลที่คนไม่กินคลอโนพิน ‎เวลาปาร์ตี้ มันไม่ใช่ยาปาร์ตี้ 1294 01:11:38,420 --> 01:11:42,758 ‎ผมยังกินเล็กซาโปรซึ่งเป็น ‎ยาที่ยับยั้งการเก็บกลับเซโรโทนิน 1295 01:11:42,841 --> 01:11:45,552 ‎โดยกินปริมาณพอสมควร 1296 01:11:45,635 --> 01:11:51,808 ‎แล้วผมก็ลดเบ็นโซส ‎จนถึงจุดที่ผมพยายามไม่กินมันอีก 1297 01:11:51,892 --> 01:11:55,896 ‎ถ้าเราไม่เผชิญกับความกังวลตรงๆ ‎ถ้าเราเผชิญกับมันผ่านทาง 1298 01:11:55,979 --> 01:11:59,232 ‎ยาซาแน็กซ์ที่กิน เราก็ไม่ได้เผชิญกับมันจริงๆ 1299 01:11:59,316 --> 01:12:01,610 ‎ทางออกเดียวคือฝ่าไป ฉันพูดจริงๆ 1300 01:12:01,693 --> 01:12:04,821 ‎สิ่งที่จะทำให้เราผ่านความวิตกกังวลไปได้ 1301 01:12:04,905 --> 01:12:09,117 ‎คือการฝ่ามันไป เผชิญกับมัน เข้าใจมัน 1302 01:12:09,201 --> 01:12:11,203 ‎และเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน 1303 01:12:11,286 --> 01:12:12,579 ‎ในทางกลับกัน 1304 01:12:12,662 --> 01:12:17,542 ‎มันก็เป็นการตราหน้าและดูถูกคนอื่น ‎อย่างร้ายแรงถ้าเราพูดว่า 1305 01:12:17,626 --> 01:12:20,712 ‎"พยายามด้วยตัวเองสิ ทำให้ได้สิ" ‎ทั้งที่เราทำไม่ได้ 1306 01:12:20,796 --> 01:12:24,800 ‎เราคงไม่บอกผู้ป่วยโรคเบาหวานว่า ‎"ทำให้ตับอ่อนทำงานดีขึ้นสิ" 1307 01:12:28,970 --> 01:12:31,932 ‎รู้ไหม เห็นได้ชัดว่าซาแน็กซ์ 1308 01:12:32,015 --> 01:12:33,600 ‎เป็นหนึ่งในยาที่ 1309 01:12:33,683 --> 01:12:36,311 ‎คนไม่ชอบสักเท่าไร 1310 01:12:37,687 --> 01:12:41,983 ‎และใจหนึ่งฉันก็โกรธที่ 1311 01:12:42,067 --> 01:12:45,362 ‎ฉันต้องการความช่วยเหลือภายนอก 1312 01:12:46,238 --> 01:12:50,992 ‎และจิตใจส่วนที่ดื้อรั้นของฉันก็ไม่อยากกินยา 1313 01:12:52,536 --> 01:12:54,371 ‎อยู่นานมาก 1314 01:12:54,955 --> 01:12:58,041 ‎ฉันอยากหาทางใช้ชีวิตโดยไม่ต้องพึ่งซาแน็กซ์ 1315 01:12:58,125 --> 01:12:59,209 ‎แต่ตอนนี้… 1316 01:13:01,920 --> 01:13:04,881 ‎มันทำหน้าที่ได้ดี และฉันดีใจที่มีมัน 1317 01:13:05,966 --> 01:13:08,969 ‎สิ่งที่ทำให้ยาเบ็นโซไดอาเซพีน ‎อันตรายคือมันได้ผลดี 1318 01:13:09,052 --> 01:13:13,098 ‎แม้ว่าสังคมของเราจะใจร้าย ‎กับคนที่วิตกกังวลหรือซึมเศร้า 1319 01:13:13,181 --> 01:13:14,724 ‎แต่ทุกคนมีความรู้สึกแบบนั้น 1320 01:13:14,808 --> 01:13:18,395 ‎และพอคนได้รับเบ็นโซไดอาเซพีนเป็นครั้งแรก 1321 01:13:18,478 --> 01:13:20,021 ‎ความรู้สึกเหล่านั้นก็หายไป 1322 01:13:20,105 --> 01:13:22,107 ‎มันทำให้พวกเขาคิดว่า 1323 01:13:22,190 --> 01:13:24,985 ‎"ฉันไม่จำเป็นต้องรู้สึกแย่ตลอดเวลา ‎ดังนั้น ฉันจะไม่รู้สึกแย่ 1324 01:13:25,068 --> 01:13:28,947 ‎ฉันต้องการเบ็นโซไดอาเซพีนมากขึ้น" ‎ผมคิดว่าเบ็นโซไดอาเซพีนกัดกร่อน 1325 01:13:29,030 --> 01:13:32,200 ‎ภูมิต้านทานที่เราต้องใช้สักครั้งในชีวิต 1326 01:13:32,284 --> 01:13:35,912 ‎เพื่อรับมือกับความทุกข์ ‎ความกังวล ความยากลำบาก 1327 01:13:35,996 --> 01:13:38,999 ‎และแง่มุมที่เจ็บปวดของการเป็นมนุษย์ 1328 01:13:39,082 --> 01:13:41,793 ‎ภูมิต้านทานเป็นกุญแจสำคัญของทุกอย่าง 1329 01:13:41,877 --> 01:13:45,005 ‎ทั้งในแง่ของความกังวลและสุขภาพจิตโดยทั่วไป 1330 01:13:45,088 --> 01:13:46,298 ‎การอยู่รอดในโลกนี้ 1331 01:13:46,381 --> 01:13:50,343 ‎ยอมรับความเป็นจริงเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ 1332 01:13:50,927 --> 01:13:54,264 ‎ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตกับโควิด ‎ความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ 1333 01:13:54,347 --> 01:13:56,892 ‎หรือการที่ผมเป็นโรควิตกกังวล 1334 01:13:56,975 --> 01:14:00,187 ‎การยอมรับเป็นสิ่งสำคัญ ‎และยิ่งเราเข้าใกล้มันมากเท่าไร 1335 01:14:00,270 --> 01:14:03,607 ‎เราก็ยิ่งมีสุขภาพจิตที่ดีและรู้สึกพึงพอใจ 1336 01:14:03,690 --> 01:14:07,277 ‎พอนึกย้อนกลับไป ผมไม่รู้ว่าผมรู้สึกวิตกกังวล 1337 01:14:07,360 --> 01:14:11,907 ‎ในระดับที่ต่างจากคนทั่วไปไหม 1338 01:14:11,990 --> 01:14:15,118 ‎มันเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากมัธยมเป็นวิทยาลัย 1339 01:14:15,827 --> 01:14:18,413 ‎ผมแค่ทำตัวไม่ถูกนิดหน่อย 1340 01:14:18,955 --> 01:14:21,625 ‎อย่างแรกๆ ที่ผมทำคือ ‎ไปที่หน่วยบริการสุขภาพนักศึกษา 1341 01:14:22,125 --> 01:14:27,964 ‎ผมจำได้ชัดเจนว่าถือใบสั่งยาในมือ 1342 01:14:28,048 --> 01:14:31,218 ‎และคิดว่า "ฉันเป็นผู้ใหญ่แล้ว 1343 01:14:31,301 --> 01:14:34,638 ‎หน่วยบริการสุขภาพแนะนำให้กินยาตัวนี้" 1344 01:14:35,180 --> 01:14:36,598 ‎และผมก็ทำตามนั้น 1345 01:14:37,432 --> 01:14:38,517 ‎ใช่ ชีวิตมันยาก 1346 01:14:38,600 --> 01:14:41,311 ‎และเราหลงลืมเรื่องนั้นไป 1347 01:14:41,394 --> 01:14:43,563 ‎ถ้าเราไม่มีความสุข แปลว่ามีบางอย่างผิดปกติ 1348 01:14:43,647 --> 01:14:45,482 ‎และเราต้องเปลี่ยนมันหรือไม่ก็กินยา 1349 01:14:45,565 --> 01:14:50,487 ‎หน้าที่ของเราไม่ใช่การทำให้ ‎ความเจ็บปวดและความทุกข์ของผู้ป่วยหมดไป 1350 01:14:50,570 --> 01:14:52,948 ‎แต่ทำให้ความทุกข์นั้นพอทนได้ 1351 01:14:53,532 --> 01:14:55,992 ‎เพื่อให้พวกเขายังอยากมีชีวิตอยู่ 1352 01:14:56,993 --> 01:15:00,705 ‎มีปรากฏการณ์ระหว่างเลิกยาที่เรียกว่าช่วงสงบ 1353 01:15:02,999 --> 01:15:05,961 ‎มันคือช่วงที่อาการของเราหายไป 1354 01:15:07,295 --> 01:15:11,258 ‎ผมอยู่กับลูกชายที่สนามเด็กเล่น 1355 01:15:11,341 --> 01:15:12,926 ‎แล้วอยู่ๆ 1356 01:15:13,009 --> 01:15:15,387 ‎เสียงอื้ออึงในหูผมก็เงียบไป 1357 01:15:15,470 --> 01:15:18,848 ‎แรงกดดันในหัวหายไปเฉยๆ 1358 01:15:19,432 --> 01:15:23,186 ‎แล้วผมก็รู้สึกสงบอย่างไม่น่าเชื่อ 1359 01:15:23,687 --> 01:15:25,605 ‎มันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยรู้สึก 1360 01:15:25,689 --> 01:15:27,023 ‎ตั้งแต่เป็นผู้ใหญ่ 1361 01:15:28,108 --> 01:15:32,320 ‎และผมใช้เบ็นโซไดอาเซพีน ‎มาตลอดตั้งแต่เป็นผู้ใหญ่ 1362 01:15:33,530 --> 01:15:36,408 ‎ถ้าชีวิตหลังเลิกเบ็นโซสเป็นแบบนั้น 1363 01:15:37,200 --> 01:15:41,371 ‎ผมก็รอไม่ไหวแล้ว 1364 01:15:43,957 --> 01:15:44,958 ‎เอาเลย 1365 01:15:45,959 --> 01:15:48,670 ‎เยี่ยม ค่อยๆ เยี่ยม 1366 01:15:49,337 --> 01:15:50,755 ‎- เยี่ยม ‎- เก่งมาก 1367 01:15:52,841 --> 01:15:54,092 ‎- เยี่ยม ‎- สุดยอดเลย 1368 01:15:54,175 --> 01:15:57,929 ‎ฉันพยายามอย่างหนัก ‎ที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ในชีวิต 1369 01:15:58,013 --> 01:16:01,766 ‎เพื่อให้ฉันรู้สึกกังวลน้อยลง 1370 01:16:01,850 --> 01:16:06,646 ‎การเรียนรู้ที่จะอยู่กับโลกนี้ต้องใช้เวลา 1371 01:16:06,730 --> 01:16:09,566 ‎ใช่ว่าเรากินยาแล้วทุกอย่างจะเรียบร้อยดี 1372 01:16:09,649 --> 01:16:11,651 ‎มันเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ 1373 01:16:11,735 --> 01:16:16,281 ‎และงานหินพวกนั้น ‎ทำให้ฉันสามารถมานั่งสวยๆ ที่นี่ 1374 01:16:16,364 --> 01:16:18,491 ‎เหมือนกับจัดการทุกอย่างได้แล้ว 1375 01:16:19,451 --> 01:16:22,454 ‎บางครั้งฉันก็ต้องกลับไปทำงานหินอีก 1376 01:16:22,537 --> 01:16:26,041 ‎และฉันไม่มีปัญหากับเรื่องนั้น ก็นั่นแหละค่ะ 1377 01:18:29,080 --> 01:18:34,085 ‎คำบรรยายโดย ณิชา อ้นเอี่ยม