1 00:00:16,059 --> 00:00:17,977 ตอนที่ผมดูแลไมโครซอฟท์ 2 00:00:18,061 --> 00:00:20,855 ท่านผู้ชมครับ ขอเสียงปรบมือต้อนรับบิล เกตส์ 3 00:00:21,397 --> 00:00:25,026 เราประสบความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ 4 00:00:25,109 --> 00:00:28,404 แต่ตอนนั้นผมก็คิดไว้แล้ว ว่าจะมีความเห็นหลากหลาย 5 00:00:28,488 --> 00:00:29,822 เข้าอินเทอร์เน็ต 6 00:00:29,906 --> 00:00:33,034 แล้วคุณจะพบว่าคนคิดยังไงกับบิล เกตส์บ้าง 7 00:00:33,117 --> 00:00:34,535 คุณจะต่อยเขา 8 00:00:34,619 --> 00:00:36,662 หรือจะขว้างพายโปะหน้าเขาก็ได้ 9 00:00:37,163 --> 00:00:41,375 จนมาตอนหลัง ตอนที่ผมทำงานการกุศลเต็มเวลา 10 00:00:41,459 --> 00:00:43,377 มันก็เริ่มจะบ้ากันไปใหญ่ 11 00:00:43,461 --> 00:00:46,297 จริงหรือไม่ที่ถ้าคุณทำแบงก์หมื่นดอลลาร์ตก 12 00:00:46,380 --> 00:00:49,550 มันไม่คุ้มค่าเสียเวลาที่คุณจะก้มลงเก็บมันขึ้นมา 13 00:00:49,634 --> 00:00:50,468 ไม่ครับ 14 00:00:51,385 --> 00:00:55,807 ความมั่งคั่งมหาศาลแน่นอนว่า ต้องทำให้คนสงสัยแรงจูงใจของคุณ 15 00:00:55,890 --> 00:00:58,643 แต่นี่มันยิ่งไปกว่านั้นอีก 16 00:00:59,268 --> 00:01:01,145 (ทฤษฎีสมคบคิดจริงที่พบในอินเทอร์เน็ต) 17 00:01:01,229 --> 00:01:03,356 มาเริ่มกันที่หมายเลขหนึ่ง ไหนดูซิ 18 00:01:06,234 --> 00:01:10,571 "บิล เกตส์กับโลกเสรีนิยมกำลังวางแผนการ 19 00:01:10,655 --> 00:01:12,365 ที่จะบังคับให้คนกินแมลง" 20 00:01:13,282 --> 00:01:15,952 "เป้าหมายคือเพื่อทำให้ชนชั้นล่างอ่อนแอลง 21 00:01:16,035 --> 00:01:18,579 ด้วยอาหารจากแมลงที่โปรตีนต่ำ" 22 00:01:20,498 --> 00:01:22,500 ผมคงรู้สึกไม่ดีถ้าทำแบบนั้น 23 00:01:22,583 --> 00:01:23,501 โอเค ต่อไป 24 00:01:24,377 --> 00:01:28,631 อันนี้ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ "บิล เกตส์คือกิ้งก่าแปลงร่าง 25 00:01:28,714 --> 00:01:32,718 อยู่ในเผ่าพันธุ์สัตว์เลื้อยคลานเดียวกับ ทอม แฮงส์ และเลดี้กาก้า" 26 00:01:33,469 --> 00:01:36,889 "กิ้งก่าพวกนี้กำลังแอบใช้อิทธิพลควบคุมโลก" 27 00:01:39,142 --> 00:01:41,269 มีคนเคยบอกอันนี้กับผม 28 00:01:41,352 --> 00:01:45,106 ไม่ยักรู้ว่ามีทอม แฮงส์รวมอยู่ด้วย แต่ก็เยี่ยมไปเลย 29 00:01:45,189 --> 00:01:46,399 ต่อไป 30 00:01:46,482 --> 00:01:51,279 "บิล เกตส์กำลังแสวงหาความเป็นอมตะ ด้วยการดื่มเลือดเด็กทารก" 31 00:01:52,947 --> 00:01:58,452 "ไร่ขนาดมหึมาที่บิล เกตส์ถือครองอยู่ แอบส่งมันฝรั่งให้แมคโดนัลด์อย่างลับๆ 32 00:01:58,536 --> 00:02:03,124 เพื่อฉีดวัคซีนฝังลงในเฟรนช์ฟรายส์ กระจายไปทีละชุดแฮปปี้มีล" 33 00:02:04,125 --> 00:02:05,585 ผมก็กินแมคโดนัลด์ 34 00:02:05,668 --> 00:02:07,003 โอเค อันสุดท้าย 35 00:02:08,004 --> 00:02:09,547 "หลังจากอุบัติเหตุรถคว่ำ 36 00:02:09,630 --> 00:02:13,926 บิล เกตส์กับเมลินดาอดีตภรรยา ถูกแทนที่ด้วยร่างโคลน" 37 00:02:14,427 --> 00:02:17,138 "ทีมนักวิทยาศาสตร์สร้างคนมาแทนที่ 38 00:02:17,221 --> 00:02:20,391 เพื่อให้อำนาจควบคุมโลกของเขา คงอยู่ไปตลอดกาล" 39 00:02:20,474 --> 00:02:21,726 เคยได้ยินอันนี้มาก่อนไหมครับ 40 00:02:21,809 --> 00:02:24,020 ไม่นะ ผมว่าเมลินดายังเป็นคนจริงๆ อยู่นะ 41 00:02:24,103 --> 00:02:25,188 แล้วคุณล่ะ 42 00:02:25,271 --> 00:02:26,647 ผมพยายามเต็มที่อยู่ 43 00:02:27,648 --> 00:02:31,944 (What's Next? มองอนาคตกับบิล เกตส์) 44 00:02:32,528 --> 00:02:37,074 (ความจริงหรือสิ่งที่ตามมา) 45 00:02:37,158 --> 00:02:39,785 (ระบบผิดพลาด) 46 00:02:43,956 --> 00:02:46,667 ผมอยากถามความจริงกับคุณ 47 00:02:47,293 --> 00:02:51,005 ผมรู้สึกว่าคุณเป็นคนที่ ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและตัวเลข 48 00:02:51,088 --> 00:02:54,133 คุณคิดว่าข้อมูลกับความจริง มีความแตกต่างกันไหมครับ 49 00:02:54,634 --> 00:03:00,598 ไม่เชิงนะ ผมหมายถึงข้อมูลคือชุดของข้อเท็จจริง 50 00:03:01,098 --> 00:03:03,893 ว่าของขายไปได้เท่าไหร่ 51 00:03:03,976 --> 00:03:05,645 มีคนอยู่กี่คน 52 00:03:06,145 --> 00:03:08,731 พวกเขาทำกิจกรรมอะไรบ้าง 53 00:03:08,814 --> 00:03:11,442 มันเป็นวิธีที่เราใช้ตัดสินใจ 54 00:03:12,735 --> 00:03:15,613 ยกเว้นบางครั้งคนไม่ตัดสินใจบนข้อเท็จจริง 55 00:03:15,696 --> 00:03:18,199 พวกเขาตัดสินใจตามอารมณ์หรือเรื่องราว 56 00:03:18,282 --> 00:03:21,911 หรืออะไรที่ผู้คนรู้สึกเชื่อว่านั่นคือความจริง 57 00:03:24,789 --> 00:03:27,583 "ฉันคิดยังไงเกี่ยวกับแนวคิด อย่างเช่นความจริงเหรอ" 58 00:03:27,667 --> 00:03:29,460 (ดร.เอลิส หวัง นักประวัติศาสตร์ทฤษฎีสมคบคิด) 59 00:03:29,543 --> 00:03:31,921 คุณน่าจะเริ่มด้วยคำถามที่ง่ายๆ ก่อนนะ 60 00:03:32,004 --> 00:03:34,590 ฉันคิดว่ามีสิ่งที่เรียกว่าข้อเท็จจริง 61 00:03:34,674 --> 00:03:37,468 ถ้าฉันแหย่มือเข้าไปในไฟ มันจะเจ็บแน่นอน 62 00:03:37,551 --> 00:03:41,514 แต่คนเรามีวิธีให้เหตุผล ใช้เหตุผลตัดสินต่างกัน 63 00:03:41,597 --> 00:03:43,057 พวกเขาอ้างว่าพวกเขารู้ 64 00:03:43,140 --> 00:03:47,520 ฉันเริ่มคิดอย่างตั้งใจมากขึ้น ว่าเราสร้างความจริงขึ้นมายังไง 65 00:03:47,603 --> 00:03:48,813 ความจริงของใคร 66 00:03:48,896 --> 00:03:51,399 ดังนั้นความจริงจึงกลายเป็นสิ่งที่ต่อรองได้ 67 00:03:51,482 --> 00:03:53,776 และมันกลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับความเห็นมากกว่า 68 00:03:53,859 --> 00:03:56,070 หรือแย่กว่านั้น เช่น ความเชื่อ 69 00:03:58,572 --> 00:04:01,784 โลกมันซับซ้อนเกินไป 70 00:04:01,867 --> 00:04:08,207 ที่จะทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ บนพื้นฐาน ของข้อเท็จจริงเท่านั้น ไม่ว่าจะพฤติกรรม 71 00:04:08,291 --> 00:04:11,377 หรือสภาพอากาศ หรือเศรษฐกิจ หรืออะไรๆ เหล่านี้ 72 00:04:11,460 --> 00:04:15,381 เราจึงใช้ทางลัดอย่าง "ฉันไว้ใจคนคนนี้" 73 00:04:16,799 --> 00:04:18,676 สถานีโทรทัศน์ซีบีเอสขอเสนอ 74 00:04:18,759 --> 00:04:22,179 นักข่าวนามอุโฆษ และนักวิเคราะห์ข่าวเอ็ดเวิร์ด อาร์. เมอร์โรว์ 75 00:04:22,263 --> 00:04:23,139 เป็นครั้งแรก 76 00:04:23,222 --> 00:04:26,183 ที่มนุษย์สามารถนั่งที่บ้าน และมองดูมหาสมุทรสองแห่งพร้อมกันได้ 77 00:04:26,267 --> 00:04:28,227 เราประทับใจกับความสำคัญของสื่อกลางตัวนี้ 78 00:04:28,311 --> 00:04:31,731 เราหวังว่าคนจะเรียนรู้การใช้มัน และไม่ใช้มันในทางที่ผิด 79 00:04:32,773 --> 00:04:36,652 นั่นเป็นช่วงสั้นๆ ที่เราคิดว่า ตัวเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเหตุผล 80 00:04:36,736 --> 00:04:40,239 ที่มีความเชื่อที่มีพื้นฐานมาจาก ข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบได้ 81 00:04:40,323 --> 00:04:42,325 แต่นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา 82 00:04:42,408 --> 00:04:45,661 มันจะใช้เวลานานเกินไป ถ้าคุณไม่เชื่อสิ่งที่คนอื่นบอกคุณ 83 00:04:45,745 --> 00:04:49,498 ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า "อย่าไปเชื่อแค่เพราะมันถูกโพสต์ไว้" 84 00:04:49,582 --> 00:04:52,460 คิวอานอนแพร่ไปไวอย่างกับไฟป่า ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ 85 00:04:53,044 --> 00:04:56,255 อินเทอร์เน็ตทำให้จินตนาการนี้เป็นจริงขึ้นมา 86 00:04:56,339 --> 00:04:59,133 ว่าจริงๆ แล้วเราคิดเรื่องพวกนี้ออกด้วยตัวเอง 87 00:05:00,217 --> 00:05:02,011 แต่ความเชื่อใจเหมือนปุ่มที่ล็อกไว้ 88 00:05:02,094 --> 00:05:05,598 คุณจะหมุนปุ่มลดความไว้ใจในเรื่องหนึ่งของสังคม 89 00:05:05,681 --> 00:05:06,974 ไปหมุนเพิ่มให้อีกเรื่องไม่ได้ 90 00:05:07,058 --> 00:05:10,186 คุณเลือกได้แค่จะขึ้นหรือลง และถ้าคุณตัดสินใจจะลง 91 00:05:10,269 --> 00:05:12,188 คุณได้ทำให้อะไรหลายอย่างไม่มั่นคง 92 00:05:12,271 --> 00:05:15,149 อะไรก็ตามที่เราได้ยิน เรานั่งอยู่ตรงนั้นแล้วก็แบบ… 93 00:05:15,232 --> 00:05:17,276 ไม่มีใครรู้ว่าไว้ใจอะไรได้หรือไม่ได้ 94 00:05:17,360 --> 00:05:19,862 คนไว้ใจเพื่อนบ้าน ไว้ใจผู้นำของพวกเขา… 95 00:05:19,945 --> 00:05:21,697 ทุกคน ตื่นได้แล้ว! 96 00:05:21,781 --> 00:05:23,366 และสถาบันที่ให้ความรู้ต่างๆ… 97 00:05:23,449 --> 00:05:25,159 คุณคือซีเอ็นเอ็น คุณคือข่าวลวง 98 00:05:25,743 --> 00:05:27,828 และสิ่งนั้นจะย้อนกลับมาและโจมตีใส่คุณ 99 00:05:27,912 --> 00:05:29,997 ไม่เข้าใจเหรอว่าผมพยายามปกป้องคุณอยู่ 100 00:05:30,081 --> 00:05:32,833 - ทำไมถึงมี… - อิสรภาพ! 101 00:05:33,417 --> 00:05:35,878 (นิวยอร์กซิตี้) 102 00:05:38,172 --> 00:05:41,175 มีทฤษฎีสมคบคิดอยู่ตลอด 103 00:05:41,258 --> 00:05:44,637 เราประเมินความคิดสร้างสรรค์ ของคนอเมริกันต่ำไป 104 00:05:44,720 --> 00:05:47,890 และผมคิดว่าบ่อยครั้งที่ผมออกภาคสนาม 105 00:05:47,973 --> 00:05:52,603 ไปถามความคิด คำถาม และบางทีก็ ข้อโต้แย้งที่มีเหตุผลเกี่ยวกับคำถามนั้น 106 00:05:52,686 --> 00:05:53,979 ผมไปงานชุมนุมของทรัมป์ 107 00:05:54,063 --> 00:05:56,732 ที่รัฐที่คะแนนเสียงก้ำกึ่ง อย่างโอไฮโอและวิสคอนซิน 108 00:05:56,816 --> 00:06:00,027 เพื่อหาว่าอะไรที่ผู้สนับสนุนเขารู้ แต่พวกเราที่เหลือไม่รู้ 109 00:06:00,111 --> 00:06:03,239 - บารัก โอบามามีส่วนสำคัญกับเหตุการณ์ 9/11 - ส่วนไหนครับ 110 00:06:03,322 --> 00:06:06,742 ไม่เคยเห็นตัวเลย ลาพักร้อนตลอด ไม่เคยอยู่ที่ห้องทำงาน 111 00:06:06,826 --> 00:06:10,538 ทำไมคุณถึงคิดว่าบารัก โอบามา ไม่ได้อยู่ที่ห้องรูปไข่ วันที่ 11 กันยานั่นครับ 112 00:06:10,621 --> 00:06:11,705 อันนั้นผมไม่รู้ 113 00:06:11,789 --> 00:06:14,542 จริงนะ เริ่มจากยุคของทรัมป์ 114 00:06:14,625 --> 00:06:18,462 เราเริ่มเจอเรื่องราวและทฤษฎีต่างๆ ซึ่งมันเกินเบอร์ไปมากๆ 115 00:06:18,546 --> 00:06:19,964 ที่มันมากกว่าแค่ 116 00:06:20,047 --> 00:06:23,467 "ฉันไม่เห็นด้วยกับมุมมองของคุณ ฉันมีมุมมองแบบอนุรักษ์นิยม" 117 00:06:23,551 --> 00:06:25,970 ไปเป็น "ฉันได้สร้างความเป็นจริงใหม่ขึ้นมา" 118 00:06:26,053 --> 00:06:29,014 แล้วก็อะไรที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน เรื่องติงต๊อง 119 00:06:29,098 --> 00:06:33,561 ถึงจุดนั้นคุณจะแบบ "ฉันอยากรู้ว่ามันพัฒนามาจากตรงไหน" 120 00:06:33,644 --> 00:06:36,689 ถ้าคุณสนใจทฤษฎีสมคบคิด และ/หรือคอมพิวเตอร์ 121 00:06:36,772 --> 00:06:40,067 คุณอาจเคยได้ยินชื่อบิล เกตส์ หวังว่าผมเรียกชื่อเขาถูกนะ 122 00:06:40,151 --> 00:06:44,196 ไม่ว่าจะจากเรื่องควบคุมประชากร จนถึงวัคซีนไมโครชิป 123 00:06:44,280 --> 00:06:48,117 ทฤษฎีต่างๆ ไปไกลมาก และผลที่ตามมาในโลกจริงก็เกิดจริง 124 00:06:48,200 --> 00:06:52,746 และคนที่จะมาช่วยผมขุดคุ้ยเรื่องนี้ก็คือ แคทริน จอยซ์ และไอก์ ศรีสกันธราชา 125 00:06:53,372 --> 00:06:54,874 พวกคุณจะช่วยผมคุ้ยแคะแกะเกา 126 00:06:54,957 --> 00:06:57,585 ว่าการสมคบคิดพวกนี้ ไปเกี่ยวพันกับคนแบบนั้นได้ยังไง 127 00:06:57,668 --> 00:07:01,005 ในทฤษฎีพวกนี้มีความถูกต้องตรงไหนบ้าง 128 00:07:01,088 --> 00:07:02,965 และผมควรจะเชื่ออันไหน 129 00:07:03,048 --> 00:07:06,177 เพราะผมมักจะมองหาทฤษฎีสมคบคิดที่ดี ที่ผมจะสนุกได้เต็มที่ 130 00:07:06,260 --> 00:07:09,388 และ/หรือเอาเงินผมไปลงให้ เลยหวังว่าพวกคุณจะช่วยผมได้ 131 00:07:09,972 --> 00:07:12,600 เราย้อนเวลากลับไปกันหน่อยดีกว่า โอเคนะ 132 00:07:12,683 --> 00:07:14,435 ย้อนกลับไปปี 2010 133 00:07:15,019 --> 00:07:19,607 ตอนที่มูลนิธิของเราเริ่มก่อตั้ง มูลนิธิเน้นเรื่องอนามัยการเจริญพันธุ์ 134 00:07:19,690 --> 00:07:23,652 เพราะจำนวนประชากรในประเทศยากจน เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดที่พวกเขาเจอ 135 00:07:23,736 --> 00:07:26,572 เราต้องช่วยพวกแม่ๆ ที่ต้องการจำกัดขนาดของครอบครัว 136 00:07:26,655 --> 00:07:28,866 ให้มีเครื่องมือและความรู้ที่จะทำแบบนั้น 137 00:07:29,450 --> 00:07:34,872 ดังนั้นมูลนิธิเกตส์จึงมองไปที่ ชุมชนในพื้นที่ชนบทในกานา 138 00:07:34,955 --> 00:07:40,252 และพวกเขามองหาหนทาง ที่จะขยายการเข้าถึงวิธีคุมกำเนิดที่ปลอดภัย 139 00:07:40,336 --> 00:07:44,381 ให้แก่ผู้หญิงที่อยากจะสามารถ ควบคุมภาวะเจริญพันธุ์ของตัวเอง 140 00:07:44,465 --> 00:07:45,716 หรือวางแผนการตั้งครรภ์ 141 00:07:46,217 --> 00:07:50,387 สิ่งนี้กลายมาเป็นทฤษฎีสมคบคิดที่ซับซ้อนมาก 142 00:07:50,471 --> 00:07:55,643 ที่อ้างว่ามูลนิธิเกตส์ ให้ทุนแก่การทดลองควบคุมประชากร 143 00:07:55,726 --> 00:07:58,103 เพื่อจำกัดจำนวนประชากรแอฟริกัน 144 00:07:58,187 --> 00:07:59,772 ความไม่ไว้ใจแบบนี้มาจากไหน 145 00:07:59,855 --> 00:08:03,359 เรื่องนี้เข้าไปแตะเรื่องเก่าที่แรงมากหลายเรื่อง 146 00:08:04,276 --> 00:08:06,487 ทั้งเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน 147 00:08:06,570 --> 00:08:07,863 ในช่วงปี 1960 148 00:08:07,947 --> 00:08:11,450 หนึ่งในสามของผู้หญิงเปอร์โตริโกโดนทำหมัน 149 00:08:12,034 --> 00:08:14,453 มีเรื่องการทดลองซิฟิลิสที่ทัสคีกี 150 00:08:14,537 --> 00:08:16,121 มีเยอะแยะเลย 151 00:08:16,205 --> 00:08:18,123 เราในฐานะคนในสังคมได้ทำแบบนั้นไป 152 00:08:18,207 --> 00:08:23,087 - เราบังคับให้คนทำหมัน - ขอออกตัวก่อน ผมไม่ได้ทำแบบนั้น 153 00:08:23,170 --> 00:08:26,131 ผมบอกได้เลยว่ามีบางช่วง สมัยผมเรียนมหาวิทยาลัย 154 00:08:26,215 --> 00:08:30,844 ที่ผมก็คลับคล้ายคลับคลาว่าผมทำอะไรมั่ง แต่ผมรับรองได้ว่าอันนั้นผมไม่ได้ทำ 155 00:08:31,512 --> 00:08:32,346 ดีแล้วค่ะ 156 00:08:32,429 --> 00:08:36,600 แต่ทำไมมันลามจากศูนย์ ไปเป็นการควบคุมประชากรได้เร็วขนาดนี้ครับ 157 00:08:36,684 --> 00:08:38,561 โดยเฉพาะกับบิล เกตส์นี่น่ะ 158 00:08:38,644 --> 00:08:40,938 มันเกี่ยวข้องกับนักเคลื่อนไหวต่อต้านการทำแท้ง 159 00:08:41,021 --> 00:08:43,023 (เดินขบวนเพื่อชีวิต) 160 00:08:43,107 --> 00:08:47,111 มันบังเอิญไปเข้าทาง ความกังวลอันชอบธรรมเหล่านั้นอย่างน่าขัน 161 00:08:47,778 --> 00:08:48,904 จากนั้นก็ปี 2012 162 00:08:48,988 --> 00:08:53,576 เมื่อมูลนิธิเกตส์เข้าไปเกี่ยวข้อง กับการรณรงค์ครั้งใหญ่อันใหม่นี้ 163 00:08:53,659 --> 00:08:55,244 ทุกอย่างนี่ก็เลยลงล็อก 164 00:08:55,327 --> 00:08:58,581 องค์กรตะวันตกที่ร่ำรวยเหล่านี้ 165 00:08:58,664 --> 00:09:01,917 ไม่ใช่แค่บอกให้เราควบคุมประชากรเท่านั้น 166 00:09:02,001 --> 00:09:04,670 แต่ยังคิดยาของตัวเองขึ้นมาด้วย 167 00:09:04,753 --> 00:09:06,547 นี่คือโศกนาฏกรรม 168 00:09:06,630 --> 00:09:07,548 (ชุมนุมต่อต้านการทำแท้ง) 169 00:09:07,631 --> 00:09:09,216 มันคือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ 170 00:09:11,885 --> 00:09:14,888 เหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้ ทฤษฎีสมคบคิดเหล่านี้มันเป็นกระแส 171 00:09:14,972 --> 00:09:17,016 ก็เพราะมันมีความจริงเล็กๆ อยู่ในนั้น 172 00:09:17,099 --> 00:09:19,727 ที่ว่าการสาธารณสุขมันไม่เคยเท่าเทียมเลย 173 00:09:20,811 --> 00:09:24,064 (วอชิงตัน ดี.ซี.) 174 00:09:25,190 --> 00:09:28,319 ฉันใช้เวลาส่วนใหญ่บอกผู้คนว่า บิล เกตส์ไม่ใช่ดาร์ธเวเดอร์ 175 00:09:28,402 --> 00:09:29,236 "คุณรู้ได้ยังไง" 176 00:09:29,320 --> 00:09:31,530 "ฉันรู้จักเขา เขาเปล่าทำ เขามัวแต่ยุ่งทำนี่ทำนั่น" 177 00:09:31,614 --> 00:09:33,907 ฉันเคยเจอเขามาแล้ว 109 ครั้ง 178 00:09:34,491 --> 00:09:36,785 คุณมองภาพโดยรวมในตอนนี้ยังไงบ้างคะ 179 00:09:36,869 --> 00:09:38,454 โดยเฉพาะในอินเทอร์เน็ตน่ะค่ะ 180 00:09:39,121 --> 00:09:42,583 เราจะมองย้อนกลับมาที่ตอนนี้ ในฐานะหนึ่งในยุคแห่งการประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ 181 00:09:42,666 --> 00:09:44,835 ฉันว่าคนมากมายที่ริเริ่มอินเทอร์เน็ต 182 00:09:44,918 --> 00:09:48,380 เห็นมันเป็นหนทางที่จะพาเรามาเจอกัน ที่จะขยายความรู้ 183 00:09:48,464 --> 00:09:50,382 และหลายอย่างในยุคแรกๆ ก็เป็นแบบนั้น 184 00:09:50,466 --> 00:09:51,300 แล้วเกิดอะไรขึ้น 185 00:09:51,842 --> 00:09:53,677 มันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไง 186 00:09:55,346 --> 00:09:56,680 คุณได้รับเมล 187 00:09:58,140 --> 00:10:00,934 มันเป็นการตัดสินใจทางธุรกิจตั้งแต่แรกๆ แล้ว 188 00:10:01,018 --> 00:10:05,189 ที่จะสร้างแพลตฟอร์ม สร้างกระบะทราย สร้างสนามเด็กเล่น 189 00:10:05,272 --> 00:10:07,066 และเชิญทุกคนเข้ามาร่วม 190 00:10:07,149 --> 00:10:11,153 ตอนเราเปิดตัวครั้งแรก เราหวังว่าจะมีผู้ใช้ประมาณ 400 ถึง 500 คน 191 00:10:11,236 --> 00:10:15,199 ตอนนี้เรามีผู้ใช้ 100,000 ราย ดังนั้นใครจะรู้ว่าต่อไปจะเป็นยังไง 192 00:10:15,282 --> 00:10:20,704 เพราะถ้าไม่มีพวกเราทั่วโลก ที่คอยใส่อะไรเข้าไปอย่างต่อเนื่อง 193 00:10:20,788 --> 00:10:25,167 ไม่ว่าจะการแสดงความคิดเห็น หรือจะรูปแบบไหนก็ตาม 194 00:10:25,250 --> 00:10:27,920 สิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นแค่ภาชนะที่ว่างเปล่า 195 00:10:28,003 --> 00:10:32,132 มันเลยกลายเป็นโมเดลธุรกิจแบบ "ไว้ค่อยแก้กันทีหลัง" 196 00:10:32,216 --> 00:10:33,050 (ปี 1996) 197 00:10:33,133 --> 00:10:36,261 กฎหมายนี้เป็นกฎหมาย ที่ก่อเกิดการปฏิวัติอย่างแท้จริง 198 00:10:36,762 --> 00:10:39,348 ที่จะนำอนาคตมายังประตูบ้านของเรา 199 00:10:39,431 --> 00:10:42,518 ในยุคแรกๆ ถ้าคุณต้องรับผิดชอบ กับทุกอย่างบนแพลตฟอร์มของคุณ 200 00:10:42,601 --> 00:10:45,896 คุณอาจโดนฟ้องจนไม่เหลือซาก ก่อนคุณจะคลานออกจากเปลเสียอีก 201 00:10:45,979 --> 00:10:48,565 พวกเขาเลยพยายามจะสร้างการปกป้อง 202 00:10:48,649 --> 00:10:50,317 เพื่อให้บริษัทเหล่านี้ได้เติบโต 203 00:10:50,401 --> 00:10:54,321 อินเทอร์เน็ตเปลี่ยนเร็วเกินไป เนื้อหามันเปลี่ยนเร็วเกินไป 204 00:10:54,405 --> 00:10:58,534 ถ้ารัฐบาลมีความคิดว่าจะสามารถ ควบคุมมัน จำกัดวงมัน และวางระเบียบมัน 205 00:10:58,617 --> 00:11:01,870 ในขณะที่มันยังตั้งไข่อยู่ รัฐบาลต้องล้มเหลวแน่ๆ 206 00:11:02,371 --> 00:11:08,085 ดังนั้นกฎหมายที่เรียกว่า มาตรา 230 ฉบับนี้ตัดสินว่า 207 00:11:08,168 --> 00:11:14,466 แทนที่จะให้แพลตฟอร์มต้องรับผิดชอบ กับสิ่งที่ไหลผ่านมาบนแพลตฟอร์มพวกเขา 208 00:11:14,550 --> 00:11:19,221 พวกเขาไม่ต้องรับโทษ จากความรับผิดชอบต่อเนื้อหานั้น 209 00:11:19,847 --> 00:11:22,725 กฎหมายนี้คุ้มครองผู้บริโภคจากการผูกขาด 210 00:11:22,808 --> 00:11:26,687 มันรับประกันความหลากหลายของความคิดเห็น ซึ่งเป็นหลักการของประชาธิปไตยของเรา 211 00:11:27,438 --> 00:11:31,608 บางทีที่สำคัญที่สุดคือ มันช่วยเสริมประโยชน์ส่วนรวมให้ดีขึ้น 212 00:11:31,692 --> 00:11:33,944 แต่ตอนนั้นที่มาตรา 230 ถือกำเนิดขึ้น 213 00:11:34,027 --> 00:11:37,489 เรากำลังพูดถึงบริษัทที่มีโมเด็มเป็นแผงๆ 214 00:11:37,573 --> 00:11:39,742 กับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยระบบทีหนึ่ง 215 00:11:39,825 --> 00:11:44,788 มันจึงสมเหตุสมผล ที่พิจารณาว่าบริษัทพวกนี้เป็นแค่ 216 00:11:44,872 --> 00:11:48,751 ท่อถ่ายโอนข้อมูลที่เป็นกลาง ตามที่มาตรา 230 คิดไว้ 217 00:11:49,960 --> 00:11:54,214 แต่ตอนนี้กฎหมายนี้ช่วยปกป้องคนรวยที่สุด และบริษัทที่ทรงอำนาจที่สุด 218 00:11:54,298 --> 00:11:56,091 ในประวัติศาสตร์โลก 219 00:11:57,217 --> 00:12:00,220 ฉันคิดว่าสิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึง ก็คือมันเป็นสื่อกลางที่ดี 220 00:12:00,304 --> 00:12:03,557 ให้กับการซ่อนตัว และการไม่เปิดเผยตัวของพวกประสงค์ร้าย 221 00:12:04,308 --> 00:12:08,020 แบบว่าทีวีและรายการที่ออกอากาศ แม้แต่การออกอากาศก็มีข้อจำกัด 222 00:12:08,645 --> 00:12:11,315 หนังสือพิมพ์มีข้อจำกัด ของที่จับต้องได้มีข้อจำกัด 223 00:12:11,398 --> 00:12:14,443 แต่แล้วคุณก็นำเสนอสิ่งนี้ ที่สนุกและชวนให้ติดงอมแงม 224 00:12:14,526 --> 00:12:16,069 และเต็มไปด้วยเรื่องบ้าๆ 225 00:12:16,570 --> 00:12:18,447 มันสวยงาม มันเปล่งประกาย 226 00:12:18,530 --> 00:12:21,366 มันน่าสนใจมาก และชีวิตคุณก็น่าเบื่อ 227 00:12:21,450 --> 00:12:23,577 ทุกอย่างก็เพื่อให้คุณเข้าหามันใช่ไหมล่ะ 228 00:12:23,660 --> 00:12:26,413 และถ้ามันทำให้คุณจดจ่ออยู่ได้ แล้วก็เริ่มปั่นสิ่งต่างๆ 229 00:12:26,497 --> 00:12:29,500 เพื่อจะทำให้คุณหมกมุ่นกับมันลึกไปเรื่อยๆ 230 00:12:29,583 --> 00:12:31,210 ทีนี้คุณก็จะไม่กลับขึ้นมาอีก 231 00:12:33,086 --> 00:12:34,213 - สวัสดี - สวัสดีค่ะบิล 232 00:12:35,172 --> 00:12:36,673 ภูมิหลังของเราต่างกันมากนะ 233 00:12:37,257 --> 00:12:39,885 ผมไม่ใช่ศิลปิน ส่วนคุณไม่ใช่โปรแกรมเมอร์ 234 00:12:39,968 --> 00:12:44,097 โอเค แต่จะบอกว่าคุณไม่ใช่ศิลปินซะเลย ฉันก็รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม 235 00:12:44,181 --> 00:12:47,768 - ขอบคุณมากที่ชม - แต่ฉันไม่ใช่โปรแกรมเมอร์แน่นอน 236 00:12:47,851 --> 00:12:51,980 เมื่อดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราจากข้อมูลที่ผิดๆ 237 00:12:52,064 --> 00:12:55,317 คุณรู้สึกว่าสี่ปีที่ผ่านมานี่มันรุนแรงขึ้นไหมครับ 238 00:12:55,400 --> 00:12:57,152 ฉันว่าเราต่างก็เคยเห็น 239 00:12:57,236 --> 00:13:00,489 ว่าข้อมูลผิดๆ สามารถ ทำลายชีวิตผู้คนได้ยังไงบ้างมาแล้ว 240 00:13:00,572 --> 00:13:01,824 ใช่เลยครับ 241 00:13:01,907 --> 00:13:05,410 เดี๋ยวนี้เรามีวิธีการรับข่าวสารข้อมูล 242 00:13:05,494 --> 00:13:06,912 ที่เกี่ยวข้องอย่างมาก 243 00:13:06,995 --> 00:13:11,041 กับการที่ความบันเทิงและข้อมูลเข้าใกล้กัน 244 00:13:11,124 --> 00:13:13,168 มากกว่าที่เคยเป็นมาในอดีต 245 00:13:13,252 --> 00:13:16,755 ครับ ความคิดที่ว่าถ้ามันสุดโต่งและตลกมาก 246 00:13:17,464 --> 00:13:18,465 มันก็เกือบจะเหมือนว่า 247 00:13:18,549 --> 00:13:22,594 "โอเค มันอาจจะไม่จริง แต่มันทำให้ฉันหัวเราะได้" 248 00:13:22,678 --> 00:13:24,638 หรือ "ฉันอยากให้มันเป็นเรื่องจริงจัง" 249 00:13:24,721 --> 00:13:26,890 ใช่ เรื่องที่บันเทิงก็คือ 250 00:13:26,974 --> 00:13:31,395 "บิล เกตส์เกลียดสิ่งที่คนพูดกัน เรื่องที่ว่าเขาเกี่ยวข้องกับวัคซีน" 251 00:13:31,478 --> 00:13:34,648 หรือ "เลดี้กาก้าอับอายมากกับข่าวลือพวกนี้" 252 00:13:34,731 --> 00:13:35,566 แต่สำหรับฉัน 253 00:13:35,649 --> 00:13:38,861 ฉันชินกับคำโกหกเกี่ยวกับฉัน ที่ถูกตีพิมพ์ออกมาตั้งแต่ฉันอายุ 20 แล้ว 254 00:13:38,944 --> 00:13:41,697 ฉันเป็นนักแสดง ฉันเลยคิดว่ามันตลกดี 255 00:13:42,614 --> 00:13:45,033 เห็นชัดเลยว่าคนคิดกันว่า คุณไม่ได้เป็นอย่างที่คุณเป็น 256 00:13:45,117 --> 00:13:47,494 เพราะคุณแต่งหน้าจัดมากและ… 257 00:13:47,578 --> 00:13:51,498 ฉันเป็นแบบนี้จริงๆ นี่คือสิ่งที่ฉันเป็นจริงๆ 258 00:13:51,582 --> 00:13:54,334 นี่คือแก้วที่ฉันใช้ดื่มทุกวัน 259 00:13:54,418 --> 00:13:58,088 นี่คือเพชรที่ฉันใส่ในกาแฟตอนฉันประหม่า 260 00:13:58,171 --> 00:13:59,965 มันไม่ใช่เพชรแท้ เป็นของปลอม 261 00:14:00,549 --> 00:14:05,929 ฉันรู้สึกว่าฉันรู้จากประสบการณ์ตรง ว่าผู้คนเกลียดการถูกปั่นหัวแค่ไหน 262 00:14:06,471 --> 00:14:09,933 ความบันเทิงที่เป็นรูปแบบหนึ่งของการปั่นหัว คือส่วนสำคัญในอาชีพฉัน 263 00:14:10,517 --> 00:14:14,897 ตอนฉันไปงานประกาศรางวัลเอ็มทีวี กับทหารที่ปลดประจำการ 264 00:14:14,980 --> 00:14:16,982 ช่วงที่มีนโยบาย "อย่าถาม อย่าบอก" 265 00:14:17,065 --> 00:14:18,692 ฉันใส่ชุดที่ทำจากเนื้อ 266 00:14:18,775 --> 00:14:22,195 และมีแฟนๆ ที่ชอบมาก เพราะพวกเขาคิดว่ามันฉลาด 267 00:14:22,279 --> 00:14:26,241 พวกเขาพูดว่า "เธอใช้ความบันเทิง เพื่อส่งเสริมวาระทางการเมืองของเธอ" 268 00:14:26,325 --> 00:14:31,914 แต่มันกวนใจคนที่ไม่อยากพูดถึง สิทธิของกลุ่มเพศทางเลือกในตอนนั้นจริงๆ 269 00:14:31,997 --> 00:14:34,207 หยุดคอนเสิร์ตของเลดี้กาก้า 270 00:14:34,291 --> 00:14:38,253 บังเอิญว่าวิธีอุบาทว์ของเธอไม่ค่อย เป็นไปตามวิถีของพระเจ้าน่ะสิจ๊ะ 271 00:14:38,337 --> 00:14:39,463 วิธีอุบาทว์ของฉันเหรอ 272 00:14:40,505 --> 00:14:44,593 การทำอะไรที่ก่อกวน ฉันคิดว่าที่ฉันพยายามจะบอกก็คือ 273 00:14:44,676 --> 00:14:47,804 ฉันรู้ดีเลยในฐานะนักแสดง ว่าผู้คนเกลียดมันแค่ไหน 274 00:14:48,388 --> 00:14:51,183 ในกรณีของผม ส่วนใหญ่มันเกี่ยวกับวัคซีน 275 00:14:51,767 --> 00:14:53,727 ซึ่งผมเกี่ยวข้องกับวัคซีนจริง 276 00:14:53,810 --> 00:14:54,937 ส่วนนั้นคือเรื่องจริง 277 00:14:55,020 --> 00:14:59,149 แต่ถ้ามีแค่หนึ่งหรือสองคน ไม่ใช่ปรากฏการณ์ในวงกว้าง 278 00:14:59,232 --> 00:15:00,609 ผมคงจะพยายามพูดว่า 279 00:15:00,692 --> 00:15:04,571 "เดี๋ยวก่อนสิ ไปหาเรื่องอย่างอื่นเถอะ อย่าหาเรื่องกับวัคซีน" 280 00:15:05,155 --> 00:15:07,908 ส่วนตัวคุณอาจจะไม่รู้สึกเดือดร้อน 281 00:15:07,991 --> 00:15:14,206 แต่มันอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ และความไว้ใจของคนต่อวัคซีนไปเป็นร้อยปี 282 00:15:14,289 --> 00:15:18,377 และถ้าประชาชนสูญเสียความไว้ใจ จะไม่มีทางที่จะหยุดมันได้ 283 00:15:18,460 --> 00:15:19,294 ใช่ 284 00:15:21,630 --> 00:15:24,424 ไอก์ ตอนนี้ผมจะดึงคุณมาร่วมวงสนทนาด้วยแล้ว 285 00:15:24,508 --> 00:15:26,426 ผมรู้สึกอเมริกามีลักษณะบางอย่าง 286 00:15:26,510 --> 00:15:28,178 ความรู้สึกว่าจำเป็นต้องแต่งเติมนี่ 287 00:15:28,261 --> 00:15:32,557 ทุกย่างก้าว เราสำรอกความคิดออกมา แล้วก็แต่งเติมความจริงเพิ่มเข้าไปสักอย่าง 288 00:15:32,641 --> 00:15:36,061 มันคือเกมพรายกระซิบที่อัปสเตอรอยด์ 289 00:15:36,144 --> 00:15:39,648 นั่นละที่ทำให้เราได้ทฤษฎีสมคบคิด เรื่องวัคซีนไมโครชิปออกมา 290 00:15:39,731 --> 00:15:41,441 เราตั้งชื่อไว้แล้วรึยังครับ 291 00:15:41,525 --> 00:15:43,944 ทฤษฎีโควิดเหรอ หรือทฤษฎีไมโครชิป 292 00:15:44,027 --> 00:15:47,447 ผมอยากจะเรียกมันว่า ทฤษฎีสมคบคิดวัคซีนไมโครชิป 293 00:15:47,531 --> 00:15:49,366 - โอเค ใช่ - คุณมีอะไรที่ดีกว่านี้ไหม 294 00:15:49,449 --> 00:15:53,912 เปล่า ผมแค่ว่ามันยาวไป แต่ก็มีคำที่เอาไปใช้ค้นหาได้อยู่ในนั้นครบนะ 295 00:15:53,996 --> 00:15:55,622 ซึ่งเป็นประโยชน์ในบอร์ดเรดดิต 296 00:15:55,706 --> 00:15:59,126 - มันเหมาะกับเสิร์ชเอนจินที่สุด - มันคืออะไร บอกภาพรวมผมหน่อย 297 00:15:59,209 --> 00:16:02,129 โอเค ผมกำลังฟังรายการเบรกฟาสต์คลับ 298 00:16:02,713 --> 00:16:05,007 อรุณสวัสดิ์ ทุกคนนี่คือเบรกฟาสต์คลับ 299 00:16:05,090 --> 00:16:08,468 ถ้าคุณเพิ่งเข้ามาฟัง เรากำลังพูดถึงโดนัลด์ ทรัมป์ 300 00:16:08,552 --> 00:16:11,304 เพิ่งเป็นข่าวเมื่อวาน ว่าเขากับภรรยาติดเชื้อโควิด 301 00:16:11,388 --> 00:16:13,932 คุณคิดว่าเป็นเรื่องจริงไหม หรือเรื่องแหกตา 302 00:16:14,016 --> 00:16:16,393 คุณคิดว่าเขาติดโควิดจริงไหม 303 00:16:17,144 --> 00:16:18,729 เขามาพูดเรื่อยเจื้อยยามเช้า 304 00:16:18,812 --> 00:16:22,524 แล้วก็เริ่มหันเหการสนทนา ไปในทิศทางที่ผมคาดไม่ถึง 305 00:16:22,607 --> 00:16:24,818 นี่ผมชาร์ลามาญดาก็อด เลนาร์ด แมคเคลวีย์พูด 306 00:16:24,901 --> 00:16:27,279 ผมไม่เชื่อ ผมว่านี่อาจเป็นลูกเล่น 307 00:16:27,362 --> 00:16:30,949 เพื่อทำให้วัคซีนถูกๆ ที่พวกเขารีบทำออกมาดูปลอดภัย 308 00:16:31,033 --> 00:16:33,827 เขาจะไปฉีดออกทีวีทั่วประเทศ ทันใดนั้นก็หายเลย 309 00:16:33,910 --> 00:16:36,705 ลวงตาให้ประชาชนเชื่อว่าวัคซีนปลอดภัย 310 00:16:36,788 --> 00:16:39,332 เขาจะดูเหมือนฮีโร่ เพราะเขาเป็นคนแรกที่ลอง 311 00:16:39,416 --> 00:16:43,462 คนเป็นล้านเข้าแถวรอฉีด แล้วก็ตู้ม ฝังไมโครชิปให้ทุกคนได้แล้ว 312 00:16:44,296 --> 00:16:48,300 แล้วผมก็แบบ "โห เขา… ทุกคนรู้ว่าเขาล้อเล่นใช่ไหม" 313 00:16:48,383 --> 00:16:50,093 ผมก็จำเรื่องนั้นช่วงโควิดได้เหมือนกัน 314 00:16:50,177 --> 00:16:53,180 โควิดเป็นช่วงที่ทุกคนถูกกักตัวนานจนเป็นบ้า 315 00:16:53,263 --> 00:16:56,224 และความคิดว่าเราควรไว้ใจวัคซีนนี้หรือไม่ 316 00:16:56,308 --> 00:16:58,602 นั่นคือประเด็นของการสนทนา 317 00:16:58,685 --> 00:17:02,189 ใช่ แต่เขาพูดถึงสี่ครั้ง 318 00:17:02,272 --> 00:17:05,609 ไมโครชิป ฝังไมโครชิป ไมโครชิป ฝังในร่างตรง… 319 00:17:05,692 --> 00:17:06,902 ผมก็แบบ 320 00:17:06,985 --> 00:17:11,531 "คนได้ยินแล้ว จะไม่คิดว่าเขาพูดเล่นหรือเปล่าเนี่ย" 321 00:17:12,032 --> 00:17:13,825 แล้วผมก็สงสัยว่าจะรายงานเรื่องนี้ยังไง 322 00:17:13,909 --> 00:17:18,038 "คนเชื่อเรื่องนี้ไหม มีกี่คนที่เชื่อเรื่องนี้" 323 00:17:18,705 --> 00:17:22,918 "และสิ่งนี้จะส่งผล ต่อการต่อสู้กับไวรัสโควิดของเรายังไง" 324 00:17:23,001 --> 00:17:24,920 ผมแปลกใจจริงๆ ที่จนถึงจุดนั้น 325 00:17:25,003 --> 00:17:26,963 คุณยังมีความหวังว่าข้อความจะยังกระจ่างได้ 326 00:17:27,047 --> 00:17:27,964 ครับ 327 00:17:28,048 --> 00:17:30,759 ที่ผมจำได้ในตอนนั้น สมองเรามั่วไปหมด 328 00:17:30,842 --> 00:17:33,804 คิดถึงสารคดีไทเกอร์คิงกับสูตรซาวร์โด 329 00:17:33,887 --> 00:17:39,976 ผมเลยสงสัยว่าเราจะใช้วิธีการแกะรอยผู้สัมผัส 330 00:17:40,060 --> 00:17:43,605 เพื่อแกะรอยคำโกหกจนถึงต้นตอของมันได้ไหม 331 00:17:43,688 --> 00:17:50,654 และจุดเริ่มต้นของเรื่อง ทฤษฎีสมคบคิดวัคซีนไมโครชิปนี้เริ่มขึ้น 332 00:17:50,737 --> 00:17:54,908 จากเรดดิต "ถามได้ทุกเรื่อง" ที่บิล เกตส์เป็นพิธีกร 333 00:17:56,159 --> 00:18:00,288 และเขาทำนายว่าในอนาคต พวกเราทุกคน 334 00:18:00,372 --> 00:18:03,667 จะมีประมาณว่าบัตรประชาชนดิจิทัล 335 00:18:03,750 --> 00:18:07,546 ไม่ใช่ไมโครชิป ไม่ใช่สิ่งที่ฝังเข้าไปในร่างกาย 336 00:18:07,629 --> 00:18:09,339 แต่นั่นล่ะคือจุดเริ่มต้น 337 00:18:09,422 --> 00:18:14,386 แล้วจากตรงนั้น เกิดอะไรขึ้นหลังจากคนเห็นเอเอ็มเอนี้ครับ 338 00:18:14,970 --> 00:18:19,349 มันเดินทางผ่านอินเทอร์เน็ตไปยังสวีเดน 339 00:18:20,225 --> 00:18:22,394 ที่ซึ่งพวกไบโอแฮกเกอร์… 340 00:18:22,477 --> 00:18:27,190 คือพวกที่ชอบฉีดเทคโนโลยีเข้าไปในร่างกาย จะได้กลายเป็นไอรอนแมนน่ะเหรอ 341 00:18:27,858 --> 00:18:30,569 คนพวกนี้เป็นผู้สนับสนุน 342 00:18:30,652 --> 00:18:32,445 พวกเขาฉีดตะกั่วเข้าเส้นเลือด 343 00:18:32,529 --> 00:18:35,866 และสนับสนุนแนวคิด ให้มนุษย์กลายเป็นหุ่นยนต์เนี่ยนะ 344 00:18:35,949 --> 00:18:40,495 พวกเขาเป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่ง ของเทคโนโลยีที่ฝังในร่างกายได้ 345 00:18:40,579 --> 00:18:43,456 - ผมไม่ได้มาในฐานะตัวแทนการไบโอแฮก - ไม่เอาน่า 346 00:18:43,540 --> 00:18:46,793 เพราะแบบนี้คนถึงไว้ใจสื่อไม่ได้ พูดมาตรงๆ สิครับ 347 00:18:46,877 --> 00:18:49,337 - โอเค คนพวกนี้ติดจะไม่เต็มเต็ง - ขอบคุณ 348 00:18:49,421 --> 00:18:52,549 เห็นไหมว่านี่ขนาดสองคูณสิบสองมิลลิเมตร 349 00:18:52,632 --> 00:18:56,136 มันขนาดเท่ากับเมล็ดข้าวพันธุ์หรู 350 00:18:56,720 --> 00:19:00,140 ไบโอแฮกเกอร์พวกนี้กำลังมองหาโอกาส 351 00:19:00,223 --> 00:19:04,686 ที่จะทำให้ประเด็นเรื่อง ไมโครชิปที่ฝังเข้ามนุษย์ก้าวหน้าไป 352 00:19:04,769 --> 00:19:07,355 ผมติดตั้งระบบลงชื่อเข้าใช้ครั้งเดียว กับแล็ปท็อปผม 353 00:19:07,439 --> 00:19:10,066 ปลดล็อกโทรศัพท์ เปิดประตูเข้าไปในบ้าน 354 00:19:11,193 --> 00:19:13,987 ไซเฟอร์ ไบโอแฮกเกอร์ที่กำลังสนใจเรื่องนี้อยู่ 355 00:19:14,070 --> 00:19:17,657 พาดหัวข่าวที่ปลุกปั่นนิดๆ ชี้นำผิดหน่อยๆ 356 00:19:17,741 --> 00:19:23,747 มันบอกว่า "บิล เกตส์จะใช้ การฝังไมโครชิปเพื่อสู้กับไวรัสโคโรนา" 357 00:19:23,830 --> 00:19:25,081 เขาพาดหัวข่าว 358 00:19:25,165 --> 00:19:27,459 หมายความว่าไง เขาเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์เหรอ 359 00:19:28,251 --> 00:19:31,630 นี่แหละปัญหา เราสามารถ โพสต์พาดหัวข่าวได้อย่างกับมันคือข้อเท็จจริง 360 00:19:31,713 --> 00:19:33,715 ก็คือเขาเชื่อไม่ลืมหูลืมตาแล้วพูดว่า 361 00:19:33,798 --> 00:19:36,509 "มันต้องมีอะไร ที่จะถูกฉีดเข้าไปในร่างกายเราแน่ๆ" 362 00:19:36,593 --> 00:19:38,887 ใช่ และคุณก็รู้ว่าอินเทอร์เน็ตทำงานยังไง 363 00:19:38,970 --> 00:19:42,599 มันทำลายมนุษยชาติ เร็วกว่าที่เราจะคาดถึงน่ะเหรอ 364 00:19:42,682 --> 00:19:43,516 คือว่า… 365 00:19:43,600 --> 00:19:46,144 เราควรคุยกับคนที่อยู่ในยุคเริ่มแรก 366 00:19:46,228 --> 00:19:50,899 ของการปฏิวัติทางคอมพิวเตอร์นี่จริงๆ เขาชื่ออะไรนะ บิล บิล เกตส์ 367 00:19:54,945 --> 00:19:56,071 (กฎแห่งเสรีภาพ) 368 00:19:56,154 --> 00:19:59,908 สวัสดีครับ นี่อดัมกับรายการลอว์ออฟลิเบอร์ตี้ วันนี้ผมอยากคุยกับคุณถึงบทความนึง 369 00:19:59,991 --> 00:20:00,992 ดูนี่นะครับ 370 00:20:01,076 --> 00:20:05,872 บทความนี้ไปอยู่บนโต๊ะของบาทหลวงที่แจ็กสันวิลล์ 371 00:20:05,956 --> 00:20:08,166 เขาเลยทำวิดีโอยูทูบ 372 00:20:08,250 --> 00:20:09,668 บทความเขียนว่า 373 00:20:09,751 --> 00:20:12,671 "บิล เกตส์จะเปิดตัวแคปซูลที่ฝังเข้าสู่มนุษย์ได้ 374 00:20:12,754 --> 00:20:15,090 ที่มี 'ใบรับรองดิจิทัล' 375 00:20:15,173 --> 00:20:19,135 ที่สามารถแสดงว่า ใครที่ตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาผ่านแล้ว" 376 00:20:19,219 --> 00:20:23,807 เรื่องนี้น่าเป็นห่วงจริงๆ สำหรับชาวคริสต์ที่เชื่อในคัมภีร์ไบเบิล 377 00:20:23,890 --> 00:20:26,393 ที่รู้ว่าคัมภีร์ไบเบิลบอกอะไรไว้ เกี่ยวกับช่วงสิ้นสุดยุค 378 00:20:26,476 --> 00:20:30,355 รู้ว่าคัมภีร์ไบเบิลบอกว่าจะมีศัตรูของพระคริสต์ 379 00:20:30,438 --> 00:20:35,318 ชายผู้ประกาศตนเป็นพระเจ้า ที่มอบเกียรติยศแก่มังกร 380 00:20:35,402 --> 00:20:36,361 ซึ่งก็คือปีศาจ 381 00:20:36,444 --> 00:20:43,159 เขาตั้งชื่อวิดีโอนี้ว่า "บิล เกตส์ การฉีดฝัง วัคซีนไมโครชิปเพื่อต้านไวรัสโคโรนา" 382 00:20:44,160 --> 00:20:46,204 เขาเพิ่มคำว่า "วัคซีน" เข้าไป 383 00:20:46,288 --> 00:20:47,455 (บิล เกตส์คือปีศาจ) 384 00:20:47,539 --> 00:20:48,415 (ไม่เอาไอ้หัวเข็ม) 385 00:20:48,498 --> 00:20:52,711 ผมเคยอ่านบทความเกี่ยวกับ การใส่ชิปเข้าไปในวัคซีนมา 386 00:20:52,794 --> 00:20:56,589 เมื่อไหร่ลิ้นสองแฉกของบิล เกตส์ จะโผล่ออกมาจากปากเขา 387 00:20:56,673 --> 00:20:59,509 แล้วเขากับหางของเขาจะโผล่มาเมื่อไหร่ 388 00:20:59,592 --> 00:21:02,512 แล้วพอกล้องกับ 5จีออกมาแล้วยังไง 389 00:21:02,595 --> 00:21:05,557 พวกเขาจะสแกนทุกคนเหรอ เราต้องโดนสแกนเหรอ 390 00:21:05,640 --> 00:21:09,728 ใช่ ผมจำได้ว่าผมอยู่ที่ งานชุมนุมต่อต้านวัคซีนที่ออเรนจ์เคาน์ตี้ 391 00:21:09,811 --> 00:21:11,938 และผู้คนก็พูดกันถึงบิล เกตส์เยอะมาก 392 00:21:12,522 --> 00:21:14,941 พวกเขาพูดถึงเขาอย่างกับเขาเป็นธานอส 393 00:21:15,025 --> 00:21:18,445 อย่างกับว่าเขาต้องการให้ ประชากรหนึ่งในหกหายวับไป 394 00:21:23,867 --> 00:21:26,494 ผมว่ามันจำเป็นต้องพูดว่า แม้แต่ก่อนเกิดโรคระบาด 395 00:21:26,578 --> 00:21:29,622 ก็มีกลุ่มคนที่ต่อต้านวัคซีนอยู่แล้ว 396 00:21:29,706 --> 00:21:30,999 (วัคซีนฆ่าคน) 397 00:21:31,082 --> 00:21:33,585 มีบางส่วนที่คุณจะคิดว่าน่าจะเป็นฝ่ายซ้าย 398 00:21:33,668 --> 00:21:38,381 บางพวกก็เป็นฝ่ายขวา นอกจากทั้งสองฝ่ายก็ยังมีคำว่าอิสรภาพ 399 00:21:38,465 --> 00:21:40,675 แล้วรัฐบาลรู้ไหมว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ 400 00:21:40,759 --> 00:21:45,472 มันกลายเป็น "มีชิปอยู่ในวัคซีน" ได้ยังไง 401 00:21:45,555 --> 00:21:51,102 แบบว่าชิปจะผ่านเข็มได้ยังไง ผมไม่รู้ แล้วไหนจะแหล่งพลังงานอีกล่ะ 402 00:21:51,186 --> 00:21:56,649 นั่นเป็นครั้งแรก ที่ผมได้สัมผัสทฤษฎีสมคบคิดเต็มๆ 403 00:21:56,733 --> 00:22:00,153 ที่บอกว่าผมมีเอี่ยวในการสร้างโรคระบาดนี่ขึ้นมา 404 00:22:00,236 --> 00:22:02,864 นั่นเป็นหนึ่งในทฤษฎีที่สุดโต่งที่สุด 405 00:22:03,490 --> 00:22:08,119 มันจึงเป็นเรื่องใหม่และน่าประหลาดใจมาก 406 00:22:08,703 --> 00:22:11,206 (วอชิงตัน ดี.ซี.) 407 00:22:11,289 --> 00:22:15,543 ช่วงที่เกิดโรคระบาด เราจะคุยกันเป็นประจำ 408 00:22:15,627 --> 00:22:19,255 บ่อยครั้งที่จะเป็น "โอเค ว้าว โลกนี้บ้าไปแล้ว" 409 00:22:19,339 --> 00:22:20,298 "คุณโอเคอยู่ไหม" 410 00:22:20,382 --> 00:22:23,676 "คุณมองเรื่องนี้เหมือนที่ผมมองไหม" และ "คุณได้ข่าวล่าสุดหรือยัง" 411 00:22:23,760 --> 00:22:30,016 การที่เราสื่อสารกันตลอดช่วงนั้น เป็นการบำบัดทางจิตที่ดีมาก 412 00:22:31,351 --> 00:22:32,268 เพราะผมจะบอกว่า 413 00:22:32,352 --> 00:22:35,814 อย่างน้อยผมก็ได้รู้ว่า มีคนที่เข้าใจสิ่งที่ผมกำลังเผชิญอยู่ 414 00:22:35,897 --> 00:22:39,359 ฆ่าบิล เกตส์ 415 00:22:39,442 --> 00:22:43,363 ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดใหม่ๆ คนกล่าวหาว่าผมกำลังหากินกับโรคนี้ 416 00:22:43,446 --> 00:22:47,951 และพูดถึงขนาดว่าผมจงใจปล่อยวัคซีนออกมา 417 00:22:48,034 --> 00:22:50,412 ที่ทำให้คนตายไปเป็นล้าน 418 00:22:50,495 --> 00:22:52,789 - ใช่ - มันเหมือนเอาความจริงมาพูดกลับด้าน 419 00:22:52,872 --> 00:22:55,834 แทนที่จะใช้เงินเป็นพันล้านเพื่อช่วยคนเป็นล้าน 420 00:22:55,917 --> 00:22:58,878 กลายเป็นผมฆ่าคนเป็นล้านๆ เพื่อให้ได้เงินพันล้าน 421 00:22:58,962 --> 00:23:00,547 ใช่ และเมื่อคุณคุยกับผู้คน 422 00:23:00,630 --> 00:23:05,093 ที่คิดอะไรที่มันไม่จริงจนหลุดโลก และคุณพูดว่า 423 00:23:05,176 --> 00:23:08,763 "นั่นมันไม่จริงเลย คุณสรุปมาแบบนี้ได้ยังไง" 424 00:23:08,847 --> 00:23:12,600 ผมต้องบอกเลยว่าบ่อยครั้งมาก ที่จะกลายเป็นว่า "ก็มีคนเอาทวีตให้ฉันดู" 425 00:23:12,684 --> 00:23:14,936 ดังนั้นคุณสามารถเอาเรื่องไม่จริง 426 00:23:15,019 --> 00:23:19,065 ทวีตมันและรีทวีตมันอีกแสนครั้ง จากนั้นมันจะกลายเป็นข้อเท็จจริง 427 00:23:21,109 --> 00:23:22,777 (นิวยอร์กซิตี้) 428 00:23:22,861 --> 00:23:25,071 พ่อจำได้ว่าเรามีกฎ 429 00:23:25,155 --> 00:23:28,658 ว่าตอนกลางคืนจะมีช่วงเวลาที่ห้ามลูกใช้มือถือ 430 00:23:28,741 --> 00:23:33,538 บางครั้งแม่ไปเข้านอน และพ่อต้องเป็นผู้คุมกฎ 431 00:23:33,621 --> 00:23:36,791 แต่สุดท้ายก็กลายเป็นว่า ลูกมีมือถืออีกเครื่องรึอะไรสักอย่าง 432 00:23:36,875 --> 00:23:40,670 แต่ลูกเคยรู้สึกไหม แม้แต่ในวัยนี้แล้ว ว่าตัวเองใช้มือถือ 433 00:23:40,753 --> 00:23:43,006 และอยู่กับโซเชียลมีเดียมากเกินความจำเป็น 434 00:23:43,089 --> 00:23:47,218 พระเจ้า ใช่เลยค่ะ ติ๊กต็อกนี่เล่นแล้วติดมาก หนูเข้าดูตลอด 435 00:23:47,302 --> 00:23:50,513 แล้วลูกบังเอิญเคยเจอ ข้อมูลผิดๆ บ้าบอเกี่ยวกับพ่อบ้างไหม 436 00:23:51,222 --> 00:23:53,892 ข้อมูลผิดๆ บ้าบอเกี่ยวกับพ่อเหรอ เจอประจำ 437 00:23:53,975 --> 00:23:56,811 หนูเคยโดนเพื่อนตัดสัมพันธ์ เพราะข่าวลือเรื่องวัคซีนด้วยซ้ำไป 438 00:23:56,895 --> 00:24:00,690 แต่หนูเป็นนักศึกษาด้านสาธารณสุขที่สแตนฟอร์ด และหนูว่ามันมีความแตกต่างเล็กน้อย 439 00:24:00,773 --> 00:24:05,445 ในการสื่อสารข้อมูลด้านสาธารณสุข หรือข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องอยู่มากมาย 440 00:24:05,528 --> 00:24:06,488 ไม่รู้สิ 441 00:24:06,571 --> 00:24:12,243 พ่อต้องเรียนรู้มากกว่านี้ เพราะพ่อยังเชื่ออย่างไร้เดียงสาว่า 442 00:24:13,203 --> 00:24:16,664 การสื่อสารดิจิทัล สามารถเป็นพลังที่จะพาเรามารวมกัน 443 00:24:16,748 --> 00:24:17,999 เพื่อมาถกกันอย่างมีเหตุมีผล 444 00:24:18,082 --> 00:24:21,377 หนูว่าอย่างหนึ่ง ที่พ่อยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องอินเทอร์เน็ต 445 00:24:21,461 --> 00:24:24,130 คือไม่ใช่ตรรกะและข้อเท็จจริงที่จะชนะ 446 00:24:24,214 --> 00:24:25,298 ผู้คนต้องการหลบหนี 447 00:24:25,381 --> 00:24:27,717 พวกเขาอยากหัวเราะ พวกเขาต้องการวิดีโอที่น่าสนใจ 448 00:24:27,800 --> 00:24:30,803 พวกเขาอยากถูกดึงออกจาก ความเป็นจริงที่น่าเบื่อ 449 00:24:30,887 --> 00:24:33,389 คลิปวิดีโอของพ่อในอินเทอร์เน็ตที่ดังที่สุด 450 00:24:33,473 --> 00:24:34,933 คือคลิปที่พ่อพยายามเต้นแดบ 451 00:24:35,016 --> 00:24:38,978 บิล คุณเต้นแดบให้ดูหน่อยได้ไหม ให้ตายสิ บิล 452 00:24:39,062 --> 00:24:40,188 หรือพ่อกระโดดข้ามเก้าอี้ 453 00:24:40,271 --> 00:24:43,441 จริงไหมที่คุณกระโดดข้ามเก้าอี้ได้จากท่ายืน 454 00:24:44,025 --> 00:24:47,320 ขึ้นอยู่กับขนาดของเก้าอี้ ผมจะโกงนิดนึงนะ 455 00:24:48,154 --> 00:24:48,988 เยี่ยม! 456 00:24:49,572 --> 00:24:52,242 คลิปพวกนั้นมีคนชอบดูมากที่สุด เพราะคนอยากหนีจากสิ่งต่างๆ 457 00:24:52,325 --> 00:24:54,911 หนูเลยว่าโลกออนไลน์ ข้อเท็จจริงและเหตุผลไม่ชนะเสมอไป 458 00:24:54,994 --> 00:24:58,498 แต่เรื่องแบบที่ว่าพ่อทำเงินได้มากมายจากวัคซีน 459 00:24:58,581 --> 00:25:00,625 พ่อไม่รู้จะไปหายังไงเลยว่ามันมาจากไหน 460 00:25:00,708 --> 00:25:03,461 มันไม่เหมือนองค์กรทางการเมือง 461 00:25:03,545 --> 00:25:06,464 มันก็แค่ความบ้าคลั่ง แล้วใครที่ส่งเสริมเรื่องนั้น 462 00:25:06,548 --> 00:25:09,759 หนูว่ามันคือความกลัว ทุกคนติดอยู่ในบ้านช่วงเกิดโรคระบาด 463 00:25:09,842 --> 00:25:11,344 เราทุกคนกลัวตัวเองจะตาย 464 00:25:11,427 --> 00:25:13,805 ไม่มีใครรู้จริงๆ ว่าจะไว้ใจอะไรหรือเชื่ออะไรได้ 465 00:25:13,888 --> 00:25:15,807 สังคมเราก็เลยทำแบบนั้น 466 00:25:15,890 --> 00:25:20,311 ใช่ โซเชียลมีเดียในช่วงโรคระบาดนี่คือแย่ที่สุด 467 00:25:21,229 --> 00:25:23,189 มองอะไรง่ายดายเกินไป 468 00:25:23,273 --> 00:25:24,774 พ่อรู้สึกว่ามันน่ากลัว 469 00:25:24,857 --> 00:25:28,236 เพราะพ่อคิดถึงประชาธิปไตย ในแง่การเอามาใช้ถกกันในประเด็นต่างๆ 470 00:25:28,319 --> 00:25:32,574 ซึ่งตรงข้ามกับการแยกเขาแยกเราโดยสิ้นเชิง 471 00:25:32,657 --> 00:25:35,535 แล้วถ้าเกิดมีโรคระบาด ที่หนักกว่าเป็นสิบเท่าขึ้นมาล่ะ… 472 00:25:35,618 --> 00:25:38,079 อย่าพูดแบบนั้นค่ะ พวกเขาจะคิดว่าพ่อเป็นคนทำ 473 00:25:38,162 --> 00:25:41,165 - ใช่ พ่อกำลังทำอยู่ - อย่าพูดแบบนั้น หยุดเลย 474 00:25:42,375 --> 00:25:45,503 พ่อจะเที่ยวไปบอกใคร ว่าจะเกิดอะไรขึ้นไม่ได้นะคะ 475 00:25:45,587 --> 00:25:47,714 แล้วถ้ามันเกิดขึ้นพวกเขาก็จะแบบ "นั่นไง!" 476 00:25:47,797 --> 00:25:48,881 ไม่ตลกเหรอ 477 00:25:49,674 --> 00:25:51,551 นี่จะเป็นคอนเทนต์สั้นที่ไม่ดี 478 00:25:51,634 --> 00:25:54,137 ที่จะไปทั่วทุกที่ มีคนดูเป็นล้านๆ ถ้าพ่อพูดออกมา 479 00:25:54,220 --> 00:25:55,054 โอเค 480 00:25:58,308 --> 00:26:03,187 ฉันทำงานด้านประวัติศาสตร์กฎหมายยุคกลาง และฉันดูวิธีที่ประวัติศาสตร์ถูกสร้างขึ้น 481 00:26:03,271 --> 00:26:06,482 ประวัติศาสตร์ที่เป็นทางการ พวกมันถูกสร้างขึ้นมายังไง 482 00:26:06,566 --> 00:26:08,109 มีส่วนไหนบ้างที่เข้าไปอยู่ในนั้น 483 00:26:08,860 --> 00:26:11,613 มันมักจะเป็น การผสมผสานปัจจัยหลายอย่างรวมกันเสมอ 484 00:26:11,696 --> 00:26:15,700 แต่ทฤษฎีสมคบคิดมักจะมีเรื่องเดิมๆ เหมือนกัน 485 00:26:17,410 --> 00:26:21,289 กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เรามีความสุข และทุกอย่างดีหมด 486 00:26:22,915 --> 00:26:25,668 เราควบคุมได้ และเราก็ปลอดภัย 487 00:26:27,211 --> 00:26:31,966 และแล้วสัตว์ประหลาดก็เข้ายึดครอง แต่ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันทำแล้ว 488 00:26:32,467 --> 00:26:33,968 ทุกอย่างดูปกติดี 489 00:26:34,052 --> 00:26:37,347 เพราะสัตว์ประหลาดคอยดู ว่าทั้งหมดนี้ต้องเป็นความลับ 490 00:26:37,430 --> 00:26:41,517 พวกมันเปลี่ยนรูปร่างและขนาดได้ พวกมันอาจดูเหมือนอะไรได้ทั้งนั้น 491 00:26:42,310 --> 00:26:46,397 แต่เรื่องของเรื่องคือ สัตว์ประหลาดพวกนี้ควบคุมสื่อ 492 00:26:46,481 --> 00:26:48,524 พวกมันควบคุมภาพลักษณ์ของตัวเอง 493 00:26:48,608 --> 00:26:52,403 จึงมีเพียงไม่กี่คนที่มองเห็นสัตว์ประหลาดพวกนี้ได้ 494 00:26:52,987 --> 00:26:54,989 และถ้าทุกคนพิเศษพอ 495 00:26:55,073 --> 00:26:58,618 ก็จะสามารถดูสัตว์ประหลาดออก ไม่ว่าพวกมันจะหน้าตาเป็นยังไง 496 00:27:00,578 --> 00:27:03,373 มีแต่ฮีโร่ของเรื่องนี้ที่รู้ความจริง 497 00:27:03,456 --> 00:27:05,500 แล้วพวกเขาก็มาเพื่อช่วยโลก 498 00:27:05,583 --> 00:27:07,794 แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ 499 00:27:07,877 --> 00:27:10,296 แบบฉันจะได้เป็นนักล่ามังกรเหรอ เอาสิ ฉันลงชื่อด้วย 500 00:27:10,380 --> 00:27:15,134 และแล้วก็มีเครื่องมือวิเศษ ที่เรียกว่าอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นมา 501 00:27:16,761 --> 00:27:18,638 มันเป็นเทพนิยายเกี่ยวกับตัวตนของคุณ 502 00:27:18,721 --> 00:27:21,599 และมันคือเส้นทางสู่การเป็นฮีโร่ของคุณ 503 00:27:21,683 --> 00:27:27,772 และแก่นของทฤษฎีสมคบคิดคือ การที่มันช่วยให้คุณได้มองเห็นตัวเอง 504 00:27:28,356 --> 00:27:33,528 นี่คือการต่อสู้ระหว่างความดีกับความชั่ว และนั่นคือวิธีที่พวกเขามองโลก 505 00:27:34,654 --> 00:27:35,780 - อวสาน - อวสาน 506 00:27:36,656 --> 00:27:38,116 หนังสือนี่แปลกจัง 507 00:27:38,199 --> 00:27:41,494 - จะให้อ่านอีกรอบไหม - ไม่ 508 00:27:41,577 --> 00:27:43,079 โอเค 509 00:27:45,915 --> 00:27:47,750 (สำนักงานเกตส์เวนเจอร์ส) 510 00:27:47,834 --> 00:27:50,294 เราไม่ได้เริ่มแกะรอยการให้ข้อมูลผิด อย่างจริงๆ จังๆ 511 00:27:50,378 --> 00:27:52,046 จนกระทั่งช่วงต้นของการแพร่ระบาด 512 00:27:52,130 --> 00:27:53,631 - สวัสดี - สวัสดี บิล 513 00:27:53,715 --> 00:27:54,549 - ไง - สวัสดี บิล 514 00:27:54,632 --> 00:27:57,009 ผมคิดว่าสิ่งที่บิลกังวลที่สุดคือข้อมูลผิดๆ 515 00:27:57,093 --> 00:27:59,345 ที่เกี่ยวกับหัวข้อและปัญหาที่เขาทำอยู่ 516 00:27:59,429 --> 00:28:01,931 ไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อน เตรียมพร้อมรับมือโรคระบาด 517 00:28:02,014 --> 00:28:03,307 การขยายการอนามัยโลก 518 00:28:03,391 --> 00:28:06,394 เราแค่ต้องมีการเตรียมรับมือ ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในส่วนนั้น 519 00:28:06,477 --> 00:28:10,106 เราจะให้คุณได้ดูในสิ่งที่คุณยังไม่เคยเห็น 520 00:28:10,189 --> 00:28:12,775 เราจะให้คุณดูบางอย่าง ที่กำลังร้อนแรงอยู่ในตอนนี้ 521 00:28:12,859 --> 00:28:15,903 และผมต้องขอโทษด้วย เพราะบางอันมันไม่น่าดูเลย 522 00:28:15,987 --> 00:28:18,948 ถ้ามันมีการแบ่งว่าข้อมูลผิด เป็นยังไงบ้างในช่วงเวลาต่างๆ 523 00:28:19,031 --> 00:28:20,950 มันเคยเป็นแบบแยกเป็นเรื่องๆ 524 00:28:21,033 --> 00:28:24,120 สิ่งที่เกิดขึ้นคือผู้คนเก่งมาก 525 00:28:24,203 --> 00:28:27,081 ในการเอาสิ่งต่างๆ มามัดรวม จนเป็นทฤษฎีสมคบคิดสเกลใหญ่ 526 00:28:27,165 --> 00:28:29,834 ที่มีทั้งเรื่องไมโครชิป พื้นที่เพาะปลูก 527 00:28:29,917 --> 00:28:33,045 เทคโนโลยีวัคซีน เรื่องการชักใยการเมืองโลก 528 00:28:33,129 --> 00:28:37,258 นี่คือบอร์ดแสดงข้อมูลผิด เกี่ยวกับตัวคุณแบบเรียลไทม์ 529 00:28:37,759 --> 00:28:39,844 สิ่งที่คุณเห็นอยู่ตอนนี้ 530 00:28:39,927 --> 00:28:44,974 พวกนี้คือโพสต์และประเด็นทั้งหมด ที่มีส่วนทำให้ปริมาณออกมาอย่างที่เห็น 531 00:28:45,057 --> 00:28:47,602 แต่ผมสงสัยว่าอย่างเรื่องไมโครชิป 532 00:28:47,685 --> 00:28:49,979 ลดลงเหลือศูนย์แล้วหรือว่ายังอยู่ 533 00:28:50,062 --> 00:28:54,192 ไม่ นั่นเท่ากับหนึ่งในสี่ ของส่วนต่างๆ ที่เยอะแยะพวกนั้น 534 00:28:54,692 --> 00:28:56,652 อันนี้น่าสนใจทีเดียว 535 00:28:56,736 --> 00:28:59,781 เส้นสีฟ้านี้คือที่เกี่ยวกับสภาพอากาศ 536 00:29:00,281 --> 00:29:03,701 เยอะเลยที่เป็นเรื่อง การชักใยด้านการผลิตอาหาร 537 00:29:03,785 --> 00:29:06,329 ผมขอเลื่อนลงมาข้างล่างหน่อยนะครับ 538 00:29:06,412 --> 00:29:09,749 หนึ่งในข่าวลือและทฤษฎีสมคบคิดที่เพิ่งเกิดขึ้นมา 539 00:29:09,832 --> 00:29:13,836 คือคุณได้ออกแบบสร้างเห็บขึ้นมา ที่เวลาพวกมันกัดคน 540 00:29:13,920 --> 00:29:17,215 จะทำให้คนแพ้เนื้อที่เรากินๆ กันอยู่ 541 00:29:17,298 --> 00:29:22,136 และว่านี่คือทฤษฎีเพื่อที่จะ กระตุ้นความต้องการเนื้อสัตว์สังเคราะห์ 542 00:29:22,220 --> 00:29:26,933 และปรากฏว่ามีคนอเมริกัน 450,000 คน ถูกเห็บพวกนี้กัดแล้ว 543 00:29:27,016 --> 00:29:30,228 และตอนนี้พวกเขาจะเปลี่ยน ไปบริโภคเนื้อสัตว์ทดแทน 544 00:29:30,311 --> 00:29:33,940 และนั่นเป็นส่วนหนึ่ง ของแผนการเก็งกำไรเนื้อสังเคราะห์ 545 00:29:34,023 --> 00:29:35,775 เห็นได้ชัดว่าด้วยความพิลึกพิลั่นของอันนี้ 546 00:29:35,858 --> 00:29:37,944 ผมคิดว่าอันนี้ถูกแชร์ไปในวงกว้างกว่าเล็กน้อย 547 00:29:38,027 --> 00:29:39,612 เพราะมันสุดยอดมาก 548 00:29:39,695 --> 00:29:42,490 ที่คนปกติจริงๆ จะรู้สึกแบบว่า "นี่มันบ้าดี" 549 00:29:42,573 --> 00:29:45,076 และมันถูกนับเข้ากลุ่มเป็นกลางหรือทางบวก 550 00:29:45,159 --> 00:29:48,120 ดีใจที่คุณหัวเราะนะ ผมรู้สึกว่าไอ้นี่น่าหดหู่เป็นพิเศษ 551 00:29:48,204 --> 00:29:51,666 มันน่าสนใจที่ได้รู้ว่าจะสู้กลับยังไง 552 00:29:51,749 --> 00:29:54,502 เพราะมีวิธีตอบโต้มากมายที่อาจทำให้แย่ลง 553 00:29:54,585 --> 00:29:57,088 ใช่ค่ะ เราสังเกตเห็นว่า ถ้าคุณตรวจสอบข้อเท็จจริง 554 00:29:57,171 --> 00:30:00,132 บ่อยครั้งมันกลายเป็นการเน้นเรื่องนั้น ให้คนเห็นมากขึ้น 555 00:30:00,216 --> 00:30:01,217 ใช่ 556 00:30:01,300 --> 00:30:03,719 ผมชอบกลุ่มคำนั้นนะ ดูดีมากเลย 557 00:30:03,803 --> 00:30:06,389 - ครับ - เป็นรายการสิ่งที่ต้องทำของผม 558 00:30:08,391 --> 00:30:11,561 เมื่อพูดถึงข้อมูลผิดๆ บิลเป็นคนที่อดทนเก่งมาก 559 00:30:11,644 --> 00:30:15,773 บางเรื่องมันบ้า บ้ามากจนแทบจะทำให้เขาหัวเราะ 560 00:30:16,983 --> 00:30:18,860 แต่เวลาคุณคุยกับบิล 561 00:30:18,943 --> 00:30:22,613 ผมคิดว่าข้อมูลผิดๆ นี่ เป็นอะไรที่งงมากสำหรับเขา 562 00:30:22,697 --> 00:30:27,368 เพราะมันยังไม่ชัดเจนว่าเราจะแก้ปัญหายังไงดี 563 00:30:27,451 --> 00:30:30,705 ให้มันเป็นหลักเป็นฐานและเป็นระบบ 564 00:30:30,788 --> 00:30:31,831 ในช่วงที่เกิดโรคระบาด 565 00:30:31,914 --> 00:30:35,835 ตอนที่เราดูวิดีโอที่คนที่นอนโรงพยาบาลบอกว่า 566 00:30:35,918 --> 00:30:37,753 "ตอนนี้ฉันอยากได้วัคซีน" 567 00:30:37,837 --> 00:30:41,132 และคุณเห็นมีคนอธิบายให้พวกเขาฟัง ว่ามันสายเกินไปแล้ว 568 00:30:42,592 --> 00:30:45,094 คุณอาจนับการที่มีคนตายเป็นล้านๆ คน 569 00:30:45,177 --> 00:30:49,140 ว่าเป็นผลของการให้ข้อมูลผิดๆ ได้ 570 00:30:49,223 --> 00:30:55,271 มันยากที่จะทำความเข้าใจ และยอมรับเรื่องอะไรแบบนี้ 571 00:30:58,649 --> 00:31:02,945 ตอนฉันอายุ 20 ต้นๆ มีข่าวลือว่าฉันเป็นผู้ชาย 572 00:31:03,613 --> 00:31:05,990 และฉันเดินทางไปทั่วโลก 573 00:31:06,073 --> 00:31:10,161 ฉันเดินทางไปออกคอนเสิร์ต ไปโปรโมตเพลงของฉัน 574 00:31:10,244 --> 00:31:13,956 และเกือบทุกการสัมภาษณ์ที่ฉันเข้าร่วม พวกเขาพูดว่า "คือว่าเรา…" 575 00:31:14,040 --> 00:31:17,001 มันมีภาพในอินเทอร์เน็ตที่ถูกตกแต่งมา 576 00:31:17,084 --> 00:31:17,919 โอ้โฮ 577 00:31:18,002 --> 00:31:21,088 แล้วพวกเขาก็แบบ "มีข่าวลือว่าคุณเป็นผู้ชาย" 578 00:31:21,172 --> 00:31:22,715 "คุณมีอะไรจะพูดไหม" 579 00:31:22,798 --> 00:31:24,800 คุณเคยเข้าอินเทอร์เน็ตไหม เลดี้กาก้า 580 00:31:24,884 --> 00:31:27,720 - ฉันพยายามอยู่ให้ห่าง - ใช่ เพราะมันมีข่าวลือบ้าๆ เต็มไปหมด 581 00:31:27,803 --> 00:31:28,721 - เหรอคะ - ครับ 582 00:31:30,181 --> 00:31:33,059 - อยากฟังสักสองสามอันไหม - ฉันมั่นใจว่าฉันไม่มีทางเลือก 583 00:31:33,142 --> 00:31:37,605 มีคนบอกว่าเลดี้กาก้า เป็นชายหนุ่มที่มีเครื่องเคราใหญ่มาก 584 00:31:37,688 --> 00:31:40,566 แล้วข่าวลือบ้าๆ ที่ว่าคุณเป็นกะเทยแท้ละคะ 585 00:31:40,650 --> 00:31:42,818 ตอนคุณอ่านเจอ คุณรู้สึกยังไงบ้าง 586 00:31:43,319 --> 00:31:46,113 น่าสนใจดี ปกติศิลปินจะออกแถลงการณ์ว่า 587 00:31:46,197 --> 00:31:48,532 "เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง" แต่คุณกลับรู้สึกสนุก 588 00:31:48,616 --> 00:31:53,579 ฉันจะมัวเสียเวลาไปแถลงข่าว ว่าฉันมีไอ้จ้อนหรือเปล่าไปทำไม 589 00:31:53,663 --> 00:31:56,123 แฟนคลับฉันไม่สน ฉันก็เหมือนกัน 590 00:31:56,207 --> 00:31:58,876 เหตุผลที่ฉันไม่ตอบคำถามนั้นเป็นเพราะ 591 00:31:59,377 --> 00:32:02,797 ฉันไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นเหยื่อคำโกหกนั้น 592 00:32:02,880 --> 00:32:06,926 แต่ฉันคิดว่าถ้าเกิดมีเด็กสักคนที่ถูกกล่าวหาแบบนั้น 593 00:32:07,009 --> 00:32:10,179 จะคิดว่าบุคคลสาธารณะอย่างฉัน จะรู้สึกละอายใจไหม 594 00:32:10,262 --> 00:32:13,933 ฉันว่าที่ฉันจะพูดคือฉันเคยอยู่ในสถานการณ์ต่างๆ 595 00:32:14,016 --> 00:32:17,687 ที่การแก้ไขข่าวลือไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อ… 596 00:32:17,770 --> 00:32:20,398 ฉันนึกถึงความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน 597 00:32:21,107 --> 00:32:22,149 เพราะฉะนั้น 598 00:32:22,233 --> 00:32:25,152 ฉันพยายามหาทางกระตุ้นความคิด และเข้าไปหยุดด้วยวิธีอื่น 599 00:32:25,236 --> 00:32:29,365 ฉันพยายามใช้ข้อมูลที่ผิดนั้น ไปสร้างจุดเปลี่ยนอีกจุดหนึ่ง 600 00:32:29,949 --> 00:32:34,203 ฉันคิดว่าผู้คนมักจะคิดว่า คนที่ร้องเล่นเต้นแสดงอย่างฉัน 601 00:32:34,286 --> 00:32:37,081 ว่าการแสดงของฉันคือสิ่งที่ไม่จริง 602 00:32:37,164 --> 00:32:41,002 แต่สำหรับฉัน มันคือความจริงที่สุด ที่คุณจะเห็นเกี่ยวกับฉัน 603 00:32:41,085 --> 00:32:42,586 มันจริงยิ่งกว่า 604 00:32:42,670 --> 00:32:49,427 ข่าวลือทั้งหมดที่ถูกออกแบบมา เพื่อใช้ฉันไปล่อให้คนเข้ามาคลิกดูมากขึ้น 605 00:32:49,510 --> 00:32:50,344 ใช่ 606 00:32:52,972 --> 00:32:55,725 คุณคิดว่าเรามีกลยุทธ์ที่จะลดสิ่งนี้ไหม 607 00:32:55,808 --> 00:33:00,980 นี่เป็นประเด็นที่อ่อนไหวมาก เพราะเราอยากจะแน่ใจว่า 608 00:33:01,063 --> 00:33:03,983 มันยังมีองค์ประกอบ ของเสรีภาพในการพูดที่แข็งแกร่งอยู่ 609 00:33:04,734 --> 00:33:09,613 ยกเว้นเสรีภาพในการพูดนั้น ไม่อนุญาตให้คุณตะโกนว่า "ไฟไหม้" ในโรงหนัง 610 00:33:09,697 --> 00:33:12,658 คุณจึงต้องมาคิดใหม่ว่า ถ้าอย่างนั้นคุณทำอะไรได้บ้าง 611 00:33:12,742 --> 00:33:13,743 งานวิจัยชิ้นใหม่เสนอว่า 612 00:33:13,826 --> 00:33:17,747 ติ๊กต็อกอาจยัดเยียด เนื้อหาอันตรายให้กับผู้ใช้อายุน้อย 613 00:33:17,830 --> 00:33:19,832 หลักๆ คือคุณต้องตัดสินใจเลือก 614 00:33:19,915 --> 00:33:24,795 ว่าคุณจะยอมเสี่ยงเลือกข้าง เสรีภาพในการพูดและการออกเสียง 615 00:33:24,879 --> 00:33:30,384 หรือคุณจะยอมเสี่ยงเลือกข้าง ที่อยากลบเนื้อหาที่ส่ออันตรายออก 616 00:33:31,552 --> 00:33:34,472 สำหรับผมมันดูเหมือนมีการละเมิด รัฐธรรมนูญอย่างร้ายแรง 617 00:33:34,555 --> 00:33:37,475 ในแง่ของการควบคุม ที่รัฐบาลกระทำต่อทวิตเตอร์เก่า 618 00:33:37,558 --> 00:33:39,393 และตอนนี้ไม่ได้ทำแล้ว 619 00:33:39,477 --> 00:33:42,021 มันมีเหตุผลที่ต้องมีรัฐธรรมนูญ 620 00:33:42,104 --> 00:33:45,816 ฉันไม่ต้องให้อีลอน มัสก์มาสอนฉัน เรื่องเสรีภาพในการพูด 621 00:33:45,900 --> 00:33:48,402 เขาตัดสินใจว่า เขาจะใช้เสรีภาพในการพูดเมื่อไหร่ 622 00:33:48,486 --> 00:33:49,945 ได้แค่บนเอ็กซ์ที่เขาเป็นเจ้าของ 623 00:33:50,029 --> 00:33:52,239 เสรีภาพในการพูด ไม่อาจนำมาใช้กับสเกลขนาดนี้ได้ 624 00:33:52,323 --> 00:33:55,493 มันจึงให้อำนาจมหาศาลให้แก่ผู้ใช้ที่ประสงค์ร้าย 625 00:33:56,077 --> 00:33:58,287 (ปี 1932) 626 00:33:58,370 --> 00:34:02,792 ฉันมักจะกลับมาพูดถึงคดีนี้บ่อยๆ คดีแพ็กเกอร์ฟ้องยูทาห์ 627 00:34:02,875 --> 00:34:06,629 รัฐยูทาห์ห้ามไม่ให้มีการโฆษณายาสูบในรัฐ 628 00:34:06,712 --> 00:34:08,839 ส่วนแพ็กเกอร์ซึ่งเป็นบริษัทยาสูบบอกว่า 629 00:34:08,923 --> 00:34:12,134 "เรามีเสรีภาพในการพูด เราโฆษณาได้" 630 00:34:12,218 --> 00:34:14,220 คดีนี้ยาวไปจนถึงศาลฎีกา 631 00:34:14,303 --> 00:34:16,889 และผู้พิพากษาแบรนไดซ์เป็นผู้เขียนคำตัดสิน 632 00:34:17,556 --> 00:34:19,767 โดยที่เขาได้โต้แย้งว่า 633 00:34:19,850 --> 00:34:23,145 การที่บริษัทเอามันขึ้นป้ายโฆษณาในพื้นที่ชุมชน 634 00:34:23,229 --> 00:34:25,773 สร้างเงื่อนไขที่ทำให้คนต้องหันหน้าหนี 635 00:34:25,856 --> 00:34:27,316 พวกเขาต้องเบนสายตาไปทางอื่น 636 00:34:27,399 --> 00:34:30,569 เราให้สิทธิพิเศษกับการพูดมากไป 637 00:34:30,653 --> 00:34:32,571 แต่ให้กับผู้ฟังน้อยไป 638 00:34:32,655 --> 00:34:36,575 โซเชียลมีเดียไม่ใช่เรื่องของคำพูดหรือการพูด 639 00:34:36,659 --> 00:34:38,202 มันเป็นเรื่องของการขยายความ 640 00:34:38,285 --> 00:34:42,581 ถ้าฉันเลือกสมัครรับข้อมูลจากคุณ นั่นก็แล้วไป 641 00:34:42,665 --> 00:34:45,167 แต่ถ้าถูกบังคับให้ต้องเห็นมันล่ะ 642 00:34:45,251 --> 00:34:46,752 นั่นมันคนละเรื่องแล้ว 643 00:34:48,504 --> 00:34:51,132 คุณมีสิทธิ์ที่จะเป็นคนงี่เง่า คุณมีสิทธิ์ที่จะชอบให้คนเกลียด 644 00:34:51,215 --> 00:34:54,426 คุณทำได้ และคอนเทนต์ ก็ยังสามารถคงอยู่ต่อไปได้ 645 00:34:54,510 --> 00:34:55,803 มันอยู่บนแพลตฟอร์มได้ 646 00:34:55,886 --> 00:34:58,222 คนที่ต้องการหามันสามารถหาได้ 647 00:34:58,305 --> 00:35:00,516 แต่แพลตฟอร์มไม่ได้อยู่ภายใต้ข้อผูกมัดใดๆ 648 00:35:00,599 --> 00:35:02,768 ที่ต้องส่งมันออกเป็นฟีดให้คนเห็น 649 00:35:03,561 --> 00:35:06,730 ดังนั้นคำถามที่ว่าแล้วใครเป็นคนขีดเส้น 650 00:35:06,814 --> 00:35:10,359 ระหว่างสิทธิในการแสดงออก และอันตรายในโลกแห่งความจริง 651 00:35:10,442 --> 00:35:13,320 ฉันคิดว่านี่คือคำถามสำคัญของยุคนี้เลย 652 00:35:13,404 --> 00:35:15,573 (การประชุมเรื่องข้อมูลผิด ศูนย์สังเกตการณ์อินเทอร์เน็ตสแตนฟอร์ด) 653 00:35:15,656 --> 00:35:20,035 ทุกอย่างที่สร้างขึ้นทุกวันนี้ สร้างขึ้นในยุคของการแบ่งขั้ว 654 00:35:20,119 --> 00:35:22,413 ซึ่งก็คืออย่างที่นักสังคมสงเคราะห์ชี้ให้เห็น 655 00:35:22,496 --> 00:35:23,956 มันเกิดขึ้นก่อนอินเทอร์เน็ต 656 00:35:24,039 --> 00:35:27,835 เราคุยกันเรื่องการบิดเบือนข้อมูล ข่าวลือ การให้ข้อมูลที่ผิด 657 00:35:27,918 --> 00:35:30,296 และมันกลายเป็นเรื่องส่วนตัวสำหรับแต่ละคน 658 00:35:30,796 --> 00:35:33,048 คุณเกตส์ คุณเคยคิดไหมว่าจะเป็นแบบนี้ 659 00:35:33,132 --> 00:35:34,508 คุณเคยตระหนักถึงเรื่องนี้ไหม 660 00:35:34,592 --> 00:35:37,303 หรือว่านี่เป็นปรากฏการณ์ที่น่าแปลกใจสุดๆ 661 00:35:37,887 --> 00:35:44,768 ผมไม่คิดเลยว่าโลกดิจิทัล จะทำให้คนมาแบบจับกลุ่มกัน 662 00:35:44,852 --> 00:35:48,898 และสนุกสนานกับสิ่งที่มักจะไม่ใช่ของจริง 663 00:35:48,981 --> 00:35:51,525 ผมจึงค่อนข้างกังวลต่อเรื่องนี้ครับ 664 00:35:51,609 --> 00:35:53,861 นี่เป็นอะไรที่มีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆ 665 00:35:53,944 --> 00:35:57,281 หรือมีจุดเปลี่ยนที่อะไรๆ อาจดีขึ้นบ้าง 666 00:35:57,364 --> 00:36:00,451 ฉันว่ามันมีปัญหาทางเทคโนโลยี และปัญหาทางสังคม 667 00:36:00,534 --> 00:36:02,077 และก็มีส่วนที่มันทับซ้อนกัน 668 00:36:02,161 --> 00:36:04,622 และเพราะโซเชียลมีเดีย พาทุกคนมารวมอยู่ในที่เดียวกัน 669 00:36:04,705 --> 00:36:07,249 วางพวกเขาบนโครงสร้างพื้นฐานเดียวกัน เราจึงมีพลวัต 670 00:36:07,333 --> 00:36:09,585 ที่การให้คำแนะนำ การคัดเลือกสิ่งที่จะนำเสนอ 671 00:36:09,668 --> 00:36:12,796 การตัดสินใจออกแบบที่แย่ๆ ถูกทำออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ 672 00:36:14,840 --> 00:36:18,677 วิธีที่แพลตฟอร์มส่วนใหญ่ทำให้ผู้คนมาใช้มัน คือมันให้ความรู้สึกถึงการเป็นชุมชน 673 00:36:18,761 --> 00:36:21,055 ฉันเคยใช้คำอุปมาถึงฝูงนกกิ้งโครง 674 00:36:21,138 --> 00:36:22,389 การที่มันบินกันเป็นฝูง 675 00:36:22,473 --> 00:36:23,349 เลี้ยวไปมาพร้อมกัน 676 00:36:23,432 --> 00:36:27,394 มันเกิดขึ้นได้เพราะนกแต่ละตัว สามารถมองเห็นนกเจ็ดตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด 677 00:36:27,895 --> 00:36:29,563 ดังนั้นพอนกตัวหนึ่งเปลี่ยนทิศทาง 678 00:36:29,647 --> 00:36:33,651 มันจึงเกิดผลกระทบเชื่อมโยงเป็นทอดๆ ที่อะไรๆ ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว 679 00:36:34,151 --> 00:36:37,404 แต่มันไม่รู้เลยว่าในฝูงที่เหลือทำอะไรอยู่ 680 00:36:37,488 --> 00:36:38,322 คุณเห็นบางอย่าง 681 00:36:38,405 --> 00:36:41,659 มันเข้ามาในฟีดของคุณ แล้วคุณก็กดไลก์ 682 00:36:41,742 --> 00:36:44,787 และคุณอาจจะไม่ทันคิดว่ามันมีผลกระทบ 683 00:36:44,870 --> 00:36:48,707 แต่เมื่อคุณเข้าไปกด เท่ากับคุณ กำลังป้อนข้อมูลสิ่งที่คุณสนใจเข้าไปมากขึ้น 684 00:36:48,791 --> 00:36:51,752 ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มต่อต้านวัคซีน คุณน่าจะชอบทฤษฎีเคมเทรล 685 00:36:51,835 --> 00:36:54,004 และถ้าคุณชอบเคมเทรล นี่ทฤษฎีโลกแบน 686 00:36:54,088 --> 00:36:58,550 ก็คือมันจะแนะนำนั่นนี่ออกมาเรื่อยๆ เพราะมันกำลังแย่งความสนใจจากคุณ 687 00:36:58,634 --> 00:37:01,303 แข่งกับแพลตฟอร์มอื่นที่ทำเหมือนๆ กัน 688 00:37:03,347 --> 00:37:07,059 ผมว่าสิ่งที่ผมทำพลาดไป คือการคิดว่าเวลาคนเข้าอินเทอร์เน็ต 689 00:37:07,142 --> 00:37:09,478 ส่วนใหญ่พวกเขาแค่ กำลังพยายามรวบรวมข้อเท็จจริง 690 00:37:09,561 --> 00:37:12,648 และข้อมูลผิดๆ มันจะมีน้อยกว่านี้ 691 00:37:12,731 --> 00:37:16,860 แต่พอเราเชื่อมต่อกับสิ่งต่างๆ ผ่านทางอินเทอร์เน็ต แม้แต่ตัวผมเอง 692 00:37:16,944 --> 00:37:19,113 ถ้ามีบทความนึงพาดหัวว่า 693 00:37:19,196 --> 00:37:23,492 "คนที่เห็นไม่ตรงกันกับคุณทางการเมือง โง่กว่าที่คุณคิดซะอีก" 694 00:37:23,575 --> 00:37:28,956 ผมอาจจะคลิกเข้าไปแล้วคิดว่า "จริงด้วย ใช่ พวกนั้นโง่จริงๆ ใช่" 695 00:37:29,832 --> 00:37:32,918 ผลจากเรื่องนั้น ผลของการแบ่งขั้วในสหรัฐฯ 696 00:37:33,002 --> 00:37:36,213 บทสนทนานี้เลยกลายเป็น การทะเลาะแบ่งฝักแบ่งฝ่ายรุนแรง 697 00:37:36,297 --> 00:37:38,340 เมื่อมันไปเกิดในระดับโลก 698 00:37:38,424 --> 00:37:39,466 (ไคโร อียิปต์) 699 00:37:39,550 --> 00:37:42,428 ในปี 2010 กลุ่มนักเคลื่อนไหวเริ่มตระหนัก 700 00:37:42,511 --> 00:37:45,347 ว่าอินเทอร์เน็ตคือเครื่องมือที่ทรงพลัง ในการจัดการชุมนุม 701 00:37:45,431 --> 00:37:48,100 ไม่มีที่ไหนเห็นได้ชัดเท่ากับอาหรับสปริงอีกแล้ว 702 00:37:50,894 --> 00:37:53,105 สิ่งนี้ปลุกให้รัฐบาลตื่น 703 00:37:53,188 --> 00:37:56,066 พวกเขาไม่คิดว่า นี่เป็นแค่คนคุยกันในอินเทอร์เน็ตอีกแล้ว 704 00:37:56,150 --> 00:37:57,443 มันโค่นล้มระบอบปกครองได้ 705 00:37:57,526 --> 00:38:01,155 สิ่งที่คุณเริ่มเห็นคือ รัฐบาลเอาอินเทอร์เน็ตเข้ามารวม 706 00:38:01,238 --> 00:38:03,574 อยู่ในเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อของพวกเขาด้วย 707 00:38:03,657 --> 00:38:06,827 ผมหมายถึงรัฐอิสลาม พวกเขาผลิตผลงานโฆษณาชวนเชื่อ 708 00:38:06,910 --> 00:38:08,829 ออกมาทุกวัน 709 00:38:09,496 --> 00:38:13,000 สิ่งที่ไอซิสทำอย่างเปิดเผย รัสเซียจะแอบๆ ทำ 710 00:38:13,083 --> 00:38:16,086 แล้วจู่ๆ เราก็มีสงครามที่ทุกฝ่ายสู้กันนัวไปหมด 711 00:38:16,170 --> 00:38:19,089 ที่กลุ่มความขัดแย้งต่างๆ สู้กันเพื่อแย่งความสนใจและผู้ที่เห็นด้วย 712 00:38:19,173 --> 00:38:21,425 ลามไปถึงสู้เพื่ออำนาจในโลกจริง 713 00:38:21,508 --> 00:38:26,055 เราเคยเห็นปฏิบัติการโน้มน้าวความคิด ที่ริเริ่มโดยซาอุดีอาระเบีย อียิปต์ อินเดีย 714 00:38:26,138 --> 00:38:28,807 ปากีสถาน จอร์แดน แล้วก็แหมนะ สหรัฐอเมริกา 715 00:38:28,891 --> 00:38:30,225 - สหรัฐอเมริกา - ใช่ไหม 716 00:38:30,893 --> 00:38:32,478 ไม่มีใครที่ไม่ทำ 717 00:38:32,561 --> 00:38:34,980 ไม่มีใครที่ไม่พยายามจะปั่นพื้นที่ข้อมูลของศัตรู 718 00:38:35,064 --> 00:38:38,400 อีกนั่นแหละ สิ่งนี้ผูกโยงกลับไปที่ แนวคิดเก่าแก่ของสงครามและการปกครอง 719 00:38:38,484 --> 00:38:41,570 ที่ถ้าคุณสามารถทำให้ คนกลุ่มเล็กๆ ในประเทศหนึ่งๆ ลุกขึ้นมา 720 00:38:41,653 --> 00:38:43,697 ต่อต้านคนกลุ่มหนึ่งในอีกประเทศหนึ่งได้ 721 00:38:43,781 --> 00:38:48,202 คุณจะสามารถสั่นคลอนศัตรูได้ โดยใช้แค่ความตึงเครียดที่มีอยู่จริง 722 00:38:48,285 --> 00:38:49,953 ที่มีอยู่แล้วภายในโลก 723 00:38:50,537 --> 00:38:54,333 ปัญหาเรื่องการบิดเบือนข้อมูลนี่ เหมือนถูกอัปสเตอรอยด์จริงๆ 724 00:38:54,416 --> 00:38:58,462 เพราะเราเจอข้อมูลไหลบ่าเข้าใส่จนท่วมหัว 725 00:38:58,545 --> 00:39:03,092 เราแทบไม่มีเวลาหรือพื้นที่ให้ไตร่ตรอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการตั้งใจคิดพิจารณาเลย 726 00:39:03,175 --> 00:39:06,929 ผลก็คือเราแค่ยอมรับอะไรก็ตามที่โถมเข้าใส่เรา 727 00:39:07,930 --> 00:39:10,474 และผมว่าคนสงสัยและกังขา 728 00:39:10,557 --> 00:39:14,395 โลกที่ถูกนำมาเสนอต่อพวกเขา แต่เราไม่มีทางเลือกอื่น 729 00:39:16,730 --> 00:39:19,608 สุดท้ายแล้ว นี่เป็นปัญหาสังคม 730 00:39:19,691 --> 00:39:22,736 และจำเป็นต้องมีกฎหมายและกฎระเบียบ 731 00:39:22,820 --> 00:39:25,823 ที่ผลักดันทางแก้ปัญหานี้ 732 00:39:27,032 --> 00:39:30,244 แน่นอนว่าประเทศต่างๆ จะจัดการกับเรื่องนี้ต่างกันไป 733 00:39:30,327 --> 00:39:33,539 แต่ในสหรัฐฯ มันซับซ้อนมากสุดๆ 734 00:39:34,373 --> 00:39:37,000 ผมได้ยินคุณพูดถึงการปฏิรูปที่คุณทำ 735 00:39:37,084 --> 00:39:39,420 แต่ผมไม่คิดว่าคุณจะแก้ปัญหาได้ 736 00:39:39,503 --> 00:39:41,797 ผมคิดว่าสภาจำเป็นจะต้องช่วยคุณ 737 00:39:42,423 --> 00:39:48,220 เราไว้ใจเมตาไม่ได้อีกแล้ว และบอกตามตรง โซเชียลมีเดียอื่นๆ ก็ด้วย 738 00:39:48,303 --> 00:39:52,724 ที่จะเป็นผู้ให้เครื่องป้องกัน ที่เด็กและพ่อแม่สมควรได้รับ 739 00:39:52,808 --> 00:39:57,938 คุณซักเคอร์เบิร์ก ทำไมบริษัทคุณถึงไม่ควรโดนฟ้องเพราะเรื่องนี้ 740 00:39:58,522 --> 00:40:00,107 คุณควรต้องรับผิดชอบไม่ใช่เหรอ 741 00:40:00,190 --> 00:40:02,776 ท่านส.ว. ผมคิดว่า ผมได้ตอบคำถามนี้ไปแล้ว นี่คือ… 742 00:40:02,860 --> 00:40:05,529 งั้นก็ตอบอีกครั้ง ส่วนตัวคุณเองจะรับผิดชอบไหม 743 00:40:05,612 --> 00:40:07,448 วันนี้มีครอบครัวของเหยื่ออยู่ที่นี่ 744 00:40:07,531 --> 00:40:11,618 คุณอยากจะขอโทษต่อผู้ที่ได้รับอันตราย จากโพสต์ของคุณตอนนี้เลยไหม 745 00:40:11,702 --> 00:40:13,078 เอารูปให้เขาดู 746 00:40:14,037 --> 00:40:17,624 เราจะคาดหวังให้พวกเขารับผิดชอบ ให้ออกกฎมาควบคุมตัวเองไม่ได้ 747 00:40:17,708 --> 00:40:20,919 เราต้องปรับโครงสร้างกลไกทั้งหมด 748 00:40:21,003 --> 00:40:23,505 ที่บริษัทเทคโนโลยีพวกนี้ดำเนินการอยู่ 749 00:40:23,589 --> 00:40:27,092 เพื่อให้แน่ใจว่าผู้คนได้รับการคุ้มครองจริงๆ 750 00:40:27,176 --> 00:40:30,220 โดยเฉพาะพวกที่มีความเสี่ยงที่สุด ในสังคมของเรา 751 00:40:30,304 --> 00:40:35,100 ผมเชื่อในการกระจายอำนาจ ขอบเขตการควบคุมเนื้อหา 752 00:40:35,184 --> 00:40:37,644 ให้ผู้ใช้เป็นผู้ควบคุมมากขึ้น 753 00:40:37,728 --> 00:40:41,773 มากกว่าการให้มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก หรือคนอื่นเป็นผู้ตัดสินใจ 754 00:40:41,857 --> 00:40:42,941 ว่าเหล่านี้คือนโยบาย 755 00:40:43,025 --> 00:40:45,277 แล้วจากนั้นก็ไปบังคับใช้กับคนสองพันล้านคน 756 00:40:45,360 --> 00:40:49,323 อินเทอร์เน็ตรับเงินจากผู้เสียภาษี แต่พวกเขาเอาสิ่งที่เราจ่ายให้ไป 757 00:40:49,406 --> 00:40:52,659 แล้วก็มาตัดสินใจสิ่งที่มีผลต่อสังคม 758 00:40:52,743 --> 00:40:54,369 ที่ก่อให้เกิดผลกระทบ 759 00:40:54,453 --> 00:40:58,081 ไม่ว่าจะเป็นการเสพติด การต่อต้านหรือการขยายให้รุนแรงขึ้น 760 00:40:58,165 --> 00:41:00,334 แต่กลับไม่ต้องรับผิดชอบอะไร 761 00:41:00,417 --> 00:41:03,462 เราไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่เลย ศูนย์ 762 00:41:06,256 --> 00:41:10,260 ฉันคิดว่าการบิดเบือนข้อมูล ถูกทำให้เป็นสิ่งถาวรโดยเราทุกคน 763 00:41:10,344 --> 00:41:11,428 ถูกที่สุดเลย 764 00:41:11,512 --> 00:41:15,307 ฉันว่ามันไม่ใช่สิ่งที่จะโทษแค่โซเชียลมีเดีย 765 00:41:15,390 --> 00:41:18,435 ที่ไม่คอยดูแลว่า พวกเขาต้องมีการดำเนินการที่ดีกว่านี้ 766 00:41:18,519 --> 00:41:22,272 ฉันว่าเราเองก็ต้องรักษามาตรฐาน 767 00:41:22,356 --> 00:41:25,776 ของสิ่งที่เรายินดีจะให้มันอยู่อย่างถาวร บนแพลตฟอร์มของเราเอง 768 00:41:25,859 --> 00:41:27,945 เราทำให้มันง่ายมาก 769 00:41:29,238 --> 00:41:31,114 ในการจะโพสต์อะไรก็ได้ 770 00:41:31,198 --> 00:41:36,828 มีบางคนที่อยู่ในสนามเด็กเล่น ที่ทำตัวหยาบคายและน่ารังเกียจ 771 00:41:37,412 --> 00:41:40,624 แล้วมีเด็กหลายสิบคนได้ยินเข้า ซึ่งไม่ดีเลย 772 00:41:41,208 --> 00:41:43,001 แต่หวังว่าเมื่อพวกเขาโตไปจะเข้าใจ 773 00:41:43,085 --> 00:41:45,629 แต่คุณนั่งอยู่ในบ้านของตัวเอง 774 00:41:45,712 --> 00:41:49,967 และเกิดมีใครมาสงสัยค่านิยมที่คุณยึดถือ 775 00:41:50,050 --> 00:41:52,553 คุณก็แค่นั่งตรงนั้นแล้วก็พิมพ์ 776 00:41:53,095 --> 00:41:56,848 จากนั้นระบบก็รับเอาสิ่งนั้นไป และมันไม่ใช่แค่สนามเด็กเล่นอีกแล้ว 777 00:41:56,932 --> 00:41:58,517 นั่นคือคนเป็นล้านๆ คน 778 00:41:59,101 --> 00:42:01,562 ดังนั้นการจะโทษคนแต่ละคนมันยาก 779 00:42:01,645 --> 00:42:05,524 เพราะมันคือธรรมชาติของมนุษย์ แค่มันขยายกระจายไปเป็นวงกว้าง 780 00:42:07,150 --> 00:42:09,695 พอฉันได้ยินคุณพูดถึงสนามเด็กเล่น 781 00:42:09,778 --> 00:42:11,530 สิ่งที่ฉันคิดขึ้นทันทีคือ 782 00:42:11,613 --> 00:42:15,784 ถ้ามีคนอยู่ในสนามเด็กเล่นเยอะๆ ที่ตะโกนใส่กันพร้อมๆ กัน 783 00:42:15,867 --> 00:42:18,245 ฉันรู้สึกว่าอาจมีคนที่ทำให้มันสงบลงได้ 784 00:42:18,328 --> 00:42:19,329 ใช่ คุณพูดถูกที่สุด 785 00:42:19,413 --> 00:42:22,374 ที่สนามเด็กเล่น ถ้าเรื่องมันเลยเถิดเกินควบคุม 786 00:42:22,457 --> 00:42:25,043 มักจะมีผู้ใหญ่คนหนึ่งโผล่มา 787 00:42:25,127 --> 00:42:29,756 และแม้แต่ตอนที่คุณโจมตีใครสักคน ที่สนามเด็กเล่น คุณจะเห็นหน้าพวกเขา 788 00:42:29,840 --> 00:42:32,843 บางทีพวกเขาอาจจะร้องไห้ หรืออาจจะวิ่งหนีไป 789 00:42:32,926 --> 00:42:37,306 แล้วคุณก็แบบ "ฉันตั้งใจไว้แบบนั้นเหรอ ฉันทำให้คนคนนั้นรู้สึกแย่" 790 00:42:37,389 --> 00:42:41,143 ในขณะที่เวลาคุณนั่งพิมพ์ และคุณรู้สึกว่าตัวเองฉลาดมาก 791 00:42:41,226 --> 00:42:45,897 คุณไม่เห็นปฏิกิริยาของมนุษย์ ที่จะทำให้คุณคิดทบทวนอีกครั้ง 792 00:42:48,442 --> 00:42:52,446 สมมติว่าลูกอยากเข้าใจคนที่มีมุมมองต่างกัน 793 00:42:52,529 --> 00:42:55,574 มีวิธีไหนไหมที่ลูกจะทำให้ ผู้คนได้รับรู้ในวงที่กว้างขึ้น 794 00:42:55,657 --> 00:42:58,577 ค่ะ หนูว่าที่แน่ๆ คือพ่อต้องตั้งใจค้นหามัน 795 00:42:58,660 --> 00:43:02,623 ถ้าอยากได้ความเห็นของอีกฝั่ง พ่อต้องตั้งใจค้นหามัน 796 00:43:02,706 --> 00:43:05,208 เพราะอัลกอริทึมคำนวณจากมุมมองของพ่อ 797 00:43:05,292 --> 00:43:07,169 หรือจากเนื้อหาที่พ่อเข้าไปดูมากที่สุด 798 00:43:07,252 --> 00:43:10,172 เราแค่ต้องระวังให้มากยิ่งขึ้นว่าอันไหนจริง 799 00:43:10,255 --> 00:43:11,632 และอะไรที่ไม่จริง 800 00:43:11,715 --> 00:43:15,344 ใช่ นานๆ ทีพ่อก็อยากจะฟังนะ 801 00:43:15,427 --> 00:43:17,804 ว่าพวกฝ่ายขวาที่มีเหตุมีผล 802 00:43:17,888 --> 00:43:21,808 ทำไมความคิดเขาถึงต่างจากเรา แล้วเขาเข้าใจมุมมองของเรายังไง 803 00:43:21,892 --> 00:43:23,894 - พ่ออยากใส่มันลงไปในธีมของลูก - เหมือนกัน 804 00:43:23,977 --> 00:43:25,854 พ่อเป็นพวกอยากดึงคนให้มาอยู่กลางๆ 805 00:43:25,937 --> 00:43:28,273 นั่นละการปรับอัลกอริทึมถึงสำคัญมาก 806 00:43:28,357 --> 00:43:31,526 ถ้าหนูพูดกับมันได้ว่า "นี่ วันนี้ฉันอยากเห็นเนื้อหาจากทั้งสองฝ่าย" 807 00:43:31,610 --> 00:43:32,986 "อย่าเหมาว่าฉันเป็นฝ่ายซ้าย" 808 00:43:33,070 --> 00:43:35,280 หนูอยากจะสามารถปรับอัลกอริทึมให้แบบ 809 00:43:35,364 --> 00:43:37,616 "วันนี้ฉันไม่อยากดูไอ้นี่ ฉันอยากดูไอ้นี่" 810 00:43:37,699 --> 00:43:40,577 ถ้าหนูลองเล่นได้แบบนั้นจริงคงจะสนุกน่าดู 811 00:43:42,954 --> 00:43:46,416 ดังนั้นตอนนี้ปัญหาของโซเชียลมีเดียคือ 812 00:43:46,500 --> 00:43:50,962 เรากำลังทำลายความเชื่อใจในสังคม ไปอย่างกว้างขวางขึ้น 813 00:43:51,630 --> 00:43:55,967 และเมื่อคุณทำลายความเชื่อใจไปแล้ว คุณต้องแทนที่มันด้วยอย่างอื่น 814 00:43:56,051 --> 00:43:58,637 คุณจะเอาแต่ทำตัวขี้สงสัยต่อไปไม่ได้ 815 00:43:58,720 --> 00:44:01,431 เพราะความระแวงสงสัยไม่ได้ก่อให้เกิดความรู้ 816 00:44:01,515 --> 00:44:06,645 ถ้าแบบว่าหลักฐานเดียวของคุณคือ สิ่งที่คุณคิดว่าคุณรู้หรือไม่รู้ 817 00:44:06,728 --> 00:44:10,524 คุณจะไปต่อจากตรงนั้นไม่ได้เลย มันไม่นำพาคุณไปทางไหนเลย 818 00:44:10,607 --> 00:44:13,610 มันจะไม่ใช่การสมคบคิดอีกต่อไป เมื่อเราทำการศึกษามัน 819 00:44:13,694 --> 00:44:15,737 คุณพยายามจะจับผิดเรา เพราะคุณนั่นแหละที่ผิด 820 00:44:15,821 --> 00:44:18,073 คุณเลยพยายามทำให้เราดูแย่ แต่ที่จริงคุณนั่นแหละเลว 821 00:44:18,156 --> 00:44:20,701 ผมไม่ได้ยินคุณพูด เพราะคุณใส่หน้ากากงี่เง่านั่น 822 00:44:21,660 --> 00:44:25,497 ตอนนี้เราจะเห็นการสมคบคิดแบบที่ไม่มีทฤษฎี 823 00:44:25,580 --> 00:44:28,250 แทบจะมาแทนที่ทฤษฎีสมคบคิดจริงๆ แล้ว 824 00:44:28,333 --> 00:44:30,752 พวกเขาต่อต้านเรา 825 00:44:30,836 --> 00:44:33,880 ทฤษฎีว่าทำไม พวกเขาถึงไม่อยากให้เรารู้หายไปหมด 826 00:44:33,964 --> 00:44:37,718 เหตุผลที่ทำไม "พวกเขา" ทำแบบนี้ ไม่มีการมาถกกันด้วยซ้ำ 827 00:44:38,218 --> 00:44:40,762 ผมว่าตอนนี้เรากำลังใกล้จะถึงจุดแล้ว 828 00:44:40,846 --> 00:44:42,472 จุดที่พวกเราหลายคนเริ่มรับรู้ 829 00:44:42,556 --> 00:44:46,393 ว่าระบบปัจจุบันนี้มันกำลังจะทำเราสำลัก 830 00:44:46,476 --> 00:44:50,522 มันแยกเราออกจากคนอื่น มันกำลังทำให้เราแตกกัน มันกำลังทำให้เราบ้า 831 00:44:50,605 --> 00:44:55,235 บิล เกตส์คิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า ควบคุมระบบสุริยะนี้ 832 00:44:55,318 --> 00:44:59,489 และนั่นคือเหตุผลที่บิล เกตส์สนับสนุน สิ่งที่เรียกว่าเทคโนโลยีหรี่แสงดวงอาทิตย์ 833 00:44:59,573 --> 00:45:04,661 ขอบคุณ บิล เกตส์ ที่พยายามหลอกเราว่านี่คือหิมะจริงๆ 834 00:45:04,745 --> 00:45:05,996 หิมะจริงต้องละลาย 835 00:45:09,291 --> 00:45:10,625 เราจะไปทำอะไรได้ 836 00:45:10,709 --> 00:45:13,086 ผมปล่อยให้มันมากวนใจผมไม่ได้ 837 00:45:13,170 --> 00:45:18,216 ที่บางคนมีมุมมองด้านลบสุดๆ ต่องานของผม 838 00:45:18,300 --> 00:45:23,221 แต่ผมต้องการการยอมรับในระดับหนึ่ง เพื่อจะร่วมมือกับรัฐบาล 839 00:45:23,305 --> 00:45:26,683 และนักการกุศลอื่นๆ เชิญนักวิทยาศาสตร์เก่งๆ มาร่วมงาน 840 00:45:26,767 --> 00:45:31,188 ดังนั้นอะไรก็ตามที่เริ่มบ่อนทำลาย ความเข้าใจในสิ่งที่เราเป็น 841 00:45:31,271 --> 00:45:33,648 สิ่งที่เราทำสำเร็จ นั่นคือปัญหา 842 00:45:34,191 --> 00:45:36,651 คุณคิดว่าตอนนี้เรากำลังเข้าสู่ยุคสมัย 843 00:45:36,735 --> 00:45:40,781 ที่เป็นไปได้ที่จะนำมนุษยชาติ กลับเข้ารูปเข้ารอยไหมคะ 844 00:45:41,364 --> 00:45:44,951 ผมเชื่ออย่างนั้น แต่ส่วนหนึ่งไม่ใช่ว่าเพราะผมมีแผนอะไร 845 00:45:45,035 --> 00:45:46,161 ไม่เอาน่า บิล 846 00:45:47,245 --> 00:45:49,998 จริงนะ บางครั้งผมก็… ข้ออ้างที่ติดปากผมที่สุดก็คือ 847 00:45:50,081 --> 00:45:52,250 "นี่ คนรุ่นผมทำอะไรมาเยอะมาก 848 00:45:52,334 --> 00:45:55,962 แต่เราก็มีทิ้งเรื่องยุ่งๆ ไว้ให้คนรุ่นหลังอยู่บ้าง" 849 00:45:56,046 --> 00:45:58,548 เรามีการแบ่งขั้วในโลกดิจิทัล 850 00:45:58,632 --> 00:46:01,676 ที่มันดันใหญ่กว่าโอกาสในการเข้าถึงข้อมูล 851 00:46:01,760 --> 00:46:06,473 และ นี่ คนหนุ่มสาวทั้งหลาย ตั้งกฎขึ้นมาใหม่ซะ 852 00:46:06,556 --> 00:46:07,390 ใช่ค่ะ 853 00:46:07,474 --> 00:46:11,436 หรือแข่งขันเพื่อความเป็นเลิศสิ ไม่ใช่แข่งกันวิกลจริต 854 00:46:12,020 --> 00:46:16,107 แต่ผมรู้สึกแย่ที่ผมไม่มีทางออกให้ปัญหานี้ 855 00:46:18,318 --> 00:46:22,239 สำหรับนักเรียนในห้องนี้ ในฐานะที่ส่วนใหญ่เป็นคนเจนแซด 856 00:46:22,322 --> 00:46:26,159 พวกคุณคิดว่ามีช่องว่างระหว่างรุ่น ในเรื่องการบิดเบือนข้อมูลนี่ไหม 857 00:46:26,243 --> 00:46:29,287 ฉันจะไม่พูดว่าคนอายุน้อยกว่าทำได้ดีกว่าแน่ๆ 858 00:46:29,371 --> 00:46:33,792 ที่จริงฉันคิดว่าคนรุ่นใหม่ตอนนี้ มีแรงจูงใจทางสังคม 859 00:46:33,875 --> 00:46:34,960 ที่จะแชร์ทัศนคติ 860 00:46:35,043 --> 00:46:37,504 ดังนั้นในขณะที่ฉันคิดว่าคนรุ่นก่อน อาจจะเห็นบางอย่าง 861 00:46:37,587 --> 00:46:39,965 แล้วรู้สึกโกรธ และพวกเขาเลยคิดจะแชร์มัน 862 00:46:40,048 --> 00:46:43,093 แต่คนที่อายุน้อยกว่ากลับถูกจูงใจให้แชร์ 863 00:46:43,176 --> 00:46:44,469 และชอบทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญ 864 00:46:44,553 --> 00:46:47,556 ฉันเลยคิดว่าแบบนั้นน่าจะอันตรายกว่า 865 00:46:47,639 --> 00:46:50,016 ครับ ผมสงสัยว่าอะไรที่ขึ้นมาในฟีดของผม 866 00:46:50,100 --> 00:46:52,644 ผมรู้ว่าผมจะถูกปั่นให้เชื่อไม่ได้ 867 00:46:52,727 --> 00:46:56,022 ด้วยความมั่นใจแบบนั้น เราก็จะแบบว่า เข้าไปในอัลกอริทึมพวกนี้แล้วแบบ 868 00:46:56,106 --> 00:46:58,275 "อือ ขออีก เล่าเรื่องนี้ๆ มาอีก" 869 00:46:58,358 --> 00:47:00,819 ผมจะเลื่อนไปเรื่อยๆ เพราะผมจะไม่ยอมถูกปั่นหัว 870 00:47:00,902 --> 00:47:03,405 น้องสาวคนเล็กของฉันเด็กกว่าฉันเกือบเก้าปี 871 00:47:03,488 --> 00:47:05,740 เธออายุ 20 ปี เธอเป็นคนเจนแซดมาก 872 00:47:05,824 --> 00:47:08,451 ขนาดอายุห่างกันแค่นี้ ฉันยังเห็นว่าเราแตกต่างกันมากๆ 873 00:47:11,037 --> 00:47:13,081 พ่อตกยุคเร็วมาก 874 00:47:13,164 --> 00:47:17,252 อย่างเช่น เฟซบุ๊ก พ่อว่าก็ไม่เห็นมีอะไร 875 00:47:17,335 --> 00:47:19,671 - ลูกล่ะว่าไง - ไม่ค่ะ หนูไม่เล่นเฟซบุ๊ก 876 00:47:19,754 --> 00:47:23,216 ปกติลูกมีกี่ไอดีในระบบ 877 00:47:24,175 --> 00:47:25,218 มีอะไรเท่าไหร่นะคะ 878 00:47:25,302 --> 00:47:28,138 ลูกมีหลายตัวตนอยู่ในระบบเดียวกันหรือเปล่า 879 00:47:28,221 --> 00:47:30,473 พ่อหมายถึงบัญชีน่ะเหรอ ใช่ค่ะ หนูมี 880 00:47:30,557 --> 00:47:32,517 ปกติเราจะมีบัญชีสาธารณะหลัก 881 00:47:32,601 --> 00:47:35,687 แล้วก็จะมีบัญชีสแปม ไว้โพสต์โน่นนี่นั่นให้เพื่อนสนิทดู 882 00:47:35,770 --> 00:47:38,023 ที่ไว้โพสต์อะไรสนุกๆ ขำๆ 883 00:47:38,106 --> 00:47:42,444 ใช่ พ่อเข้าใจลูก แต่พ่อเป็นคนจริงจัง 884 00:47:42,527 --> 00:47:46,990 ถ้างั้นพ่อจะรักษาตัวตนที่จริงจังนี้ไว้ โดยไม่เป็นคนน่าเบื่อได้ยังไง 885 00:47:47,073 --> 00:47:48,366 หนูว่าคนอยากเห็น 886 00:47:48,450 --> 00:47:51,036 ว่าคนที่แตกต่างจากพวกเขา ใช้ชีวิตประจำวันยังไง 887 00:47:51,119 --> 00:47:53,705 หนูเข้าใจว่ามีบ่อยครั้งมาก ที่เวลาคนเข้ามาในเพจของหนู 888 00:47:53,788 --> 00:47:57,500 พวกเขาเข้ามาเพราะนามสกุลหนู หรือสนใจในครอบครัวเรา 889 00:47:57,584 --> 00:48:01,713 แต่หนูก็สามารถจะใส่อะไรต่อมิอะไร เข้าไปได้ด้วย บ่อยครั้งที่เป็นรูปหน้าหนู 890 00:48:01,796 --> 00:48:04,758 หรือเวลาที่หนูโชว์เนื้อหนัง หนูได้ไลก์เยอะขึ้น แต่หนูสามารถใส่… 891 00:48:04,841 --> 00:48:08,094 จริงนะ แต่หนูก็สามารถใส่พวกเรื่อง อนามัยการเจริญพันธุ์แทรกไปได้ด้วย 892 00:48:08,178 --> 00:48:11,139 แล้วคนก็จะได้เรียนรู้เนื้อหาพวกนั้นไปด้วย 893 00:48:11,222 --> 00:48:13,183 และเพราะหนูทำงานนี้เยอะมาก 894 00:48:13,266 --> 00:48:15,810 อย่างเผยแพร่ข้อมูล เรื่องความเป็นธรรมทางการเจริญพันธุ์ 895 00:48:15,894 --> 00:48:18,229 หรือร่างกายของผู้หญิง ผู้หญิงควรมีสิทธิ์ตัดสินใจ 896 00:48:18,313 --> 00:48:20,941 หนูเห็นด้วยซ้ำ ว่าปริมาณคนด่าหนูในอินเทอร์เน็ตเยอะขึ้น 897 00:48:21,024 --> 00:48:22,525 เพราะหนูมีผู้ติดตามเยอะขึ้น 898 00:48:22,609 --> 00:48:27,447 ลูกเลือกใช้โซเชียลมีเดีย เพื่อให้ความรู้และกระตุ้น 899 00:48:27,530 --> 00:48:30,533 ใช่ค่ะ ดังนั้นมันคือเส้นบางๆ ระหว่างการทำตัวให้มีเสน่ห์ 900 00:48:30,617 --> 00:48:32,619 แล้วแอบหยอดเป้าหมายจริงของเราเข้าไป 901 00:48:32,702 --> 00:48:35,413 โอเค นี่คือตัวเลขนะ นี่วิทยาศาสตร์ นี่ข้อเท็จจริงนะ 902 00:48:35,497 --> 00:48:38,541 ก็แค่วิดีโอไลฟ์สตรีมที่พ่อนั่งคุยโน่นนี่ให้คนฟัง 903 00:48:38,625 --> 00:48:40,001 หนูว่าคงจะเจ๋งมาก 904 00:48:40,085 --> 00:48:40,919 โอเค 905 00:48:41,002 --> 00:48:44,214 - แล้วก็ส่งข้อความ อย่าส่งอีเมลหาหนู - อีเมลมันผิดตรงไหน 906 00:48:44,297 --> 00:48:47,050 ไม่มีใครเขาใช้อีเมลคุยกันแล้วค่ะพ่อ 907 00:48:47,133 --> 00:48:50,220 - สี่สิบปีก่อน เราทำแบบนั้นเยอะมาก - หนูรู้ค่ะ 908 00:48:50,303 --> 00:48:53,556 แต่ไม่ใช่ปีนี้ และไม่ใช่ในอนาคตแน่นอนที่สุด 909 00:48:56,685 --> 00:48:57,894 - คุณโอเคมั้ย - ค่ะ 910 00:48:58,395 --> 00:49:00,397 เสร็จแล้วครับ ขอบคุณ 911 00:49:01,815 --> 00:49:04,234 จะให้ฉันทำยังไง ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปเหรอ 912 00:49:04,317 --> 00:49:05,944 - ขอบคุณ - ขอบคุณ 913 00:49:06,569 --> 00:49:12,409 ความปรารถนาของมนุษย์ที่จะอยู่ร่วมกัน และคิดถึงประเทศหรือโลก 914 00:49:12,492 --> 00:49:17,706 แทนที่จะแบ่งเขาแบ่งเรา ทั้งที่อยู่ประเทศเดียวกัน มันคือความท้าทาย 915 00:49:18,707 --> 00:49:21,251 การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เป็นแค่ตัวอย่างหนึ่ง 916 00:49:21,334 --> 00:49:23,795 ของสิ่งที่เราต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา 917 00:49:23,878 --> 00:49:27,507 แต่ตอนนี้ด้วยข้อมูลผิดๆ การจะเป็นสังคมเช่นที่ว่ามาจึงเป็นไปได้ยาก 918 00:49:28,258 --> 00:49:32,804 แต่ผมหวังจริงๆ ว่าเราจะลดขนาด ความเสียหายจากการให้ข้อมูลผิดๆ 919 00:49:32,887 --> 00:49:36,057 และพัฒนาความเป็นมนุษย์ต่อไปได้ 920 00:49:37,017 --> 00:49:39,060 ผมจะพูดว่ามีบางอย่างที่คุณทำได้ 921 00:49:39,144 --> 00:49:42,856 ที่จะทำตัวงี่เง่ากับคนที่คุณไม่เห็นด้วยให้น้อยลงได้ 922 00:49:42,939 --> 00:49:44,315 หนึ่ง อ่านหนังสือ 923 00:49:44,399 --> 00:49:47,986 นั่งคิดอะไรของคุณไปสักพัก อ่านว่าคนอื่นคิดอะไรไปสักพัก 924 00:49:48,069 --> 00:49:50,321 สอง เดินทาง ที่ไหนก็ได้ 925 00:49:50,405 --> 00:49:52,657 ไปหาประสบการณ์อื่นๆ บ้าง จะแค่แถวบ้านก็ยังดี 926 00:49:52,741 --> 00:49:55,076 และสาม ยอมรับบางอย่าง 927 00:49:55,160 --> 00:49:58,496 อยากรู้ไหมว่าผมชอบอะไรในตัวคน เมื่อพวกเขาคิดว่าผมพูดถูก 928 00:49:58,580 --> 00:50:01,291 และเมื่อพวกเขายอมรับความเจ็บใจ ที่ว่าพวกเขาอาจคิดผิดได้ 929 00:50:01,374 --> 00:50:04,502 และผมคิดว่าเราไม่เคยมีบทสนทนา ที่มีการยอมให้กันเลย 930 00:50:04,586 --> 00:50:06,880 ถ้าเราสามารถสร้างมนุษย์ที่แข็งแรงพอจะพูดว่า 931 00:50:06,963 --> 00:50:09,215 "ฉันว่าเรื่องนี้ฉันอาจจะคิดผิด" 932 00:50:10,008 --> 00:50:11,384 แสงแห่งความหวังเลย 933 00:50:46,503 --> 00:50:48,463 คำบรรยายโดย วราภรณ์ วราสภานนท์